สมาธิ กฏแห่งกรรม

ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 21 - 25 มีนาคม พ.ศ. 2559

ราชองครักษ์ชาตินักรบ ตอนที่ 16 (ตอนจบ)

เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรา

     สำหรับในค่ำคืนนี้...คุณครูไม่ใหญ่ก็จะขอนำเรื่องราวการสร้างบารมีในพุทธันดรที่ผ่านมาของพระลูกชายรูปหนึ่ง (ซึ่งก็คือพระอาจารย์อารักษ์) ซึ่งได้เคยเล่าออกอากาศเอาไว้แบบยาวเหยียด แต่ก็ยังไม่จบตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ.2552 รวมแล้วก็ผ่านมา 7 ปี (อ่านตอนที่ผ่านมา) มาสรุปโดยย่อและเล่าต่อให้จบ ก็ไม่รู้ว่าลูกๆ นักเรียนอนุบาลฯ จะอยากฟังกันมั้ย...เรื่องก็มีอยู่ว่า...
 

     ย้อนกลับไปในพุทธันดรที่ผ่านมา...ตัวลูกก็ได้เกิดเป็น “กุลบุตรรูปงาม นามไพเราะ” อยู่ในตระกูลของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในแคว้นของพระราชาองค์ที่ออกบวช โดยตัวลูกจะเป็นเด็กที่สดใสร่าเริง สนุกสนาน ช่างพูดช่างเจรจา อ่อนน้อมอ่อนโยน และเป็นที่รักที่เอ็นดูของคนรอบข้างเป็นอย่างมาก
 

     เมื่อตัวลูกเจริญวัยขึ้น คุณพ่อของลูกก็ได้ส่งให้ลูกไปศึกษาเล่าเรียนอยู่ในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงประจำแคว้นซึ่งเป็นโรงเรียนที่พระราชา (ซึ่งเป็นพระราชบิดาของพระราชาองค์ที่จะออกบวช) ท่านได้สร้างเอาไว้ เพื่อให้การศึกษากับเหล่ากุลบุตรที่อาศัยอยู่ในแคว้นแห่งนั้น
 
      และด้วยความที่ตระกูลของลูกก็มีความตั้งใจหมายมั่นเอาไว้ว่า...อยากที่จะให้ตัวลูกได้เข้ารับราชการทหารเหมือนกับทุกๆ คนในตระกูล...ที่ได้รับใช้พระราชาของแคว้นแห่งนี้ติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายชั่วอายุคน ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของทุกๆ คนในตระกูลเป็นอย่างยิ่ง  เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้...ทันทีที่ตัวลูกสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนที่มีชื่อเสียงประจำแคว้นแล้ว ตัวลูกจึงได้เข้าศึกษาต่อในโรงเรียนการทหารของแคว้นในทันที
 

     และในช่วงที่ตัวลูกกำลังเข้ารับการศึกษาวิชาทหารอยู่นั้น ตัวลูกก็ค่อยๆ ฉายแววของความเป็นผู้นำออกมาทีละนิดๆ โดยเริ่มแรก ตัวลูกมักจะถูกเพื่อนๆ นักเรียนเตรียมทหารในรุ่นเดียวกัน คัดเลือกให้เป็นผู้นำของกลุ่มในการทำกิจกรรมต่างๆ อยู่เสมอ ซึ่งตัวลูกก็จะคอยเชียร์และให้กำลังใจเพื่อนๆ  ในยามที่พวกเขาหมดกำลังใจและเริ่มท้อถอยกับบทฝึกความเป็นทหารที่โหดหินดินระเบิด  
    
     แม้ว่าภารกิจในการเป็นผู้นำกลุ่มนักเรียนจะมากมายสักเพียงใดก็ตาม แต่ผลการเรียนของลูกก็ยังอยู่ในระดับที่ดีเยี่ยมอยู่เสมอ  เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้ตัวลูกได้กลายเป็นที่ยอมรับของเหล่าครูบาอาจารย์และเพื่อนๆ นักเรียนเตรียมทหารเป็นอย่างมาก
 

     ส่วนเรื่องฝีมือในการสู้รบนั้นตัวลูกก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร โดยเฉพาะวิชาขี่ม้ายิงธนูจะเป็นวิชาที่ตัวลูกชื่นชอบและมีความถนัดเชี่ยวชาญมากเป็นพิเศษ จนยากที่ใครจะมีฝีมือทัดเทียมหรือเทียบเคียงกับตัวลูกได้  

      ไม่เพียงแค่นั้นตัวลูกยังสามารถใช้อาวุธต่างๆ ได้อย่างคล่องแคล่วเชี่ยวชาญแบบไม่เป็นสองรองใคร อีกทั้ง...ยังมีไหวพริบปฏิภาณในวิชาการจัดกองทัพ จัดกระบวนทัพและการเคลื่อนทัพซึ่งถือว่าเป็นพื้นฐานในการบังคับบัญชากองทหารได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย   ยกตัวอย่างเช่น ตัวลูกสามารถจัดแจงกระบวนทัพต่างๆได้อย่างถูกต้องชัดเจนแบบเนี้ยบเฉียบเป๊ะคือ...แม้ว่าจะเป็นเพียงบทฝึกการรบบนกระดาษก็ตามแต่ตัวลูกก็จะมองเห็นปัญหาที่ซ่อนเร้นอยู่ และสามารถพลิกแพลงแก้ไขไปตามสถานการณ์ในการรบได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นต้น
 

      เมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวลูกจึงยิ่งได้รับความไว้วางใจจากเหล่าครูบาอาจารย์และเพื่อนๆ นักเรียนเตรียมทหารจนกลายเป็นผู้นำของเพื่อนๆ ในรุ่นเดียวกันในที่สุด!!!...   
 
     ถึงแม้ว่าตัวลูกจะเป็นคนเก่งที่เพียบพร้อมทั้งความรู้และความสามารถเป็นอย่างมากก็ตาม แต่ถึงกระนั้น...ตัวลูกก็เป็นผู้ที่มีความเคารพ อ่อนน้อมถ่อมตน และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัดอยู่เสมอ เรียกได้ว่า...ตัวลูกเป็นทั้งคนเก่งและดีเลยทีเดียว และด้วยเหตุดังที่ได้กล่าวไปแล้วทั้งหมดนี้เอง...ลูกจึงเป็นที่ต้องการตัวของนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน จวบจนกระทั่งเมื่อตัวลูกเรียนจบการศึกษาวิชาทหารแล้วก็ได้มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เคยเป็นอาจารย์ของลูกมาชักชวนตัวลูกให้ไปช่วยงานสำคัญ นั่นก็คือการทำหน้าที่เป็นราชองค์รักษ์อยู่ในวังหลวงนั่นเอง!!!   
 
 
      แม้ว่าตัวลูกจะมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายต่อหลายท่านต้องการตัวและมายื่นข้อเสนอดีๆ ด้วยการชักชวนให้ไปช่วยงานของพวกท่านตามหน่วยงานต่างๆ ก็ตาม แต่ถึงกระนั้น ตัวลูกก็เลือกที่จะมาทำหน้าที่เป็นราชองค์รักษ์อยู่ในวังหลวงมากกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะ...ตัวลูกมีความรักความศรัทธาในพระราชา (องค์ที่จะออกบวช) เป็นอย่างมาก เนื่องจากตัวลูกเคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับพระองค์มาจากคุณพ่อของลูกตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก   ซึ่งท่านมักจะชอบเล่าให้ฟังอยู่เสมอๆ ว่า... “ พระราชา (องค์ที่จะออกบวช) ท่านมีพระจริยาวัตรที่สง่างามและงดงามในทุกๆ อิริยาบถ   อีกทั้งพระองค์ยังทรงรักและหวังดีต่อประชาชนของพระองค์อย่างแท้จริงโดยไม่เคยเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยยากและความสุขส่วนพระองค์เลย  เป็นต้น ”   
 
 
      เมื่อเป็นเช่นนี้ตัวลูกจึงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะเป็นราชองค์รักษ์ของพระราชา (องค์ที่จะออกบวช) เพื่อที่ตัวลูกจะได้คอยรับใช้ใกล้ชิดพระองค์ เหมือนอย่างที่คุณพ่อของลูกซึ่งเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ได้คอยรับใช้ใกล้ชิดพระราชามาเป็นระยะเวลายาวนานนั่นเอง
 
     เมื่อตัวลูกได้เข้ามาอยู่ในหน่วยงานนี้แล้ว ตัวลูกก็ตั้งใจทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่เต็มกำลัง ซึ่งตำแหน่งแรกที่ตัวลูกได้เข้ามารับผิดชอบดูแลนั่นก็คือ การเป็นนายทหารราชองค์รักษ์ชุดลาดตระเวน!!! โดยจะมีหน้าที่คอยตรวจตราและลาดตระเวนอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอกยามวิกาล   
 

       ในเวลาต่อมาตัวลูกก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เข้าไปดูแลความปลอดภัยในเขตพระราชฐานชั้นใน และจากจุดนี้เองตัวลูกกับทีมงานนายทหารราชองค์รักษ์ ก็ได้มาพบเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน!!! ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นก็คือ...ตัวท่านและทีมงานได้บังเอิญไปเจอสายลับคนหนึ่ง...ที่แฝงตัวเข้ามาเป็นนายทหารราชองค์รักษ์เขตพระราชฐานชั้นใน กำลังแอบไปส่งข่าวสารที่เป็นแผนผังพื้นที่ทั้งหมดในเขตพระราชวัง...ให้กับพวกเพื่อนสายลับด้วยกัน  
 
      และเมื่อตัวลูกกับทีมงานนายทหารได้พบเจอกับเหตุการณ์ดังกล่าวเช่นนี้ ตัวลูกจึงได้ทำการจับกุมตัวสายลับคนนี้มาเค้นหาความจริง แต่ไม่ว่าตัวลูกและทีมงานนายทหารราชองค์รักษ์จะใช้ความพยายามทั้งไม้แข็งและไม้อ่อนสักเท่าใด สายลับคนนั้นก็ยังปากแข็งและไม่ยอมปริปากบอกความจริงออกมาเลยแม้แต่แอะเดียว!!! 
 
 
     เมื่อเป็นเช่นนี้...ตัวลูกจึงได้ส่งตัวสายลับคนนั้นให้กับทางกรมการเมือง เพื่อดำเนินไปตามระเบียบปฏิบัติต่อไป จากนั้น...ตัวลูกก็ได้กลับมาวิเคราะห์หาสาเหตุว่าอะไรเป็นจุดที่ทำให้เกิดความผิดพลาดแบบนี้ขึ้นมาได้  แล้วตัวลูกก็ได้ทำรายงานรวบรวมเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเอกสารให้กับหัวหน้าของลูก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความหละหลวมในการรับคนเข้ามาทำงานในเขตพระราชวัง รวมทั้งเรื่องการจัดเก็บข้อมูลของผู้ที่เข้าออกเมืองหลวงและในเขตอาณาจักร เป็นต้น ซึ่งตัวลูกเองก็อยากจะให้มีการรื้อระบบใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะต้องกำชับกับพวกราชองค์รักษ์ให้มีความรอบคอบมากกว่านี้
 

     เมื่อหัวหน้าของลูกได้นำเสนอเรื่องราวดังกล่าวนี้ เข้าไปในวงประชุมของข้าราชการระดับสูงแล้ว ต่อมาไม่นาน...ก็ได้มีการรื้อระบบการบริหารบ้านเมืองกันใหม่ ซึ่งก็ส่งผลทำให้มีการเปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบในหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างมากมายหลายตำแหน่ง   รวมทั้งตัวลูกด้วย…ที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้ไปดูแลควบคุมกำลังทหารอยู่ที่เขตหัวเมืองชายแดนแห่งหนึ่ง...ที่อยู่ติดกับแคว้นกันชนฝั่งทิศใต้ (หรือแคว้นของพระราชาผู้เกะกะเกเร)
 
     และเมื่อตัวลูกได้ย้ายเข้าไปประจำการอยู่ที่เขตหัวเมืองชายแดนแห่งนั้นแล้ว ตัวลูกก็ได้พัฒนาและปรับปรุงระบบระเบียบการทำงานภายในหน่วยงานทหารแห่งนั้น...ให้รัดกุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้นไปจากเดิมเพื่อป้องกันไม่ให้พวกสายลับจากต่างแคว้น...สามารถแทรกซึมและปลอมตัวเข้ามาภายในแคว้นได้
 
 
     จวบจนกระทั่งในเวลาต่อมา ตัวลูกก็ได้สืบทราบว่า ในตอนนี้...ได้มีกลุ่มสายลับจากแคว้นกันชนฝั่งทิศใต้ (หรือแคว้นของพระราชาผู้เกะกะเกเร) ได้ปลอมตัวเป็นพ่อค้าแทรกซึมเข้ามาอยู่ในแคว้นของพระราชาองค์ที่ออกบวชแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ตัวลูกจึงได้ออกตามสืบหาตัวสายลับเหล่านั้น  
 
      แล้วในที่สุด...ตัวลูกก็สามารถจับตัวสายลับเหล่านั้นมาได้!!!...   
 

     ภายหลังจากที่ตัวลูกสามารถตามสืบและจับตัว...พวกพ่อค้าสายลับที่แฝงตัวมาจากแคว้นกันชนฝั่งทิศใต้ (หรือแคว้นของพระราชาผู้เกะกะเกเร) มาได้แล้ว ตัวลูกก็รีบส่งตัวพวกนักโทษพ่อค้าสายลับเหล่านี้...ไปให้กับหน่วยงานที่ทำหน้าที่รีดข่าวได้ดำเนินการในทันที   
 
     แต่ไม่ว่าทางเจ้าหน้าที่จะงัดวิธีการใดมาทำการรีดข่าวก็ตาม!!!... คือทั้งพูดดีๆ ก็แล้ว หรือลงไม้ลงมืออย่างหนักก็แล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถบีบบังคับให้พวกนักโทษพ่อค้าสายลับเหล่านั้น ปริปากหรือยอมคายข้อมูลออกมาได้เลย
 

       ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะ...พวกนักโทษสายลับเหล่านี้เป็นหน่วยทหารที่ถูกฝึกมาอย่างหนัก...เพื่อให้มีความทรหดอดทนและแข็งแกร่ง กอปรกับ...พวกนักโทษสายลับเองก็รู้ถึงนิสัยใจคอและอัธยาศัยของพวกทหารภายในแคว้นของพระราชา (องค์ที่จะออกบวช) เป็นอย่างดีว่า... “ แม้จะโหดมากขนาดไหน แต่ก็ไม่โหดถึงขั้นเอาตาย!!! ”  และด้วยเหตุดังที่ได้กล่าวมาแล้วนี่เองจึงทำให้พวกสายลับเหล่านี้ยังคงอดทนปากแข็งและไม่ยอมบอกข้อมูลใดๆ ออกมาเลย  
 
    เมื่อเป็นเช่นนี้...ตัวลูกจึงได้คิดหาแผนการที่จะรีดข่าวจากพวกสายสืบปากแข็งเหล่านี้!!!   
 

     โดยตัวลูกได้แอบไปสั่งการพวกนายทหารที่ทำหน้าที่เฝ้า คุมขัง และทรมานนักโทษ...ให้แกล้งทำทีเป็นเหมือนกับว่ากำลังบันดาลโทสะพร้อมกับตะโกนโหวกเหวกโวยวายออกมา เพื่อให้พวกนักโทษสายลับเหล่านั้นซึ่งถูกคุมขังอยู่ ได้ยินในทำนองที่ว่า...“ ไหนๆ ก็รีดข่าวไม่ได้แล้ว จะปล่อยพวกเบื๊อกเหล่านี้เอาไว้ให้เสียข้าวสุกไปทำไม   รีบๆ นำตัวพวกนี้ไปเจื๋อนปิดปากทิ้งเสียเลยจะดีกว่า”
    
      ทันทีที่...พวกนักโทษสายลับได้ยินเสียงสบถที่คุกรุ่นไปด้วยโทสะของเหล่าบรรดาผู้คุมเช่นนั้น พวกเขาต่างก็หันไปมองหน้ากันพร้อมกับคิดคล้ายๆ กันว่า... “ นี่ก็คงเป็นเพียงแผนขู่เล่นๆ เท่านั้น!!!... ” 
 

      แต่แล้วสิ่งที่พวกนักโทษสายลับคิดก็หาเป็นเช่นนั้นไม่!!! เมื่อพวกเขาส่วนหนึ่ง (ประมาณ 3-4 คนจากทั้งหมด) เริ่มถูกทยอยลากตัวออกไปจากห้องขังทีละชุดๆ ในยามวิกาล แล้วก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย โดยที่พวกเขาเองก็ไม่รู้เลยว่าเพื่อนๆ สายลับที่จากไปเหล่านั้น...จะยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว
 
     เมื่อจำนวนของพวกนักโทษสายลับซึ่งแต่เดิมมีกันอยู่หลายคน เริ่มร่อยหรอลดน้อยลงไป...จนเหลือกันอยู่เพียงไม่กี่คนแล้ว พวกนักโทษสายลับที่เหลืออยู่ก็เริ่มเกิดความหวาดผวาและหวั่นเกรงต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับพวกตนเป็นอย่างมาก!!!...   
 

      โดยในแต่ละครั้งที่เจ้าหน้าที่ผู้คุม...นำตัวพวกนักโทษสายลับ (ประมาณ 3-4 คนจากทั้งหมด) ออกมาจากห้องขังในยามวิกาลแล้ว  พวกเขาก็จะนำตัวนักโทษเหล่านี้เข้าไปไว้ในป่าลึกที่มืดมากๆ จากนั้น...พวกเขาก็จะทิ้งพวกนักโทษแต่ละคนซึ่งถูกจับมัดเอาไว้ให้อยู่กับพวกผู้คุมตามจุดต่างๆ ที่อยู่ห่างกัน ในระยะที่มองไม่เห็นกัน...แต่สามารถได้ยินเสียงของกันและกันได้
 
     และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง...ก็ได้มีเสียงของนักโทษคนหนึ่งที่ถูกผู้คุมทุบซ้อมอย่างหนักหน่วงรุนแรง!!!...ดังกึกก้องขึ้นมากลบความเงียบสงัดของกลางป่า แต่ไม่นาน...เสียงนั้นก็พลันเงียบลงแบบเฉียบพลัน!!!  ประหนึ่งว่า...นักโทษผู้นั้นได้ถูกปลิดชีพลงไปเรียบร้อยแล้ว!!! ซึ่งในความเป็นจริง!!!...เสียงนั้นเป็นเพียงแค่แผนลวงที่ตัวลูกได้นัดแนะและวางแผนให้พวกผู้คุมทำการทรมานนักโทษสายลับคนนั้นให้ร้องเสียงดังๆ และเมื่อนักโทษคนนั้นร้องเสียงดังแล้ว ก็ให้รีบเอาผ้ามาอุดปากนักโทษให้เงียบลงแบบสายฟ้าแล่บ!!!   เสมือนหนึ่งว่านักโทษคนนั้นได้ถูกเจื๋อนลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง
 
 
      เมื่อสถานการณ์มาถึงจุดนี้นักโทษสายลับคนอื่นๆ ที่เหลืออยู่ในละแวกใกล้ๆ กัน ต่างก็เกิดความรู้สึกที่หวาดกลัวและยังไม่อยากที่จะตายเหมือนกับเพื่อนสายลับคนนั้น
 
      แล้วในที่สุด!!!...ด้วยความรักตัวกลัวตายนี่เอง จึงทำให้พวกนักโทษสายลับที่เหลือยอมปริปากเล่าความจริงทั้งหมดออกมา ซึ่งข้อมูลจากพวกนักโทษสายลับทั้งหมดก็ได้ถูกถ่ายทอดออกมาแบบตรงกันเป๊ะ!!!...ราวกับว่าเป็นคนๆ เดียวกันเล่าเลยทีเดียว
 

        และจากข้อมูลของพวกนักโทษสายลับนี้เอง จึงทำให้ตัวลูกได้รู้และทราบว่า ในขณะนี้ทางแคว้นกันชนฝั่งทิศใต้ (หรือแคว้นของพระราชาผู้เกะกะเกเร) กำลังสร้างกองทัพและเตรียมพร้อมที่จะบุกเข้ามาโจมตีเมืองหลวงของแคว้นพระราชา (องค์ที่จะออกบวช) นั่นเอง
 
     ไม่เพียงแค่นั้น...ตัวลูกยังสามารถล้วงเอาข้อมูลเชิงลึกจากพวกนักโทษสายลับมาได้อีกว่า...พวกโจรป่าที่ออกอาละวาดปล้นสะดมพวกชาวบ้านตามแนวตะเข็บชายแดน ล้วนแล้วแต่เป็นกองกำลังทหารที่ทางแคว้นกันชนฝั่งทิศใต้ (หรือแคว้นของพระราชาผู้เกะกะเกเร) ได้จัดตั้งและส่งมาอีกด้วย!!!
 
     ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับพวกโจรป่าจำแลงนี้ก็ได้ไปตรงและสอดคล้องกับข้อมูลที่ได้มาจากหน่วยงานทหารในเขตหัวเมืองชายแดนอีกหน่วยหนึ่งเช่นกัน
 

      เมื่อข้อมูลทั้งหมดได้ถูกเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งเช่นนี้ ตัวลูกจึงไม่รอช้า...ได้รีบรวบรวมข้อมูลหลักฐาน พร้อมกับส่งรายงานทั้งหมดไปให้กับเหล่าเสนาอำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่และพระราชา (องค์ที่จะออกบวช) ได้ทรงทราบในทันที
 
      แม้ว่าทางการของแคว้นพระราชา (องค์ที่จะออกบวช) จะทราบถึงสาเหตุและเบื้องหลังที่แท้จริงแล้ว ว่าพวกพ่อค้าสายลับหรือพวกโจรป่าจำแลงเหล่านี้เป็นใคร มาจากไหน และใครเป็นคนส่งมา จนถึงขั้นส่งคณะทูตไปเจรจาต่อรองกับต้นเหตุที่แท้จริงของปัญหา ซึ่งก็คือทางการของแคว้นกันชนฝั่งทิศใต้ แล้วก็ตาม แต่ถึงกระนั้นทางการของแคว้นกันชนฝั่งทิศใต้ (หรือแคว้นของพระราชาผู้เกะกะเกเร) ก็ยังไม่ยอมรับหรือหยุดยั้งพฤติกรรมอันชั่วร้ายเหล่านั้นลงเลยแม้แต่น้อย!!! 
 

      ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะ พระราชาผู้ปกครองแคว้นกันชนฝั่งทิศใต้มีแผนการที่จะรุกรานและยึดครองแผ่นดินของแคว้นพระราชา (องค์ที่จะออกบวช) อย่างไม่ลดละนั่นเอง!!!...

      ซึ่งถ้าหากพระราชาผู้ปกครองแคว้นกันชนฝั่งทิศใต้สามารถยึดครองแคว้นของพระราชา (องค์ที่จะออกบวช) ได้สำเร็จ  ปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความอดอยากของประชาชน  ปัญหาการปล้นชิงทรัพย์กัน เป็นต้น) ก็จะเกิดขึ้นอีกมากมาย!!!   อีกทั้ง...ปัญหาและความเดือดร้อนต่างๆ เหล่านี้ยังจะลุกลามไปถึงแคว้นเพื่อนบ้านข้างเคียงโดยรอบอีกด้วย
 

      เมื่อสถานการณ์ระหว่างแคว้นทั้งสองทวีความรุนแรงมากขึ้น มากขึ้น แล้วก็มากขึ้น!!!  ทางการของแคว้นพระราชา (องค์ที่จะออกบวช) จึงได้มีมติจากที่ประชุมซึ่งเห็นพ้องต้องกันว่าการที่จะยุติเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างแคว้นได้นั้น แคว้นของพระราชา (องค์ที่จะออกบวช) จะต้องส่งกองกำลังทหารเข้าไปปราบและจัดการกับแคว้นกันชนฝั่งทิศใต้ (หรือ...แคว้นของพระราชาผู้เกะกะเกเร) 
   
      และที่สำคัญที่สุดก็คือ จะต้องจับเอาตัวการสำคัญ!!! (หรือพระราชาผู้เกะกะเกเรของแคว้นกันชนฝั่งทิศใต้) มาลงโทษให้ได้ มิเช่นนั้น เหตุการณ์ความไม่สงบต่างๆ ก็คงไม่มีวันจบลงได้อย่างง่ายๆ แน่นอน!!!...
 

      ด้วยเหตุนี้เอง กองทัพของแคว้นพระราชา (องค์ที่จะออกบวช) จึงได้เคลื่อนพลบุกเข้าไปในแคว้นกันชนฝั่งทิศใต้ (หรือแคว้นของพระราชาผู้เกะกะเกเร) ในทันที!!!...

      เมื่อมหาสงครามระหว่างแคว้นได้เริ่มต้นขึ้น!!!...ด้วยความที่ตัวลูกเป็นนายทหารที่เพียบพร้อมด้วยความรู้ความสามารถ และมีปฏิภาณไหวพริบอันชาญฉลาด อีกทั้ง...ยังมีเหล่าทหารหาญที่มีฝีมือเก่งฉกาจอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาเป็นจำนวนมาก   
ด้วยเหตุนี้เอง...จึงทำให้ตัวลูกได้รับมอบหมายจากทางส่วนกลางให้ทำหน้าที่เป็น “หัวหน้าหน่วยทหารม้าฝ่ายยิงธนู” ซึ่งเป็นหน่วยรบที่อยู่แนวหน้าในการบุกโจมตีข้าศึกเลยทีเดียว  
 

     และเมื่อตัวลูกได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าหน่วยทหารม้าฝ่ายยิงธนูแล้ว ตัวลูกก็ได้ทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับการทำหน้าที่นี้อย่างสุดกำลังความสามารถ โดยตัวลูกจะมีหลักยึดประจำใจที่เอาไว้ใช้ในการรบอยู่ 3 ประการ นั่นก็คือ...

          1 รบเพื่อปกป้องแว่นแคว้น
          2. รบเพื่อปกป้องชาวเมือง
          3. รบเพื่อปกป้องพระราชาผู้เป็นที่รักยิ่งของตัวลูกและมหาชนทั้งหลาย

      ซึ่งหลักยึดประจำใจทั้ง 3 ประการนี้...เป็นสิ่งที่ตัวลูกยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอด เรียกได้ว่าชีวิตของตัวลูกนั้นยอมพลีเพื่อแว่นแคว้น ชาวเมือง และพระราชาผู้เป็นที่รักยิ่งได้เลยทีเดียว
 

      ไม่เพียงเท่านั้น ตัวลูกยังได้ปลูกฝังอุดมการณ์ประจำใจดังกล่าว ให้กับเหล่าทหารหาญที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับตัวลูกทุกๆ คนอีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้ไม่ว่าตัวลูกจะออกรบสักกี่ครั้งกี่ครา หรือรบนั้นจะรบย่อยหรือรบใหญ่สักเพียงไหน ตัวลูกก็สามารถเอาชนะข้าศึกได้ทุกครั้งไป หรือพูดง่ายๆ ว่ารบกี่ครั้งก็มีแต่ชนะ!!!...
 
      แต่แล้ว...หลังจากที่แคว้นของพระราชา (องค์ที่จะออกบวช) สามารถรบชนะแคว้นกันชนฝั่งทิศใต้ (หรือแคว้นของพระราชาผู้เกะกะเกเร) ได้แล้ว แทนที่ตัวลูกจะได้เห็นพระราชาทรงมีพระพักตร์หรือใบหน้าที่เบิกบาน  แต่ตัวลูกกลับเห็นพระองค์ทรงแลดูเงียบขรึมผิดปกติ จนแลดูราวกับว่าพระองค์ทรงมีอะไรอยู่ในพระทัยตลอดเวลา   
 

      เมื่อตัวลูกได้เห็นพระราชา (องค์ที่จะออกบวช) ทรงแลดูเงียบขรึมเช่นนั้น ตัวลูกก็พอที่จะเข้าใจและเดาออกว่าพระองค์ทรงรู้สึกเช่นไรกับสงครามที่ผ่านมา ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะเมื่อตัวลูกได้เห็นถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากภัยสงคราม ไม่ว่าจะเป็นคนเจ็บ  คนตาย หรือการทำลายล้างกัน เป็นต้นแล้ว  ตัวลูกก็เกิดความรู้สึกสลดใจและเบื่อหน่ายกับการทำสงครามเป็นอย่างมาก
 
      อีกทั้งตัวลูกยังมีคำถามเกิดขึ้นมาในใจอีกมากมายด้วยว่า “ ทำไมมนุษย์เราถึงต้องมาเข่นฆ่ากันเองด้วย ทั้งๆ ที่เราทุกคนก็รักตัวกลัวตายด้วยกันทั้งนั้น  ทำไม...เราถึงไม่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ”
    

     จวบจนกระทั่งในเวลาต่อมา ตัวลูกก็ได้สังเกตเห็นว่า... “ พระราชา (องค์ที่จะออกบวช) ทรงมีพระพักตร์ที่เปลี่ยนไป  คือ...จากเดิมที่พระองค์ทรงแลดูเงียบขรึม แต่มาบัดนี้...พระองค์ทรงมีพระพักตร์ที่ผ่องใสและมีแววตาที่เปล่งประกาย อีกทั้ง...พระองค์ยังทรงแลดูสดใสและเบิกบานเป็นอย่างมาก ”  เมื่อตัวลูกสังเกตเห็นเช่นนั้น...ตัวลูกจึงได้ค่อยๆ สืบหาข้อมูลความจริงว่า...อะไรที่ทำให้พระราชาทรงเปลี่ยนไปและมีพระพักตร์ที่ผ่องใสขึ้นเช่นนี้!!!...
 
     แล้วในที่สุด ตัวลูกก็สืบทราบว่า... “ ในช่วงที่ผ่านๆ มานี้...พระราชาโปรดที่จะเสด็จไปฝึกสมาธิเป็นการส่วนพระองค์ที่วัดป่าแห่งหนึ่งอยู่เป็นประจำ ”  

     เมื่อเป็นเช่นนี้ตัวลูกจึงได้แอบติดตามเพื่ออารักขาขบวนเสด็จของพระราชา แบบไม่ให้พระองค์ทรงรับรู้หรือรับทราบ ด้วยความรักและเป็นห่วงอยู่ตลอด   
 

    และทันทีที่ตัวลูกได้มีโอกาสเข้าไปภายในวัดป่าแห่งนั้น ตัวลูกก็สัมผัสและเห็นได้ถึงความสงบ สะอาด และความร่มรื่นของบรรยากาศภายในวัด...จนทำให้ใจของลูกเกิดความรู้สึกชุ่มเย็นอยู่ภายใน
 
      อีกทั้ง...ตัวลูกยังได้เห็นพระมหาเถระรูปหนึ่งที่แลดูสงบ เสงี่ยม สง่างาม และน่าเลื่อมใสเป็นอย่างมาก ซึ่งตัวลูกก็ได้แต่แลดูท่านด้วยความเคารพเลื่อมใส แต่ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปกราบท่าน ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะ...ตัวลูกกลัวว่าพระราชา (องค์ที่จะออกบวช) จะทรงรู้ว่า... “ตัวลูกแอบติดตามพระองค์มา”  แล้วพระองค์จะทรงห้ามไม่ให้ตัวลูกมาที่วัดป่าแห่งนี้อีกนั่นเอง      


      ในเวลาต่อมา...พระราชา (องค์ที่จะออกบวช) ก็ทรงรับสั่งให้เรียกประชุมเหล่าเสนาอำมาตย์และข้าราชการนายทหารชั้นผู้ใหญ่ทั้งหมดซึ่งก็มีตัวลูกรวมอยู่ในนั้นด้วย จากนั้น...พระองค์ก็ทรงประกาศแจ้งให้ทุกๆ คนได้ทราบว่า
 
      “ พระองค์จะทรงสละราชสมบัติเพื่อออกผนวช โดยจะทรงแต่งตั้งให้พระอนุชาขึ้นครองราชย์และปกครองแว่นแคว้นแห่งนี้แทนพระองค์ ” ทันทีที่ตัวลูกได้ยินพระดำรัสจากพระราชาเช่นนั้น ตัวลูกก็เกิดความคิดอยากที่จะออกบวชตามพระองค์ไปด้วยในทันที!!!...
 

      ภายหลังจากที่การประชุมได้เสร็จสิ้นลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระราชา (องค์ที่จะออกบวช) ก็ทรงรับสั่งให้เรียกตัวลูกมาเข้าเฝ้า ซึ่ง ณ ช่วงเวลานั้น ตัวลูกก็แอบรู้สึกดีใจว่า... “ ตัวลูกคงจะได้ออกบวชตามพระราชาไปด้วยอย่างแน่นอน ”   
 
     แต่ปรากฏว่า...เมื่อตัวลูกได้ไปเข้าเฝ้าพระราชาแล้ว ด้วยความที่ตัวลูกเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่พระองค์ทรงไว้วางพระทัยเป็นอย่างมาก พระองค์จึงทรงอยากให้ตัวลูกช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยภายในตัวเมืองหลวงก่อน โดยเฉพาะในช่วงที่พระอนุชาของพระองค์กำลังจะเสด็จขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ
 

      นอกจากนั้นแล้ว...พระราชา (องค์ที่จะออกบวช) ยังทรงเห็นว่า... “ การที่ตัวลูกตัดสินใจอยากจะออกบวชตามพระองค์ไปด้วยนั้น...เกิดจากความเคารพรักในตัวของพระองค์เป็นหลั แต่ไม่ใช่เกิดจากความศรัทธาในธรรมะของพระพุทธองค์ เพราะฉะนั้น...จึงผิดวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการออกบวช ”   
 
      เมื่อเป็นเช่นนี้...จึงทำให้ตัวลูกยังไม่ได้ออกบวชตามพระราชาไปด้วยในช่วงเวลานั้น  แต่ถึงกระนั้น ตัวลูกก็ได้หาโอกาสเดินทางไปยังวัดป่าของพระมหาเถระ (หรือคุณยายอาจารย์ของเราในพุทธันดรที่ผ่านมา) อยู่เป็นประจำ
 

       ในช่วงแรกๆ ที่ตัวลูกได้เดินทางไปยังวัดป่าของพระมหาเถระ (หรือคุณยายอาจารย์ของเราในพุทธันดรที่ผ่านมา) นั้น ตัวลูกก็ยังไม่มีโอกาสได้เจอกับพระเถระ (อดีตพระราชาองค์ที่ออกบวช) ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะ...ในช่วงนั้น...พระเถระเพิ่งจะเสด็จออกผนวชใหม่ๆ กอปรกับ...พระมหาเถระท่านก็มีความปรารถนาอยากที่จะให้พระเถระได้ประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่เต็มกำลัง ดังนั้น...พระมหาเถระจึงได้สั่งให้พระเถระปลีกวิเวกและงดการพบปะกับมหาชนที่แวะเวียนเดินทางมาสั่งสมบุญที่วัดป่าแห่งนั้น ซึ่งพระเถระท่านก็ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของพระมหาเถระอย่างเคร่งครัดเลยทีเดียว  
 
 
       แม้ ณ ช่วงเวลานั้น...ตัวลูกจะไม่มีโอกาสได้พบเจอกับพระเถระ (อดีตพระราชาองค์ที่ออกบวช) เลยก็ตาม แต่ตัวลูกก็ยังชอบเดินทางไปสั่งสมบุญและช่วยเหลืองานต่างๆ ภายในวัดป่า เช่น...ช่วยกวาดลานวัดและทำความสะอาดเสนาสนะต่างๆ  เป็นต้น  ควบคู่ไปกับการฟังธรรม,  ปฏิบัติธรรมอยู่เป็นประจำ   
 
      และเมื่อตัวลูกได้มีโอกาสฟังธรรมและปฏิบัติธรรมมากเข้า...มากเข้า ตัวลูกก็เริ่มซึมซับและซาบซึ้งในธรรมะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเป้าหมายของการเกิดมาเป็นมนุษย์ เรื่องกฎแห่งกรรม หรือเรื่องของบุญและบาปที่ประกอบด้วยเหตุและผล ได้มากขึ้น...มากขึ้น แล้วก็มากขึ้นไปตามลำดับ  ซึ่งก็เป็นผลทำให้...ตัวลูกเกิดแรงบันดาลใจอยากที่จะปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกายภายในให้ได้  เพื่อที่ตัวลูกจะได้มีโอกาสศึกษาเรียนรู้ธรรมะที่ละเอียดลึกซึ้งยิ่งๆ ขึ้นไป
 
 
      ในเวลาต่อมา...พระมหาเถระ (หรือคุณยายอาจารย์ของเราในพุทธันดรที่ผ่านมา) ก็ได้อนุญาตให้พระเถระ (อดีตพระราชาองค์ที่ออกบวช) ออกมาแสดงธรรมและนำปฏิบัติธรรมให้กับมหาชนที่เดินทางมาสั่งสมบุญที่วัดป่าแห่งนั้น และเมื่อตัวลูกได้ทราบข่าวนี้...ตัวลูกก็รู้สึกดีใจอย่างสุดๆ ที่จะได้ฟังธรรมและปฏิบัติธรรมกับพระเถระ  
 
      นอกจากตัวลูกจะรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากแล้ว มหาชนทั้งหลายที่ได้ทราบข่าวนี้ต่างก็พากันเดินทางและหลั่งไหลมาสั่งสมบุญที่วัดป่ากันอย่างเนืองแน่นเลยทีเดียว
 

      เมื่อวัดป่าแห่งนั้น เนืองแน่นไปด้วยมหาชนผู้มีบุญที่ตั้งใจมาสั่งสมบุญ ฟังธรรมและปฏิบัติธรรมกันอย่างแน่นขนัดและล้นหลามบ่อยเข้า...บ่อยเข้า ในที่สุด!!!...พระเถระ (อดีตพระราชาองค์ที่ออกบวช) จึงมีดำริที่จะสร้างวัดใหม่ให้มีขนาดพื้นที่ที่ใหญ่และเพียงพอต่อการรองรับคลื่นมหาชน...ที่ตั้งใจเดินทางมาสั่งสมบุญและประพฤติปฏิบัติธรรมได้อย่างเต็มที่   
 
     และด้วยความรู้ความสามารถของตัวลูกที่ทั้งเก่งและดีนี่เอง พระเถระจึงได้มอบหมายให้ตัวลูกเป็นหนึ่งในทีมงานสร้างวัดใหม่แห่งนี้ด้วย ซึ่งตัวลูกก็ได้ตั้งใจทุ่มเททำหน้าที่ดังกล่าวนี้อย่างเต็มที่เต็มกำลังควบคู่ไปกับการปฏิบัติธรรมเรื่อยมา   
 

        เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้ตัวลูกมีผลการปฏิบัติธรรมที่ดีมากขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วในที่สุด!!!...ตัวลูกก็ได้เข้าถึงดวงธรรมภายในที่มาพร้อมกับความสุขใจอย่างไม่มีประมาณ ซึ่งก็เป็นผลทำให้...ตัวลูกเกิดความปรารถนาอยากที่จะออกบวชขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจ!!!...
 
      และเมื่อกาลเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งวัดใหม่ของพระเถระ (อดีตพระราชาองค์ที่ออกบวช) ใกล้จะสร้างเสร็จเรียบร้อย   ด้วยความทุ่มเทเสียสละทั้งแรงกายแรงใจของตัวลูก...เมื่อมารวมกับศรัทธาและความปรารถนาอยากที่จะออกบวชเป็นอย่างมากนี่เอง   จึงทำให้ตัวลูกได้รับอนุญาตจากพระเถระ...ให้ออกบวชสร้างบารมีเป็นพระภิกษุในพระพุทธ-ศาสนาสมดังที่ตัวลูกได้ตั้งใจเอาไว้!!!
 

      เมื่อบวชแล้ว...ตัวลูกก็ได้ตั้งใจฝึกตน  ทนหิว  บำเพ็ญตบะ  เป็นพระแท้   ควบคู่ไปกับการประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่เต็มกำลังเรื่อยมา ซึ่งภายในใจของตัวลูก ณ ตอนนั้น...ก็มีความปรารถนาอยากจะเข้าถึงพระธรรมกายและศึกษาวิชชาธรรมกายกับพระเถระเป็นอย่างมาก   เพื่อที่ตัวลูกจะได้ไปเรียนรู้เรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตให้ละเอียดลึกซึ้งยิ่งๆ ขึ้นไป
 
       แล้วในที่สุด!!!...ด้วยความเพียรอันกลั่นกล้าที่ทำอย่างถูกหลักวิชชา จึงทำให้ตัวลูกสามารถหยุดใจจนเข้าถึงพระธรรมกายภายในได้ ไม่เพียงแค่นั้น ตัวลูกยังได้มีโอกาสเข้าไปศึกษาวิชชาธรรมกายในระดับเบื้องต้นกับพระเถระ (อดีตพระราชาองค์ที่ออกบวช) อีกด้วย
 

      ในเวลาต่อมาพระเถระ (อดีตพระราชาองค์ที่ออกบวช) ก็มีความตั้งใจอยากที่จะเผยแผ่พระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายไปทั่วทุกแคว้น (ในยุคนั้น) เพื่อที่ทุกคนบนโลก (ในยุคนั้น) จะได้มีโอกาสศึกษาธรรมะตามหลักธรรมคำสอนที่มีอยู่ในพระพุทธศาสนา   โดยเฉพาะการปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงความสุขที่แท้จริงภายในและได้เข้าถึงพระธรรมกาย (ซึ่งมีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกๆ คน) เพราะเมื่อมนุษย์ทุกๆ คนบนโลก (ในยุคนั้น) ได้ศึกษาธรรมะควบคู่กับการประพฤติปฏิบัติธรรมแล้ว   สันติสุขที่แท้จริงก็จะบังเกิดขึ้นในใจของทุกๆ คนอย่างแน่นอน!!!...

      และด้วยความที่พระเถระท่านเล็งเห็นแล้วว่า...ตัวลูกเป็นพระภิกษุที่มีอัธยาศัยดี รักการปฏิสันถารและมีศิลปะในการครองใจคนเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เอง...พระเถระจึงได้มอบหมายให้ตัวลูกทำหน้าที่ดูแลรักษาศรัทธาสาธุชนที่มาสั่งสมบุญภายในวัดใหม่ของพระเถระ...ควบคู่ไปกับการเผยแผ่พระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายไปทั่วทั้งโลกในยุคนั้นนั่นเอง   
 
 
      ไม่เพียงแค่นั้น...พระเถระ (อดีตพระราชาองค์ที่ออกบวช) ยังได้มอบหมายให้ตัวลูกทำหน้าที่ชักชวนมหาชนทั้งหลาย... “มาสร้างมหาทานบารมีในบุญต่างๆ” ที่เกี่ยวเนื่องและเกี่ยวข้องกับการเผยแผ่ธรรมะไปในแคว้นต่างๆ (ในยุคนั้น) อีกด้วย  

      ซึ่งในทุกๆ ครั้งที่ตัวลูกได้มีโอกาสเทศน์สอน...หรือชักชวนให้มหาชน (ในยุคนั้น) ได้มาสร้างมหาทานบารมีเพื่อขยายพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายไปในแคว้นต่างๆ  ตัวลูกก็จะรู้สึกปีติใจและมีความสุขมากๆ ที่ได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับมโนปณิธานและปฏิปทาของพระเถระให้มหาชนทั้งหลายได้ยินได้ฟังกัน!!!...
 

     ต่อมา...เมื่อพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายได้แผ่ขยายไปทั่วทุกแคว้นในยุคนั้นแล้ว ด้วยความที่ตัวลูกเป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญในการทำหน้าที่เผยแผ่ธรรมะไปในแคว้นต่างๆ (ในยุคนั้น) จึงทำให้ตัวลูกได้เป็นที่รู้จักของมหาชนทั่วทั้งแคว้นและทุกแคว้น (ในยุคนั้น) เลยทีเดียว ซึ่งตัวลูกก็ได้ตั้งใจรับผิดชอบในหน้าที่ดังกล่าวนี้เป็นอย่างดีควบคู่ไปกับการปฏิบัติธรรมไปจนตลอดชีวิต   
 
     และเมื่อตัวลูก (ในพุทธันดรที่ผ่านมา) ได้ละอัตภาพจากโลกนี้ไป  ตัวลูกก็ได้กลับไปพักกลางทางที่ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์ได้อย่างสง่างาม
 
 
      จากเรื่องราว Case Study ที่เราได้ศึกษาเรียนรู้กันมานี้...ก็สอนให้เราได้รู้ว่า... “ ทุกๆ ชีวิตล้วนตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมซึ่งเป็นกฎสากลที่มวลมนุษยชาติทุกคนบนโลกใบนี้จะต้องเจอทั้งสิ้น!!!  
 
       เพราะฉะนั้น...เราจึงจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะต้องศึกษาเรียนรู้เรื่องกฎแห่งกรรมให้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเพราะมันเกี่ยวกับตัวเราเอง เพื่อที่เราจะได้ดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้องและดีงามด้วยความไม่ประมาท จะได้ปิดอบาย ไปสวรรค์ และมีความสุขในปัจจุบัน   อีกทั้ง...ยังดับทุกข์ได้อีกด้วย ซึ่งความรู้นี้มีสอนเฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่านั้น!!!...
 
      ดังนั้น...เราจะต้องตั้งใจสั่งสมบุญสร้างบารมี ประพฤติดีปฏิบัติชอบตามหลักธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  เช่น ทำทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนา เป็นต้น  ซึ่งถ้าหากเราทำได้เช่นนี้ชีวิตการสร้างบารมีของเราจะได้อยู่รอดปลอดภัย และมีชัยชนะในเส้นทางการสร้างบารมีไปตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม ”

      สำหรับเรื่องราว Case Study ของพระอาจารย์อารักษ์ ก็คงจะต้องจบลงพอสังเขปเพียงเท่านี้ เอวํ ก็มีด้วยประการละฉะนี้
 
ราชองครักษ์ชาตินักรบ ตอนที่ 1
ราชองครักษ์ชาตินักรบ ตอนที่ 2
ราชองครักษ์ชาตินักรบ ตอนที่ 3
ราชองครักษ์ชาตินักรบ ตอนที่ 4
ราชองครักษ์ชาตินักรบ ตอนที่ 5
ราชองครักษ์ชาตินักรบ ตอนที่ 7
ราชองครักษ์ชาตินักรบ ตอนที่ 8
ราชองครักษ์ชาตินักรบ ตอนที่ 9
ราชองครักษ์ชาตินักรบ ตอนที่ 10
ราชองครักษ์ชาตินักรบ ตอนที่ 11
ราชองครักษ์ชาตินักรบ ตอนที่ 12
ราชองครักษ์ชาตินักรบ ตอนที่ 13
ราชองครักษ์ชาตินักรบ ตอนที่ 14
ราชองครักษ์ชาตินักรบ ตอนที่ 15
ราชองครักษ์ชาตินักรบ ตอนที่ 16 (ตอนจบ)
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/ราชองครักษ์ชาตินักรบ-ตอนที่-16-ตอนจบ.html
เมื่อ 3 กรกฎาคม 2567 12:09
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv