ชาดก 500 ชาติ

ปานียชาดก-ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ

สหายชาวกรุงสาวัตถี ๕๐๐ คน ได้พากันฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สหายชาวกรุงสาวัตถี ๕๐๐ คน ได้พากันฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
  
       ในสมัยหนึ่งคฤหัสถ์ผู้เป็นสหายกับชาวกรุงสาวัตถีประมาณ ๕๐๐ คน ฟังพระธรรมเทศนาของพระตถาคตแล้วเกิดความเลื่อมใส
ตัดสินใจบรรพชาถึงอุปสมบทพร้อมกันทั้ง ๕๐๐ รูป “ ความสุขทางธรรมนั่นแหละคือสิ่งที่เราปรารถนาหนทางพ้นทุกข์อยู่ไม่ไกลจากเราแล้ว ”
 
สหายชาวกรุงสาวัตถี ๕๐๐ คน ได้พร้อมใจกันออกบวชในพระพุทธศาสนา
 
สหายชาวกรุงสาวัตถี ๕๐๐ คน ได้พร้อมใจกันออกบวชในพระพุทธศาสนา
 
        ครั้งนั้นภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปพากันอยู่ภายในโกฏฐิสัณฐาคาร ถึงเวลาเที่ยงคืนต่างก็ตรึกถึงการวิตก ครั้นท่านพระอานนท์ให้ภิกษุสงฆ์ประชุมกัน
โดยอานัทของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระศาสดาประทับนั่งเหนืออาสนะที่จัดถวายทรงกระทำมิให้เป็นการเจาะจงตรัสด้วยความสามารถเป็น
พระดำรัสสงเคราะห์แก่ภิกษุทั้งปวง

พระศาสดาทรงตรัสเล่า ปานียชาดก แก่เหล่าภิกษุสงฆ์ทั้ง ๕๐๐ รูป
 
พระศาสดาทรงตรัสเล่า ปานียชาดก แก่เหล่าภิกษุสงฆ์ทั้ง ๕๐๐ รูป
 
        “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่ากิเลสเป็นของเล็กน้อยไม่มีเลย ธรรมดาว่าภิกษุต้องข่มกิเลสที่เกิดแล้วแล้วเสีย บัณฑิตครั้งก่อนเมื่อพระพุทธเจ้า
ยังไม่เสด็จอุบัติต่างก็ข่มกิเลสทั้งหลายเสียได้บรรลุปัจเจกพุทธญาณ ” ดังนี้แล้วจึงทรงนำอดีตนิทานมาตรัส ดังต่อไปนี้

สหายสองคนได้เข้าป่าและได้พกกระออมน้ำสำหรับดื่มกินเข้าไปด้วย
 
สหายสองคนได้เข้าป่าและได้พกกระออมน้ำสำหรับดื่มกินเข้าไปด้วย
 
      ในอดีตกาลเมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสีสหายสองคนในบ้านน้อยตำบลหนึ่งในแคว้นกาสี พากันถือกระออมน้ำดื่ม
ไปสู่ไร่ในป่าวางไว้ใต้ร่มไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วลงมือฟันต้นไม้น้อยใหญ่เพื่อทำเป็นไร่ ในเวลากระหายน้ำก็พากันมาดื่มน้ำ ในคนสองคนนั้น

สหายทั้งสองคนได้พากันถากถางและตัดต้นไม้เพื่อใช้พิ้นที่สำหรับทำเป็นไร่นา
 
สหายทั้งสองคนได้พากันถากถางและตัดต้นไม้เพื่อใช้พิ้นที่สำหรับทำเป็นไร่นา
 
        คนหนึ่งเมื่อมาดื่มน้ำก็เก็บน้ำดื่มของตนไว้เสียดื่มน้ำจากกระออมของเพื่อนแทน “ วันนี้แดดร้อนนักน้ำที่เอามาคงไม่พอดื่มกินเก็บของเรา
ไว้กินทีหลังดีกว่า ” ตอนเย็นออกจากป่าแล้วชายผู้นั้นยืนอาบน้ำแล้วก็นิ่งคิดสำรวจดูสิ่งที่ตัวเองได้กระทำไปในวันนี้ “ วันนี้เราได้ทำในสิ่งที่เป็นบาป
ไปนี่ช่างน่าเศร้าใจนัก
สหายผู้หนึ่งได้ดื่มน้ำในกระออมของเพื่อนเพราะเกรงว่าน้ำในกระออมของตนเองจะไม่พอกินตลอดทั้งวัน
 
สหายผู้หนึ่งได้ดื่มน้ำในกระออมของเพื่อนเพราะเกรงว่าน้ำในกระออมของตนเองจะไม่พอกินตลอดทั้งวัน
        
       เราได้ขโมยน้ำของเพื่อนดื่มกินตัณหานี้เมื่อเจริญคงโยนเราเข้าไปในอบายทั้งหลายเป็นแน่แท้ เราจักข่มกิเลสอันนี้เสียให้ได้ ” ชายตัดไม้
กระทำการขโมยน้ำของเพื่อนกันดื่มนั้นให้เป็นอารมณ์ เจริญวิปัสสนาทำปัจเจกพุทธญาณให้บังเกิดได้แล้ว ยืนนึกถึงคุณที่ตนได้รับอยู่

ชายตัดไม้ที่ขโมยน้ำดื่มของเพื่อนได้สำนึกผิดว่าตนได้ทำบาปเสียแล้ว
 
ชายตัดไม้ที่ขโมยน้ำดื่มของเพื่อนได้สำนึกผิดว่าตนได้ทำบาปเสียแล้ว
 
       “ ทำอะไรอยู่ละสหายอาบน้ำเสร็จหรือยัง ไปกลับบ้านกันเถอะ ” “ แกไปเถิด ฉันไม่มีจิตคิดถึงบ้านเรือนอีกแล้ว เราเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว ”
“ ฮะ ฮา ฮ่า ว่าไปนั้น อันว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายไม่เป็นอย่างท่านหรอก ” “ แล้วเจ้าคิดว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นเช่นไรเล่า ”

สหายของชายตัดไม้ได้มาตามเพื่อนของเขาให้เดินทางกลับบ้านด้วยกัน
 
สหายของชายตัดไม้ได้มาตามเพื่อนของเขาให้เดินทางกลับบ้านด้วยกัน
     
        “ พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายมีผมเพียงสององคุลีครองผ้าน้ำย้อมฝาดพากันอยู่ ณ เงื้อมเขานันทมูลกะในป่าหิมพานต์ตอนเหนือโน่น ”
ทันใดนั่นเองเมื่อชายตัดไม้ผู้ละจากกามลูบศีรษะเพศคฤหัสถ์ของเขาก็อันตรทานหายไปกลับกลายเป็นครองผ้าสองชั้นที่ย้อมแล้วคาด
 
ชายตัดไม้ได้เจริญวิปัสสนาทำปัจเจกพุทธญาณให้บังเกิดแล้วเหาะไปยังเงื้อมเขามูลกะ
 
ชายตัดไม้ได้เจริญวิปัสสนาทำปัจเจกพุทธญาณให้บังเกิดแล้วเหาะไปยังเงื้อมเขามูลกะ
 
        รัดประคดเช่นกับสายฟ้า มีจีวรเฉวียงบ่ามีสีทองดั่งแผ่นครั่งห่มเฉวียงบ่าไว้ข้างหนึ่ง มีผ้าบังสุกุลจีวรสีเมฆพาดอยู่บนบ่าเบื้องขวา มีบาตรดิน
สีเหมือนแมลงภู่คล้องอยู่ที่บ่าเบื้องซ้ายสถิตอยู่ในอากาศแสดงธรรม แล้วเหาะไปลงยังเงื้อมเขานันทมูลกะทันที
 
กุฎุมพีคนหนึ่งได้มองดูภรรยาของผู้อื่นแล้วคิดว่าถ้าได้หญิงนั้นมาครองตนคงมีความสุขยิ่งนัก
 
กุฎุมพีคนหนึ่งได้มองดูภรรยาของผู้อื่นแล้วคิดว่าถ้าได้หญิงนั้นมาครองตนคงมีความสุขยิ่งนัก
 
       ในสมัยเดียวกันนั่นเองยังมีกุฎุมพีคนหนึ่งในกาสิกคามนั่งอยู่ที่ตลาดเห็นชายผู้หนึ่งพาภริยาของตนเดินไปทำลายอินทรีย์เสีย มองดูหญิง
ผู้เลอโฉมนั้น “ หญิงงามนางนั้นช่างน่าพิสมัยนักรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นหากเราได้มาครองก็คงจะเป็นสุขยิ่งนัก ” ยังไม่ทันที่ความคิดของเขา

กุฎุมพีสลดใจในกามของตนจึงได้เจริญวิปัสสนาจนบรรลุปัจเจกพุทธญาณ
 
กุฎุมพีสลดใจในกามของตนจึงได้เจริญวิปัสสนาจนบรรลุปัจเจกพุทธญาณ
  
        จะเพ้อไปมากกว่านี้เขาก็หวนคิดได้มีใจสลดกับกามของตนแล้วเจริญวิปัสสนาบรรลุปัจเจกพุทธญาณสถิตในอากาศแสดงธรรมเหาะไปเงื้อมเขา
นันทมูลกะเช่นกัน “ โธ่เอ๋ย ความโลภนี่แหละเมื่อมันเจริญ จะโยนเราเข้าไปในอบายทั้งหลาย ” ในครั้งนั้นมีบุตรกับบิดาคู่หนึ่งชาวกาสิกคามได้เดินทาง
ไปด้วยกันผ่านป่าใหญ่แห่งหนึ่ง
 
บิดาและบุตรชาวกาสิกคามได้เดินทางผ่านป่าแห่งหนึ่งซึ่งมีโจรมากมาย    

บิดาและบุตรชาวกาสิกคามได้เดินทางผ่านป่าแห่งหนึ่งซึ่งมีโจรมากมาย
 
        ในป่าแห่งนั้นมีพวกโจรป่าพากันซุ่มอยู่ที่ปากดง บิดาและบุตรนั้นรู้ว่าพวกโจรซุ่มอยู่ตรงนั้นจึงทำกติกากันไว้ “ ลูกเอ๋ย หากเราทั้งสองโชคร้าย
โดนเจ้าโจรจับตัวไปเจ้าอย่าเรียกพ่อว่าพ่อนะ ถึงพ่อก็จะไม่เรียกเจ้าว่าลูกเช่นกัน เชื่อพ่อเถิดแล้วเจ้าจะปลอดภัย ” ขณะเดียวกันนั้นพวกโจรได้จับ
บิดากับบุตรได้ยึดบุตรไว้ปล่อยบิดาไป จับพี่น้องสองคนได้ก็ยึดน้องชายเอาไว้ปล่อยพี่ชายไป
 
โจรได้ปลดทรัพย์สินของพ่อลูกแล้วก็ปล่อยตัวไป
 
โจรได้ปลดทรัพย์สินของพ่อลูกแล้วก็ปล่อยตัวไป
  
       จับอาจารย์กับอันเตวสิกะได้ยึดเกาอาจารย์ไว้ปล่อยอันเตวาสิกะไป “ เจ้าจงฟังให้ดี เมื่อข้าปล่อยตัวไปแล้วเจ้าจงไปหาทรัพย์มาให้กับข้า
เพื่อแลกตัวไอ้พวกนี้ ” เมื่อสองพ่อลูกเดินทางมาได้สักระยะหนึ่งเขาก็ได้พบกับโจรกลุ่มนี้ดังผู้เป็นพ่อได้คาดการณ์ไว้ พวกโจรเหล่านี้
จับพ่อลูกคู่นี้ไว้ “ เจ้าสองคนเป็นอะไรกัน ” “ เปล่า เปล่าจ้า เราไม่ได้เป็นอะไรกันแค่เดินทางมาในเส้นทางเดียวกันเท่านั้นเอง

บุตรชายชำระศีลของตนและได้เห็นว่าวันนี้ตนได้มุสาวาสกับกลุ่มโจรบาปนั้นย่อมบังเกิดแก่ตนเป็นแน่
 
บุตรชายชำระศีลของตนและได้เห็นว่าวันนี้ตนได้มุสาวาสกับกลุ่มโจรบาปนั้นย่อมบังเกิดแก่ตนเป็นแน่
 
        ท่านอย่าทำอะไรฉันเลยนะจ๊ะ ” กลุ่มโจรนั้นเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนไม่ได้มีความสัมพันธ์กันแต่อย่างใดใดจะจับตัวไว้ก็เปล่าประโยชน์จึงปลดทรัพย์
ที่ติดตัวพ่อลูกคู่นี้แล้วก็ปล่อยไป เมื่อทั้งคู่ออกพ้นจากดงไปยืนอาบน้ำอยู่ในเวลาเย็น บุตรชายชำระศีลของตนเห็นมุสาวาสนั้นก็คิดได้ “ วันนี้เรา
ได้มุสาวาสเช่นนั้นไป บาปนี้เมื่อเจริญจะโยนเข้าไปในอบายทั้งหลายได้ เราจักข่มกิเลสนี้ให้ได้ ”

พระปัจเจกผู้เป็นบุตรได้แสดงธรรมแก่บิดาแล้วก็เหาะไปยังเงื้อมเขานันทมูลกะ
 
พระปัจเจกผู้เป็นบุตรได้แสดงธรรมแก่บิดาแล้วก็เหาะไปยังเงื้อมเขานันทมูลกะ
 
       ครั้งนั้นเขาได้เจริญวิปัสสนาทำปัจเจกพุทธญาณให้เกิดขึ้น แล้วสถิตอยู่ในอากาศแสดงธรรมแก่บิดาเหาะสู่เงื้อมเขานันทมูลกะเหมือนกัน เรื่องราวของ
การเกิดพระปัจเจกพุทธเจ้าในครั้งนั้นยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังมีอีกผู้หนึ่งเป็นนายอำเภอในกาสิกคามเขาบังคับไม่ให้คนฆ่าสัตว์ด้วยเห็นโทษของการทำบาป
ครั้นในเวลากระทำพลีกรรมมหาชนประชุมกันกล่าวกับเขา
 
ชาวเมืองในกาสิกคามมาขออนุญาตนายอำเภอฆ่าสัตว์เพื่อใช้ในการทำพลีกรรม
 
ชาวเมืองในกาสิกคามมาขออนุญาตนายอำเภอฆ่าสัตว์เพื่อใช้ในการทำพลีกรรม
 
        “ เจ้านายขอรับ อนุญาตให้พวกเราฆ่าเนื้อและสุกรบ้างเถิด เราต้องทำเพื่อกระทำพลีกรรมแก่หมู่ยักษ์ การนี้เป็นการแห่งพลีกรรมนะครับท่าน ”
“ เอาเถิดพวกท่านจงกระทำตามแบบอย่างที่กระทำมาในครั้งก่อนนั้นแหละเราจะละกฎของเราทิ้งไป ” เมื่อนายอำเภอยกเลิกกฎการฆ่าสัตว์แล้ว
ชาวบ้านต่างทำบาปกรรมกันอย่างมากมาย ฆ่าสัตว์กันอย่างไม่ละอายต่อบาป

นายอำเภอได้เจริญวิปัสสนาทำปัจเจกพุทธญาณให้เกิดแล้วก็ได้แสดงธรรมกลางอากาศ
 
นายอำเภอได้เจริญวิปัสสนาทำปัจเจกพุทธญาณให้เกิดแล้วก็ได้แสดงธรรมกลางอากาศ
 
       นายอำเภอมองเห็นปลาและเนื้อเป็นอันมากก่อให้เกิดความรำคาญใจ “ เฮ้อ ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก มนุษย์พวกนี้ทำกรรมได้อย่างไม่ละอาย
นี้เป็นเพราะเราอนุญาตพวกเขาสินะ ” เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วนายอำเภอจึงยืนพิงช่องหน้าต่างเจริญวิปัสสนาทำปัจเจกพุทธญาณให้เกิด
แล้วสถิตในอากาศแล้วแสดงธรรมเหาะไปเงื้อมเขานันทมูลกะเช่นกัน ยังอีกผู้หนึ่งเป็นนายอำเภอในแคว้นกาสิกะเหมือนกัน
 
ชาวเมืองพากันมาขออนุญาตนายอำเภอเพื่อดื่มสุราในงานมหรสพ
 
ชาวเมืองพากันมาขออนุญาตนายอำเภอเพื่อดื่มสุราในงานมหรสพ
 
       เขาผู้นี้ห้ามการซื้อขายน้ำเมาไว้อย่างกวดขันสร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวบ้านยิ่งนัก “ ท่านนายอำเภอท่านจะออกกฎเช่นนี้ได้อย่างไร เวลานี้
เป็นเวลาสุราฉัน พวกเราต่างดื่มสุราในงานมหรสพนี่อย่างสนุกสนาน ในเวลานี้ท่านมาห้ามให้พวกเราไม่ดื่มสุรากันแล้วมหรสพจะเป็นมหรสพได้อย่างไร ”
“ เอาเถิดพวกท่านก็ทำมาดังที่เคยทำกันเถอะ กฎใด ๆ ที่เราห้ามไว้ก็จงลืมเสีย ”
 
ชาวเมืองได้ทะเลาะและทำร้ายกันหลังจากที่ดื่มสุราจนเมามาย
 
ชาวเมืองได้ทะเลาะและทำร้ายกันหลังจากที่ดื่มสุราจนเมามาย

        ครั้งนั้นพวกมนุษย์พากันกระทำการมหรสพดื่มสุราเมาแล้วทะเลาะกันจนมือเท้าแตกหัก ศีรษะแตก หูฉีกขาด ถูกจองจำด้วยสินไหมเป็นอันมาก
นายอำเภอเห็นคนพวกนั้นแล้วคิดว่าเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะตนเองยกเลิกกฎห้ามดื่มสุราเขาทำความรำคาญใจด้วยเหตุเพียงเท่านี้ยืนพิงช่อง
หน้าต่างอยู่เจริญวิปัสสนาบรรลุปัจเจกพุทธยานเหาะไปในอากาศแสดงธรรมแล้วเหาะไปยังเงื้อมเขานันทมูลกะเหมือนกัน

นายอำเภอบรรลุปัจเจกพุทธญาณแล้วก็ได้แสดงธรรมต่อชาวเมืองทั้งหลาย
 
นายอำเภอบรรลุปัจเจกพุทธญาณแล้วก็ได้แสดงธรรมต่อชาวเมืองทั้งหลาย

      “ พวกท่านจงอย่าเป็นผู้ประมาทสุรานั้นเล่าสร้างหายนะให้กับพวกท่านได้ ” จำเนินกาลนานมาพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ต่างเหาะมาลง
ที่ประตูกรุงพาราณสีเพื่อภิกขาจารล้วนนุ่งห่มผ้าเรียบร้อยเที่ยวโปรดสัตว์ด้วยอิริยาบทมีการก้าวไปข้างหน้าเป็นต้นอันน่าเลื่อมใสจนไปถึงประตูวัง
ครั้งนั้นพระเจ้ากรุงพาราณสีทรงทอดพระเนตรเห็นพระคุณเจ้าเหล่านั้นทรงมีจิตเลื่อมใสจึงให้อำมาตย์นิมนต์ให้เข้าไปสู่นิเวศน์

พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ได้เหาะมายังประตูกรุงพาราณสีเพื่อภิกขาจาร

พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ได้เหาะมายังประตูกรุงพาราณสีเพื่อภิกขาจาร
 
      “ ท่านจงไปนิมนต์พระคุณเจ้าเหล่านั้นมาที่พระราชวังของเราเถิด เรากระหายใคร่อยากฟังเทศนาธรรมจากพระคุณเจ้าเหล่านั้นยิ่งนัก ” พระเจ้าพาราณสี
ทำการต้อนรับพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๕ ด้วยการล้างเท้าทาด้วยน้ำมันหอม อังคาสด้วยขาทนียะและโภชนียะอันประณีตประทับนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง
“ พระคุณเจ้าผู้เจริญทั้งหลาย การบรรพชาในปฐมวัยของพระคุณเจ้าทั้งหลายดูช่างงดงามจริง
 
พระเจ้าพาราณสีมีรับสั่งให้อำมาตย์ไปนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้าเข้ามาสู่พระราชวัง
 
พระเจ้าพาราณสีมีรับสั่งให้อำมาตย์ไปนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้าเข้ามาสู่พระราชวัง
 
     เมื่อจะบรรพชาในวัยนี้พระคุณเจ้าทั้งหลายต่างเห็นโทษในกามอย่างไรกันนะ อะไรเป็นเป็นอารมณ์ของพระคุณเจ้าเล่า ”  “ อาตมาภาพเป็นมิตรของชาย
คนหนึ่งได้ดื่มน้ำของมิตรที่เขามิได้ให้เพราะเหตุนั้นภายหลังอาตมาภาพจึงรังเกียจว่าเราทำบาปนั้นไว้แล้วอย่าได้กระทำบาปต่อไปอีกเลย เพราะเหตุนั้น
อาตมาภาพจึงออกบวช ” “ ความพอใจบังเกิดขึ้นแก่อาตมาภาพเพราะเห็นภรรยาของผู้อื่นเพราะเหตุนั้นภายหลังอาตมาภาพจึงเรียกว่าเราทำบาปนั้น

พระเจ้าพาราณสีได้สอบถามถึงโทษของกามจากพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์
 
พระเจ้าพาราณสีได้สอบถามถึงโทษของกามจากพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์
 
    ไว้แล้วอย่าได้กระทำบาปนั้นต่อไปอีกเลย เพราะเหตุนั้นอาตมาภาพจึงออกบวช ” “ ขอถวายพระพรมหาบพิตรโจรทั้งหลายจับโยมบิดาของอาตมาภาพ
ไว้ในป่า อาตมาภาพถูกโจรเหล่านั้นถามทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าได้แกล้งพูดถึงโยมบิดานั้นเป็นอย่างอื่นไปเพราะเหตุนั้นภายหลังอาตมาภาพจึงรังเกียจว่า เราได้
ทำบาปนั้นไว้แล้วอย่าได้ทำบาปนั้นต่อไปอีกเลย เพราะเหตุนั้นอามาภาพจึงออกบวช ” “ เมื่อพลีกรรมชื่อว่าโสมมยาคะปรากฎแล้วมนุษย์ทั้งหลาย
 
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าอดีตชายตัดฟืนออกบวชเพราะเห็นบาปที่ขโมยน้ำดื่มจากเพื่อนของตน
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าอดีตชายตัดฟืนออกบวชเพราะเห็นบาปที่ขโมยน้ำดื่มจากเพื่อนของตน
 
     ก็พากันกระทำปานาติบาต อาตมาภาพได้อนุญาตให้แก่พวกเขา เพราะเหตุนั้นภายหลังอาตมาภาพจึงรังเกียจว่าเราได้ทำบาปนั้นไว้แล้ว อย่าได้ทำ
บาปนั้นต่อไปอีกเลย เพราะเหตุนั้นอาตมาภาพจึงได้ออกบวช ” “ ในกาลก่อนชนทั้งหลายในหมู่บ้านของอาตมาภาพสำคัญสุราและเมรัยว่าเป็นน้ำหวาน
จึงได้พากันดื่มน้ำเมา เพื่อความหายนะแก่ชนเป็นอันมาก อาตมาภาพจึงยอมอนุญาตให้พวกเขา
 
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าอดีตกุฎุมพีออกบวชเพราะเห็นบาปที่อยากได้ภรรยาของผู้อื่นมาเป็นของตน
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าอดีตกุฎุมพีออกบวชเพราะเห็นบาปที่อยากได้ภรรยาของผู้อื่นมาเป็นของตน
 
     เพราะเหตุนั้นภายหลังอาตมาภาพจึงได้รังเกียจว่าเราได้ทำภาพนั้นไว้แล้วอย่าได้ทำบาปนั้นต่อไปอีกเลย เพราะเหตุนั้นอาตมาภาพจึงได้ออกบวช ”
ฝ่ายพระเจ้าพาราณสีทรงสดับ คำพยากรของพระปัจเจกพุทธเจ้าแต่ละองค์แล้วได้ทรงสดุดีพระคุณเจ้าเหล่านั้น “ พระคุณเจ้าผู้เจริญทั้งหลายบรรพชานี้
เหมาะแก่พระคุณเจ้าทั้งหลายทีเดียว ” พระเจ้าพาราณสีทรงสดับพระธรรมเทศนาของพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้น
 
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าอดีตลูกชายออกบวชเพราะเห็นบาปที่ตนมุสาต่อบิดาและพวกโจร
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าอดีตลูกชายออกบวชเพราะเห็นบาปที่ตนมุสาต่อบิดาและพวกโจร
 
       ก็ทรงมีจิตเลื่อมใสทรงถวายผ้าจีวรและเภสัช ทรงส่งพระปัจเจกพุทธเจ้าไปแล้ว แล้วพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นกระทำอนุโมทนาแก่พระองค์
แล้วพากันไปจากเมืองพาราณสีนั้น ตั้งแต่นั้นมาพระเจ้าพาราณสีทรงเบื่อหน่ายไม่ยินดีในวัตถุกามทั้งหลายแม้จะมีพระกระยาหารอันมีรสเลิศดั่งที่
เคยโปรดหรือความงดงามของอิสตรีดั่งที่พระองค์เคยมีความสุขเมื่อได้อยู่ใกล้หรือทอดพระเนตร
 
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าอดีตนายอำเภอออกบวชเพราะเห็นบาปที่ตนอนุญาตให้ชาวเมืองได้ฆ่าสัตว์
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าอดีตนายอำเภอออกบวชเพราะเห็นบาปที่ตนอนุญาตให้ชาวเมืองได้ฆ่าสัตว์
 
     บัดนี้สิ่งเหล่านี้กลับกลายเป็นสิ่งที่น่ารำคาญให้พระองค์ทรงมีจิตเบื่อหน่าย “ พระองค์ไม่ทรงเกษมหรือพระเจ้าค่ะ มีสิ่งใดขัดพระทัยพระองค์หรือ ”
“ เราเบื่อหน่ายสิ่งนี้แล้ว เราอยากอยู่คนเดียวแบบสงบ ” พระเจ้าพาราณสีเสด็จเข้าห้องอันทรงสิริประทับนั่งกระทำกสิณบริกรรมพิงข้างฝาอันมีสีขาว
ทรงทำฌาณให้บังเกิดขึ้นแล้ว พระองค์ทรงบรรลุฌานแล้วก็ทรงติเตียนกามทั้งหลาย
 
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าอดีตนายอำเภอออกบวชเพราะเห็นบาปที่ตนอนุญาตให้ชาวเมืองได้ดื่มสุรา
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าอดีตนายอำเภอออกบวชเพราะเห็นบาปที่ตนอนุญาตให้ชาวเมืองได้ดื่มสุรา
 
    “ น่าสังเวชแท้ล้อมรอบตัวเรามีกามเป็นอันมาก มีกลิ่นเหม็น มีเสี้ยนหนามมาก เราซ้องเสพกันอยู่เราไม่ได้รับความสุขเช่นนั้น ” ทางด้านฝ่ายพระอัครมเหสี
ของพระองค์นั้น เมื่อทรงเห็นว่าพระเจ้าพาราณสีมีท่าทีเบื่อหน่ายไม่โปรดนางเหมือนเช่นแต่ก่อนจึงคอยตามสังเกตถึงพฤติกรรมของพระองค์ “ ตั้งแต่เสด็จพี่
ได้ทรงสดับธรรมกถาจากพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายแล้ว นับแต่ครั้งนั้นก็ทรงมีท่าทางเบื่อหน่าย มิได้ตรัสกับเราดั่งแต่ก่อนเลย
 
พระเจ้าพาราณสีทรงเบื่อหน่ายในกามหลังจากที่ได้ฟังธรรมจากพระปัจเจกพุทธเจ้า
 
พระเจ้าพาราณสีทรงเบื่อหน่ายในกามหลังจากที่ได้ฟังธรรมจากพระปัจเจกพุทธเจ้า
 
    ดีหล่ะเราต้องคอยสังเกตเสด็จพี่เผื่อมีสิ่งใดที่เราพอจะแก้ไขให้เสด็จพี่กลับมาเป็นดังเดิมได้ ” ครั้งนั้นอัครมเหสีได้เสด็จเข้าพระตำหนักอันทรงสิริประทับยืน
ที่พระทวารทรงสดับพระอุทานของพระราชาผู้กำลังทรงตำหนิกามทั้งหลายก็ทรงวิตกเกรงว่าพระเจ้าพาราณสีจะไม่โปรดพระนางเหมือนแต่ก่อนจึงรีบเสด็จ
เข้าไปหา “ ข้าแต่พระทูลกระหม่อม พระองค์ทรงติเตียนกามความสุขที่เช่นกับกามสุขไม่มีละ หรือกามทั้งหลายมีรสอร่อยมาก สุขอื่นยิ่งกว่าไปกว่ากามไม่มี
 
พระมเหสีได้มาสอบถามถึงเหตุผลที่พระเจ้าพาราณสีได้หมางเมินต่อตนเอง
 
พระมเหสีได้มาสอบถามถึงเหตุผลที่พระเจ้าพาราณสีได้หมางเมินต่อตนเอง
 
    ชนเหล่าใดซ่องเสพกามทั้งหลาย ชนเหล่านั้นย่อมเข้าถึงสวรรค์นะเพค่ะ พระองค์ทรงลืมความสุขที่เคยมีกับหม่อมฉันแล้วหรืออย่างไร ” พระเจ้าพาราณสี
เมื่อทรงได้สดับพระเสาวนีเหล่านั้นแล้วก็ทรงติเตียน “ น่าสังเวชยิ่งนักเจ้าพูดอะไร ขึ้นชื่อว่าความสุขในกามทั้งหลายมีที่ไหนกันเล่า เพราะกามเหล่านี้เป็น
วิปริณามทุกข์ทั้งนั้นแหละ กามทั้งหลายมีรสอร่อยน้อย ทุกข์อื่นยิ่งไปกว่ากามไม่มี ชนใดเล่าซ่องเสพกามทั้งหลาย ชนเหล่านั้นย่อมเข้าถึงนรก
 
พระเจ้าพาราณสีทรงออกผนวชเป็นฤาษีอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์
 
พระเจ้าพาราณสีทรงออกผนวชเป็นฤาษีอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์
 
      เหมือนดาบที่ลับคมดีแล้วเชือด เหมือนกระบี่ที่ลับคมดีแล้วแทง เหมือนหอกที่พุ่งไปปักอก กามทั้งหลายเป็นทุกข์ยิ่งไปกว่านั้น หลุมถ่านเพลิงลุกขึ้น
โพลงแล้ว ลึกกว่าชั่วบุรุษ ถ่านที่เผาร้อนอยู่ตลอดวัน กามทั้งหลาย เป็นทุกข์ยิ่งไปกว่านั้นเหมือนยาพิษชนิดร้ายแรง น้ำมันที่เดือดพล่าน ทองแดงที่
กำลังละลายคว้างกามทั้งหลายเป็นทุกข์ยิ่งไปกว่า ” พระเจ้าพาราณสีทรงแสดงธรรมแก่พระเทวีแล้วได้ทรงให้พวกอำมาตย์ประชุมกันแล้วสละ
ราชสมบัติทั้งหมดให้กับอำมาตย์ทั้งหลายดูแลต่อ
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศสัจจะต่อภิกษุ ๕๐๐ รูป
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศสัจจะต่อภิกษุ ๕๐๐ รูป
     
     แล้วพระองค์ก็ทรงเสด็จลุกขึ้นไปประทับในอากาศประทานพระโอวาสเสด็จไปสู่ป่าหิมพานต์ตอนเหนือทางอากาศ ทรงให้สร้างอาศรมในประเทศ
ที่น่ารื่นรมย์ผนวชเป็นฤาษีในที่สุดพระชนมายุได้เสด็จไปสู่พรหมโลก
    “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายขึ้นชื่อว่ากิเลสที่เป็นของเล็กน้อยไม่มีเลย ถึงจะมีประมาณน้อยบัณฑิตทั้งหลายก็พากันข่มเสียได้ทั้งนั้น ” ดังนี้แล้วจึงทรง
ประกาศสัจจะทั้งหลาย เมื่อจบสัจจะภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป ดำรงอยู่ในพระอรหัตผล 

 
พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายในครั้งนั้นปรินิพพานแล้ว
เทวีได้กลับมาเป็นมารดาพระราหุล
พระเจ้าพาราณสีเสวยพระชาติเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 
[[videodmc==53073]]
 
นิทานชาดก 500 ชาติ
 






บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/นิทานชาดก/นิทานชาดก-ปานียชาดก.html
เมื่อ 22 กรกฎาคม 2567 18:54
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv