ชาดก 500 ชาติ

อัสสกชาดก-ชาดกว่าด้วยพระเทวีอุพพรีเกิดเป็นด้วงขี้ควาย

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ นครสาวัตถี

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ นครสาวัตถี
  
     ณ นครสาวัตถี มีภิกษุรูปหนึ่งเมื่อได้บวชแล้วก็ไม่สามารถตัดกิเลสได้ แต่ละวันได้แต่คิดถึงภรรยาจนไม่สามารถปฏิบัติกิจสงฆ์ได้ “ ป่านนี้น้องนางของพี่
จะเป็นอย่างไรบ้างนะ จะกินจะอยู่อย่างไร จะคิดถึงพี่บ้างหรือเปล่า ” “ ตั้งแต่ภิกษุรูปนี้บวชมา เราก็ไม่เคยเห็นกิจสงฆ์เลยสักนิด ”
“ นั่นนะสิ แล้วอย่างนี้จะบรรลุธรรมได้อย่างไร ”
 
ภิกษุผู้บวชใหม่เฝ้าครุ่นคิดถึงภรรยาของตน
 
ภิกษุผู้บวชใหม่เฝ้าครุ่นคิดถึงภรรยาของตน
 
     “ พวกเราเองก็ออกบวชมาก่อน น่าจะตักเตือนเค้าได้บ้างนะท่าน ” “ ทำไมท่านไม่ปฏิบัติกิจสงฆ์ละ การนั่งสมาธิจะทำให้จิตใจท่านสงบเยือกเย็นได้นะ ” “ ผมทำอย่างไร
ก็ไม่สามารถตัดกิเลสออกไปจากใจได้ พอหลับตาครั้งใด จิตใจก็เฝ้าแต่คำนึงถึงน้องนางที่รัก ” “ ท่านไม่ลองพยามยามดูอีกครั้งหรือท่าน ” “ ไม่ไหวแล้วละ ผมตัดสินใจ
แล้วว่าจะสึก ”
 
เหล่าภิกษุได้ทัดทานภิกษุผู้บวชใหม่ไม่ให้ลาสิกขา
 
เหล่าภิกษุได้ทัดทานภิกษุผู้บวชใหม่ไม่ให้ลาสิกขา
 
     “ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจไปอย่างนั้นเลย เราไปเข้าเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากันเถิด พระองค์ต้องมีข้อชี้แนะให้เราแน่ๆ ” เมื่อองค์พระศาสดา
ทรงทราบเรื่องทั้งหมด จึงตรัสว่า “ ดูก่อนภิกษุ หญิงนั้นไม่ได้ทำให้เธอโหยหาแต่ในครั้งนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อน เธอก็ได้รับทุกข์ใหญ่หลวงเพราะหญิงนั้น
เหมือนกัน ” แล้วพระองค์ก็ทรงตรัสเล่า อัสสกชาดก ดังนี้ 
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเล่า อัสสกชาดก
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเล่า อัสสกชาดก
 
     ณ แคว้นกาสี พระเจ้าอัสสกะผู้ครองนครปาฏลิมีอัครมเหสีรูปโฉมงดงามพระนามว่า อุพพรี เป็นที่รักใคร่โปรดปรานของพระราชาอย่างยิ่ง “ ไหนขอพี่ชื่นชม
ใบหน้าที่งดงามของเจ้าหน่อยสิจ๊ะ ” “ แหม ท่านพี่ก็อยู่ๆ ก็ตรัสชมกันอย่างนี้ หม่อมฉันอายนะเพค่ะ ” “ จะอายทำไมเล่า ที่พี่พูด ล้วนแต่เป็นความจริง ” 
 
แคว้นกาสีซึ่งมีพระเจ้าอัสสกะเป็นผู้ครองนครปาฏลิ
 
แคว้นกาสีซึ่งมีพระเจ้าอัสสกะเป็นผู้ครองนครปาฏลิ
 
     พระนางอุพพรีพยายามบำรุงรูปโฉมและรักษาพระฉวีวรรณให้สดใสเปล่งปลั่งยิ่งกว่าพระมเหสีองค์อื่นๆ เพื่อผูกพระทัยพระราชาให้หลงใหลพระนางแต่เพียงผู้เดียว
“ พวกเจ้าช่วยขัดผิวเราให้เนียนหน่อยนะ แล้วอย่าลืมใส่ดอกไม้หอมๆ ลงไปเยอะๆ ละ กลิ่นกายเราจะได้หอม อย่าใช้ดอกไม้ที่กลิ่นฉุนเกินไปละ เสด็จพี่ไม่ชอบ ”
 
พระนางอุพพรีเป็นพระมเหสีที่พระเจ้าอัสสกะทรงรักและโปรดปรานมาก
 
พระนางอุพพรีเป็นพระมเหสีที่พระเจ้าอัสสกะทรงรักและโปรดปรานมาก
 
     “ โอ๊ย พระมเหสีนี่ ผิวเนียนสุกใสกว่าพระมเหสีองค์อื่นๆ อีกนะเพค่ะ ” “ ใช่ ทั้งรูปโฉมและรูปกาย ได้สัดส่วน สวยไปหมด สมแล้วที่เป็นที่โปรดปรานของพระราชา ”
“ เสด็จพี่ต้องโปรดปรานแต่เราคนเดียวเท่านั้น ” “ เสด็จพี่เพค่ะ หม่อมฉันได้ยินหมอหลวงบอกว่า ทางใต้ของเมืองเรามียาดีที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสอ่อนวัย
หม่อมฉันอยากจะลองนำมาใช้ดูเสด็จพี่จะว่ากระไรเพค่ะ ” 
 
พระนางอุพพรีทรงมีความงดงามที่สุดในบรรดาพระมเหสีทั้งหลายของพระเจ้าอัสสกะ
 
พระนางอุพพรีทรงมีความงดงามที่สุดในบรรดาพระมเหสีทั้งหลายของพระเจ้าอัสสกะ
 
     “ ถ้าน้องหญิงอยากได้ พี่จะสั่งให้ทหารไปเสาะหามาให้ อะไรก็ตามที่น้องหญิงต้องการพี่จะหามาให้จ้า ” “ หม่อมฉันก็ทำเพื่อให้เสด็จพี่พอพระทัยเพค่ะ ถ้าเกิดวันหนึ่ง
หม่อมฉันไม่สวย เสด็จพี่ก็คงไม่พอใจ ” “ อย่าพูดอย่างนั้นสิจ๊ะ อย่างเจ้านะเหรอ จะมีวันไม่สวยไม่มีหรอก ” ไม่ว่าพระนางอุพพรีจะต้องการยาวิเศษใดๆ มาบำรุงรูปโฉม
ให้งดงาม หรือแม้จะต้องใช้วิธีใดๆ ก็ตาม พระราชาก็ทรงยอมรับของความปรารถนาของพระนางทั้งสิ้น
 
พระเจ้าอัสสกะทรงทำตามพระทัยพระนางอุพพรีทุกอย่างตามที่พระนางต้องการ
 
พระเจ้าอัสสกะทรงทำตามพระทัยพระนางอุพพรีทุกอย่างตามที่พระนางต้องการ
  
     วันหนึ่งพระนางอุพพรีสิ้นพระชนม์ลงอย่างไม่รู้สาเหตุ พระราชาตกพระทัยอย่างยิ่ง ทรงโศกเศร้าเสียพระทัย เสวยทุกข์โทมนัสเป็นที่สุด “ ทำไมน้องหญิงจากพี่
ไปเร็วอย่างนี้ พี่จะอยู่ได้อย่างไรหากขาดเจ้า ” พระเจ้าอัสสกะทรงให้สร้างโลงแก้วใส่พระศพของพระนางอุพพรีซึ่งหล่อน้ำมันไว้แล้วยกไปตั้งข้างแท่นบรรทม
ทรงอดพระกระยาหาร คร่ำครวญกรรแสงถึงพระนางด้วยปริเวทนาการไม่เป็นอันทำสิ่งใด
 
พระนางอุพพรีทรงสิ้นพระชนม์ลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
 
พระนางอุพพรีทรงสิ้นพระชนม์ลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
 
     “ พี่คิดถึงเจ้าอุพพรี ไม่น่าจากพี่ไปเลย ไม่มีเจ้า แล้วพี่จะมีจิตใจทำอะไร ” แม้พระราชบิดา พระราชมารดา พระญาติพร้อมด้วยอำมาตย์และข้าราชบริพาร
ทั้งหลายจะปลอบอย่างไรก็ไม่สามารถให้พระองค์สร่างโศกได้ “ เจ้าอย่าโศกเศร้าเสียใจไปเลย ยังไงๆ นางก็จากเจ้าไปแล้ว หักห้ามใจไว้บ้างเถอะลูก ”
 
 พระเจ้าอัสสะทรงเก็บพระศพของพระนางอุพพรีไว้ในโลงแก้ว
 
พระเจ้าอัสสะทรงเก็บพระศพของพระนางอุพพรีไว้ในโลงแก้ว
 
     “ เลิกโศกเศร้าได้แล้ว เจ้าควรจะห่วงงานบ้านงานเมืองบ้างนะ ” “ หม่อมฉัน ยังทำใจไม่ได้เลยเสด็จพ่อเสด็จแม่ หม่อมฉันไม่มีจิตใจที่จะทำอะไรได้ ” 
พระเจ้าอัสสกะทรงเศร้าโศกถึงพระนางอุพพรีอยู่เช่นนั้นล่วงไปถึงเวลา 7 วัน “ ทำไมเจ้าต้องจากพี่ไปด้วย พี่รักเจ้ามากแค่ไหนเจ้าก็รู้ ”
 
พระดาบสอาจารย์ของพระเจ้าอัสสะทรงประทับอยู่ในป่าหิมพานต์
 
พระดาบสอาจารย์ของพระเจ้าอัสสะทรงประทับอยู่ในป่าหิมพานต์
  
     ในกาลนั้นพระดาบสสำเร็จอภิญญาและสมาบัติ เป็นพระอาจารย์ของพระเจ้าอัสสกะอยู่ในป่าหิมพานต์ เจริญอาโลกสินตรวจดูชมพูทวีปด้วยทิพยจักษุ
เห็นพระราชาทรงปริเวทนาการอยู่อย่างนั้น จึงเป็นห่วง “ เฮ้อ เราคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วละ ปล่อยไว้อย่างนี้คงไม่ดีแน่ ” พระดาบสคิดได้ดังนั้น
จึงตัดสินใจเหาะมายังพระราชอุทยาน หวังช่วยพระเจ้าอัสสกะให้พ้นความโศกเศร้า
 
พระดาบสได้เหาะมายังพระราชอุทยานนครปาฏลิ    

พระดาบสได้เหาะมายังพระราชอุทยานนครปาฏลิ
 
     เมื่อถึงอุทยานแล้ว พระดาบสจึงตรัสถามเรื่องราวจากมหาดเล็ก “ ตั้งแต่พระมเหสีอุพพรีสิ้นพระชนม์ พระเจ้าอัสสกะทรงโศกเศร้าอยู่อย่างนี้ นี่ก็ล่งมา 7 วันแล้วขอรับ ”
“ถ้าอย่างนั้นรบกวนท่านไปกราบทูลเชิญพระองค์มาที่อุทยานนี้ด้วยเถิด เราจะช่วยจะช่วยพระราชาให้หายจากความโศกเศร้าและให้พระองค์ทรงรู้ความจริงซะที " 
 
พระดาบสทรงให้มหาดเล็กนำความไปแจ้งต่อพระเจ้าอัสสกะ
 
พระดาบสทรงให้มหาดเล็กนำความไปแจ้งต่อพระเจ้าอัสสกะ
  
     ด้วยความเคารพและเกรงใจดาบส พระเจ้าอัสสกะจึงทรงยินยอมเสด็จมาพบที่พระราชอุทยาน “ มหาบพิตร จะมัวเศร้าโศกถึงพระนางทำไม บัดนี้พระนางได้ไป
เกิดใหม่แล้วนะท่าน ” “ น้องอุพพรี มเหสีของหม่อมฉันไปเกิดใหม่แล้วรึ ที่ไหนพระคุณเจ้า ” “ เนื่องจากเมื่อตอนที่เป็นมนุษย์ พระนางทรงมัวเมาในรูปโฉม ไม่ทรง
ทำความดี ด้วยความหลงมัวเมานี้ จึงนำไปเกิดเป็นด้วงขี้ควาย ”
 
พระเจ้าอัสสกะทรงเสด็จมาพบพระดาบสที่พระราชอุทยาน
 
พระเจ้าอัสสกะทรงเสด็จมาพบพระดาบสที่พระราชอุทยาน
 
     “ หม่อมฉันไม่เชื่อ พระมเหสีของหม่อมฉันเมื่อตอนเป็นมนุษย์สิริโฉมงดงาม เมื่อเกิดใหม่ความงามนั้นก็น่าจะคงอยู่ จะไปเกิดเป็นด้วงขี้ควายได้อย่างไร ” “ ถ้าพระองค์
ไม่ทรงเชื่อ อาตมาจะพาไปให้เห็นความจริง ตามอาตมา มาเถิด เมื่อไปถึงท้ายอุทยานพระองค์จะทรงทราบด้วยพระองค์เอง ” พระดาบสเสด็จนำพระเจ้าอัสสกะไปยัง
ท้ายพระราชอุทยาน เมื่อมาถึงท้ายอุทยานก็พบกองมูลควาย ทั้งสององค์ก็นั่งลงข้างกองมูลควาย
 
พระดาบสทรงนำพระเจ้าอัสสกะมายังท้ายพระราชอุทยาน
 
พระดาบสทรงนำพระเจ้าอัสสกะมายังท้ายพระราชอุทยาน
 
     พระเจ้าอัสสกะยังทรงไม่เชื่อตามคำที่พระดาบสบอก แต่ก็ทรงทราบว่าพระดาบสนี้มีอภิญญารู้ภาษาสัตว์ และสามารถเสกให้บุคคลฟังภาษาสัตว์ได้ระยะหนึ่ง สักพัก
พระเจ้าอัสสกะทรงเริ่มได้ยินเสียงสัตว์รอบข้างสนทนากัน พระองค์ก็รู้พระองค์ทันทีว่าพระดาบสได้เสกให้พระองค์ได้ยินเสียงสัตว์เรียบร้อยแล้ว “ วันนี้อากาศดีจริง
จะบินไปออกหากินที่ไหนดีนะ ”

พระดาบสทรงเสกให้พระเจ้าอัสสกะฟังภาษาของสัตว์ได้
 
พระดาบสทรงเสกให้พระเจ้าอัสสกะฟังภาษาของสัตว์ได้
 
     “ ไปทางด้านเหนือโน่นไหม ฉันได้ข่าวมาว่าที่นั่นมีอาหารอุดมสมบูรณ์มากๆ เลยนะ ผลไม้เต็มไปหมดเลย ” “ ดีสิ ไปกันเลย ” “ แม่ด้วงเอ้ย ออกมาเถิด ” เมื่อร่ายคาถา
ให้มนุษย์ได้ฟังเสียงสัตว์ได้เสร็จสิ้นแล้ว พระดาบสจึงเริ่มสนทนากับพระนางอุพพรีที่เกิดใหม่เป็นด้วงมูลควาย “ ไหนๆๆ อึบๆๆ ขอโผล่ออกมาก่อน พระดาบสนั่นเอง มีธุระ
อะไรกับเจ้านะ ไปๆ ออกมาพบท่านก่อนก็แล้วกัน ”
 
แมลงคุยกันถึงเรื่องการออกไปหาอาหารในยามเช้า
 
แมลงคุยกันถึงเรื่องการออกไปหาอาหารในยามเช้า
 
     “ จ๊ะพี่ อึบๆ เฮ้อ โผล่ออกมาได้สะที ” “ แม่ด้วง ชาติที่แล้วเจ้าเป็นอะไรกัน ” “ ข้าพเจ้าเป็นมเหสีของพระเจ้าอัสสกะ ชื่อ อุพพรีเจ้าค่ะ ” “ เมื่อครั้งเจ้าเป็นมเหสีนั้น
ทรงเป็นที่สนิทเสน่หาอย่างยิ่งของพระราชาใช่ไหม ” “ ใช่เจ้าค่ะ ” “ ไม่จริง ข้าไม่เชื่อ เจ้าจะเป็นน้องอุพพรีของข้าได้อย่างไร ” พระเจ้าอัสสกะยังไม่ตกลงปลงใจเชื่อ
เสียแต่ทีเดียว พระดาบสจึงถามคำถามที่มีแต่พระเจ้าอัสสกะกับพระมเหสีเท่านั้นที่รู้
 
ด้วงขี้ควายซึ่งอดีตชาติคือพระนางอุพพรีพระมเหสีของพระเจ้าอัสสกะ
 
ด้วงขี้ควายซึ่งอดีตชาติคือพระนางอุพพรีพระมเหสีของพระเจ้าอัสสกะ
 
     “ แม่ด้วงเมื่อตอนเจ้าเป็นมเหสี พระเจ้าอัสสกะให้ความรักดูแลเจ้าดีหรือไม่ อย่างไรกัน ” “ พระเจ้าอัสสกะทรงดูแลข้าพเจ้าเป็นอย่างดี ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าต้องการสิ่งใด
เพื่อบำรุงความงามของข้าพเจ้า ไม่ว่าจะต้องไปหาที่ไหน ด้วยวธีใด พระเจ้าอัสสกะก็จะหามาให้ สนองตามความปรารถนาของข้าพเจ้าทุกครั้ง ” “ น้องหญิง เจ้าคือมเหสี
ของข้าจริงๆ ด้วย พี่ดีใจเหลือเกินที่ได้พบเจ้าอีกครั้ง ”
 
พระดาบสและพระเจ้าอัสสกะทรงสนทนากับด้วงซึ่งอดีตคือพระนางอุพพรี
 
พระดาบสและพระเจ้าอัสสกะทรงสนทนากับด้วงซึ่งอดีตคือพระนางอุพพรี
 
     พระเจ้าอัสสกะเมื่อได้ยินคำตอบจากด้วงมูลความแล้วก็ปักใจเชื่อทันทีว่า คือ พระมเหสีของพระองค์ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันสองพระองค์ “ บัดนี้พระเจ้าอัสสกะ
ได้มาอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว เจ้าจะกลับไปเป็นมเหสีสุดที่รักของพระองค์อีกหรือไม่ ” พระเจ้าอัสสกะ ได้ยินคำถามจากพระดาบสก็ดีพระทัย หวังจะให้นางด้วงตอบรับ
เผื่อพระดาบสจะเสกให้นางด้วงกลับเป็นพระนางอุพพรีที่ทรงฟื้นคืนชีพเป็นพระมเหสีสุดรักตามเดิม
 
พระเจ้าอัสสกะทรงเสียพระทัยมากที่ด้วงอดีตพระนางอุพพรีได้ลืมความรักที่มีกับตนไปหมดสิ้น
 
พระเจ้าอัสสกะทรงเสียพระทัยมากที่ด้วงอดีตพระนางอุพพรีได้ลืมความรักที่มีกับตนไปหมดสิ้น
 
     “ ไม่เจ้าค่ะ ในครั้งนั้น พระราชาเป็นพระสวามีของข้าพเจ้าก็จริง แต่บัดนี้ข้าพเจ้ามีสามีใหม่เป็นที่รักยิ่งแล้ว แม้จะให้สังหารพระเจ้าอัสสกะเอาโลหิตจากพระศอ
มาล้างเท้าสามีใหม่ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ทำได้ ” “ โธ่ แม่ด้วง ทูนหัวของพี่ด้วงเจ้านี่เป็นภรรยาที่ดีของข้าจริงๆ ” “ เจ้าพูดเช่นนี้ได้ยังไง เจ้าลืมไปแล้วรึ ครั้งยังเป็น
สามีภรรยาข้าดีต่อเจ้าเพียงใด รักเจ้าเพียงใด ”
 
พระเจ้าอัสสกะทรงโกรธแค้นด้วงอดีตพระนางอุพพรีเป็นอย่างยิ่ง
 
พระเจ้าอัสสกะทรงโกรธแค้นด้วงอดีตพระนางอุพพรีเป็นอย่างยิ่ง
 
     “ ความสุขและความทุกข์เก่า ถูกความทุกข์และความสุขใหม่บดบังเสียแล้ว ฉะนั้นเจ้าด้วงจึงเป็นที่รักของข้าพเจ้ายิ่งกว่าพระองค์ร้อยเท่าพันเท่า ” “ ที่ผ่านมาข้าอุตส่าห์
เฝ้าคิดถึงเจ้า หวังให้เจ้ากลับมาอยู่กับข้าดังเดิม แต่ดูเจ้าสิ กลับเห็นด้วงมูลควายดีกว่าข้า ” 
 
พระเจ้าอัสสกะทรงกราบลาพระดาบสแล้วเสด็จกลับสู่ห้องบรรทมของพระองค์
 
พระเจ้าอัสสกะทรงกราบลาพระดาบสแล้วเสด็จกลับสู่ห้องบรรทมของพระองค์
 
     พระมเหสีอุพพรีบัดนี้ได้เกิดใหม่เป็นตัวด้วงมูลควาย เมื่อเห็นพระเจ้าอัสสกะทรงโกรธ ก็ไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใด มุดกองมูลความหายไปพร้อมกับด้วงสามีใหม่
พระเจ้าอัสสกะกริ้วสุดขีดได้แต่ทรงแค้นพระทัย แล้วก็ไหว้ลาพระดาบสแล้วกลับคืนสู่ห้องพระบรรทม สั่งมหาดเล็กให้ย้ายศพพระนางอุพพรีออกไปจากห้อง
 
พระเจ้าอัสสกะทรงอภิเษกพระอัครมเหสีพระองค์ใหม่
 
พระเจ้าอัสสกะทรงอภิเษกพระอัครมเหสีพระองค์ใหม่
 
     ต่อมาไม่นานพระเจ้าอัสสกะก็ลืมความโศกเศร้าเสียใจครั้งพระมเหสีสิ้นพระชนม์ ทรงอภิเษกพระอัครมเหสีใหม่ และทรงครองราชสมบัติโดยธรรม พระบรมศาสดา
ทรงเล่าจบแล้ว ภิกษุผู้ตัดกิเลสไม่ขาด ที่เฝ้าแต่คิดถึงภรรยาก็ได้บรรลุโสดาปัตติผล
 
 
 
พระเจ้าอัสสกะ ได้กำเนิดเป็น ภิกษุผู้ตัดกิเลสไม่ขาด
พระดาบส เสวยพระชาติเป็น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 
[[videodmc==53618]]
 
 
นิทานชาดก 500 ชาติ
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/นิทานชาดก/นิทานชาดก-อัสสกชาดก.html
เมื่อ 22 กรกฎาคม 2567 21:23
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv