ประเภทของพระบรมธาตุ
ประเภทของพระบรมธาตุ
มีวิธีแบ่งตามความสมบูรณ์ของสภาพหลังพิธีเผาสรีระธาตุ
1. นวิปปกิณณาธาตุ
คือพระบรมธาตุที่ยังอยู่เป็นชิ้นสมบูรณ์ มี 7 องค์ ได้แก่ พระเขี้ยวแก้ว 4 องค์, พระรากขวัญ (ไหปลาร้า 2 องค์) และพระอุณหิศ (พระนลาฎหรือหน้าผาก) 1 องค์ พระเขี้ยวแก้วองค์ด้านขวาบนอยู่ที่ดาวดึงส์ องค์ซ้ายล่างอยู่ที่นาคพิภพ องค์ซ้ายบนอยู่ที่เมืองแคนดีศรีลังกา องค์ขวาล่างอยู่ที่พระเจดีย์อุทกปุพพุลละในป่ารังแถบลุ่มแม่น้ำเสรุ พระรากขวัญองค์หนึ่งอยู่ที่เมืองอนุราชสิงหลในลังกา อีกองค์อยู่ที่พรหมโลก พระอุณหิศหรือพระนลาฎนั้นอยู่ที่เจดีย์บนยอดเขาโสณฑิยะ ระหว่างแม่น้ำเสรุกับแม่น้ำวรภะบนฝั่งขวาของแม่น้ำมหาวาลุกคงคาเมืองอนุราชสิงหล
2. วิปปกิณณาธาตุ
คือพระบรมธาตุส่วนที่แยกกระจัดกระจายเพื่อยังประโยชน์แก่มหาชนและสรรพสัตว์สรรพวิญญาณทั้งหลายตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงอธิษฐานไว้ก่อนเสด็จปรินิพพาน ดังที่ปรากฏอยู่ใน “ตำนานมูลศาสนา” และ “ชินกาลมาลีปกรณ์” “ว่า..” เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว ศาสนาจักไม่กว้างขวาง ขอให้ธาตุ 7 ส่วน (นวิปปกิณณาธาตุ) อย่าแตกย่อย ธาตุอื่นนอกจากนี้ ขอให้แตก ย่อยเท่าเมล็ดถั่วถิม เท่าเมล็ดข้าวสารหักกึ่ง เท่าเมล็ดพันธ์ผักกาด (รวมประมาณ 16 ทะนานเล็ก) จงกระจัดกระจายให้คนทั้งหลายอันประกอบด้วยศรัทธาได้อุปัฎฐากบูชาเพื่อเป็นเหตุแห่งสุคติ เถิด
นอกจากนี้ยังมีการแบ่งในลักษณะอื่นๆ เช่น
พระธาตุที่เป็นกระดูกของพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์จริงๆ (เช่นองค์ที่บรรจุอยู่ในพระปฐมเจดีย์ หรือภูเขาทอง)
พระธรรมธาตุ อันเกิดจากพุทธานุภาพ (พลังธรรมจักรฯ) ที่มีต่อสิ่งอื่น (มิใช่ร่างกายของพระพุทธเจ้า) เมื่อพระพุทธเจ้าบรรลุนิพพานมรรคแล้ว สรรพสิ่งทั้งหลายที่พระองค์เคยปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับปราณของท่านจะค่อยๆ ทยอย (ตามพุทธสรีระ) กลายเป็นพระธาตุไปตามลำดับความเข้มข้นของพุทธปราณ โดยเหตุนี้จึงมีพระธาตุมากมาย (พระธาตุของพระอรหันต์ก็เป็นไปตามหลักการนี้ และเป็นไปตามลำดับความเข้มข้นของพลังพระรัตนตรัยหรือพลังธรรมจักรฯ ที่หล่อเลี้ยงธาตุขันธ์ โดยพระอรหันต์ได้ธรรมจักรฯ อันเป็นนิพพานมรรคจากพระพุทธเจ้าองค์ใด ในธาตุขันธ์ของพระอรหันต์องค์นั้นก็จะค่อยๆ บริสุทธิ์กลายเป็นพระธาตุ และเป็นสาวกบริวารของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น มีที่สุดคืออายตนะนิพพานอันมีพระพุทธเจ้าองค์นั้นเป็นประธานนั่นเอง)
บางครั้งมีการแบ่งชนิดของพระธาตุเป็นชนิดเม็ดกรวดเม็ดทราบ และชนิดหินปูน ชนิดหินปูนจะมีลักษณะสวยงาม มักจะมีขนาดเล็ก แวววาวดุหมดจดสวยงาม ผู้ที่ยังติดความสวยงามหรือมีตัวหลงอยู่มากมักจะให้ความสำคัญและความศรัทธาพระธาตุชนิดที่เหมือนกรวดทราย แต่ก็มีผู้รู้ในอดีตหลายท่านที่ให้ความสำคัญพระบรมธาตุชนิดเม็ดกรวดเม็ดทราย (ซึ่งเหมือนกระดูก และมีความสวยน้อยกว่าประเภทหินปูน) ผู้รู้เหล่านี้ได้แก่
- พระสังฆราช (วาสน์) : ทรงเชื่อมั่นในพระบรมธาตุแบบเม็ดกรวดเม็ดทราย เพราะส่วนใหญ่แสดงอานุภาพเป็นแสงนวลปลั่งลอยวนสถานที่ประดิษฐาน ลอยเป็นกลุ่มผ่านไปในอากาศ หรือเป็นแสงสว่างโพลงขึ้นในที่มืด เช่นที่พระปฐมเจดีย์
- ลอร์ดเคอร์ซัน อุปราชประจำอินเดียชาวอังกฤษ ได้ขดพบพระธาตุและมีคำแปลว่า กระดูกสมณะโคดม
- พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล ได้ให้ทรรศนะว่าพระปฐมเจดีย์ก็เป็นแบบกระดูกคน
- พลตรี ม.ร.ว. คึกฤทธ์ ปราโมช เขียนถึงพระบรมธาตุที่ภูเขาทองว่านักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าเป็นกระดูกคน
- สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
- พระองค์เจ้าปฤษฎางค์
- พระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ ทรงนิยมยกย่องและสะสม พระบรมธาตุเป็นที่สุด โดยถือเป็นเครื่องมงคลอันสูงสุด
- พระสังฆราช (อยู่) วัดสระเกศ ก็ทรงนิยมและสักการะบูชาพระบรมธาตุเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน
จาก : หนังสือพระบรมธาตุ เขียนโดย : อ.บริภัทร
พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2539