Case study
ลูกเลี้ยงรันทด
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
    พ่อของลูก เป็นพระเอกลิเก  คุณตา เป็นหมอขวัญ  เมื่อมีงานบวชที่ไหน  ตาจะต้องไปทำขวัญนาค เจ้าภาพก็จะหาลิเกคณะพ่อไปแสดงทำให้ตากับพ่อของลูกสนิทกัน  ตาพาพ่อมาเที่ยวบ้านบ่อยๆ  จนพ่อชอบลูกสาวของตา คือ แม่ของลูก และต่อมาแม่ก็หนีตามพ่อไป ทำให้ตาโกรธมากตัดขาดความเป็นพ่อลูกกัน 
 
    เมื่อแม่ไปอยู่กับพ่อจึงรู้ว่าพ่อมีเมียมีลูกแล้ว แม่ต้องลำบากมาก  เพราะพ่อยังคงไปแสดงลิเกและเจ้าชู้เหมือนเดิม ส่วน ย่า ก็ติดการพนัน และอบายมุขทุกชนิด ด่าทอแม่ตลอดเวลา เมื่อแม่คลอดลูกได้ 2 เดือน  ย่าให้แม่ออกไปทำนา แม่ต้องเอาลูกไปด้วยโดยเอาลูกนอนในเรือพายลำเล็กแล้วเอาผ้าขาวม้าผูกขึงจากซ้ายไปขวากันแดดให้ลูก แม่ทำนาไปก็มองเรือไปว่าเรือยังโคลงเคลงอยู่หรือไม่ เกรงว่าลูกจะตกน้ำไป  ต่อมาลูกอายุประมาณ 4 เดือน แม่ทนความลำบากไม่ไหวจึงนำลูกใส่เรือลำเดิมแล้วพายหนีออกจากบ้านย่าเพื่อมาหา ตา-ยายของลูก แม่ออกจากบ้านย่า 2 ทุ่ม ถึงบ้านยายประมาณตีหนึ่ง  และนับแต่นั้นมาลูกก็อยู่กับตายายตลอด พอลูกอายุได้  2  ขวบ แม่ก็มีสามีใหม่ และมีลูกติดๆกันถึง 3 คน  ตั้งแต่แม่นำลูกมาอยู่กับยาย  แม่ไม่เคยสนใจเลี้ยงดูลูกเลย ทำให้ลูกเข้าใจว่าตายายคือ พ่อแม่ของลูก  ลูกจึงเรียกท่านทั้งสองว่า “พ่อ-แม่” และเรียกแม่ตัวเองว่า “อีเจ๊” โดยเรียกตามน้องๆของแม่ 
 
    ต่อมา ลูกอายุได้ 4 ขวบ แม่มาเอาลูกไปเลี้ยงน้องๆ ซึ่งเกิดกับสามีใหม่ของแม่ แม่มีอาชีพพายเรือขายขนม พ่อเลี้ยง ก็ต้องทำนาไม่มีใครดูแลน้อง จึงให้ลูกซึ่งมีอายุ 4 ขวบ ไปเลี้ยงน้อง 3 คน ลูกต้องตื่นเช้าพร้อมแม่ ช่วยแม่ล้างถั่วเขียว กวนแป้งมัน ขนฟืน แม่ทำขนมเสร็จพร้อมทั้งทำกับข้าวเช้าเสร็จไปด้วย  หลังจากนั้นก็จะไปกินข้าวรวมกันทั้งหมดซึ่งมีกับข้าวอยู่เพียงอย่างเดียว เช่น แกงส้มหรือไม่ก็ปลาเค็มอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่กับข้าวของลูกไม่ใช่ปลาเค็มหรือแกงส้ม  แต่เป็นน้ำปลา หรือซีอิ๊วเค็มทุกมื้อ ลูกไม่สามารถกินอาหารอื่นได้เลย  เนื่องจากพ่อเลี้ยงจะกำชับไว้ว่าห้ามกินกับข้าวของเขาเด็ดขาด เวลากินข้าวลูกต้องนั่งก้มหน้าตลอด ถ้าเงยหน้ามาจะพบกับสายตาเกรี้ยวกราดดุดันของพ่อเลี้ยง แม่มักจะถามลูกทุกครั้งว่า “เอาแกงไหมลูก” ลูกก็จะตอบว่า “ไม่เอา ไม่ชอบ” เป็นอย่างนี้ทุกครั้งไป ถ้าลูกดื้อดึงกินกับข้าวของเขา เมื่อแม่ออกไปขายขนมแล้ว ลูกจะถูกพ่อเลี้ยงตบศีรษะจนหัวทิ่มหัวตำทุกครั้งไป และจะพูดว่า “กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้กินของกู” ลูกจะกลัวจนลนลาน และต้องร้องไห้แบบไม่มีเสียงเพราะเขาห้ามไว้ 
 
    เมื่อกินอาหารเสร็จแล้ว ลูกจะต้องขนขนมทุกอย่างไปเรียงในเรือพายลำเล็ก  พร้อมทั้งเตรียมอุปกรณ์ตักขนมให้พร้อม ใส่เรือไว้ให้แม่ ในขณะที่แม่กำลังอาบน้ำ  เมื่อแม่ออกจากบ้านไปขายขนมแล้ว ลูกก็จะต้องขนภาชนะที่แม่ทำไว้ทั้งหมดในครัว ลงไปล้างที่หัวสะพานด้วยจิตใจที่หดหู่หวาดระแวงลนลานกลัวพ่อเลี้ยงจะมาหาเรื่องตบตี เพราะพ่อเลี้ยงเกลียดลูกมาก เขากลัวว่า แม่จะรักลูกมากกว่าลูกของเขา เมื่อเสร็จภารกิจแล้วก็ไปเปลี่ยนพ่อเลี้ยงไกวเปลน้อง และดูแลน้อง  ส่วนพ่อเลี้ยงก็จะออกไปท้องนาทั้งวัน  เมื่อน้องหลับ  ลูกก็จะต้องกวาดบ้านถูบ้าน และหาบน้ำใส่ตุ่มให้เต็มทุกตุ่มที่พร่องไปจากการใช้งาน  ทำงานไปหูก็จะต้องฟังไปว่าน้องจะตื่นขึ้นมาร้องหรือไม่  ถ้าน้องร้องเสียงดังจะต้องได้ยินไปถึงหูพ่อเลี้ยงเพราะนาอยู่หลังบ้าน  จึงต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงแกว่งเปลน้องไปด้วย ทำงานไปด้วย เมื่อเสร็จงานทุกอย่างแล้วลูกก็จะอยู่บนบ้านเฝ้าน้องในขณะที่น้องหลับ จนกว่าน้องจะตื่นโดยการไปยืนเกาะขอบหน้าต่าง แล้วชะเง้อมองหาพ่อเลี้ยงว่ายังอยู่ที่ท้องนาหรือไม่ เมื่อเห็นเขายังอยู่ก็ดีใจเพราะไม่อยากให้เขากลับมาบ้าน อยากให้เขาอยู่ที่ท้องนาไปตลอดชีวิต  ทุกวันประมาณ 3 โมงเย็น  จะต้องรีบหุงข้าวด้วยเตาฟืน ดงข้าว เช็ดน้ำเตรียมรอแม่กลับจากขายขนม เวลานี้จะมีความสุขมากเพราะแม่ใกล้จะกลับแล้ว 
 
    ตกกลางคืนหลังอาบน้ำเสร็จแล้ว แม่กับพ่อเลี้ยงจะช่วยกันนับเงินเหรียญจากการขายขนม ส่วนน้องจะวิ่งเล่นอยู่รอบๆ พ่อแม่ของเขา ลูกก็จะนั่งแอบอยู่ข้างเสากลางบ้านซึ่งมืด เพราะทั้งบ้านมีตะเกียงอยู่ดวงเดียว  แต่ลูกก็ไม่ต้องการแสงสว่าง ลูกกลัวว่าเขาทุกคนจะเห็นว่าลูกแอบร้องไห้ข้างเสาทุกวัน เมื่อนับเงินเสร็จแล้วแม่จะชงโอวัลตินให้น้องๆ และพ่อเลี้ยงกินกันอย่างมีความสุข ลูกนั่งฟังเสียงช้อนกระทบกันดังกิ๊กๆ และแอบดูเขากินกัน  โดยที่ไม่มีใครเห็น  แม่ก็จะถามว่าเอาไหมลูก  ลูกก็ตอบว่า “ไม่เอา ไม่ชอบ” เป็นเช่นนี้ทุกครั้ง
 
    เมื่อถึงเวลาที่เขาจะนอนกัน พ่อเลี้ยงก็จะบอกให้ลูกปูที่นอนให้เขา  พวกเขาก็จะพากันไปเข้าห้องน้ำข้างล่าง เมื่อขึ้นมาก็จะเข้ามุ้งนอน ในขณะที่ลูกนั่งรอคำสั่งที่เสากลางบ้านต้นเดิม จนกว่าพ่อเลี้ยงจะสั่งว่านอนได้แล้ว
 
    เมื่อเข้ามุ้งนอนลูกจะร้องไห้และพึมพำว่า “แม่ไม่รักหนู หนูไม่ใช่ลูกแม่หรือ แม่ไม่รู้หรือว่าหนูถูกตบตีทุกวัน แม่ไม่รู้หรือว่าหนูอยากกินกับข้าวทุกอย่างที่แม่กิน แม่ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่” ลูกจะพูดเช่นนี้ทุกวัน และร้องไห้จนหลับไป 
 
    ทุกวันอาทิตย์ แม่จะหยุดขายขนม 1 วัน แม่จะพาลูกและน้องๆ ไปเที่ยวบ้านยาย ลูกจะดีใจมาก  เมื่อถึงบ้านยายลูกจะแอบหลังบ้านยายเพื่อหนีแม่ เพราะไม่อยากกลับไปกับแม่อีก แต่แม่ก็หาเจอทุกครั้ง ครั้งหนึ่งลูกไปแอบที่หลังบ่อน้ำที่เดิม ลูกเห็นหอยโข่งตัวใหญ่ลอยน้ำมาเกาะขอบบ่อ ลูกอยากรู้รสชาติของเนื้อสัตว์ว่าเป็นอย่างไร ลูกจึงจับหอยโข่งขึ้นมาแล้วใช้ไม้ตีจนเปลือกแตกหมด  แล้วลูกก็กินหอยโข่งดิบๆ มันลื่นไปลื่นมาเพราะเมือกเต็มไปหมด ลูกเห็นหอยโข่งมันบิดตัวเป็นเกลียวด้วยความเจ็บปวดจากการถูกลูกกัดกิน ลูกกินได้นิดหน่อยก็โยนลงน้ำไปเพราะไม่อร่อยเลย
 
    ลูกอยู่กับแม่จนจบ ป.4  ก็มี คุณนาย มาซื้อที่ดินของยาย  และขอให้ยายหาเด็กผู้หญิงให้ 1 คน  เพื่อจะเอาไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ยายจึงยกลูกให้ไปอยู่กับคุณนาย ลูกก็เสียใจร้องไห้ฟูมฟายและเขียนจดหมายพรรณนาถึงความอาภัพของตนเอง ส่งมาให้ยายอ่านทุกเดือน  ขณะที่ลูกอยู่กับคุณนาย ลูกเรียกเธอว่า “คุณป้าหญิง”  เธอส่งลูกไปเรียนโรงเรียนเอกชนเกรดดี มีแต่ลูกคนรวยๆไปเรียน  มีลูกเท่านั้นที่ดูสกปรก  หน้าตาเต็มไปด้วยกลากเกลื้น  ไม่มีใครเล่นกับลูกเลย  ทุกคนรังเกียจลูกหมด  คุณนายให้เงินลูกไปกินขนมสัปดาห์ละ 10 บาท  จะจ่ายให้ทุกวันจันทร์  ซึ่งลูกก็จะใช้หมดในวันจันทร์วันเดียวเลย พอวันอังคารถึงวันศุกร์ลูกไม่มีเงินซื้อขนมลูกก็จะไปขโมยขนมของร้านค้าที่โรงเรียนกินทุกวัน  สำหรับน้ำดื่มลูกจะดื่มน้ำจากก๊อกล้างมือ  เพื่อนๆก็จะมามุงมองกันและล้อเลียนว่า “พวกเราดูอีเกลื้อนกินน้ำก๊อก”  ทำท่าสะอิดสะเอียนใส่ลูก ลูกก็จะเอาน้ำสาดเพื่อน เมื่อเวลากลางวันลูกไม่มีเพื่อนแล่น ลูกก็จะนั่งที่ม้าหินของโรงเรียน และสังเกตครูที่เดินไป-มา และลูกก็จะจินตนาการว่า โตขึ้นลูกจะเป็นเหมือนคนนั้นคนนี้  ต้องมีรถขับ  ต้องมีกระเป๋าแบบนี้  ต้องสวมรองเท้าแบบนี้  ครูคนที่สะดุดตาลูกมากคือ คุณครูใหญ่  ลูกสังเกตว่าคุณครูทุกคนที่เดินผ่านคุณครูใหญ่ จะยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ลูกจึงจินตนาการว่า ลูกอยากเป็นครูใหญ่  และเมื่อใครถามว่าโตขึ้นจะเป็นอะไร  ลูกก็จะตอบว่า  “เป็นครูใหญ่” ทุกคนก็จะพากันขำว่า ลูกทำไมต้องเป็นครูใหญ่ด้วย เป็นครูเฉยๆไม่ได้หรือ  ลูกก็จะไม่ตอบอะไรเพียงคิดในใจว่า ครูใหญ่นี่ใหญ่จริงๆ
 
    ต่อมาลูกเรียนถึง ม.4  คุณป้าหญิงก็เสียชีวิตลง หลานๆของคุณป้าหญิงซึ่งมีท่าทางรังเกียจลูกมาตั้งแต่แรก ก็เนรเทศลูกออกจากตระกูลของเขา ทั้งที่ยังไม่ได้เผาศพคุณป้าหญิง  เขาเกรงว่าลูกจะได้รับมรดกบางส่วนจากคุณป้าหญิง เมื่อเปิดพินัยกรรมหลังเสร็จงานศพแล้ว  เขาจึงรีบไล่ลูกออกมาก่อน
 
    ลูกจึงต้องกลับมาอยู่กับแม่และพ่อเลี้ยงเหมือนเดิม โดยแม่หางานให้ลูกเป็นครูสอนเด็กเล็กที่โรงเรียนที่แม่ขายขนมเด็กอยู่ ลูกได้เงินเดือนๆละ 750 บาท พ่อเลี้ยงขอเดือนละ 300 บาท แม่ขอค่ากับข้าวเดือนละ 300 บาท  ลูกเหลือเงินใช้เดือนละ 150 บาท และยังถูกกระแนะกระแหนจากพ่อเลี้ยงเหมือนเดิม ลูกทนอยู่ได้ 3 ปี ลูกจึงขอมาอยู่กับยาย แต่ก็โดนพ่อเลี้ยงด่าทออย่างรุนแรง แม่ก็รุมซ้ำด้วยว่า จองหองอวดดี น้องสามคนซึ่งเป็นลูกพ่อเลี้ยงก็เก็บเสื้อผ้าของลูกปาสุมใส่หัวลูกพร้อมกับบอกให้รีบออกไปให้พ้นจากบ้านนี้ ลูกก็กลับมาอยู่กับยายและขอยายเรียนต่อ ยายก็บอกว่าจะเรียนไปทำไม ลูกผู้หญิงเดี๋ยวแต่งงานแล้วความรู้ก็ไม่ได้ใช้อะไร ยายก็ไม่ให้เรียน 
 
    ต่อมา สามีของลูก มาขอแต่งงานชีวิตลูกก็ดีขึ้น  และลูกได้ย้ายมาอยู่บ้านสามีได้สอนหนังสือที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสมุทรปราการ โดยมีวุฒิแค่เพียง ม.3 เท่านั้น  ลูกจึงไปเรียน กศน.ต่อ และศึกษาในระดับปริญญาตรี
 
    ช่วงที่ลูกอยู่กับสามี ลูกยังนอนร้องไห้อยู่เหมือนเดิม เพราะติดภาพและอารมณ์เก่าๆ โดยที่สามีไม่รู้ บัดนี้อารมณ์ต่างๆ เหล่านั้นได้หายหมดแล้ว เพราะลูกคิดว่าที่ลูกถูกทารุณกรรมเป็นเพราะวิบากกรรมของลูก ซึ่งความคิดเช่นนี้มีมาตั้งแต่ลูกถูกทารุณใหม่ๆ ลูกยังคิดว่า ทำไมลูกถึงคิดได้เช่นนั้นทั้งๆที่ลูกยังเป็นเด็ก บัดนี้ ลูกพากเพียรจนจบปริญญาโท ด้านบริหารการศึกษา และความฝันของลูกที่เคยคิดว่าลูกจะเป็นครูใหญ่นั้น ลูกก็ได้เป็นสมใจ และยังได้เป็นเจ้าของโรงเรียนอนุบาลอีกด้วย นอกจากนี้ลูกยังได้เป็นสตรีตัวอย่างแห่งปี (Woman of the year 2001) และเป็นบุคคลดีเด่น อื่นๆอีกหลายโล่ ลูกไม่เคยคิดเลยว่า ลูกจะได้เป็นถึงเพียงนี้
 
    ลูกไม่มีบุตรกับสามี แต่ได้นำเด็กมาเลี้ยง 1 คน ซึ่งผู้ปกครองของเด็กได้จ้างเลี้ยงไว้เป็นเวลา 5 ปีแล้ว เด็กเรียกลูกว่า “แม่” และเรียกสามีลูกว่า “ป๊า” ทั้งลูกและสามีรักเด็กคนนี้มากเหมือนลูกของเราเองเลยค่ะ
 
ลูกขอกราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อดังนี้คะ  
 
1.ลูกมีกรรมอะไรจึงถูกพ่อเลี้ยงตบตีทารุณตลอดเวลา
 
2.กรรมอะไรคะที่ทำให้ลูกต้องกินข้าวกับน้ำปลานานถึง 4 - 5 ปีจนทำให้ลูกชอบกินอาหารรสเค็มจัดจนถึงทุกวันนี้ ทำไมชีวิตลูกต้องระเหเร่ร่อนตั้งแต่ยังเด็ก
 
3.บุญอะไรทำให้มีคุณนายมารับตัวลูกไปเลี้ยงอย่างดี   แต่ทำไมตอนเป็นนักเรียนลูกจึงมีนิสัยชอบขโมยไม่ว่าจะเป็นการขโมยเงิน หรือของกิน ถึงแม้จะเรียนมัธยมแล้วก็ตามเมื่อกลับถึงบ้านลูกจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดหลวมๆ แล้วออกไปขโมยขนมใส่พุงมาจนเต็ม
 
4.แม่ของลูกไม่รักลูกเท่ากับน้องๆทั้ง 3 คน เพราะอะไรคะ และแม่มักพูดให้ลูกเสียใจน้อยใจเสมอ ถึงแม้ลูกจะเป็นเจ้าของโรงเรียนแล้ว แม่ก็ยังพูดอยู่
 
5.แม่ของลูกเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งที่โพรงจมูก ก่อนแม่เสียชีวิตลูกก็รักษาแม่ด้วยเงินของลูกคนเดียว เมื่อแม่ใกล้สิ้นใจ แม่ก็ยังไม่เรียกหาลูก แต่แม่เรียกหาน้องๆ   แม่พูดว่า แม่อยากกอดน้องๆ ทำไมเป็นเช่นนั้นคะ ลูกทำบุญทุกบุญอุทิศให้แม่ทั้งหมด แม่ได้รับบุญที่ลูกอุทิศให้หรือไม่คะ ตอนนี้แม่ของลูกอยู่ที่ไหน  แม่ฝากอะไรถึงลูกบ้างหรือเปล่าคะ
 
6.ทุกวันนี้น้องของลูกซึ่งเป็นลูกของพ่อเลี้ยงทั้ง 3 คน อยู่ในความอุปการะของลูก โดยทุกคนทำงานอยู่ในโรงเรียนของลูก บางคนก็ดีกับลูก บางคนก็ไม่ดีกับลูกคอยจะคิดเอาเปรียบตลอดเวลาเป็นเพราะอะไรคะ
 
7.ลูกกับเด็กที่เลี้ยงไว้ มีวิบากกรรมอะไรร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อนหรือเปล่าคะ แม้กระทั่งย่าของเด็กทุกวันนี้ เธอก็ยังเป็นผู้นำบุญให้ลูก และคอยเกื้อกูลลูกตลอดเวลา
 
8.ทำไมลูกชอบฝันถึงอะไรแปลกๆ ฝันถึงของสูงที่อยู่เบื้องบน เช่น ฝันถึงพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 5, 7 และ 9 บ่อยครั้ง โดยเฉพาะรัชกาลที่ 5 ฝันเห็นเรือสุพรรณหงส์พาดขอบฟ้าทั้งลำ ฝันว่ามีคนพาไปเที่ยวเมืองสวรรค์และเมืองนรก ฝันเช่นนี้ติดต่อกันเป็นเดือนๆ จนทำให้ลูกคิดว่าลูกจะตายหรือเปล่า หรือว่ามันเป็นเพียงความฝันเพ้อเจ้อของลูกไปเองหรือเปล่าคะ
 
9.ลูกชอบขึ้นพนาวัฒน์มาก ได้ขึ้นไปปฏิบัติธรรมหลายครั้งแล้วลูกคิดว่า อนาคตลูกจะเลิกทำกิจการทั้งปวง โดยยกกิจการทั้งหมดให้น้องๆ แล้วลูกจะช่วยงานวัด ทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา หลวงพ่อว่าจะเป็นไปได้ไหมคะ ลูกเคยสร้างบารมีมากับหมู่คณะบ้างไหมคะ
 
    สุดท้ายนี้ลูกกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อมากค่ะที่ได้อ่าน Case study ของลูกซึ่งค่อนข้างยาว ลูกชอบเพลงจดหมายจากตะวันมาก ฟังครั้งแรกลูกร้องไห้เลยค่ะ เหมือนพระเดชพระคุณหลวงพ่อแต่งให้กับลูกเลยค่ะ 
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากัน นะจ๊ะ
 
1.ในอดีตลูกเป็นผู้ชาย เป็นพ่อค้าฐานะร่ำรวย ช่วงเริ่มต้นชีวิตเป็นคนดุร้าย และตระหนี่ ชอบตีข้าทาสบริวารในเรือน เมื่อไม่พอใจข้าทาสก็ให้อดข้าว และบอกว่าทำงานไม่คุ้มข้าวสุก ด้วยกรรมนี้ทำให้มาเจอพ่อเลี้ยงที่ชอบตบตีทำทารุณกรรม
 
 
2.ในอดีตมีความตระหนี่มาก จะหวงข้าวปลาอาหาร ไม่ให้ข้าทาสบริวารอยู่ดีกินดี ให้อดๆอยากๆ ลงโทษให้อดอาหารและบางทีก็ไล่ออกจากเรือนไปเลย ทำให้ชาตินี้ต้องระเหเร่ร่อนตั้งแต่เด็ก อดๆอยากๆ ต้องกินข้าวกับน้ำปลาอยู่หลายปี
 
 
3.ภายหลังเจอกัลยาณมิตร ตอนมีปัญหาเรื่องกิจการค้าตกต่ำ จึงได้รับคำแนะนำให้มาเจอหมู่คณะ ได้รับรู้เรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตทำให้เริ่มปรับปรุงตัวเองจากความตระหนี่และโหดร้ายต่อข้าทาสบริวาร
 
 
 
 
 
 
 
 
4.กรรมเจ้าชู้ในอดีตที่มีลูกเมียหลายคน ไม่ได้ให้ความใส่ใจกับลูกเมียบางคน ทำให้ในปัจจุบันเวลาแม่เห็นตัวลูกมักจะพูดให้น้อยใจ เสียใจ อีกทั้งนึกถึงความเจ้าชู้ของพ่อที่ทำให้แม่ช้ำใจเลยมาลงที่ลูก ทำให้รู้สึกว่าแม่ไม่รัก ทั้งๆที่แม่ก็รัก
 
 
5.แม่ตายแล้วไปเกิดเป็นบริวารของภุมมเทวาสายยักษ์
 
 
 
 
6.ที่น้องๆของลูกบางคนดี บางคนไม่ดี คิดจะเอาเปรียบลูกตลอดเวลา ลูกอย่าไปคิดอะไรเลย คิดว่าเราทำบุญสงเคราะห์ญาติ จะได้เป็นบุญกุศลของเราที่จะไปตัดรอนวิบากกรรมเก่าที่ลูกทำ
 
 
7.ลูกกับเด็กที่เลี้ยงเอาไว้ในอดีตเคยเป็นพ่อลูกกันในชาติที่เกิดเป็นพ่อค้าร่ำรวยแต่ตระหนี่ ส่วนคุณย่าของเด็ก คือ กัลยาณมิตรในชาตินั้น ทำให้ลูกมาเจอหมู่คณะ ชาตินี้ก็มาเป็นกัลยาณมิตรให้อีก
 
 
8.ลูกชอบฝันเห็นรัชกาลต่างๆโดยเฉพาะ ร.5 เพราะความนับถือเทิดทูนเป็นพิเศษก็เลยเก็บเอาไปฝัน 
 
 
9.ลูกเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาโดยเป็นกองเสบียงมาหลายชาติ บางชาติก็พลัดกัน ชาตินี้ให้สร้างบารมีร่วมกันให้ตลอดจะได้ไม่พลัดพรากกันอีก
 
 
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2547-12-07.html
เมื่อ 3 กรกฎาคม 2567 14:41
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv