วงจรชีวิตกายมนุษย์ทำกรรมดีได้มากที่สุด
การพลัดไปเกิดในอบาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน เปรต สัตว์นรก จึงเป็นภัยของวัฏสงสารเทวดาทำได้ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว
เทวดาทำกรรมดี คือ อนุโมทนาบุญกับหมู่ญาติที่อุทิศไปให้ ถ้าอยู่บนสวรรค์ ก็ไปบูชาพระจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หรือนั่งสมาธิ
เทวดาทำกรรมชั่ว ตัวอย่างเช่นในสมัยพุทธกาลมีเทวดาอยู่ตนหนึ่ง เห็นภิกษุ 2 รูป รักกันมากคราวหนึ่งท่านเดินทางไประหว่างเมือง เทวดาก็คิดว่า จะทำอย่างไรให้ภิกษุ 2 รูปแตกกัน ขณะเดินทางไปด้วยกันภิกษุรูปหนึ่ง ขอแวะข้างทางเพื่อทำสรีระกิจ ภิกษุอีกรูปเดินล่วงหน้าไปก่อน เมื่อเทวดาเห็นก็นึกว่า โอกาสมาถึงแล้ว หลังจากภิกษุรูปนี้ทำสรีระกิจเสร็จ ก็เดินออกมาจากข้างทาง เทวดาก็แปลงกายเป็นหญิง เดินตามหลังออกมาด้วย ภิกษุที่ยืนรออยู่เห็นก็เข้าใจผิด และตำหนิเพื่อนภิกษุว่าทำผิดศีล ทำให้ภิกษุทะเลาะกัน เมื่อเทวดาสำเร็จประโยชน์แล้วก็จากไป เมื่อจุติแล้วก็ไปอบาย ด้วยกรรมที่ส่อเสียดให้ภิกษุแตกกัน เทวดาทำดีก็ได้ ทำชั่วก็ได้แต่ทำได้ไม่เต็มที่
เปรต สัตว์นรก ไม่มีโอกาสทำอะไรเลย รับทัณฑ์ทรมานจนกว่ากรรมจะเบาบางลง
สัตว์เดรัจฉานทำกรรมดีได้บ้าง แต่ทำกรรมชั่วได้มาก โดยเฉพาะสัตว์ที่มีชีวิตอยู่ด้วยการกินกันเอง มันจะมีชีวิตอยู่ได้ต้องฆ่ากันเองทุกวัน เช่น นกกับกบกินแมลงเป็นอาหาร เป็นต้น มันจึงต้องทำบาปทุกวัน เพื่อความอยู่รอดของชีวิต
กายของมนุษย์ทำกรรมดีได้มากกว่าทุกกาย สามารถสร้างบารมีและปฏิบัติธรรมจนบรรลุมรรค ผล นิพพานได้ ทำกรรมชั่วก็ได้มากที่สุด เพราะสามารถทำอนันตริยกรรมได้ กายมนุษย์จึงมีโอกาสทำกรรมดีได้มากที่สุด ตราบที่ยังมีลมหายใจ
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/แก้กรรม-รู้ทันวิบากกรรม/กายมนุษย์ทำกรรมดีได้มากที่สุด-วงจรชีวิต.html
เมื่อ 22 กรกฎาคม 2567 22:07
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv