ชาดก 500 ชาติ

สังวรมหาราชชาดก-ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม

เหล่าพุทธศาสนิกชนพากันฟังธรรมด้วยความศรัทธาในพระธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เหล่าพุทธศาสนิกชนพากันฟังธรรมด้วยความศรัทธาในพระธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
  
       ในกาลสมัยที่พุทธศาสนาเผยแผ่ทั่วชมพูทวีป เหล่าพุทธศาสนิกชนต่างล้วนฟังธรรมประพฤติศีลกันทั่วหน้า ด้วยศรัทธาในพระธรรม
และองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้งนั้นได้มีกุลบุตรชาวพระนครสาวัตถีผู้หนึ่งเมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาก็เกิดความเลื่อมใส
จนตัดสินใจออกบวชด้วยหวังตั้งใจดำเนินรอยตามพระศาสดา
 
 
กุลบุตรชาวสาวัตถีได้ออกบวชในพระพุทธศาสนาด้วยความเลื่อมใส
 
กุลบุตรชาวสาวัตถีได้ออกบวชในพระพุทธศาสนาด้วยความเลื่อมใส
 
        ชายหนุ่มนั้นเมื่อบรรพชาได้อุปสมบทแล้วก็บำเพ็ญอาจาริยวัตรและอุปัชฌายวัตรท่องพระปาฎิโมกข์ทั้งสองจนคล่อง มีพรรษาครบ ๕
เรียนกรรมฐานจึงลาอาจารย์และอุปัชฌาย์เข้าไปอยู่ในป่าด้วยหวังว่าความสงบในป่าใหญ่นั้นจะทำให้บรรลุธรรมได้ เมื่อภิกษุหนุ่มนั้นไปถึง
บ้านชายแดนตำบลหนึ่งพวกคนต่างเลื่อมใสในอิริยาบถพากันสร้างบรรณศาลาบำรุงอยู่ในป่า

ภิกษุหนุ่มบังเกิดความท้อแท้ใจในการปฏิบัติธรรมของตน
 
ภิกษุหนุ่มบังเกิดความท้อแท้ใจในการปฏิบัติธรรมของตน
 
        ครั้นเข้าพรรษาอันปรารภแล้วก็ไม่สามารถให้คุณแม้เพียงโอภาสบังเกิดได้จึงเกิดความท้อแท้ใจ “ อืม ในบุคคล ๔ เหล่าที่พระสาสดาทรงแสดงแล้ว
เราคงเป็นประเภทปดปรมเสียแน่แล้ว แม้จะเรียนมากศึกษามากเท่าไหร่ก็ไม่อาจที่จะตรัสรู้ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เราจะอยู่ป่าทำไม ไปพระเชตวันคอยดูพระรูป
พระโฉมของพระตถาคตเจ้าสดับธรรมเทศนาอับไพเราะยับยั้งอยู่เถอะ ”
 
ภิกษุหนุ่มตัดสินใจเดินทางออกจาป่ากลับมาพบกับเหล่าภิกษุทั้งหลาย
 
ภิกษุหนุ่มตัดสินใจเดินทางออกจาป่ากลับมาพบกับเหล่าภิกษุทั้งหลาย
 
      ภิกษุหนุ่มตัดสินใจเช่นนั้นก็ตัดสินใจเดินทางออกจากป่ามุ่งหน้าไปเชตวันมหาวิหาร เมื่อถึงแล้วก็ถูกอาจารย์และอุปัชฌาย์ทั้งภิกษุที่เคยรู้จักมักคุ้น
รุมถามถึงเหตุที่บังคับให้มา “ กระผมท้อแท้ใจเหลือเกินครับ แม้ว่าจะตั้งใจศึกษาพระธรรมเพียงไรก็ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ ” “ เอาเถอะท่าน
อย่าเพิ่งหมดกำลังใจไปเลย ไปเฝ้าพระองค์พระศาสดากับพวกเราเถิด ท่านจะช่วยชี้ทางให้ท่านได้ ”


ภิกษุหนุ่มและภิกษุทั้งหลายเดินทางมาเข้าเฝ้าองค์พระศาสดา
 
ภิกษุหนุ่มและภิกษุทั้งหลายเดินทางมาเข้าเฝ้าองค์พระศาสดา
 
        เหล่าภิกษุทั้งหลายนำตัวภิกษุหนุ่มนั้นไปสู่สำนักพระศาสดา “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุนี้ทอดทิ้งความเพียรมาแล้วพระเจ้าค่ะ พระองค์ได้โปรด
ชี้ทางให้เขาเถิด ” “ ดูก่อนภิกษุเหตุใดจึงทอดทิ้งความเพียรเสียล่ะ ที่จริงผลอันเลิศในพระศาสนานี้ที่มีนามว่าอรหัตผลย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้เกียจคร้าน
ผู้มีความเพียรอันปรารภแล้วจึงจะชื่นชมอธิคมธรรมได้ ก็แลในปางก่อนเธอก็เป็นคนมีความเพียรทนต่อโอวาทด้วยเหตุนั้นแล
 
พระโอรสสังวรกุมารโอรสองค์ที่ ๑๐๐ แห่งพระเจ้าพาราณสี
 
พระโอรสสังวรกุมารโอรสองค์ที่ ๑๐๐ แห่งพระเจ้าพาราณสี
        
       แม้เป็นน้องสุดท้องคนที่หนึ่งร้อยของพระเจ้าพาราณสีตั้งอยู่ในโอวาทของบัณฑิตทั้งหลายก็ถึงเศวตฉัตรได้ ” แล้วองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงนำ
อดีตนิทานมาดังต่อไปนี้ ในอดีตกาล ณ เมืองพาราณสีพระ พระราชาผู้ปกครองเมืองทรงมีพระโอรสทั้งหมด ๑๐๐ พระองค์ แต่ในพระโอรสทั้งหมดนั้น
มีพระโอรสสุดท้องสังวรกุมารพระองค์เดียวที่ทรงยึดเหนี่ยวผูกน้ำใจฝูงชน ผู้ถึงพระนครพาราณสีทั่วหน้าทั่วสังคหวัตถุนั้น ๆ ได้
 
เหล่าอำมาตย์ได้กราบทูลพระราชาเกี่ยวกับองค์รัชทายาท
 
เหล่าอำมาตย์ได้กราบทูลพระราชาเกี่ยวกับองค์รัชทายาท
 
       พระองค์เป็นที่รักที่เจริญใจของคนทั้งปวง การต่อมาเมื่อพระเจ้าพาราณสีทรงประชวรหนัก พวกอำมาตย์ต่างวิตกกังวลในเรื่องของรัชทายาท
ครั้งนั้นจึงได้พากันกราบทูลพระราชา “ ขอเดชะใต้ฝ่าละอองทุลีพระบาท เมื่อใต้ฝ่าละอองทุลีพระบาทสวรรคตไปพวกข้าพุทธเจ้าจักถวายเศวตฉัตร
ให้แก่ใครพระเจ้าค่ะ พระโอรสของพระองค์ทั้งหมด ๑๐๐ พระองค์ พระองค์ไหนที่มหาราชเจ้าจะทรงแต่งตั้งให้ปกครองเมืองสืบไป ”
 
พระราชาได้กล่าวถึงคุณลักษณะของผู้ที่จะมาสืบทอดเศวตฉัตรต่อจากพระองค์
 
พระราชาได้กล่าวถึงคุณลักษณะของผู้ที่จะมาสืบทอดเศวตฉัตรต่อจากพระองค์
     
        “ อันโอรสของเราทั้ง ๑๐๐ พระองค์นั้น ทุกคนก็ล้วนเป็นลูกของเราทั้งหมด ทุกคนก็ล้วนเป็นเจ้าของเศวตฉัตรทั้งนั้น แต่ใน ๑๐๐ คนนั้น มีแค่คนเดียว
เท่านั้นที่เป็นที่จับใจพวกท่านและเป็นที่รักใคร่ของประชาชนพวกท่านจงให้เศวตฉัตรแก่ผู้นั้นเถิด ” 
ครั้นองค์มหาราชสวรรคตพวกอำมาตย์นั้นจัดการถวาย
พระเพลิงพระศพของพระองค์เสด็จประชุมกันในวันที่เจ็ด สรรหาผู้ที่จะมาเป็นมหาราชองค์ต่อไป “ ในพระโอรสทั้งหมด ๑๐๐ พระองค์นั้น
 
เหล่าอำมาตย์ได้ปรึกษากันถึงเรื่องผู้ที่เหมาะสมที่จะมาเป็นพระราชาองค์ต่อไป
 
เหล่าอำมาตย์ได้ปรึกษากันถึงเรื่องผู้ที่เหมาะสมที่จะมาเป็นพระราชาองค์ต่อไป
 
        มีแต่เจ้าชายสังวรกุมารเท่านั้นที่เป็นที่รักของเหล่าไพร่ฟ้า หรือแม่แต่เหล่าทหาร อำมาตย์หรือผู้รับราชการในวังก็ล้วนรักใคร่นับถือพระองค์ยิ่งกว่า
พระโอรสองค์ใด ” การหารือในครั้งนั้นเหล่าอำมาตย์ต่างมีความเห็นตรงกันให้พระเจ้าสังวรมหาราชทรงครองราชสมบัติสืบไปโดยมีอำมาตย์บัณฑิต
เป็นผู้รับใช้ข้างเคียง นับตั้งแต่นั้นพระเจ้าสังวรมหาราชก็ทรงปกครองบ้านเมืองโดยธรรม ประชาชนไพร่ฟ้าล้วนอยู่ดีมีสุขกันถ้วนหน้า
เมื่อพระเจ้าสังวรมหาราชได้พระนครสืบต่อจากพระราชบิดาทำให้เหล่าพระกุมารทั้ง ๙๙ พระองค์นั้นต่างไม่พอใจ
 
พระโอรสสังวรกุมารได้ขึ้นครองราชย์แทนพระราชบิดาของตน
 
พระโอรสสังวรกุมารได้ขึ้นครองราชย์แทนพระราชบิดาของตน
 
       เนื่องด้วยตามราชประเพณีพระโอรสองค์ใหญ่ควรที่จะได้เป็นผู้ครองนครต่อจากพระราชาเท่านั้น “ ท่านพี่ทั้งหลายดูเอาเถิด สังวรนั้นเป็นน้องคนสุดท้องแท้ ๆ
กลับได้ครองนครต่อจากเสด็จพ่อ เธอเป็นน้องคนสุดท้องยังไม่ควรต่อเศวตฉัตรของพระบิดา ” “ นั้นสิ เหตุใดเหล่าอำมาตย์ถึงได้แต่งตั้งพระเชษฐาอุโบสถกุมาร
เล่าเพราะพระองค์ทรงเป็นพระเชษฐาของพวกเราทั้งหมด ” “ ใช่ หรือทว่าพวกเขาเห็นพระเชษฐาของพวกเรานั้นไม่คู่ควร ก็ควรจะยกราชสมบัติเหล่านั้นให้กับเรา
ซึ่งเราเป็นโอรสองค์ถัดมา หากพวกน้องเห็นตรงกันอย่างนี้เราจะส่งสาสน์ไปยังสังวรกุมารให้ยกเศวตฉัตรนั้นคืนให้กับพวกเรา

บรรดาพระโอรสทั้ง ๙๙ พระองค์ไม่พอใจที่น้องชายคนสุดท้องของตนได้ขึ้นราชย์แทนพระราชบิดา
 
บรรดาพระโอรสทั้ง ๙๙ พระองค์ไม่พอใจที่น้องชายคนสุดท้องของตนได้ขึ้นราชย์แทนพระราชบิดา
  
        ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเราทั้งหมด ๙๙ คนก็จะขอทำสงครามรบเพื่อแย่งชิงราชสมบัติเหล่านั้นคืนด้วยตัวเอง ” เหล่าพระกุมาร ๙๙ พระองค์ร่วมกันส่งหนังสือ
ถึงพระเจ้าสังวรมหาราชมีใจความให้ยกฉัตรแก่พวกเขา หากไม่อย่างนั้นแล้วทุกพระองค์จะพากันยกทัพมาล้อมพระนครไว้ พระเจ้าสังวรเมื่อได้รับสาสน์นั้น
ก็วิตกกังวล เรียกอำมาตย์บัณฑิตมาปรึกษาหารือหาทางแก้ไข “ ท่านอำมาตย์ เราจะทำอย่างไรดีล่ะ เจ้าพี่ทั้งหมดไม่พอใจที่เราได้ครองนครแทนพระบิดา
พวกพี่เขาจะยกทัพมาหากเราไม่ยอมสละราชสมบัติให้ อันสมบัติเหล่านี้เราไม่ต้องการครอบครองแต่เพียงคนเดียวหรอก

พระราชาสังวรมหาราชได้รับสาสน์ทวงคืนเศวตฉัตรจากบรรดาเจ้าพี่ของพระองค์    

พระราชาสังวรมหาราชได้รับสาสน์ทวงคืนเศวตฉัตรจากบรรดาเจ้าพี่ของพระองค์
 
        แต่บ้านเมืองจะมีผู้ปกครองทั้ง ๑๐๐ พระองค์ได้อย่างไรกันเล่า ” “ ทางแก้ไขนั้นก็พอมีอยู่พระเจ้าค่ะ แต่หากพระองค์เองจะยอมทำหรือไม่ ” “ ท่านบอกมาเถิด
ทางแก้ไขนั้นคืออะไร เรายอมทำหากสิ่งนั้นจะทำให้พวกพี่พอใจได้ เราไม่อยากให้เกิดสงคราม ไม่อยากให้บ้านเมืองร้อนเป็นไฟ ” “ ข้าแต่พระมหาราชเจ้า พระนคร
ไม่อาจมีผู้ปกครองทั้ง ๑๐๐ พระองค์ได้ แต่พระราชทรัพย์ส่วนอื่นก็ทรงแบ่งให้ได้ไม่ใช่รึพระเจ้าค่ะ ” “ ใช่สินะ ถ้าเช่นนั้นเราจะแบ่งพระราชทรัพย์ของพระบิดา
ออกเป็น ๙๙ ส่วน ส่งถวายแด่พระพี่ทั้งหมด ๙๙ พระองค์ ท่านช่วยส่งสาสน์ให้เจ้าพี่เราทั้งหมดด้วยนะ ว่าเราไม่ต้องการรบกับเจ้าพี่

อำมาตย์บัณฑิตได้แนะนำพระราชาสังวรมหาราชแบ่งพระราชทรัพย์ออกเป็น ๙๙ ส่วน
 
อำมาตย์บัณฑิตได้แนะนำพระราชาสังวรมหาราชแบ่งพระราชทรัพย์ออกเป็น ๙๙ ส่วน
  
       ขอเชิญเจ้าพี่ทั้งหลายรับส่วนพระราชทรัพย์ของพระราชบิดาของเจ้าพี่นี่เถิด ” ครั้งนั้นเมื่อราชกุมารทั้ง ๙๙ องค์ได้รับสาสน์จากพระเจ้าสังวรมหาราชแล้ว
ครั้งนั้นเจ้าพี่องค์ใหญ่พระนามว่าอุโบสถกุมารเมื่ออ่านพระราชสาสน์แล้วก็ทรงคิดได้ตรัสเรียกพระเจ้าน้องที่ทั้งหมดหารือ “ น้องเอ๋ย สังวรเจ้าน้องของพวกเรา
องค์นี้ มิได้ตั้งตน แม้แต่จะตั้งตนเป็นศัตรู กลับส่งพระราชสมบัติของบิดาให้พวกเรา ส่งสาสน์มาด้วยว่าไม่ขอสู้รบกับพวกเรา ” “ แล้วพี่ ๆ เห็นว่าอย่างไร
ในเมื่อสังวรน้องของเราเขาก็ไม่คิดที่จะครองราชย์สมบัติแต่เพียงผู้เดียวเหมือนอย่างที่เราคิดกันไว้แต่แรก ”

พระโอรสอุโบสถกุมารได้อ่านพระราชสาสน์จากพระเจ้าสังวรมหาราชให้น้องๆ ทั้ง ๙๘ พระองค์ได้ฟัง
 
พระโอรสอุโบสถกุมารได้อ่านพระราชสาสน์จากพระเจ้าสังวรมหาราชให้น้องๆ ทั้ง ๙๘ พระองค์ได้ฟัง
 
        “ พี่เองก็ไม่อยากทำสงครามกับผู้เป็นน้องของเราเช่นกัน ” “ นั้นสินะ สังวรเองก็เป็นที่รักใคร่ของเหล่าประชาทั่วไป เหล่าอำมาตย์ยกให้เป็นมหาราช
ก็เหมาะสมดีแล้ว ” “ ใช่แล้วหล่ะน้องเอ๋ย เศวตฉัตรของพระบิดานั้น ครั้นจะยกให้กับพระโอรสทุกพระองค์ก็คงเป็นไปไม่ได้ สังวรน้องของพวกเรานั้น
เหมาะสมแล้วที่จะได้ปกครองพระนครต่อจากเสด็จพ่อ เจ้าน้องนี้เป็นผู้ปกครองโดยธรรม เมื่อได้ปกครองนครแล้วก็ก่อให้เกิดความสงบสุขถ้วนหน้า
เธอทั้งหลายพวกเราพากันพบเธอแล้วมอบราชทรัพย์แล้วพากันไปสู่ชนบทของพวกเราดังเดิมเถิด ”

เจ้าพี่ทั้ง ๙๙ พระองค์ได้เดินทางมาเข้าเฝ้าพระเจ้าสังวรมหาราช
 
เจ้าพี่ทั้ง ๙๙ พระองค์ได้เดินทางมาเข้าเฝ้าพระเจ้าสังวรมหาราช
 
       “ อืม น้องเห็นด้วยกับพระพี่ใหญ่ น้องเองจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้ต้องการทรัพย์สมบัติแต่อย่างใด อันชนบทที่เสด็จพ่อประทานให้ปกครองก็สร้างความสุข
ให้กับน้องแล้ว ” “ น้องเองก็เช่นกัน อันสงครามหากเกิดจากผู้เป็นพี่น้องกันแล้วบ้านเมืองก็คงจะหาความสงบสุขไม่ได้ ” “ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็จงเร่งรีบ
ไปหาเจ้าน้องกันเถิด จะได้บอกกับสังวรว่าเราเองก็ไม่ได้ต้องการราชทรัพย์อันใด ” 
ครั้งนั้นพระกุมารทั้งหมดนั้นก็ให้เปิดประตูเมือง มิได้ตั้งตนเป็นศัตรู
พากันเข้าสู่พระนคร ทางด้านพระเจ้าสังวรพระมหาราชนั้นก็ตรัสสั่งให้พวกอำมาตย์คุมสักการะเพื่อถวายพระกุมารเหล่านั้นเช่นกัน
 
พระอุโบสถกุมารได้ทูลถามถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้พระเจ้าสังวรมหาราชได้ขึ้นครองเศวตฉัตรต่อจากพระราชบิดา
 
พระอุโบสถกุมารได้ทูลถามถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้พระเจ้าสังวรมหาราชได้ขึ้นครองเศวตฉัตรต่อจากพระราชบิดา
 
        มิทันที่เหล่ากุมารจะมาทูลไม่ขอรับทรัพย์ ขบวนราชทรัพย์เหล่านั้นก็เดินทางมาถึงยังชนบทของเหล่ากุมารแล้ว เหล่าพระกุมารทรงพระดำเนินมาด้วย
เหล่าบริวารอันมากขึ้นสู่พระราชวังแสดงอาการนอบน้อมแด่พระเจ้าสังวรมหาราช พากันประทับนั่งเหนืออาสนะต่ำ พระเจ้าสังวรมหาราชเองเมื่อเห็นเจ้าพี่
ทั้งหมดมาเยือนอย่างเป็นมิตรก็ทรงยินดีตอบรับการเสด็จมาอย่างยินดี  “ เหล่าพระเชษฐาคงได้รับสาส์นของน้องแล้ว เห็นเป็นอย่างไรบ้าง น้องเองไม่คิด
จะครอบครองสมบัติเหล่านี้แต่เพียงผู้เดียวหรอก น้องยินดีที่จะแบ่งราชทรัพย์เหล่านั้นให้พวกพี่ทุกพระองค์ พวกพี่อย่าได้อคติกับน้องเลย ”
 
พระเจ้าสังวรมหาราชได้ต้อนรับเจ้าพี่ของตนทั้ง ๙๙ พระองค์ด้วยความยินดี
 
พระเจ้าสังวรมหาราชได้ต้อนรับเจ้าพี่ของตนทั้ง ๙๙ พระองค์ด้วยความยินดี
 
       พระอุโบสถกุมารทอดพระเนตรเห็นสิริสมบัติของพระเจ้าสังวรมหาราช เมื่อประทับนั่งเหนือสีหสนะภายใต้เศวตฉัตรพระยศใหญ่ พระสิริโสภาคอันใหญ่
ได้ปรากฏแล้วก็ทรงยินดีที่เหล่าอำมาตย์ได้เลือกพระโอรสที่มาครองราชย์ถูกพระองค์ “ ข้าแต่มหาราชอันที่จริงนั้นพระราชบิดาของพวกเราทรงทราบ
ความที่สังวรกุมารจะได้เป็นพระราชาอยู่แล้วก่อนที่พระองค์จะเสด็จสวรรคตได้ประทานชนบทอื่น ๆ แก่พวกพี่แล้ว ซึ่งพระองค์มิได้ประทานชนบทนั้น
แก่ท่านเลย ข้าแต่มหาราชท่านเป็นผู้ที่เหมาะสมแล้วที่จะได้ครองพระนคร เสด็จพ่อก็เห็นว่ามีแต่ท่านนี่แหละที่จะครองพระนครสืบต่อจากพระองค์ได้
 
พระเจ้าสังวรมหาราชทรงมีความเคารพในสมณะและฤาษีผู้มีคุณทั้งหลาย
 
พระเจ้าสังวรมหาราชทรงมีความเคารพในสมณะและฤาษีผู้มีคุณทั้งหลาย
 
       แม้แต่เหล่าอำมาตย์ขุนนางหรือไพร่ฟ้าประชาชนเองก็ตาม เขาเหล่านี้ต่างเทิดทูนท่านให้เป็นพระราชา ข้าแต่พระเจ้าสังวรราชด้วยพระศีลลาจารวัตร
ขอไหนพระองค์จึงสถิตอยู่เหนือพระเชษฐภาดา เหนือพระเชษฐภาดาผู้ทรงร่วมกำเนิดได้ ด้วยพระศีลลาจารวัตรข้อไหนหมู่พระญาติที่ประชุมกันแล้ว
จึงไม่ย่ำยีพระองค์ได้ ” “ ข้าแต่พระราชบุตรหม่อมฉันไม่ริษยาสมณะทั้งหลายผู้แสวงคุณอันใหญ่หลวง หม่อมฉันนอบน้อมท่านเหล่านั้นด้วยความเคารพ
ไหว้เท้าของท่านผู้คงที่ สมณะเหล่านั้นยินดีแล้วในคุณธรรมของท่านผู้แสวงหาคุณ ย่อมพร่ำสอนหม่อมฉันผู้ประกอบในคุณธรรม
 
กองพลช้าง กองพลม้า กองพลรบและพลเดินเท้าต่างได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากพระเจ้าสังวรมหาราช
 
กองพลช้าง กองพลม้า กองพลรบและพลเดินเท้าต่างได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากพระเจ้าสังวรมหาราช

        ผู้พอใจฟังไม่มีความริษยา หม่อมฉันได้ฟังคำของสมณะผู้ทรงแสวงหาคุณอันใหญ่หลวงเหล่านั้นแล้ว มิได้ดูหมิ่นสักหน่อยหนึ่งเลย ใจของหม่อมฉัน
ยินดีแล้วในธรรม กองพลช้าง กองพลม้า และกองพลรถ และกองพลเดินเท้าหม่อมฉันไม่ตัดเบี้ยเลี้ยงบำเหน็จบำนาญของจตุรงคเสนาเหล่านั้นให้ลดน้อยลง
อำมาตย์ผู้ใหญ่และราชการผู้มีปรีชาของหม่อมฉันมีอยู่ช่วยกันบำรุงพระนครพาราณสีให้มีเนื้อมาก มีน้ำดี อนึ่งพวกพ่อค้าผู้มั่งคั่งมาแล้วจากรัฐต่าง ๆ
หม่อมฉันช่วยจัดอารักขาให้พ่อค้าเหล่านั้น ขอได้โปรดทราบอย่างนี้เถิดเจ้าพี่อุโบสถ ” “ ข้าแต่พระเจ้าสังวราชด้วยพระองค์ทรงครอบครองราชสมบัติแห่ง
หมู่พระญาติโดยธรรม พระองค์เป็นผู้มีพระปรีชาด้วยเป็นบัณฑิต ด้วยทั้งทรงเกื้อกูลพระประยูรญาติด้วย

เจ้าพี่ทั้ง ๙๙ พระองค์ทรงประทับอยู่ในพระราชวังเป็นเวลากึ่งเดือน
 
เจ้าพี่ทั้ง ๙๙ พระองค์ทรงประทับอยู่ในพระราชวังเป็นเวลากึ่งเดือน

       ศัตรูทั้งหลายย่อมไม่เบียดเบียนพระองค์ผู้แวดล้อมไปด้วยพระประยูรญาติ มองมูลด้วยรัตนต่าง ๆ เหมือนจอมอสูรไม่เบียดเบียนพระอินทร์ ” พระเจ้าสังวรมหาราช
ทรงประทานยศใหญ่แด่พระเจ้าพี่ทุกพระองค์ หลังจากนั้นเหล่าพระกุมารทุกพระองค์ก็ไม่ทรงคิดอคติต่อพระเจ้าสังวรพระมหาราชอีกเลย ทุกพระองค์ล้วนยอมรับ
จักเทิดทูนพระองค์ทรงครองราชโดยธรรม พระเจ้าพี่เหล่านั้นประทับอยู่ในสำนักของพระองค์ตลอดกึ่งเดือนก็ทูลลากลับชนบท

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประชุมชาดกแก่เหล่าภิกษุทั้งหลาย

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประชุมชาดกแก่เหล่าภิกษุทั้งหลาย
 
      “ ข้าแต่มหาราช บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่พวกหม่อมฉันจะขอลากลับไปที่ชนบท พวกหม่อมฉันจะขอระวังพวกโจรที่จะเกิดขึ้นในชนบททั้งหลาย จงเสวยสุข
ในราชสมบัติเถิด ” 
จากนั้นเหล่ากุมารทั้ง ๙๙ พระองค์ก็เสด็จไปสู่ชนบทของตน พระเจ้าสังวรมหาราชทรงดำรงในโอวาทของอำมาตย์บัณฑิตในที่สุดแห่ง
พระชนม์มายุได้ไปเพิ่มเทพนครให้เต็ม “ ดูก่อนภิกษุ ครั้งก่อนเธอทนต่อโอวาทเช่นนี้ บัดนี้เหตุไรไม่กระทำความเพียร ” ภิกษุนั้นดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล
ทรงประชุมชาดก
 
 
สังวรกุมารผู้เป็นพระราชาในครั้งนั้นได้มาเป็น ภิกษุนี้
อุโบสถกุมารได้มาเป็น สารีบุตร
เจ้าพี่ที่เหลือได้เป็น เถรานุเถระ
และบริษัทได้มาเป็น พุทธบริษัท
ส่วนอำมาตย์บัณฑิตผู้ถวายโอวาท เสวยพระชาติเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

[[videodmc==60234]]
 
นิทานชาดก 500 ชาติ
 






บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/นิทานชาดก/นิทานชาดก-สังวรมหาราชชาดก.html
เมื่อ 3 กรกฎาคม 2567 13:16
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv