สุขจากการแสวงหาความสำเร็จ
เราสามารถแสวงหาความสุขขณะที่เดินก้าวไปสู่ความสำเร็จได้
 
 เรื่อง : พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑฺโฒ)
จากรายการทันโลกทันธรรม ออกอากาศทางช่อง GBN
 
 
 
วิธีการสร้างความสำเร็จและความสุขไปพร้อมพร้อมกัน
 
          1.ไม่ควรโฟกัสที่เงินเพียงอย่างเดียว แม้ว่าเงินสามารถเปลี่ยนเป็นสิ่งของ ยกระดับสภาพความเป็นอยู่ต่างๆได้ แต่ทุกวันนี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่มุ่งไปเรื่องของเงินอย่างเดียวจนกระทั่งอาจจะลืมไปว่าชีวิตยังมีมุมอื่น ยังมีความสุขที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงินตราและก็พลาดโอกาสสำคัญในชีวิตไป มีสิ่งต่างๆได้ดีรอบตัวเรามากมาย นอกเหนือจากเงินลองโฟกัสให้ถูกที่ แล้วจะเห็นความสุข 


 
          2.การพัฒนาเพิ่มพูนทักษะในตัว ใครก็ตามที่มีทักษะมากกว่าผู้อื่น ย่อมมีโอกาสที่จะทำให้โอกาสแสวงหาทรัพย์ได้ง่าย และทรัพย์จะไหลมามากขึ้น เพราะฉะนั้นศาสตร์ความรู้ต่างๆ เมื่อมาผสมผสานกันแล้วจะทำให้ทำงานได้ดีขึ้น มีการเพิ่มโอกาสที่จะทำให้แสวงหาทรัพย์ต่างๆได้มากขึ้น นอกจากนี้แล้ว ความรู้และทักษะต่างๆ ยังเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง แล้วก็เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้อื่น ทำให้เกิดความก้าวหน้า และชีวิตเองมีความสุข เพราะฉะนั้นจึงหยุดนิ่งไม่ได้เลย โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันโลกกำลังจะเปลี่ยนเป็นยุค 4.0 ทุกอย่างก็จะเข้าไปสู่โทรศัพท์มือถือสัญญาณดิจิตอล ถ้าได้เรียนรู้ศึกษาก็มีโอกาสมากขึ้นกว่าคนอื่นที่อาจจะเข้าไปมีส่วนในการที่จะอาจจะไปอยู่การตลาดแนวใหม่ หรือว่าการเข้าสู่ผู้บริโภคแนวใหม่ซึ่งสื่อแบบเก่าๆ ก็จะใช้ไม่ได้อีกต่อไป

 
          3.การพัฒนาความสัมพันธ์และมิตรภาพที่ดี เมื่อมีจุดมุ่งหมายก็มักจดจ่อกับเรื่องนั้นอย่างเต็มที่ จึงเผลอไปลดสัมพันธภาพกับผู้อื่นเพราะไปจดจ่อความสำเร็จ มุ่งมั่นจะเอาให้ได้ จนลืมเรื่องความสัมพันธ์ บางคนจึงขาดความสุขในชีวิตไป เพราะสัมพันธภาพที่ไม่ดี ทั้งกับครอบครัว ผู้ร่วมงาน เป็นต้น หากมุ่งมั่นความสำเร็จจนกระทั่งประสบความสำเร็จแต่ไม่มีใครมาฉลองความสำเร็จของเราเลยชีวิตจะมีความสุขหรือไม่

 
          มีงานวิจัยของฮาร์วาร์ดว่า อะไรที่ทำให้ได้ชีวิตที่ดีทั้งเรื่องสุขภาพ เรื่องการงาน ชีวิตส่วนตัวซึ่งเป็นงานวิจัยยาวนานถึง 70 ปี แบ่งกลุ่มเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่เป็นเด็กฮาร์วาร์ด คือมีสิ่งแวดล้อมดี การศึกษาดี ฐานะทางครอบครัวก็ดีมาก กับเด็กทั่วไปที่อยู่แถวนั้นซึ่งอาจมีฐานะต่ำกว่าการศึกษาไม่ดี การวิจัยนี้ติดตามเด็ก 2 กลุ่มนี้ไปจนกระทั่งอายุมาก โดยติดตามดูครอบครัว ดูสุขภาพจากสิ่งต่างๆในชีวิต แล้วการพูดคุยกับคนที่อยู่รอบข้างเขาด้วย หน้าที่การงาน การใช้ชีวิตเป็นต้น บทสรุป คือคนพิเศษในชีวิตที่ดี คือมีสุขภาพดี มีจิตใจดี มีความสุขในชีวิต เรียกว่ามีชีวิตที่สงบและมีความสุขภาพดีด้วย มีความสัมพันธ์ที่ดีโดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฐานะ ไม่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จในหน้าที่การงาน ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัยอย่างอื่น นอกจากมีสัมพันธภาพที่ดีในบุคคลรอบข้าง

 
          4.ค้นหาประสบการณ์ใหม่ ในการแพ็คกระเป๋าออกเดินทาง การออกเดินทางเป็นการพาตัวเราออกไปจากที่จะกิจวัตรเดิมๆที่ทำอยู่ ทำให้ความเครียดลดลง ตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากบ้าน เพราะฉะนั้นการแพ็คกระเป๋าเดินทางออกไปแล้ว ก็เท่ากับว่าไปเพิ่มพูนในสิ่งแปลกใหม่ในชีวิต ได้เจอกับผู้คน สถานที่ สิ่งต่างๆที่แตกต่างออกไป ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ เมื่อกลับมาก็จะมีพลังงานมากขึ้นเหมือนไปชาร์จแบตเตอรี่มา เรียกว่ามีทั้งกำลังใจกำลังสติปัญญา 

 
          5.การที่เราจะมีความสุขได้ เราจะต้องส่งต่อความสุขให้คนอื่นได้ คือตัวเราต้องมีความสุขก่อนนั่นเอง ถ้าเราส่งต่อความสุขได้จะเป็นการการันตีว่า ตัวเองมีความสุข

          วิธีการส่งต่อได้หลายทาง เช่น การบำเพ็ญประโยชน์ในที่ต่างๆ เป็นวิทยากรให้ความรู้ การจัดกิจกรรม หรือการไปช่วยเหลือเด็ก เป็นการแสดงความเป็นผู้ให้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทุนการศึกษา เรื่องจิตอาสา การบริจาค เหล่านี้ล้วนถือว่าเป็นการส่งต่อความสุข
 

          6.การรู้จักบริหารอารมณ์ คือมีการใช้สติปัญญาเข้าควบคุมอารมณ์ของตัวเอง แล้วเข้าไปบริหารจัดการในกรณีที่มีอารมณ์ของผู้อื่นร่วมด้วย เท่ากับว่าสามารถควบคุมการแสดงออกของตัวเอง ขณะเดียวกันความเข้าใจพฤติกรรมของผู้อื่น เมื่อเข้าใจแบบนี้แล้ว ก็สามารถอยู่กับสิ่งแวดล้อมต่างๆ อย่างมีความสุข เพราะตัวเราเองก็ไม่แสดงออกทางอารมณ์ในทางตำหนิผู้อื่นขณะที่ผู้อื่นมีปฏิกิริยาทางอารมณ์ออกมา เราก็เกิดความเข้าใจ

ทันธรรม...โดย พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ
 

          สุขจากการแสวงหาความสำเร็จ ในพระพุทธศาสนา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ตรัสไว้ว่า 
 
“บุคคลใดไม่คำนึงถึงหนาวร้อน อดทนให้เหมือนหญ้า 
กระทำกิจที่ควรทำด้วย เรี่ยวแรงของลูกผู้ชาย บุคคลผู้นั้นย่อมไม่เสื่อมจากสุข”
 
          ไม่คำนึงถึงหนาวร้อนคือ ไม่ว่าจะหนาวจะร้อนก็สู้อดทนให้เหมือนหญ้า ใครจะเหยียบจะย่ำ ก็ยังอยู่ได้ ก็ยังงอกขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ แล้วกระทำกิจที่ควรทำด้วยเรี่ยวแรงของลูกผู้ชาย บุคคลผู้นั้นย่อมไม่เสื่อมจากสุข แสดงว่าพระองค์บอกให้ทำในสิ่งที่ควรทำ ทำสิ่งนั้นเต็มที่ โดยไม่กลัวหนาวไม่กลัวร้อนไม่กลัวการกระทบกระทั่ง แล้วเดินหน้าทำสิ่งที่ควรทำด้วยเรี่ยวแรงของลูกผู้ชาย บุคคลผู้นั้นย่อมไม่เสื่อมจากสุข 
 
          
          พุทธพจน์อีกบทหนึ่ง พระองค์กล่าวว่า มนุษย์ควรจะต้องบำเพ็ญประโยชน์3 ให้ครบ ได้แก่ 
 
          1.ประโยชน์ชาตินี้คือ ต้องตั้งเนื้อตั้งตัวตั้งฐานะให้ได้ เกิดมาเป็นคนทั้งที ก็ต้องเอาดีให้ได้คือต้องสร้างฐานะสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว มีอาชีพการงานที่มั่นคง เป็นต้น 

 
          2.ประโยชน์ชาติหน้าคือ สร้างบุญสร้างกุศลละจากโลกนี้ไปแล้ว จะได้ไปสู่สุคติโลกสวรรค์หากชาตินี้ตั้งฐานะได้ แต่ไม่สร้างบุญสร้างกุศลเลย ทำแต่บาปทุจริต หรือบางอย่างไม่ผิดกฎหมาย แต่เป็นการเอาเปรียบ เบียดเบียนคนอื่นโดยอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมายอาศัยความรู้ที่เหนือกว่า ตัวเองได้แต่คนอื่นเขาเดือดร้อนสังคมเดือดร้อนเหล่านี้ก็ผิดหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ถึงแม้จะไม่ผิดกฎหมายก็ตาม แต่ก็เป็นบาปติดตัว ละโลกแล้วตกนรก จะให้สุขจริง ชาตินี้ต้องสร้างฐานะได้ ประโยชน์ชาตินี้ ส่วนประโยชน์ชาติหน้า ตายแล้วมั่นใจได้ว่าไปสุคติโลกสวรรค์แน่นอน เพราะทำแต่ความดีสร้างบุญสร้างกุศลมีน้ำใจโอบอ้อมอารีช่วยเหลือคนอื่น

 
          3.ประโยชน์ระดับสูงสุดคือ ความสุขอย่างยิ่งได้แก่ตั้งใจปฏิบัติธรรม สวดมนต์นั่งสมาธิเป็นประจำสม่ำเสมอ ทำให้กิเลสในตัวเบาบางลง จะได้เข้าใกล้หนทางพระนิพพาน 
 
          ทำ 3 อย่างนี้ ถ้าจับ 2 หลักนี้ได้ จะมองเห็นช่องทางชัดเจนว่า การแสวงหาความสุขจากความสำเร็จในการงานในชีวิตควรจะต้องเป็นอย่างไร พระพุทธเจ้าพระองค์ไม่ได้สอนให้ตามใจตัวเองคือกิเลส อยากไปเที่ยว ไปเล่น ไปกินเหล้า อยากจะเสพยา สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงเป็นแค่ความสนุกความเพลินไปชั่วขณะแต่จะออกผลเป็นความทุกข์ในภายหลัง 


 
          พระองค์บอกให้อดทนให้เหมือนหญ้า ไม่กลัวหนาวกลัวร้อน กระทำกิจที่ควรทำด้วยเรี่ยวแรงของลูกผู้ชาย แล้วเราจะไม่เสื่อมจากความสุข เพราะฉะนั้นใครจะมาอ้างว่า เราแสวงหาความสุข สุขนิยมเป็นฮิปปี้ดีกว่าทำใจดีกว่า เพื่อให้ได้มีความสุขแบบนี้ผิดหลัก แต่ต้องสำรวจว่าอะไรคือสิ่งที่ควรทำ และสิ่งที่ควรทำคือสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการทำอาชีพการงาน การตั้งฐานะอย่างสุจริตชอบธรรมในชาตินี้ แล้วมีน้ำใจเอื้อเฟื้อช่วยเหลือคนอื่น สวดมนต์นั่งสมาธิ แบ่งเวลาปฏิบัติธรรม ต้องเป็นอย่างนี้ อาจจะไปช่วยงานสาธารณะกุศล ที่เรียกว่าจิตอาสาได้ เป็นบุญกุศลอย่างหนึ่ง สงเคราะห์โลกทำได้ แต่สิ่งที่ผิดศีลผิดธรรมไม่ทำ แม้ไม่ผิดกฎหมายก็ไม่ทำ 

 

          ในชีวิตจริงของคนเรา ถ้ารู้จักจัดลำดับความสำคัญ งานอะไรคืองานที่สำคัญต่อชีวิต 3 อย่าง 1.ให้ความสำคัญต่ออาชีพการงานในชาตินี้ การแสวงหาความรู้ต่างๆ ฝึกพัฒนาทักษะต่างๆ 2.ให้ความสำคัญ สำคัญต่อประโยชน์ชาติหน้าคือการสร้างบุญกุศล 3.ให้ความสำคัญต่อประโยชน์อย่างยิ่ง คือการสวดมนต์ทำภาวนา เสร็จแล้วงานทำที่สำคัญรองลงมา ส่วนงานเล็กงานน้อยกระจุกกระจิก ที่ไม่ได้เป็นสาระอะไร แต่อยากทำก็ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธทั้งหมดสามารถทำได้ อยากจะไปดูหนังดูละคร ไปเที่ยวบ้าง ก็ทำได้ 

 
          ดังนั้นต้องจัดลำดับความสำคัญของงานในชีวิตให้ดี อะไรสำคัญใส่ก่อนแล้วก็ตามลำดับขั้นความสำคัญรองๆ ลงมา ลดหลั่นตามลำดับจะพบว่า เราเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งชาตินี้ชาติหน้า แล้วใกล้ต่อหนทางพระนิพพานด้วย รวมทั้งว่าจะมีความสุขสบายใจทุกวันเลย อิ่มใจทุกวัน แม้งานจะหนักเท่าไหร่ยิ้มได้ตลอด เรียกว่าเหนื่อยอย่างมีความสุขงานหนักอย่างมีความสุขแล้วเป็นความสุขที่แท้จริง
 
 [[videodmc==55291]]

บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/ทันโลกทันธรรม/เราสามารถแสวงหาความสุขขณะที่เดินก้าวไปสู่ความสำเร็จได้.html
เมื่อ 1 กรกฎาคม 2567 10:15
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv