ไปวัดไปวา

วัดบรมวงศ์อิศรวรารามวรวิหาร




วัดบรมวงศ์อิศรวรารามวรวิหาร
วัดไทย ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    
     ทะเลหญ้าอารามร้างกลางสถาน     แต่โบราณเหล่าคชาอยู่อาศัย

     พิษหญ้ารกพงร้างหนทางไพร     สร้างวัดใหม่เมื่อพระยามาเหยียบเมือง

     ประธานนามบรมวงศ์องค์วิสุทธิ์      งามประดุจเทพประดิษฐ์สถิตย์เนื่อง

     เป็นมาลาร่มขวัญอันประเทือง       พุทธศาสน์รุ่งเรืองโอฬารเอย



วัดบรมวงศ์อิศรวรารามวรวิหาร



วัดบรมวงศ์อิศรวราราม
วัดบรมวงศ์อิศรวรารามพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรวิหาร
 
 
     วัดบรมวงศ์อิศรวรารามเป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำป่าสัก ในท้องที่หมู่บ้านเพนียด ตำบลสวนพริก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีเนื้อที่ ๒๙ ไร่และมีที่ธรณีสงฆ์ติดเป็นผืนเดียวกับวัดอีก ๔๓ ไร่ ทำให้วัดดูมีพื้นที่กว้างขวาง แต่เดิมวัดแห่งนี้เรียกกันตามประสาชาวบ้านว่า วัดทำเลหญ้า หรือ วัดทะเลหญ้า เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้ากว้างเมื่อถึงฤดูน้ำแต่ละปี น้ำจะท่วมนองทั้งท้องทุ่ง ครั้นน้ำลดต้นหญ้าก็ขึ้นงามจึงเป็นที่มาของชื่อวัดแห่งนี้
 
 
วัดบรมวงศ์อิศรวราราม 
แต่เดิมเรียกกันว่า วัดทำเลหญ้า หรือ วัดทะเลหญ้า
 
 
     วัดทะเลหญ้าเป็นวัดโบราณตั้งแต่ครั้งกรุงศรีเป็นราชธานี แต่ต่อมาได้กลายเป็นวัดร้าง โบสถ์วิหารต่างๆพังทลายหมด เหลือเค้าแต่เพียงเจดีย์ให้เห็นเท่านั้น ในสมัยรัชกาลที่ ๔ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ามหามาลากรมพระบำราบปรปักษ์  ซึ่งเป็นพระราชโอรสในรัชกาลที่ ๒ ทรงว่าราชการกรมพระคชบาลและทรงเป็นพระหมอเฒ่าผู้รอบรู้ศิลปศาสตร์เกี่ยวกับช้าง
 
     ทำให้ต้องทรงมาดูแลช้างในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอยู่เสมอและทรงพักที่พระตำหนักเพนียด ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดร้างแห่งนี้พระองค์ทรงพอพระทัยกับบรรยากาศอันเงียบสงบเหมาะแก่การบำเพ็ญสมณะธรรม  อีกทั้งบริเวณดังกล่าวยังเป็นที่เลี้ยงช้างมาแต่โบราณกาล จึงได้ทรงสถาปนาวัดทะเลหญ้าขึ้นใหม่ทั้งหมด
 
 

พระอุโบสถวัดบรมวงศ์อิศรวรารามวรวิหาร 



วัดบรมวงศ์อิศรวราราม 
เจดีย์ทรงลังกาแทรกระหว่างอุโบสถกับวิหารตรีมุข
 
 
    จนกระทั่งมาเสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ระหว่างสร้างวัดพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ทรงบริจาคทรัพย์ร่วมด้วยหลายครั้ง เมื่อสร้างแล้วเสร็จได้พระราชทานนามว่า วัดบรมวงศ์อิศรวราราม พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินโดยทางชลมาส  จากกรุงเทพมายังพระราชวังบางปะอินและเสด็จต่อมายังวัดเพื่อร่วมบอกสีมาวางลูกนิมิตและถวายผ้าพระกบินหลายครั้ง
 

วัดบรมวงศ์อิศรวราราม
พระอุโบสถปูด้วยหินอ่อน
 
 
   พระอุโบสถมีความกว้าง ๙ เมตร ๕๐ เซนติเมตร ยาว ๑๘ เมตร ปูด้วยหินอ่อนหลังคามุงกระเบื้อง ประดับช่อฟ้าหัวนาค ซึ่งนิยมในสมัยรัชกาลที่ ๔ หน้าบรรณเป็นรูปครุฑยุดนาค ซุ้มประตูหน้าต่างเป็นซุ้มบันแถลงประกอบลายพระมาลา  บานประตูและบานหน้าต่างเขียนลายพระมาลาอยู่ด้านบน  ถัดลงมาเป็นลายเครื่องอิสริยาภรณ์และรูปช้างอันหมายถึงตำแหน่งคชบาล
 
     พระประธานเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หล่อด้วยโลหะ ลงรักปิดทอง หน้าตักกว้าง ๑ เมตร สูงตลอดพระรัสมี ๑ เมตร ๖๐ เซนติเมตร ตั้งบนชุกชีหินอ่อน ภายใต้เรือนแก้วทรงกลีบบัวสัตตบุษย์ เรือนแก้วมีสัดส่วนที่งดงามสร้างอย่างประณีตบรรจงมาก เข้าใจว่ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ผู้ทรงเป็นศิลปินเอกสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อมองด้านตรงจะเห็นเป็นเรือนแก้วทรงไทยที่สวยงามแต่หากมองด้านข้างจะเห็นเป็นทรงโดมคล้ายมัสยิด
 
 
วัดบรมวงศ์อิศรวราราม 
พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
 
 
     ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ ๕ ทรงนิยมนำศิลปะของศาสนาอื่นเข้ามาร่วมเป็นองค์ประกอบของศิลปะในพระพุทธศาสนาอยู่หลายแห่ง  ที่ผนังตรงทางออกพระอุโบสถมีพระรูปปั้นของเจ้าฟ้ามหามาลากรมพระบำราบปรปักษ์ พลเรือโทพระวรวงศ์เธอกรมหมื่นปราบปรปักษ์ หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุลและหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ผู้เป็นสายสกุลในผู้สถาปนาพระอารามแห่งนี้ ถัดจากอุโบสถไปด้านหลังมีเจดีย์ทรงลังกาแทรกระหว่างอุโบสถกับวิหารตรีมุข วิหารตรีมุขเป็นวิหารที่มีหลังคาด้านหน้าซ้อน ๓ ชั้น ลด ๓ ชั้น ด้านข้างซ้อน ๒ ชั้น ลด ๓ ชั้น
 
 

วิหารวัดบรมวงศ์อิศรวรารามวรวิหาร  

 

วัดบรมวงศ์อิศรวราราม 
รายรอบด้วยภาพถ่ายจำนวนนับร้อยภาพ
 
 
    ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์ในบุษบก ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าตั้งแต่อยุธยาตอนปลาย ถัดมาด้านตรงข้ามเป็นพระพุทธรูป ยืน นั่งและนอน มีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่มุขด้านใน รายรอบด้วยภาพถ่ายของพระองค์ พระมเหสี พระชายาและพระสหายจำนวนนับร้อยภาพ ใส่กรอบขนาดเท่ากัน ติดเรียงรายไว้อย่างเป็นระเบียบ ชมได้เพลิดเพลินไม่รู้เบื่อ สีมาตั้งสีมาอยู่บนสันของกำแพงแก้วด้านใน หน้าบรรณศาลาและซุ้มประตูทางเข้า ตกแต่งด้วยรูปพระมหามาลาเป็นสัญลักษณ์

 
วัดบรมวงศ์อิศรวราราม
พระพุทธรูปปางปาลิไลยก์ในบุษบก


รับชมวิดีโอ
 
[[videodmc==26745]]

บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/พระพุทธศาสนา/วัดบรมวงศ์อิศรวรารามวรวิหาร.html
เมื่อ 3 กรกฎาคม 2567 18:28
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv