เหตุผลที่หลวงพ่อธัมมชโยไม่ได้รับความเป็นธรรม
 

 

      พระเทพญาณมหามุนีอุปสมบทมา ๔๗ พรรษา ทำความดีมาทั้งชีวิต ปัจจุบันอายุ ๗๒ ปีแล้ว สุขภาพก็ไม่ค่อยแข็งแรง อยู่ในช่วงปลายของชีวิต แต่ท่านกลับถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร ซึ่งไม่เป็นธรรมกับท่านอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลดังนี้


     ๑. เรื่องเกิดขึ้นเพราะนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ได้ตกเป็นผู้ต้องหาฐานลักทรัพย์นายจ้าง โดยได้จ่ายเช็คสหกรณ์ฯออกไปยังบุคคลและองค์กรต่างๆ จำนวน ๘๗๘ ฉบับ ซึ่งมีเช็คจำนวน ๑๐ ฉบับ ที่นายศุภชัยได้นามาทำบุญบริจาคให้พระเทพญาณมหามุนี ซึ่งพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้เคยมาสอบปากคาเรื่องดังกล่าวกับพระเทพญาณมหามุนีแล้ว และได้ส่งสานวนการสอบสวนทั้งหมดไปยังอัยการ ซึ่งทางอัยการได้พิจารณาแล้วไม่สั่งฟ้องพระเทพญาณมหามุนี แต่อยู่ๆ กลับมีการตั้งคดีใหม่ขึ้นมาในเรื่องเดิมที่ได้สอบสวนไปแล้ว และตั้งข้อหาใหม่กับพระเทพญาณมหามุนีว่าสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร เป็นการด้าเนินคดีซ้าซ้อน ขัดกับหลักกฎหมายที่ว่า “กรรมเดียวจะด้าเนินคดีซ้าซ้อนไม่ได้”
 
     ๒. ความผิดข้อหารับของโจรและฟอกเงินนั้น จะเกิดขึ้นได้เมื่อพระเทพญาณมหามุนีมีเจตนาทุจริตสมคบคิดร่วมมือกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร นาเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ออกมาเพื่อประโยชน์ของตนในทางทุจริตแต่พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นจริงแย้งกับข้อสมมติฐานนี้โดยสิ้นเชิง เพราะพระเทพญาณมหามุนีรับบริจาคโดยเปิดเผยท่ามกลางประชาชนจำนวนเรือนหมื่นเรือนแสน ตัวท่านเองก็ไม่เคยเห็นเช็คเลย เจ้าหน้าที่การเงินเป็นผู้รวบรวมเงินสดและเช็คที่มีผู้บริจาคไปเข้าธนาคาร และจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างศาสนสถานรวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของวัดตามเจตนาของผู้บริจาค ดังที่ได้เคยให้การไว้กับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว
 
    ๓. หากพระเทพญาณมหามุนีมีเจตนาทุจริตสมคบร่วมมือกับนายศุภชัยฯนาเงินออกมาจากสหกรณ์ฯแล้ว ก็ย่อมจะต้องพยายามปิดบังซ่อนเร้นการกระทำผิดนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะร่วมมือกันกระทำความผิดโดยสั่งจ่ายเช็คของสหกรณ์ฯในชื่อของพระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกายตามที่ปรากฏ เพราะหากมีการทุจริตนาเงินออกมาจากสหกรณ์ฯจำนวนมาก สุดท้ายสหกรณ์ก็จะต้องประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรง อีกทั้งการสั่งจ่ายเงินด้วยเช็คของสหกรณ์ฯก็จะต้องมีปัญหาแน่นอน และสามารถตรวจสอบเส้นทางของเงินได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ผู้มีเจตนากระทำความผิดร่วมกันฟอกเงินหรือรับของโจรจะกระทำการจ่ายและรับเงินด้วยเช็คเช่นนั้น
 
     ๔. ยิ่งกว่านั้น ท่านไม่เคยเบิกเงินสดออกจากบัญชีของท่านเลยแม้แต่บาทเดียว เงินที่นายศุภชัยฯบริจาคด้วยเช็คสหกรณ์ฯ ได้โอนผ่านบัญชีไปจ่ายบริษัทก่อสร้าง ใช้ในการก่อสร้างศาสนสถานตามเจตนาของผู้บริจาคหมดแล้ว ไม่ได้ใช้ไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของท่านเลย ซึ่งมีเส้นทางการเงินที่ตรวจสอบได้ชัดเจนจากผลการตรวจสอบของสานักงาน ป.ป.ง. และได้มอบหลักฐานให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว
 
      ๕. มีคาถามว่านายศุภชัยฯบริจาคเงินมากอย่างนี้ พระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกายไม่สงสัยหรือว่านายศุภชัยนาเงินบริจาคมาจากที่ใด ความเป็นจริงคือนายศุภชัยฯได้บริจาคเงินให้กับวัด โรงเรียน มหาวิทยาลัย หน่วยงานสาธารณกุศล และหน่วยงานของรัฐหลายแห่ง ทั้งนายศุภชัยฯไม่ใช่ผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดของวัดพระธรรมกาย เมื่อนายศุภชัยฯแจ้งว่าประกอบธุรกิจประสบความสาเร็จจึงนาเงินมาทำบุญ ทางวัดพระธรรมกายจึงไม่ได้สงสัยที่มาของเงินบริจาค จึงรับบริจาคไว้เช่นเดียวกับผู้บริจาครายอื่นๆ แต่เมื่อเกิดเป็นคดีความขึ้น นายศุภชัยฯได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า เงินที่นามาบริจาคทำบุญให้กับวัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนีนั้นยืมมาจากสหกรณ์ฯและได้ใช้เงินคืนสหกรณ์ฯครบถ้วนแล้ว
 
     ๖. เมื่อเกิดคดีความขึ้น ทางคณะศิษยานุศิษย์ของพระเทพญาณมหามุนี เห็นว่าหากปล่อยให้เรื่องยืดเยื้อไปจนกว่าจะจบการพิจารณาของศาลจะใช้เวลานาน ทำให้สมาชิกผู้ฝากเงินสหกรณ์ฯจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน วัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนีเสียชื่อเสียง จึงได้ตั้งกองทุนเยียวยาช่วยเหลือให้แก่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เต็มจำนวนเงินทั้งหมดที่นายศุภชัยฯได้บริจาคให้แก่วัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนี โดยทำเป็นข้อตกลงในศาลจำนวนเงิน ๖๘๔.๗๘ ล้านบาท ซึ่งสหกรณ์ฯได้รับเงินไปทั้งหมดแล้ว ส่วนเงินที่เหลืออีกจำนวน ๓๗๐.๗๘ ล้านบาท คณะศิษยานุศิษย์ฯได้ตกลงกับสหกรณ์ฯและมอบเช็คให้แก่สหกรณ์ฯได้รับไปเรียบร้อยแล้ว

     หลังจากนั้นสหกรณ์ฯได้ถอนฟ้องพระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกายและทำหนังสือแสดงเจตจำนงไม่ประสงค์จะดาเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาแก่พระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกายอีก รวมทั้งได้ทำหนังสือขอบคุณมายังคณะศิษยานุศิษย์ของพระเทพญาณมหามุนีที่มีน้าใจเยียวยาช่วยเหลือสหกรณ์ฯเต็มจำนวน
 
   ดังนั้น สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด จึงไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ทางด้านการเงินจากเงินที่นายศุภชัยฯนามาบริจาคให้แก่วัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนีผู้เสียหายไม่ติดใจดาเนินคดี ซ้ำยังมีหนังสือขอบคุณ แต่ทางดีเอสไอกลับพยายามตั้งข้อหาจะเอาความผิดกับท่าน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
 
      ๗. เมื่อทางดีเอสไอได้ออกหมายเรียกให้พระเทพญาณมหามุนีไปพบพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ ทนายความผู้รับมอบอานาจของพระเทพญาณมหามุนี ได้ยื่นหนังสือขอเลื่อนการมาพบพนักงานสอบสวน ด้วยเหตุอาพาธโดยมีใบรับรองแพทย์เมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น. หลังจากพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้ว ได้แจ้งกับทนายเมื่อเวลา ๑๑.๓๐ น. ว่าอนุญาตให้เลื่อนได้ ตกลงกันเป็นวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ทนายความจึงเดินทางกลับ แต่ราว ๑๓.๓๐ น. ทางพนักงานสอบสวนกลับโทรศัพท์แจ้งมาใหม่ว่า ไม่อนุญาตให้เลื่อนและขอออกหมายจับ โดยไม่มีการให้แพทย์จากโรงพยาบาลตารวจหรือหน่วยงานกลางอื่นใด มาตรวจอาการของพระเทพญาณมหามุนีเลยว่าป่วยจริงหรือไม่ ถามว่า ดีเอสไอรู้ได้อย่างไรว่าหลวงพ่ออาพาธจริงหรือไม่ ดีเอสไออ้างว่าเมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ท่านยังร่วมพิธีได้ แต่ในใบรับรองแพทย์ก็ระบุชัดว่าท่านมีอาการป่วยเฉียบพลัน เหตุผลของดีเอสไอฟังไม่ขึ้นเลย สุดท้ายศาลก็สั่งไม่อนุญาตออกหมายจับ ทำไมดีเอสไอจึงเข้มงวดกับพระผู้ใหญ่ที่ทำความดีตลอดชีวิตอย่างนี้ ท่านอาพาธอยู่ที่วัดตลอดทั้งปีไม่เคยออกจากวัดเลยแม้แต่ก้าวเดียว มาพบท่านที่วัดได้ทุกเมื่อ ทำไมต้องออกหมายจับ ท่านป่วยเป็นเส้นเลือดดำใหญ่ที่ขาซ้ายอุดตัน ขาข้างซ้ายใหญ่กว่าขาข้างขวา ๒เท่าตัว เป็นเบาหวานมีแผลเรื้อรัง และเป็นโรคภูมิแพ้รุนแรง ดีเอสไอก็เคยเห็นกับตาตัวเอง เมื่อมาพบท่านที่วัดคราวก่อนแล้ว ทำไมจึงมาพบท่านที่วัดไม่ได้
 
     ทำไมพนักงานสอบสวนดีเอสไอจึงเปลี่ยนคาพูด ? ตอนแรกบอกว่าให้เลื่อน แล้วกลับเปลี่ยนเป็นไม่ให้เลื่อนแต่ขอออกหมายจับศิษยานุศิษย์ของพระเทพญาณมหามุนีหลายล้านคนทั่วโลกสะเทือนใจมาก
 
ความไม่ชอบธรรมผิดหลักกฎหมายในการตั้งข้อกล่าวหาพระเทพญาณมหามุนี
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/รวมคำถามคำตอบข่าววัดพระธรรมกาย/590518-เหตุผลที่หลวงพ่อธัมมชโยไม่ได้รับความเป็นธรรม.html
เมื่อ 3 กรกฎาคม 2567 12:37
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv