นักสร้างบารมีกับพันธกิจยอยกพระพุทธศาสนา

เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙ / พระมหาวิริ
ยะ ธมฺมสารี ป.ธ. ๙
จากวารสารอยู่ในบุญฉบับเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๒

      ครั้งหนึ่งนั้น พระพุทธศาสนาได้เจริญรุ่งเรืองในเกาะศรีลังกาต่อเนื่องอย่างช้านาน จนมาถึงกระทั่งยุคล่าอาณานิคม ศรีลังกาถูกชาติตะวันตกหลายชาติ เช่น ฮอลันดา โปรตุเกส และอังกฤษ ผลัดเปลี่ยนกันมารุกรานช่วงชิงทรัพยากรเป็นเวลากว่า 400 ปี นอกจากเสียเอกราชทางการเมืองการปกครองแล้ว ผู้ปกครองก็มุ่งเป้าเพื่อที่จะทำลายพระพุทธศาสนาให้หมดไปจากเกาะศรีลังกาให้ได้ นี่เป็นเรื่องจริงที่ได้รับการบันทึกไว้ในยุคนั้น ชาวศรีลังกาในยุคมืด ชาวพุทธถูกกดขี่ข่มเหงทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ราวกับจะถูกต้อนให้ตกทะเล

      รัฐบาลได้สั่งห้ามชาวพุทธประกอบพิธีทางศาสนาโดยเด็ดขาด วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาถูกยกเลิก เช่น วันวิสาขบูชาไม่ให้เป็นวันหยุดอีกต่อไป แล้วประกาศวันหยุดของศาสนาผู้ที่ครอบครองแทน และสนับสนุนการเฉลิมฉลองอย่างเต็มที่ ตำแหน่งระดับสูงสงวนไว้ให้กับผู้ที่นับถือศาสนาของผู้ปกครองเท่านั้น ชาวพุทธหากว่าไม่ยอมเปลี่ยนศาสนาจะได้รับตำแหน่งชั้นล่างเท่านั้น มีวัดล้างเพิ่มขึ้น ที่ดินและทรัพย์สินของวัดล้างถูกยึดไปเป็นของรัฐ หรือของศาสนาอื่น พะภิกษุถูกวัยรุ่นศาสนาอื่นดูถูกดูหมิ่น ล้อเลียนในที่สาธารณะ ศาสนิกอื่นเขียนหนังสือหรือบทความโจมตีพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในยุคนั้นอย่างเต็มที่
 


ท่านคุณานันทะกับพันธกิจกอบกู้พระพุทธศาสนาในศีลังกา

      แต่กรุงศรีลังกาไม่สิ้นคนดี เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วมา เด็กชายคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นในครอบครัวชาวสิงหล เนื่องจากศรีลังกาอยู่ภายใต้การปกครองของฝั่ง เขาจึงได้ชื่อภาษาฝั่งว่าไมเคิล ส่วนตัวแล้ว หนูน้อยไมเคิลมีอัธยาศัยที่ใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษา กล้าแสดงความคิดเห็น มีความทรงจำเป็นเยี่ยม และเปี่ยมไปด้วยวาทศิลป์และปฏิภาณ
 

      เมื่อหนูน้อยไมเคิลอายุได้ ๑๒ ปี ก็ได้พบจุด หักเหในชีวิต เขาได้ไปเที่ยวงานวัดบนเขาแห่งหนึ่ง เขาช่วยงานเป็นอาสาสมัคสู้สึกอิ่มเอิบเพลิดเพลิน อยู่ในบรรยากาศหลายวันก็เลยตัดสินใจขอบวชเป็น สามเณรที่วัดนั้นนั่นเอง เขาได้รับนามว่า"คุณานันทะ" ในวันบรรพชา สามเณรคุณานันทะได้เทศน์โปรดญาติโยมในทันที เป็นการเทศน์กัณฑ์แรกในชีวิตของสามเณร มีผู้มาฟังเป็นพัน ๆ คน โดยที่ผู้ฟังไม่รู้สึก อยากกลับบ้านเลยทั้ง ๆ ที่เป็นการเทศน์โต้รุ่งและเป็นกาเทศน์กัณฑ์แรก ผู้คนเลื่องลือถึงความสามารถ และความสง่างามของสามเณรไปทั่วศรีลังกา แม้จะโด่งดัง สามเณรน้อยหาได้หลงใหลในคำสรรเสริญไม่ แต่กลับมุ่งพัฒนาตนเองในทุกด้านเพื่อจะกอบกู้พระพุทธศาสนาให้ได้ ดังเช่น

           ๑. รักการฝึกฝนอบรมตนเองเป็นอย่างมาก
           ๒. ฝึกแสดงธรรมอย่างสม่ำเสมอ และค้นคว้า หลักธรรมต่าง ๆ จนแตกฉาน
           ๓. สอนตนเองได้ว่า ท่านจะต้องรับภารกิจงานพะพุทธศาสนาอันยิ่งใหญ่ในอนาคต

     เมื่อสามเณรอายุได้ ๒๑ ปี ก็ได้อุปสมบทที่วัดโคลัมโบ ที่เป็นศูนย์กลางการเผยแผ่ศาสนาอื่น สมัยนั้นชาวพุทธเมื่อถูกรุกานจากศาสนาอื่นมักจะ

           ๑. สงบเสงี่ยมเจียมตัว พร้อมใจกันวางอุเบกขา
           ๒. ไม่กล้าเผชิญหน้าหรือโต้ตอบกันตรง ๆ
           ๓. แผ่เมตตาเพียงอย่างเดียว โดยไม่ปรับปรุง สิ่งใด ๆ ให้ดีขึ้น
           ๔. พากันดูดาย ไมกระตือรือร้นที่จะร่วมกันขจัดภัยพาลของพระพุทธศาสนา

           แต่ท่านคุณานันทะมีบุคลิกไม่เหมือนชาวพุทธทั่วไป ท่านได้ฝึกตนอย่างยิ่งยวดในทุกรูปแบบ เป็นพุทธบุตรผู้เป็นพะแท้ ที่มุมานะในการที่จะกอบกู้พะพุทธศาสนา ท่านได้ทำการโต้วาทะกับบาทหลวง แห่งคริสต์ศาสนา ๕ ครั้ง โดยใช้เวลาถึง ๙ ปีเศษ คือ ไม่ได้ต่อเนื่องกันทุกวัน พอเพลี่ยงพล้ำก็ไปซ้อมใหม่ ไปประเมินผลหาจุดบกพร่องของตัว พอพร้อม ดีแล้วก็นัดกันมาโต้วาทะอีก พอเพลี่ยงพล้ำก็นัดไปซ้อมใหม่อีก จากหลักธรรมที่ประกอบด้วยเหตุและผล และประกอบด้วยเมตตาธรรมในการโต้วาทะ ไม่มีการทำให้เสียหน้าหรือขายหน้า ทำให้ผู้ฟังเข้าใจพะพุทธศาสนาว่าเป็นคำสอนที่ดีมีประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติและเทวดา
 

          การโต้วาทะตั้งแต่ครั้งที่ ๑ ถึงครั้งที่ ๔ นั้น ทำให้ชื่อเสียงของท่านคุณานันทะเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว ชาวพุทธเเริ่มมีพลังใจในการที่จะมาช่วยท่านยอยกพระพุทธศาสนา และทำกิจกรรมทางพุทธศาสนามากขึ้น สามัคคีกันมากขึ้น ว่าอย่างไรว่าตามกัน แม้ว่ายังถูกภาครัฐบาลกดขี่ข่มเหงอยู่ก็ตาม

สัจจัง เว อมตา วาจา
สัจธรรมต้องเป็นอมตะ


       การโต้วาทะครั้งที่ ๕ เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ. ๒๔๑๖ เป็นการโต้วาทธรรมครั้งสำคัญที่สุด สาเหตุเกิดจากการที่ศาสนาอื่นได้กล่าวจ้วงจาบพระพุทธศาสนาอีก ท่านคุณานันทะจึงกล่าวเชิญมาโต้วาทะกัน เมืองปานะดุะ โดยแบ่งเวลาสนทนา ๒ วัน รวม ๕ รอบ มีเวลาพักเพื่อเตรียมเนื้อหามาโต้แย้งกัน ผลที่เกิดขึ้นปากฏว่าฝ่ายศาสนาอื่นพ่ายแพ้ราบคาบ ไม่กล้ามาเผชิญหน้ากับท่านอีกต่อไป ผลต่อเนื่องที่ยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้น ทำให้ชาวอเมริกันชื่อ เฮนรี่ สตีลโอกอด ได้ไปอ่านพบเข้าและมีบทบาท ในการเข้าไปแก้กฎหมายต่าง ๆ เช่น ให้อังกฤษยกเลิกกฎหมายห้ามชาวพุทธฉลองวันสำคัญทางศาสนาของตน ดังนั้น ชาวพุทธจึงทำพิธีฉลองวันวิสาขบูชาได้เป็นครั้งแรกในปี พศ ๒๔๒๘ หลังจากว่างเว้นมายาวนาน

         ศาสนิกอื่นที่มาร่วมฟังการโต้วาทธรรมในครั้งนั้น บางคนถึงกับเสื่อมศรัทธาในศาสนาของตน หันมานับถือพุทธศาสนา การข่มเหงและเบียดเบียน ชาวพุทธก็หมดไป

       ตลอดชีวิตของท่านคุณานันทะนั้นเป็นไปเพื่อความอยู่เป็นสุขของชาวพุทธทั้งประเทศ ไม่ให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจอยุติธรรมจากศาสนาอื่น เนื่องจากท่านทุ่มเททำงานศาสนาอย่างหนักไม่หยุดหย่อนเลย ท่านจึงอาพาธอยู่เนือง ๆ แพทย์บอกให้ท่านวางมือเสียบ้าง แต่ท่านก็ไม่ได้ทำตามคำแนะนำของแพทย์ จนกะทั่งท่านได้มรภาพอย่างสงบด้วยสิริอายุเพียง ๖๗ ปีเท่านั้น แต่เป็นวันเวลาที่มีคุณค่า เพราะได้ทำหน้าที่เป็นพุทธบุตรผู้กอบกู้พระพุทธศาสนาในศรีลังกาได้สำเร็จ ท่านจึงได้ไปเป็นเทพบุตผู้มีรัศมี กายสว่างไสว เสวยทิพยสมบัติในสรรวค์ชั้นดุสิตด้วยความปลื้มในบุญ

พันธกิจการยอยกพระพุทธศาสนาของนักสร้างบามีพันธุ์รื้อวัฏฏะ

     ยอดนักสร้างบามีผู้มีหัวใจโชนนิรันดร์ทุกท่าน เมื่อเทียบเวลาในมนุษยโลกกับดุสิตบุรีช่างเป็นช่วงเวลาที่สั้นเหลือเกิน เวลา ๑ ปีของเรานั้น เท่ากับ ๖ ชั่วโมงในดุสิตบุรี เราสละทิพยสมบัติมาไม่กี่ชั่วโมง เพื่อเอาบารมีกลับไปให้ได้มากที่สุด ก่อนมาทุกท่าน ต่างมีมโนปิธานที่หาญกล้าว่า "จะลงมาเผยแผ่ พระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายไปทั่วโลก และเพิ่มเติมบุญบารมีให้แก่กล้ามากยิ่งขึ้น แล้วจึงค่อยกลับขึ้นไปพักที่ดุสิตบุรี" ดังนั้น นอกจากจะรักษา พระพุทธศาสนาไม่ให้เสื่อมถอยลงไปแล้ว พันธกิจของนักส้างบารมีพันธุ์รื้ออวัฏฏะ ยังจะฟื้นฟูให้รุ่งเรืองเฟื่องฟูกว่าเดิม อีกทั้งจะเผยแผ่ไปทั่วโลกอีกด้วย แม้จะเป็นกองเสบียง ก็จะลุยเคียงบ่าเคียงไหล่ สนับสนุนโครงงานของหลวงพ่ออย่างเต็มกำลัง
 

     เมื่อท่านคุณานันทะลงมาจากดุสิตบุีเพียงหนึ่งเดียวยังทำได้ แล้วทำไมนักส้างบามีพันธุ์รื้ออวัฏฏะ ที่ลงมากันเป็นทีมอย่างพวกเราจะทำไม่ได้ เราทุกคนทำได้อยู่แล้ว จากนี้ไปเส้นทางการสร้างบารมี ของเราจะไม่มีวันมืดมิด เพราะเรามีพระพ่อผู้เป็นดุจตะวันธรรม คอยโชนแสงนำทางและต่อเติมพลังใจให้เราตลอดเวลา ถึงเวลาแล้วที่ทั้งฝ่ายบรรพชิต และคฤหัสถ์ต้องฝึกตนให้เป็นประดุจดั่งท่านคุณานันทะ ด้วยการหันมาศึกษาพุทธศาสนา และนำไปปฏิบัติอย่างจริงจังจนเข้าถึงพระแท้ในตัว จึงจะได้ชื่อว่าเป็น ชาวพุทธแท้ผู้พิทักษ์พะพุทธศาสนา

           ชาวพุทธแท้..จะต้องรักพระพุทธศาสนา เมื่อ พระสงฆ์โดนรังแก ต้องไม่มัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวเพราะกลัวตาย แล้ววางอุเบกขา ถ้าประเทศไทยไม่มีพระ แล้วชาวพุทธจะอยู่ได้อย่างไร

           ชาวพุทธแท้..ต้องกล้าเผชิญหน้าหรือกล้าแสดงทัศนะให้เขารู้ว่าพระพุทธศาสนา นี่แหละสามารถนำผู้ปฏิบัติ ไปสู่สวรรค์นิพพานได้อย่างแท้จริง

           ชาวพุทธแท้..เมื่อพุทธศาสนากำลังมีภัย จะไม่มัวแผ่เมตตาแต่เพียงอย่างเดียว แต่จะใช้ปัญญาหาทางปรับปรุงแก้ไข กระตือรือร้น สามัคคีร่วมใจกันขจัดภัยพาลของพระพุทธศาสนา

           เมื่อไที่พระแท้กับชาวพุทธแท้รวมพลัง เป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว เมื่อนั้น ผู้ไม่หวังดีทั้งหลายย่อมมิอาจทำให้พุทธศาสนาเสื่อม หายไปจากผืนแผ่นดินไทยได้ และเมื่อไรที่เราสามารถ ยอยกพระพุทธศาสนาให้สูงเด่นเป็นที่พึ่งแก่ชาวโลก ได้สำเร็จ เมื่อนั้นเราก็จะได้กลับไปเสวยทิพยสมบัติ ดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ เขตบรมโพธิสัตว์ พร้อมกับบุญบารมีที่หนาแน่นกว่าเดิม..

           เราทุกคน คือผู้สร้างประวัติศาสตร์ในการยอยกพระพุทธศาสนา

           เราทุกคน คือผู้สร้างสันติภาพโลก

           เพราะเราทุกคน คือยอดนักส้างบารมีพันธุ์รื้อวัฏฏะ ผู้มุ่งปราบมาไรปสู่ที่สุดแห่งธรรม
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/ธรรมะสอนใจ/นักสร้างบารมีกับพันธกิจยอยกพระพุทธศาสนา.html
เมื่อ 1 กรกฎาคม 2567 09:12
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv