Case study
นักมวยหญิง “ดาวน้อย ส. สมเดช”
(นักมวยหญิง และนักร้องทั้งครอบครัว)
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบนมัสการคุณครูไม่ใหญ่ด้วยความเคารพอย่างสูง
 
    ลูก เป็นนักเรียนประจำของโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ที่เกาะติดสถานการณ์ “ปรโลกนิวส์” ตลอดทุกวันไม่ขาดเลยค่ะ ยิ่งได้ฟัง มินิซีรี่เรื่อง “มวย” แล้ว ภาพของคุณพ่อและของตัวลูกเองก็ผุดขึ้นมาอย่างชัดเจน ด้วยความรักและปรารถนาดีต่อคุณพ่ออย่างสุดหัวใจ ลูกจึงไม่อาจนิ่งเฉยอีกต่อไปได้ จึงส่ง Case มาขอความเมตตาต่อคุณครูไม่ใหญ่ให้ช่วยไขข้อข้องใจค่ะ
 
    คุณพ่อของลูก เป็นลูกกำพร้าตั้งแต่เด็ก คุณย่า สิ้นเมื่อคุณพ่ออายุได้ 5 เดือน ต่อมาเมื่อคุณพ่ออายุได้ 2 ปี คุณปู่ ก็ต้องมาตายไปอีกคน จึงทำให้คุณป้า ซึ่งตอนนั้นมีอายุเพียง12 ปี ต้องออกจากโรงเรียนมาแต่งงาน เพื่อหาเงินและหาคนมาช่วยเลี้ยงดูน้องๆ โดยเฉพาะคุณพ่อซึ่งเป็นน้องคนสุดท้อง  คุณพ่อจึงมีชีวิตลำบากต้องดูแลตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ท่านต้องหาเงินส่งตัวเองเรียน  โดยไปเป็นนักมวยสมัครเล่น ขึ้นชกตามเวทีมวยต่างๆตั้งแต่อายุยังน้อยท่านสามารถส่งตัวเองเรียนจนกระทั่งจบครู และด้วยความวิริยะ อุตสาหะ ต่อมา คุณพ่อก็ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง คุณพ่อจึงภาคภูมิใจในศิลปะมวยไทยมาก และความภูมิใจก็ได้ถูกถ่ายทอดมาสู่ลูกๆทั้ง 3 คนซึ่งยังเล็กอยู่ โดยเฉพาะตัวลูกเองซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของท่าน  
 
    เนื่องจากคุณพ่อเป็นผู้บริหารโรงเรียน  หลังเลิกเรียนทุกวัน   คุณพ่อจะใช้โรงเรียนเป็นสนามฝึกซ้อมมวย แล้วให้เด็กนักเรียนผู้ชายมาซ้อมมวยกันเป็นประจำ   และทุกครั้งคุณพ่อก็จะให้น้องชายและตัวลูกมาซ้อมมวยด้วย    ลูกจึงเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม ที่เล่นหมัดมวยและมีคู่ซ้อมเป็นเด็กผู้ชาย ซึ่งมวยที่ลูกถนัดมากคือ มวยไทย โดยเฉพาะหมัดขวาตรงและตีเข่า โดยคุณพ่อจะแขวนกระสอบทรายไว้ที่ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน ว่างๆพวกเราก็จะไปซ้อมเตะ ต่อย และบ่อยครั้งที่พวกเราทะเลาะกัน ก็จะหันมาชกต่อยกันเองด้วยความเมามัน
 
    และแล้ววันที่ลูกได้ขึ้นชกบนเวทีแข่งขันมวยจริงๆก็มาถึง   เมื่อคุณพ่อและครูที่โรงเรียนอีกตำบลหนึ่ง ร่วมกันจัดแข่งขันการชกมวยสากลสมัครเล่นขึ้น โดยเอานักเรียนจากทั้งสองโรงเรียนมาชกกัน  ปกติแล้วก่อนขึ้นชก จะมีอยู่วันหนึ่ง ที่เขาจะให้นักมวยทั้งสองฝ่ายมาเจอกัน และชั่งน้ำหนักเพื่อเทียบน้ำหนักตัว แต่ลูกและน้องชายไม่เคยได้เห็นคู่ชกเลย    
 
    จนกระทั่งถึงวันชกจริง ลูกได้รับฉายาว่า  "ดาวน้อย ส.สมเดช" เป็นคู่มวยหญิงคู่เดียวของงาน   จึงได้รับความสนใจจากผู้ชมมากเป็นพิเศษ ลูกตื่นเต้นหวาดเสียวมากจนบอกไม่ถูก เมื่อถึงคิวคู่ของลูกขึ้นชก เสียงคนเชียร์รอบสนามก็ดังอื้ออึง และพอได้เห็นคู่ชกครั้งแรก ลูกก็ถึงกับตะลึง เพราะนึกว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นนางยักษ์ ซึ่งตอนนั้นลูกมีอายุ 8 ขวบร่างกายผอมกะหร่อง คู่ชกของลูกอายุ 10 ปี มีร่างอ้วนใหญ่บึกบึนน่าเกรงขามมาก เมื่อเสียงระฆังยกแรกดังขึ้น ลูกก็เริ่มหูอื้อและตาลาย แม้จะสั่นแต่ก็สั่นสู้ จึงโชว์ลีลาท่าทางที่เคยฝึกซ้อมมาเพื่อขย่มขวัญคู่ต่อสู้  ลูกไม่ลืมสิ่งที่พ่อเคยสอนไว้ จึงปล่อยหมัดแย๊บซ้าย แล้วตามด้วยหมัดขวาตรง ซึ่งโดนคู่ต่อสู้จังๆถึงสองหมัด แต่ที่เหลือนอกนั้นลูกเป็นฝ่ายถูกชกเรียบ เมื่อสู้ด้วยหมัดไม่ได้ ลูกก็เลยกอดคอตีเข่า ปรากฏว่ากรรมการเตือน เพราะถือว่าผิดกติกาของมวยสากล แม้จะถูกเตือนแต่ลูกก็หน้ามืดเสียแล้ว ลูกจึงแทงเข่าอีก ลูกถูกเตือนถึง 2ครั้ง และก่อนที่จะถูกจับแพ้ฟาล์วระฆังก็ช่วยไว้เสียก่อน และเมื่อครบสามยก ผลปรากฏว่า ลูกเป็นฝ่ายแพ้คะแนนไปอย่างขาดลอย 
 
    แม้จะแพ้แต่ลูกก็ยังร่าเริง เพราะได้เงินไปซื้อขนมกิน  และหลังการชกครั้งนั้น คุณพ่อก็ยังสอนมวยให้ลูกและน้องๆมาโดยตลอด จนกระทั่งลูกเริ่มโตเป็นเด็กสาว  คุณพ่อจึงให้ลูกเลิกซ้อมมวยกับเด็กผู้ชายโดยเด็ดขาด และเมื่อคุณพ่อย้ายโรงเรียนไปประจำอีกที่หนึ่ง ค่ายมวยเด็กก็เป็นอันล้มเลิกไปเช่นกัน  
 
     แม้ครอบครัวลูกจะชกมวย  แต่ในอีกอารมณ์หนึ่งที่เหมือนกันทั้งครอบครัว คือเป็นศิลปินชอบร้องเพลง คุณพ่อจะดีดกีตาร์และเล่นอิเล็กโทน ส่วน คุณแม่ ซึ่งมีอาชีพครูเหมือนกัน ก็เคยชนะเลิศการประกวดร้องเพลงในวันครู ลูกและน้องๆจึงดำเนินรอยตามท่าน ลูกได้เข้าร่วมประกวดร้องเพลงตั้งแต่อยู่ชั้น ป.1 ถึงชั้นมัธยม เรื่อยมาจนถึงมหาวิทยาลัย  ซึ่งเมื่อมีการประกวดร้องเพลงที่โรงเรียนครั้งใด ก็ต้องมีลูกร่วมด้วยเกือบทุกครั้ง และได้รางวัลที่ 1 ด้วยค่ะ จนมีคนมาทาบทามให้ไปออกเทปเป็นนักร้องอาชีพ แต่เป้าหมายชีวิตของลูกยิ่งใหญ่กว่านั้น เมื่อจบการศึกษาแล้ว จึงตัดสินใจเข้าวัดมาเป็นอุบาสิกาทันทีโดยไม่รีรอค่ะ
 
ลูกขออนุญาตเล่าถึงญาติพี่น้องหน่อยนะคะ    
 
    คุณยายทวดและคุณตาทวด มีอายุยืนมาก ท่านมีอายุร้อยกว่าปี จนชาวบ้านในละแวกนั้นต่างก็กล่าวหาว่า ท่านเป็นปอบผีฟ้า ผู้คนจึงพากันกลัวไม่กล้าเข้าใกล้     ในวันที่คุณยายทวดจะเสีย คุณแม่เห็นอาการท่านไม่ดี จึงให้หมอชาวบ้าน มาฉีดยาเพื่อบำรุงหัวใจท่าน แต่ปรากฏว่าท่านแพ้ยา ในเย็นวันนั้นท่านก็เลยสิ้นใจตาย    เมื่อคุณยายทวดไม่อยู่แล้ว คุณตาทวดคงจะเหงามาก ต่อมาไม่นาน ท่านก็เลยสิ้นใจตายไปอีกคน
 
    มีอีกเรื่องหนึ่งค่ะ หลานสาวของคุณป้า มีอายุเพียง 7 ขวบเท่านั้น วันหนึ่งเธอไปเล่นน้ำ เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ป่วย มีอาการไข้ขึ้นสูง ชั่วเวลาเพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้นก็สิ้นใจตาย หมอได้วินิจฉัยว่า มีเชื้ออะมีบาขึ้นสมอง จึงเป็นไข้เฉียบพลันและตายในเวลาอันสั้น
 
คำถาม 
 
1.คุณพ่อมีวิบากกรรมอะไร จึงเป็นกำพร้ามาตั้งแต่เด็ก ทำไมจึงมายึดอาชีพเป็นนักมวยสมัครเล่น แล้วส่งเสียตัวเองเรียนจนได้ดี คุณพ่อชอบมวย และชอบเล่นไก่ชนมาก จนได้เป็นประธานชมรมไก่ชนประจำอำเภอ ลูกอยากให้คุณพ่อเลิก ได้พยายามพูดหลายครั้งแต่ไม่เป็นผล ขอความเมตตาคุณครูไม่ใหญ่แนะนำลูกด้วย ว่าลูกควรแนะนำคุณพ่ออย่างไรบ้างคะ
 
2.เมื่อตอนเป็นเด็ก ลูกและน้องชายถูกจับให้ชกมวย โดยคิดว่าเป็นการฝึกศิลปะป้องกันตัว ลูกและน้องทำกรรมอะไรร่วมกันมาคะ วิบากกรรมนี้จะติดไปในภพเบื้องหน้ามั๊ยคะ
 
3.ผู้หญิงที่เป็นนักมวย เขาเหล่านั้นทำกรรมอะไรไว้ จึงต้องมามีอาชีพนี้
 
4.บ่อยครั้งที่มีการถ่ายทอดสด การชกชิงแชมป์โลกของนักมวยขวัญใจคนทั้งประเทศ ซึ่งคนทั้งประเทศต่างก็คอยเชียร์อยู่หน้าจอ หากคนเหล่านั้น เชียร์มวยธรรมดาโดยไม่มีการพนัน คิดว่าเป็นเพียงเกมกีฬาเท่านั้น เขาจะมีวิบากกรรมอย่างไรบ้างคะ
 
5.แม้ครอบครัวลูกจะชกมวย แต่ทุกคนก็ชอบร้องเพลง โดยเฉพาะลูกเอง มีความสามารถด้านการใช้เสียง ทั้งอ่านกลอนทำนองเสนาะ ร้องเพลง และเป็นพิธีกร โดยที่ไม่ได้เรียนด้านนี้มาเลย ในอดีตลูกเคยสร้างบุญอะไรมาคะ 
 
6.ลูก คุณพ่อ คุณแม่ และน้องๆ เคยสร้างบุญกับหมู่คณะมาในรูปแบบใด และทำไมชาตินี้ลูกถึงได้มีโอกาสเข้ามาช่วยงานในวัดคะ
 
7.คุณยายทวดของลูกเป็นปอบตามที่ถูกกล่าวหาจริงๆ   หรือไม่ บุพกรรมใดที่ทำให้โดนกล่าวหาว่าเป็นปอบ การที่คุณแม่ให้หมอมาฉีดยาท่าน จนเป็นสาเหตุให้ท่านเสียชีวิต คุณแม่จะมีวิบากกรรมอะไรบ้างคะ เรื่องนี้ติดอยู่ในใจคุณแม่มานานค่ะ
 
8.หมอดูเคยทักว่ามีวิญญาณคนแก่เดินตามหลังคุณแม่ วิญญาณนั้นมีจริงมั๊ย ใช่ยายทวดหรือเปล่าคะ  คุณยายทวดและคุณตาทวดละโลกแล้วไปอยู่ไหน ท่านฝากอะไรมาถึงลูกหลานบ้าง
 
9.หลานสาวของคุณป้า  ตายแล้วไปอยู่ไหน วิบากกรรมอะไรจึงเป็นไข้ และตายแบบเฉียบพลันคะ
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากัน นะจ๊ะ
 
1.พ่อเป็นกำพร้าต้องยึดอาชีพนักมวย เพราะหลายกรรมในอดีตมารวมกัน อันดับแรก คือ กรรมที่เคยถูกพ่อแม่ดุด่าว่ากล่าว ลงโทษ เฆี่ยนตี เพราะเถียงท่าน จึงน้อยใจ ได้กล่าววจีกรรมว่าท่านทั้งสอง ไม่ใช่พ่อแม่ถึงได้มาเฆี่ยนตีอย่างนี้ พ่อแม่แท้จริงตายไปแล้ว
 
 
 
 
 
 
2.ลูกและน้องชาย มีเศษกรรมอนุโมทนาบาปที่ชอบดูเขาชกมวยต่อยกันมาในอดีต จึงถูกจับให้มาต่อยมวย ส่วนตัวลูกชอบดูทหารเขาซ้อมต่อสู้กัน ถ้าลูกไม่ยินดีและทำบุญให้มากๆ กรรมนี้จะหมดไปไม่ติดไปในภพเบื้องหน้า
 
 
3.ผู้หญิงที่มีอาชีพนักมวย เพราะกรรมในอดีตหลายแนว เช่น เชียร์หรือชอบชกต่อยกัน หรือชอบเชียร์สัตว์ให้ตีกัน บวกกับเศษกรรมกาเมจึงทำให้มาเกิดเป็นผู้หญิงหรือสนับสนุนให้เขาชกกัน
 
 
4.หากเชียร์มวยชิงแชมป์โลกแต่ไม่มีการพนัน ได้ชื่อว่าเป็นการอนุโมทนาบาป จะมีเชื้อที่ชอบตัดสินแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง ถ้ากรรมหนัก จะไปเกิดในสังคมที่ชอบใช้ความรุนแรงตัดสินระหว่างเผ่าหรือแคว้น
 
 
 
 
5.ลูกเองชอบร้องเพลง อ่านกลอน ทำนองเสนาะ และเป็นพิธีกรทั้งๆที่ตัวลูกและครอบครัวชอบชกมวย เพราะในอดีต ชอบสวดมนต์ พูดธรรมะและปิยวาจา จึงทำให้ชาตินี้มีเสียงไพเราะ และมีนิสัยติดมาจากอดีตที่ชอบร้องรำทำเพลงเป็นอาชีพ
 
 
6.พ่อ แม่ น้องๆ เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมา แต่พ่อแม่สร้างบ้างไม่สร้างบ้าง ไม่ต่อเนื่อง ทำบุญตามอารมณ์แบบกองเสบียงจึงทำให้เจอหมู่คณะบ้างไม่เจอบ้าง น้องๆสร้างบารมีกับหมู่คณะมามากกว่าพ่อแม่แบบกองเสบียง
 
 
 
 
 
 
7.คุณยายทวดของลูกไม่ได้เป็นปอบ แต่ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นปอบ เพราะวจีกรรมในอดีตชาติที่เคยไปกล่าวหาเขาว่าเป็นปอบเหมือนกัน
 
 
 
 
8.หมอดูพูดส่งเดชไปอย่างนั้นเองว่ามีคนแก่เดินตามหลังแม่ คุณยายทวด ตาทวด ตายแล้วไปอยู่ชั้นจาตุมหาราชิกาสายคนธรรพ์ด้วยบุญที่ทำตามประเพณีอยู่เป็นประจำ มีวิมานใกล้กัน
 
 
 
 
9.หลานสาวของคุณป้าตายใหม่ๆวนเวียนอยู่ที่บ้านจนเจ้าหน้าที่เขตชี้ให้ไปเกิดเป็นมนุษย์ตอนนี้ไปเกิดเป็นมนุษย์แล้ว
 
 
 
       
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2548-01-17A.html
เมื่อ 30 มิถุนายน 2567 19:13
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv