Case study
ปัจจัยน้อย แต่หัวใจเกินร้อย
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงค่ะ
 
    ลูก มีเรื่องราวเกี่ยวกับคุณแม่ที่ลูกรู้สึกรัก และผูกพันมาก เสมือนเราเคยเป็นแม่ลูกกันมาหลายชาติ แต่ ณ วันนี้ แม่ของลูก ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งลูกจะขอนำเรื่องราวของ คุณแม่มากราบเรียนถวาย  เพื่อว่าอาจจะได้เป็นการเรียนรู้ถึง “การสร้างบารมี แม้มีปัจจัยน้อย แต่หัวใจเกินร้อย จะได้รับอานิสงส์นั้นอย่างไร” ซึ่งลูกจะขอเล่าเรื่องราวของคุณพ่อก่อนดังนี้คะ
 
    พ่อของลูก ได้ตายจากไปตั้งแต่ลูกอายุแค่เพียง 11 ขวบ พ่อเป็นคนขยันทำมาหากิน ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว พ่อมีอาชีพขับรถรับจ้างที่ปากคลองตลาด ดังนั้นพ่อจึงต้องตื่นแต่เช้ามืด  ต้องทำงานจนแทบไม่มีเวลากลับบ้าน และนับเป็นความโชคร้ายในชีวิตของพ่ออยู่อย่างหนึ่งคือ พ่อไม่ค่อยได้ทำบุญ ด้วยเหตุที่พ่อเคยเห็นบางคนที่บวชแล้วปฏิบัติตัวไม่ดี เลยทำให้พ่อเสียโอกาสในการทำบุญไป ส่วนบาปที่ลูกเคยเห็นพ่อทำคือ พ่อจะคอยดักหนูที่เข้ามาในบ้าน แล้วจับมันมาตัดหาง ก่อนที่จะปล่อยไป พ่อบอกว่า ถ้าหนูตัวนี้มาอีก จะได้จำได้ ลูกรู้สึกว่า หนูมันคงเจ็บและ ทรมานมาก    
 
    พ่อของลูกมีเวลาใช้ชีวิตอยู่กับแม่และครอบครัว เพียงแค่ 12 ปี จากนั้นต้องมาล้มป่วยอย่างกะทันหันด้วย โรงมะเร็งตับ  แม่ดูแลพ่ออย่างดี คอยพลิกตัวให้พ่อบ่อยๆ แต่พ่อกลับมีแผลกดทับที่ก้น เหวอะหวะ และหลังจากนั้นเพียง 6 เดือน พ่อก็ต้องจากทุกคนไป แต่ก่อนพ่อจะจากไป พ่อได้ขอร้องกับแม่ว่า ให้ช่วยนิมนต์พระมาให้ด้วย ซึ่งก็ได้ทำบุญถวายสังฆทานกับพระ 9 รูป ซึ่งเป็นบุญก้อนสุดท้ายในชีวิตของพ่อ
 
    นับแต่นั้น แม่กลายเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวที่ต้องแบกภาระลูกถึง 3 คน ด้วยวัยเพียง 34 ปี   ทั้งๆที่สุขภาพก็ไม่สู้ดีนัก บ่อยครั้งที่แม่ป่วย แม่ก็ยังต้องขายของ  ประหยัดทุกอย่าง ซ้ำยังต้องตรากตรำทำงานหนัก เพื่อลูกๆทุกคน
 
    จนกระทั่ง แม่ ได้มีโอกาสมาวัดพระธรรมกายด้วยการชักชวนของ ยาย และ ป้า เมื่อปีพ.ศ.2537  แม่เล่าให้ฟังว่า ช่วงแม่เข้าวัดใหม่ๆ มีการทำบุญสร้างพระองค์ละ 1 หมื่น ซึ่งว่าไปแล้ว เงิน 1 หมื่น เป็นเงินก้อนใหญ่ และมีค่ามากสำหรับผู้หญิงที่ไม่แข็งแรงคนหนึ่ง ที่ต้องเหนื่อยกับการเลี้ยงลูกเพียงลำพังมาตลอดชีวิต และต้องคอยเก็บเงินไว้เพื่ออนาคตที่ไม่รู้จะเป็นอย่างไรต่อไป แต่แม่ก็ตัดสินใจทำบุญนี้ และได้มาสารภาพในภายหลังว่า แม่ทำไปแล้ว แม่รู้สึกเสียดาย ทั้งๆที่ไม่อยากรู้สึกแบบนี้ เพราะการรู้สึกแบบนี้มันทำให้บุญหดหายได้บุญไม่เต็มที่ ไม่ถูกต้องตามหลักวิชชาที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านสอน แม่จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานกับหลวงปู่ คุณยาย ใหม่ว่า “ด้วยบุญนี้ ขอให้สนิมในใจตรงนี้หมดไปทีเถอะ ขอให้ละความตระหนี่ออกจากใจได้อย่างหมดจด เพื่อจะรองรับสมบัติใหญ่ในภพชาติเบื้องหน้า จะได้ไม่ต้องมาลำบากอย่างชาตินี้อีก และเมื่อคิดทำบุญครั้งใดขออย่าให้เกิดความเสียดายเลย ให้มีแต่มหาปีติ”
 
    ซึ่งนับจากครั้งนั้นเอง ลูกได้สังเกตเห็นว่า เวลาแม่ทำบุญ แม่จะไม่มีความเสียดายอีกเลย จะทำด้วยความปีติ มีเงินมาวัดเท่าไหร่ ก็จะทำจนหมดทั้งๆที่ลูกรู้ดีว่า สภาพครอบครัวของเราไม่พร้อมเลยในเรื่องการเงิน
 
    แม่ได้เข้าวัดพระธรรมกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ได้สร้างบุญทุกบุญกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ และแม่ได้ทำอย่างเต็มกำลัง พร้อมทั้งทำหน้าที่ผู้นำบุญ เป็นกัลยาณมิตรชักชวนคนในละแวกบ้านมาวัด ซึ่งทุกคนจะรู้ดีว่า แม่สุขภาพไม่แข็งแรง และเป็นลมบ่อยๆ แต่แม่ก็ไม่เคยท้อใจ พยายามมาวัดทุกวันอาทิตย์ ยกเว้นป่วยหนักลุกไม่ไหวจริงๆ แม่มีสุขภาพที่ไม่แข็งแรงด้วยโรคต่างๆ แล้วเริ่มล้มป่วยหนักอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 หมอตรวจพบว่า แม่ ป่วยเป็นโรคเบาหวาน เส้นเลือดหัวใจตีบ เส้นเลือดในสมองข้างขวาตีบ ทรมานมากเจ็บปวดแทบจะสิ้นใจหลายครั้ง ซึ่งความทรมานนี้ ได้ทำให้แม่ส่งเสียงร้องเพื่อระบายความทุกขเวทนา ทำให้ลูกรู้สึกสงสารแม่ และก็ทนรับสภาพที่แม่ต้องร้องอย่างทรมานเช่นนี้ได้ยาก จึงได้บอกกับแม่ว่า “แม่...ลูกรู้ว่าแม่ทรมาน และแม่ก็เจ็บมาก แต่ลูกรู้สึกใจไม่ดีเลย ที่ได้ยินแม่ร้องแบบนี้ แต่ถ้าแม่จำเป็นต้องร้อง ขอให้ร้องเป็นเสียง สัมมา อะระหัง แทนได้ไหมจ๊ะ” จากนั้นแม่ก็ได้เปลี่ยนมาร้องว่า สัมมา อะระหัง แทน ซึ่งลูกและแม่เองก็รู้สึกว่าการทำเช่นนี้ แม้ความเจ็บปวดไม่ได้ทุเลาลง แต่เราก็รู้สึกดีขึ้น   
 
    ขณะแม่ป่วยลูกๆ ทุกคนพยายามประคับประคองแม่ให้อยู่ในบุญตลอดเวลา ให้ท่านหยอดกระปุกทำบุญทุกบุญ แต่ที่โชคดีไปกว่านั้นคือ แม่ได้ดูรายการอนุบาลฝันในฝันวิทยาทุกวัน ได้ฟังธรรมะจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อซึ่งเป็นกำลังใจให้กับแม่เป็นอย่างดี   แม่ได้ซ้อมวิธีการเดินทางกลับวิมานของท่านทุกวัน ซึ่งลูกจะเป็นคนคอยถามแม่อยู่เสมอๆว่า ต้องทำอย่างไร หากถึงเวลาที่แม่จะต้องจากลูกไป แม่ของลูกจะรู้ว่า ต้องมาเวียนประทักษิณรอบมหาธรรมกายเจดีย์ บอกตามขั้นตอนที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อให้หลักวิชชาไว้ได้หมดทุกอย่าง
 
    แม่มักจะบอกว่าอยากกลับดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเร็วๆ  เพราะกลัวจะเป็นภาระให้ลูกๆ แต่ความจริงแล้วลูกทุกคนรักแม่มาก และเต็มใจที่จะปรนนิบัติ ดูแลแม่ด้วยความเต็มใจ เพราะแม่ เป็นต้นแบบที่ดีงาม ในการสร้างบารมีของลูกมาทั้งชีวิต จนทำให้บ่อยครั้ง กำลังใจในการสร้างบารมีของลูกได้รับมาจากแม่ เช่นเมื่อครั้งที่แม่มางานหล่อรูปเหมือนคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง แม่ได้ถอดสร้อยทองที่ติดตัวแม่มาตลอดเวลา เป็นสร้อยที่แม่รักมาก แต่แม่ก็ได้ตัดใจนำมาถวายพระเพื่อนำไปหล่อรูปเหมือนคุณยาย และอีกครั้ง ลูกแอบรู้มาว่า แม่เก็บเงินไว้ก้อนหนึ่ง เพื่อให้ลูกๆได้เรียน ได้ใช้จ่าย ในสภาวะที่แม่ไม่มีแรงเพราะป่วยทำงานไม่ไหว เพื่อลูกจะได้มีเงินก้อนนี้ไว้เรียนให้สูงที่สุด เท่าที่ลูกต้องการ แม่จึงได้ถามลูกๆ หลังจากจบปริญญาตรีแล้วว่า ลูกจะเรียนต่อไหม น้องชายของลูกตอบว่า ไม่แล้วครับแม่ แม่จึงขออนุญาตน้องว่า เงิน 2 แสนนี้ แม่ขอไปทำบุญนะลูก ซึ่งแม่ก็ได้นำมาสร้างลานธรรม ด้วยความปีติอย่างไม่เสียดายเลย ทั้งๆที่เงินนั้นแม่น่าจะนำมาเป็นค่ารักษาพยาบาลอาการป่วยหนักของแม่ที่ถูกรุมเร้าจากสารพัดโรคมากกว่า จากการตัดสินใจของแม่หลายๆครั้ง ทำให้ลูกมาย้อนถามตัวเองว่า ถ้าเราเป็นแม่ เราจะใจเด็ดในการสร้างบารมีอย่างแม่เรารึเปล่า ที่สร้างบารมีอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แล้วรู้แต่ว่าสิ่งที่เป็นที่พึ่งทั้งในโลกนี้และโลกหน้าได้ดีที่สุดก็คือ บุญ ซึ่งเมื่อลูกคิดอย่างนี้ ก็ยิ่งทำให้ลูกมีกำลังใจในการสร้างบารมีเพิ่มขึ้น แม้จะมีอุปสรรคเพียงใดก็ไม่ท้อ จะดูจากแม่เป็นตัวอย่าง
 
    นับตั้งแต่วันที่แม่ล้มป่วยหนัก เงินในแต่ละเดือนที่น้องสาวส่งมาเป็นค่ารักษาพยาบาลแม่ พอสิ้นเดือนแม่จะคอยถามทุกครั้งว่า “ลูก...เงินเหลือไหม” ถ้าเหลือแม่จะขอนำมาอธิษฐานและฝากลูกมาทำบุญทุกบุญ โดยเฉพาะช่วงบุญกฐินจักรพรรดิ ตั้งแต่หลวงพ่อเริ่มเปิดโครงการ แม่จะหยอดกระปุก ทำบุญกฐินจักรพรรดิทุกวันไม่ขาด แม้เงินแม่จะมีไม่มาก แต่มันก็คือทั้งหมดในชีวิตของแม่ในขณะนั้น และเมื่อถึงวันอาทิตย์ ก็จะให้น้องชายนำเงินส่วนนี้มาถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อ แม่กระทำอยู่เช่นนี้จนวาระสุดท้ายของแม่ใกล้เข้ามา ขณะนั้นแม่ไม่มีแรงเลย แม้แต่จะพูดก็ยัง แทบไม่มีแรง ซึ่งลูกจะคอยถามท่านข้างๆเตียงอยู่เสมอว่า “แม่...แม่ จำได้ไหม กฐินจักรพรรดิของหลวงพ่อครั้งนี้ สร้างอะไร” แม่จะตอบว่า “สร้างมหารัตนวิหารคด” แม้แม่จะต้องใช้กำลังมากในการพูดในแต่ละคำก็ตาม แต่ถ้าเป็นเรื่องบุญแล้ว แม่พยายามจะตอบ จนลูกรู้สึกว่า แม้ตาของแม่จะเริ่มมองไม่เห็น เนื่องจากป่วยอย่างสาหัส   แต่ลูกว่า ภาพในใจของแม่ในเรื่องของบุญเป็นภาพที่ชัดเจนมาก แต่ในที่สุดเวลาของแม่บนโลกใบนี้ ก็ต้องหมดไปจริงๆ แม่ได้จากพวกเราไปด้วยอาการสงบเมื่อวันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ.2547 มีอายุได้ 52 ปี ซึ่งไม่ทันมาร่วมงานทอดกฐินจักรพรรดิคะ
 
    หลวงพ่อคะ แม้วันนี้แม่ของลูกจะจากไปแล้ว แต่ลูกอยากบอกให้ชาวโลกรู้ว่า ภาพประวัติการสร้างบารมีของแม่ ไม่เคยจากลูกไปเลย จะยังคงตราตรึง และอยู่ในใจของลูกตราบชั่วนิจนิรันดร
 
ขอเรียนถามคำถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อดังนี้คะ  
 
1.บุพกรรมใดทำให้พ่อของลูกเป็นมะเร็งตับ อายุสั้น กรรมที่พ่อตัดหางหนู ทำให้พ่อเป็นแผลกดทับใช่หรือเปล่า ท่านตายแล้วไปอยู่ที่ไหน ได้รับผลบุญที่ลูกอุทิศ และบุญที่น้องชายบวชให้หรือไม่ มีอะไรอยากฝากบอกใครไหมคะ
 
2.บุพกรรมใดที่ทำให้แม่มีโรคมารุมเร้ามากมาย และมีชีวิตที่ต้องลำบากเลี้ยงลูกเองถึง 3 คน ไม่รวย และทำไม่ท่านต้องอายุสั้น ตอนนี้ท่านไปอยู่ที่ไหน บุญที่ตั้งใจทำกฐินจักรพรรดิ ด้วยหัวใจเกินร้อย และทำทุกวันอย่างต่อเนื่อง ท่านจะได้รับผลบุญอย่างไรบ้าง  มีข้อความอะไรฝากความมาถึงลูกๆ หรือไม่อย่างไรบ้างคะ
 
3.ทุกครั้งที่ทางวัดจัดงานบุญใหญ่ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 แม่ก็จะมีอาการป่วยหนักมาก บางครั้งลูกคิดว่า แม่จะไม่รอดชีวิต แต่พอให้แม่ได้ทำบุญในงานบุญใหญ่นั้น อาการของแม่ก็ดีขึ้น จนลูกแปลกใจ  การที่แม่ป่วยหนักแต่เมื่อได้ทำบุญจึงมีอาการดีขึ้น และรอดชีวิตมาได้  เป็นเพราะสาเหตุใดคะ
 
4.ในขณะที่แม่ป่วย และเริ่มเดินไม่ได้ ลูกได้นำแม่มาอยู่ที่บ้าน ซึ่งอยู่ใกล้วัด ทำให้แม่ได้มีโอกาสใส่บาตรทุกวัน วันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 20 รูปขึ้นไป นอกจากนี้เพื่อนๆและ พี่ๆน้องๆนักสร้างบารมีที่อยู่ในวัดก็สลับแวะเวียนกันไปเยี่ยม และพาแม่ไปปล่อยปลาบ้าง ไปถวายภัตตาหารบ้าง ทำให้แม่มีกำลังใจที่จะต่อสู้กับอาการเจ็บป่วยทรมาน ลูกเองก็ซาบซึ้งในน้ำใจของทุกๆท่านไม่ลืมเลือน อยากทราบว่า เพราะบุพกรรมใดจึงทำให้แม่ได้รับความอนุเคราะห์ และช่วยเหลือจากทุกคนด้วยน้ำใจเป็นอย่างดีคะ
 
5.น้องชายของลูกเป็นคนที่มีความเสียสละ ปรนนิบัติแม่เป็นอย่างดี ส่วนน้องสาวของลูกทำงานหาเงินเป็นหลักและส่งเงินมาให้แม่เป็นค่ารักษา ค่าใช้จ่าย และทำบุญ ไม่มีเวลามาดูแลแม่ใกล้ชิดมากนัก น้องสาวและน้องชายจะได้รับอานิสงส์แตกต่างกันอย่างไรคะ และได้รับอานิสงส์อื่นๆอย่างไรบ้างคะ
 
6.ลูกรู้สึกมีความรักและผูกพันกับแม่มาก เคยเป็นอะไรกันมาก่อนและทำไมชาตินี้จึงได้มีโอกาสมาดูแลท่านในยามที่ท่านเจ็บป่วย และชาติหน้าจะได้มาเป็นแม่ลูกกันอีกหรือไม่คะ
 
7.อดีตชาติของลูก น้องชาย และน้องสาวเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาบ้างไหมคะ รูปแบบใด และเพราะเหตุใดชาตินี้ ลูกจึงได้เข้าวัดมาสร้างบารมีกับหลวงพ่อ ได้อย่างสะดวกง่ายดายเช่นนี้คะ 
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากัน นะจ๊ะ
 
1.พ่อเป็นมะเร็งตับและอายุสั้น เพราะกรรมในอดีตพ่อเป็นเศรษฐีในยุคที่มีการซื้อขายทาส ซึ่งพ่อก็ได้ซื้อทาสชายหญิงมาเพื่อใช้แรงงาน และพ่อก็ใช้แรงงานทาสหนักมาก งานส่วนใหญ่จะเป็นเกษตรกรรม
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
2.แม่เป็นภรรยาพ่อในชาติที่พ่อเป็นเศรษฐีซื้อทาส ได้ทำกรรมคล้ายๆกัน คือ ทรมานทาสใช้แรงงานหนักแล้วไม่ดูแล ได้เลี้ยงดูแบบขาดมนุษยธรรม ทำให้ชาตินี้มีชีวิตลำบาก มีโรคมาก อายุสั้น
 
 
 
 
 
 
3.บุญปัจจุบันที่แม่ทำได้ไปตัดรอนวิบากกรรมทำให้แม่รอดตายมาได้หลายครั้ง
 
 
4.บุญที่แม่เลี้ยงดูบิดามารดา ปรนนิบัติท่านทั้งสองยามเจ็บป่วยเป็นอย่างดีในอดีต เหมือนดังที่ลูกๆทำกับท่านในชาตินี้ รวมกับบุญที่ลูกๆได้มาสร้างบารมีอย่างเต็มที่กับหมู่คณะ ทำให้มีคนมาช่วยเหลือเกื้อกูลท่านด้วยน้ำใจไมตรีอันดี
 
 
5.น้องชายดูแลแม่เป็นอย่างดีในยามที่ท่านเจ็บป่วย ส่วนน้องสาวทำงานหาเงินเป็นหลัก ส่งมาดูแลแม่ อานิสงส์นั้นไม่แตกต่างกัน
 
 
 
 
6.ลูกมีความรักและผูกพันกับแม่มาก เพราะผูกพันโดยสายโลหิต เห็นแม่ทำงานทุกข์ยากลำบากเพื่อเลี้ยงดูลูก ทั้งเคยเกิดเป็นแม่ลูกกันในอดีต ถ้าชาตินี้ทำบุญแล้วอธิษฐานจิตขอให้ไปเกิดเป็นแม่ลูกกันอีก ก็มีโอกาสเป็นไปได้
 
 
7.ลูก น้องชาย น้องสาว เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมา โดยน้องชายกับน้องสาวสร้างบารมีตามอารมณ์  ไม่ค่อยสม่ำเสมอ ซึ่งชาติที่ผ่านมาลูกจะเป็นกัลยาณมิตรให้คล้ายในชาตินี้
 
 
 
 
 
 
 
 
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2547-11-20.html
เมื่อ 22 กรกฎาคม 2567 23:57
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv