เข้าพรรษา

เอหิปัสสิโก

หยุดเป็นตัวสำเร็จ

หยุด คือ มรรคผล หยุด เป็นตัวสำเร็จ


      วันนี้วันที่ 32 นับจากวันเข้าพรรษา พรรษานี้ชื่อว่า พรรษาแห่งการบรรลุธรรม บรรลุธรรมในทีนี้ก็คือ บรรลุพระธรรมกายที่อยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติศาสนาและเผ่าพันธุ์ใด จะรู้หรือไม่รู้ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม ก็มีอยู่ทุกคน แล้วจะรู้ได้อย่างไร ก็ต้อง เอหิปัสสิโก มาลองพิสูจน์ ทำดูเอาใจมาหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 หยุดอย่างเดียว โดยไม่ต้องทำอะไรเลย

     ถ้าใครมีความอยากจะไม่เจอ ต้องมีความหยุด “หยุด” อย่างเดียวจึงจะเจอ ถ้า “อยาก” ไม่เจอ ตรงนี้สำคัญมาก ถ้าใครจะมาพิสูจน์ต้องทำอย่างนี้ ถ้าไม่ทำอย่างนี้แล้วไม่เจอก็อย่ามาว่ากันนะ เพราะว่าทำผิดวิธีการ ถ้าเราดูพริกไทยอย่างเดียว เราจะไม่มีวันรู้เลยว่ารสเผ็ดมันเป็นอย่างไร ต้องชิมจึงจะรู้ หรือได้ฟังคนอื่นเขาว่าเผ็ดเราแค่เดินผ่านเราก็ไม่เผ็ด ต้องพิสูจน์ ต้องมาชิมดู ธรรมะก็เช่นกัน ต้องทำให้ถูกหลักวิชชา ถ้าหากเราปรารถนาที่จะสมหวังในชีวิต อยากพบความสุขที่แท้จริงอยากจะรู้ว่าคนเราเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายของชีวิต แล้วจะไปสู่เป้าหมายนั้นได้อย่างไร วิธีอื่นจะพิสูจน์ไม่ได้ จะไปอ่านตำรับตำราหรือจะไปฟังเขา มันเชื่อยาก เพราะไม่เห็น ต้องเห็นเองอย่างเดียว ถ้าอยากเห็นก็ต้องทำ ต้องพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาตามหลักวิชชา พระมีอยู่ในตัวเป็นสิ่งที่ต้องทำมันต้องเข้าถึงอย่างเดียว


ใช้เวลาให้คุ้มค่า


      เรามีเวลาอยู่ในโลกนี้จำกัด จำกัดเพื่อทำความดี เพื่อสร้างบารมี ถ้าในหนึ่งวันเราแบ่งเวลาเป็นสามช่วง ช่วงละ 8 ชั่วโมง เราหมดเวลาไปกับการนอนหนึ่งในสามของชีวิต การทำมาหากินอีกหนึ่งในสาม ถ้าใครทำ overtime ก็หนักเข้าไปอีก รับประทานอาหาร อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน สนุกสนานเพลิดเพลิน ดูทีวี อีกหนึ่งในสาม วันหนึ่งเราได้เวลาเท่ากันคือคนละ 24 ชั่วโมง แต่ได้ไม่เท่ากัน คือได้บุญกุศลไม่เท่ากัน สูญเสียเวลาเท่ากันแต่สิ่งที่ได้มาไม่เท่ากัน แค่นอนเฉย ๆ ไม่ต้องไปทำความชั่วก็ถือว่าไม่ได้บุญ ถ้าใช้ชีวิตไปกับบาป ไปดื่มเหล้าสูบบุหรี่ เล่นการพนัน เจ้าชู้ เที่ยวกลางคืน ไปบาร์ ไปคลับ อย่างนี้แล้วเราจะเอาอะไรมาเป็นกำไรชีวิต ไม่มีเลย ต้องคิดกันให้ดี ๆ เพราะเราเกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้งและสร้างบารมี ต้องจับหลักตรงนี้ให้ได้ จับหลักตรงนี้ไม่ได้ชีวิตก็เหลว

     หลักนี้เอามาจากไหน ก็จากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงศึกษาฝึกฝนตนเอง จนกระทั่งบรรลุมรรคผลนิพพาน เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้พ้นแล้วจากกิเลสอาสวะ คำสอนของพระองค์จึงเป็นคำสอนที่ถูกต้องแต่ละภพแต่ละชาติพระองค์เกิดมาก็จะมาทำพระนิพพานให้แจ้ง เมื่อยังไม่แจ้งก็สั่งสมบ่มบารมีกันไป พอบารมีเต็มเปี่ยมก็ได้บรรจุตำแหน่งเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง จะเป็นปัญญาธิกพุทธเจ้า ศรัทธาธิกพุทธเจ้าหรือวิริยาธิกพุทธเจ้า ก็แล้วแต่กำลังบุญบารมี แล้วตอนที่พระองค์บรรลุมรรคผลนิพพานในตัวก็เห็นนั่งเฉย ๆ แล้วบรรลุนะ พระองค์ไม่ได้จับจอบ จับเสียมไม่ได้ขุดดิน ดายหญ้า ไม่ได้ตีกอล์ฟ ไม่ได้อ่านตำรับตำราในห้องสมุด ไม่ได้อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต ก็เห็นท่านนั่งเฉย ๆ หลับตาขัดสมาธิคู้บัลลังก์ดำรงสติให้มั่น เอาใจถอนจากความยินดียินร้าย


อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ


     อาตาปี ทำความเพียรให้กลั่นกล้า ยังกิเลสให้เร่าร้อน หมายความว่า ถ้าเราทำความเพียร กิเลสจะเร่าร้อน พอร้อนมันก็ระเหยไปอย่างนั้น นี่อุปมา
     

     สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ ให้มีสติรู้ตัวตลอดเวลาถอนใจออกจากความยินดียินร้าย ให้ใจได้สมดุลเหมือนตาชั่งสองข้าง ไม่เอียงทางยินดี ไม่เอียงทางยินร้าย นิ่ง ๆ พอดี ๆ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่ใต้ควงไม้พระศรีมหาโพธิ์ แล้วก็ทำนิ่ง ๆ เฉย ๆ ก็เข้าถึงได้ พระบรมครูของเราเป็นต้นแบบอย่างนี้ เราก็ต้องทำอย่างนั้น

หยุดเป็นตัวสำเร็จ

"หยุดเป็นตัวสำเร็จ"
หยุด ใจนิ่งสนิทไว้ กลางกาย
เป็น จุดสำคัญหมาย สู่เป้า
ตัวสมมุติถูกมลาย สลายหมด
สำเร็จ พระพุทธเจ้า เสด็จเข้านิพพานเกษม
สุนทรพ่อ

     ครูไม่ใหญ่เสียดายชีวิตพระภิกษุสามเณรที่ปล่อยวันเวลาให้ผ่านไปคือเสียไปทุกวันแต่ไม่ค่อยจะได้กำไร ดีไม่ดีขาดทุนด้วย บวชมานี่หวังจะทำพระนิพพานให้แจ้ง เพื่อจะได้มีโอกาสว่าง ไม่ต้องไปทำมาหากินแบบชาวโลก เอาเวลาว่างนั้นมาบำเพ็ญสมณธรรม คือ ฝึกใจให้หยุดให้นิ่ง เป็นธรรมสำหรับสมณะผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เป็นผู้สงบระงับทั้งกาย วาจา ใจ เสียดายบางรูปไปดูทีวีไม่ค่อยได้ทำอะไร ซึ่งมันควรจะได้บุญกุศลกลับคืนมา และได้เห็นหนทางที่จะไปสู่อายตนนิพพานเอาไว้เป็นที่พึ่งแก่ตัว แล้วเราจะได้นำไปสั่งสอนญาติโยม เพราะฉะนั้นภายในพรรษานี้จึงเป็นพรรษาที่พระต้องเห็นพระ เณรก็ต้องเห็นพระ โยมก็ต้องเห็นพระ จึงจะเรียกว่าเป็น พรรษาแห่งการบรรลุธรรม

      โดยเฉพาะลูกของครูไม่ใหญ่ ทั้งวัดใหญ่ วัดสาขา ทั้งภายในและต่างประเทศก็ต้องขวนขวายประพฤติปฏิบัติธรรม ยิ่งห่างไกลจากวัดใหญ่ก็ยิ่งต้องดูแลตัวเองให้ดีให้ยิ่งกว่าอยู่รวมกัน เพราะว่ามีข้าศึกเยอะรอบตัว เขาไม่ได้ถือปืน ถืออาวุธ หรือนั่งรถถังมา แต่เป็นข้าศึกต่อการกุศลและพรหมจรรย์ ผู้ที่ถือปืนมาไม่ค่อยจะน่ากลัว ข้าศึกที่ดูไม่น่ากลัวสิ น่ากลัว เวลาดูแล้วไม่น่ากลัว มันสวย ๆ งาม ๆ ต้องระวังนะลูกนะ อยู่ห่างไกลต้องดูแลตัวเองให้ดี ครูไม่ใหญ่อยู่ทางนี้ก็ได้แต่เอาใจช่วย ส่งใจไปให้กำลังใจกันไปเพราะฉะนั้น อยู่ตรงนั้นต้องตั้งใจปฏิบัติธรรม บำเพ็ญสมณธรรมให้ดี แล้วจะไม่เหงาเลย ไม่มีใครคุย เราก็นั่งหลับตา คุยกับพระในตัวก็ได้ดวงแก้วก็ได้ ถ้ายังไม่เห็นก็คุยกับความมืดภายใน ฟังเสียงในใจเงียบ ๆที่อยู่ในความมืด หรือมีเสียง “สัมมา อะระหัง” ภายในใจก็ไม่เหงาแล้ว


14 สิงหาคม พ.ศ. 2546

จากหนังสือบางสิ่งที่แสวงหา
โดย พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

บางสิ่งที่แสวงหา


บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/บางสิ่งที่แสวงหา/เข้าพรรษา-เอหิปัสสิโก.html
เมื่อ 1 กรกฎาคม 2567 16:13
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv