Case study
นักมวย นักรบ นักบวช
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบแทบเท้า คุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพอย่างยิ่ง
 
    กระผม ติดตามรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยามาตลอด ซึ่งช่วงนี้เรื่องของหมัดมวยกำลังอินเทรนด์ ตัวกระผมเองอดีตก็เคยเป็นนักมวยมาก่อน จึงขอความเมตตาจากคุณครูไม่ใหญ่ ฝันในฝันให้ด้วยครับ เพื่อเป็นวิทยาทานให้แก่นักมวย และผู้ที่คิดอยากจะเป็นนักมวย พร้อมทั้งผู้ที่อยู่ในวงการหมัดๆมวยๆทั้งหลาย
 
    กระผมเกิดในสังคมเกษตรกรรม มีพี่น้อง 5 คน กระผมเป็นคนที่ 3 ในวัยเด็ก  กระผมชอบเล่นกีฬา เช่น ฟุตบอล และอื่นๆ โดยเฉพาะมวยไทย หลังจากโรงเรียนเลิก ตอนเย็นๆ พวกพี่ๆ ก็จะพากลุ่มเด็กรุ่นเดียวกันกับกระผมไปที่ลานกว้าง แล้วก็ให้ประกบคู่กัน แล้วก็ให้ชกกันทีละคู่ ที่เหลือก็จะเป็นกองเชียร์ ส่วนพี่ๆก็จะเป็นกรรมการคอยตัดสิน ตอนนั้นชกกันโดยไม่ได้ใส่นวม แต่ใช้ผ้าขาวม้าพันที่มือแทน พอเลิกเรียนทุกวันกระผมจะรีบทำงานบ้านให้เสร็จ  แล้วก็ออกไปชกมวย ถ้าวันไหนเพื่อนเล่นบอล ก็เปลี่ยนมาเล่นฟุตบอลกัน ก็จะสลับกันไปอย่างนี้ เรื่องเล่นฟุตบอล ชกมวยจะอยู่ในใจตลอดทั้งวันก็ว่าได้ เวลาแข่งขันก็จะได้รับชัยชนะบ่อยๆ และได้รับการเชียร์จากรุ่นพี่ๆว่า “ไอ้นี่มีแววเป็นนักมวยดังได้” จึงทำให้กระผมคิดอยากจะเป็นนักมวยจริงๆจังๆ จนกระทั่งกระผมเข้าเรียนในระดับมัธยม ก็ได้เข้าไปฝึกมวยไทยในค่ายแห่งหนึ่งในจังหวัดยโสธร โดยการแนะนำของอา พอไปถึงหัวหน้าค่ายก็สอบว่า เคยชกมวยมากี่ครั้ง หมายถึง ชกบนสังเวียนผืนผ้าใบ ตอบท่านว่า ไม่เคย และท่านก็แนะนำระเบียบของค่าย ต้องตื่นเป็นเวลา กิน ซ้อม และนอนเป็นเวลา ห้ามเสพยาเสพติดทุกชนิดเด็ดขาด
 
    กระผมชกมวยบนเวทีมาประมาณ 10 ครั้ง เป็นการชกมวยไทย 5 ครั้ง ชนะน็อค 3 ครั้ง แพ้น็อค 2 ครั้ง ชกมวยสากลสมัครเล่น 5 ครั้ง ชนะน็อคหมด
 
    ชกครั้งแรก ใช้ชื่อว่า สายฟ้า ศิษย์คมแฝก ขึ้นเวทีครั้งแรกรู้สึกประหม่า เสียงคนเชียร์รอบเวทีดังอึกทึกครึกโครม และทราบว่าคู่ต่อสู้มีสถิติการชกมาแล้ว 5 ครั้ง และตัวใหญ่กว่า ก็ยิ่งตื่นเต้นหนักขึ้นไป แม้จะไหว้ครูเสร็จแล้วได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมรอบสนามแล้วก็ตาม มันก็ยังรู้สึกเกร็งๆอยู่ พอระฆังยกแรกเริ่มขึ้น กระผมแข็งใจเข้าหาคู่ต่อสู้ ใช้อาวุธยาวนำหน้าคือ เตะและถีบคู่ต่อสู้ คู่ต่อสู้โต้กลับมาด้วยอาวุธชนิดเดียวกัน แต่น้ำหนักต่างกัน ผลปรากฏ กระผมแพ้น็อคในยกที่ 1
 
    ชกครั้งที่ 2 ใช้ชื่อว่า สายฟ้า ศิษย์เสี่ยหนอม ยังไม่ได้ขึ้นบนเวที กระผมก็ตกเป็นมวยรองเสียแล้ว เพราะเขาดูจากสถิติครั้งที่แล้ว ครั้งที่ 2 นี้ หายตื่นเต้นมีสมาธิมากขึ้น เสียงระฆังยกแรกเริ่ม ต่างคนก็หยั่งเชิงกัน กระผมโดนเจาะยางล้มไป 2 ครั้ง สิ้นเสียงระฆังกระผมตกเป็นรองถึง 5 ต่อ 1  ขึ้นยกสอง กระผมเดินแทงเข่า จับแทง กระชากแทง 3 ดอกซ้อนกัน หมดยกที่ 2 จากเป็นมวยรอง มาเป็นเสมอ พอขึ้นยก 3 กระผมเดินจับแทงเข่า เห็นว่าคู่ต่อสู้พะวงเรื่องเข่า กระผมก็ตามด้วยเตะก้านคอ ซ้อนๆกันถึง 3 ครั้ง แต่โดนที่ฝ่าเท้า จึงไม่สามารถกล่อมคู่ต่อสู้ให้หลับได้   เห็นเป็นนาทีทอง  กระผมเลยตามด้วยหมัดตรงทั้งซ้ายขวา คราวนี้คู่ต่อสู้ไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ ต้องให้กรรมการนับ 10 ในปลายยกที่ 3
 
    ชกครั้งที่ 3 กระผมก็ชนะคู่ต่อสู้แบบเหงื่อยังไม่ทันจะออก พอระฆังยกแรกเริ่ม กระผมก็เดินเข้าไปจับคอแทงเข่า 3-4 ดอก คู่ต่อสู้ก็กองลงไปกับพื้นแล้ว
 
    ชกครั้งที่ 4 เป็นครั้งที่เห็นสัจธรรมในใจของเซียนพนันทั้งหลาย ครั้งนี้ผมไม่ได้ซ้อมในค่าย แต่มาซ้อมที่บ้าน หาคู่ซ้อมไม่มี การฟิตซ้อมครั้งนี้ร่างกายจึงไม่สมบูรณ์เต็มร้อย ครั้งนี้ผมเป็นต่อคู่ต่อสู้ เพราะชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนในวงการมวยในเขตนั้น ยก 1 ถึง ยก 3 คะแนนก็ยังเป็นต่ออยู่ พอขึ้นยก 4 ผมรู้สึกว่า ขามันตาย คือ ถ้าขยับตัวเมื่อไหร่เป็นล้ม จึงยืนพิงเชือก ให้คู่ต่อสู้เดินเข้ามาหา และก็เป็นอย่างที่คิด พอคู่ต่อสู้เข้ามาในระยะใกล้ ก็ใช้จังหวะเด้งเชือกฟันด้วยศอก คิดในใจจะเอาชนะแตก เพราะคะแนน และน็อคอย่างอื่น ไม่มีหวังแล้ว จึงพยายามฟันศอก จนบริเวณใบหน้าของคู่ต่อสู้เป็นบวมผลมะกรูด แต่ก็ไม่ยอมแตก คู่ต่อสู้ไม่ยอมเข้ามาหา กดดันให้ผมต้องเดินเข้าหา แต่สภาพร่างกายตอนนั้นมันไม่ไหว ในที่สุดก็แพ้น็อคปลายยก4 พอกรรมการชูมือให้คู่ต่อสู้เท่านั้นแหละ เสียงข้างเวทีก็ดังขึ้นว่า “ล้มมวย” พร้อมกับกระป๋องน้ำอัดลม ถุงน้ำแข็ง ปาขึ้นบนเวที พร้อมเสียงโห่ไม่ขาดสาย กระผมเดินลงจากเวทีด้วยอาการที่หมดแรง เลยได้ข้อคิดว่า “ที่เขาเชียร์เรา ก็เพราะทำประโยชน์ให้เขาได้”
 
    กระผมเริ่มจะเกิดความเบื่อวงการนักมวย แต่ก็หันมาชกมวยสากลสมัครเล่นให้กับทางโรงเรียน ชก 5 ครั้ง ก็ชนะ 5 ครั้ง เป็นแชมป์ในรุ่น
 
    ต่อมา ได้รับการทาบทามให้ขึ้นชกอีกครั้ง ตอนแรกก็ปฏิเสธ แต่พอมาพูดครั้งที่ 3 เลยยอมตกลง   กระผมฟิตซ้อมร่างกายหนักขึ้นและก็คิดในใจว่า ขอชกครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย และหลังจากชกเอาชนะคู่ต่อสู้แบบพลิกล็อค คือ ในยกที่ 4 โดนนับทั้ง 2 คน กระผมโดนหมัดของคู่ต่อสู้หลับกลางอากาศ ให้กรรมการนับ 8 กระผมลุกขึ้นสู้ต่อ คู่ต่อสู้ได้ใจ ปรี่เข้ามาเพื่อจะเช็คบิลด้วยหมัด กระผมสวมหมวกกันน็อค (อาการที่ใช้แขนบังปลายคางเอาไว้) แล้วแทงสวนด้วยเข่า เข้าตรงลิ้นปี่ของคู่ต่อสู้ ทำให้คู่ต่อสู้ออกอาการ กระผมได้จังหวะ เลยกระแทกเข่าอย่างไม่เลี้ยง ทำให้คู่ต่อสู้นอนให้กรรมการนับ 10  กระผมได้รับการชูมือ หลังจากนั้น กระผมก็ลาออกจากวงการการต่อสู้บนสังเวียนผืนผ้าใบ ด้วยวัย 21 ปี   และค่ายมวยของกระผมรวมหัวหน้าค่ายก็เลิกกันหมด   เพราะนักมวยในค่ายก็ไปมีครอบครัวและแยกย้ายกันไปทำงานในที่ต่างๆ
 
    หลังจากกระผมอำลาเวทีมวย  ในปี พ.ศ.2529 ก็ได้อาสาสมัครเป็นทหารเกณฑ์ เพราะมีความคิดลึกๆในใจว่า เป็นผู้ชายต้องรับใช้ชาติ เมื่อเป็นทหารก็ได้ฝึกหล่อหลอมด้านวินัย เคารพ อดทน ฝึกยุทธวิธี 2 เดือนครึ่ง ก็จบหลักสูตร กระผมได้สมัครออกรบ ผู้ที่จะออกไปรบในสมรภูมิ จะต้องผ่านด่านทดสอบร่างกายก่อน ในที่สุด กระผมก็ผ่านมาได้ทุกด่านสมใจหวัง ก่อนออกสมรภูมิรบ เขาจะให้เซ็นใบมอบฉันทะสมบัติส่วนตัวให้ญาติได้ 3 คน ช่วงนั้นไม่ได้คิดอะไร ความตายไม่ได้กลัว เพราะตายในสนามรบคือ เกียรติอันยิ่งใหญ่ของชายชาติทหาร
 
    กระผมปฏิบัติหน้าที่ในสนามรบ ด้วยตำแหน่งพลนำสาร ของหมวดปืนเล็ก ในช่วงเดือนมิถุนายนปี พ.ศ.2529 มีภารกิจเข้ายึดเนินแห่งหนึ่ง ในขณะที่เข้ายึดพื้นที่ได้ใหม่ๆ ผมรวมทั้งเพื่อนทหารทั้งหมด 11 นาย โดนข้าศึกยิงถล่มด้วยอาวุธหนัก ประมาณ 10-15 นาที สะเก็ดกระสุนพุ่งแหวกอากาศ เข้ามาด้านข้างตัวผมและเพื่อนทั้ง 11 นาย คิดว่า “ตายแน่” แต่ก็คิดต่อว่า “ตายในสนามรบเป็นเกียรติของทหาร”
 
    ปรากฏว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นทุกคนรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเลย หลังจากเหตุการณ์ทางชายแดนสงบลง กอปรกับผมพ้นเกณฑ์ทหาร จึงได้ปลดประจำการ ได้รับใบเกียรติบัตรทหารผ่านศึกมาหนึ่งใบ
 
    ต่อมา องค์การทหารผ่านศึก ร่วมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ(ขสมก.) ให้ผู้ที่เป็นทหารผ่านศึก ได้เข้าทำงานเป็นกระเป๋ารถเมล์ได้ กระผมได้เข้ามาทำงานเป็นกระเป๋ารถเมล์ 3 ปี ขับรถเมล์ 4 ปี รวมทั้งหมด 7 ปี ขณะทำงานกระผมได้เจอกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง ท่านได้ชวนผมเข้าวัดพระธรรมกาย ตอนชวน ก็มาด้วยความเกรงใจเพื่อน แต่พอได้มาเห็นสถานที่ที่สะอาด ได้รับการต้อนรับด้วยใบหน้าที่ที่ยิ้มแย้มแจ่มใสจากอุบาสก อุบาสิกา เป็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์  ในใจผมคิดว่า นี่แหละรอยยิ้มที่ประกอบด้วยความจริงใจ ใช่เลย ซึ่งตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยเห็นมาก่อน วันนั้นตัดสินใจทำบุญ 100 บาท ปี พ.ศ.2534 ได้อธิษฐานขอบารมีคุณยาย เพราะได้ยินเพื่อนกัลยาณมิตร เล่าถึงอานุภาพคุณยายให้ฟังบ่อยๆว่า ใครอธิษฐานกับยายจะสำเร็จ เลยอธิษฐานว่า "ขอให้ได้บวชในวัดพระธรรมกาย บวชไม่สึก" เมื่อปี พ.ศ.2537 ก็ได้เข้ามาบวชจริงๆและบวชมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันบวชได้ 11 พรรษา แล้วครับ
 
    โยมพ่อ ในอดีตโยมพ่อก็เคยเป็นนักมวยเก่า มีชื่อเสียงในระดับหมู่บ้านและอำเภอ เคยรับราชการมาก่อน แต่ก็ต้องลาออกมาเป็นนักมวย    โยมพ่อมีนิสัยใจร้อน ชอบดื่มเหล้า สูบบุหรี่บ้าง  เวลากระผมบอกให้เลิกก็จะหยุดได้เป็นช่วงๆ    โยมพ่อมีสุขภาพแข็งแรง ก่อนเสียชีวิต ได้รับคำบอกเล่าจากน้องสาวว่า โยมพ่อถูกบ่นเรื่องที่ท่านชอบดื่มเหล้าเสมอๆ คงทำให้ท่านรู้สึกน้อยใจ   พอตอนเช้าได้พบโยมพ่ออยู่ในท่านั่งผูกคอตายด้วยผ้าขาวม้า ที่ต้นขนุนซึ่งสูงประมาณแค่เอวเท่านั้น รวมอายุได้  74  ปี
 
    โยมแม่ มีนิสัยเป็นคนเฉยๆ ขยัน ประหยัด โยมแม่จะว่า และทะเลาะกับโยมพ่อเสมอเวลาที่โยมพ่อดื่มเหล้า แต่โยมพ่อก็ไม่เคยโต้แย้งและลงมือลงไม้อะไรกับโยมแม่เลย เมื่อทะเลาะกันโยมพ่อก็จะปลีกตัวออกมาทุกครั้ง  โยมแม่ป่วยด้วยโรคถุงน้ำดีรั่ว อยู่ประมาณครึ่งเดือน ก็เสียชีวิต   อายุได้ประมาณ 50 ปี กว่าๆ
 
    โยมพี่สาว  มีนิสัยค่อนข้างใจร้อน ห้าวเล็กๆ ไม่ค่อยเชื่อและศรัทธาในบุญเท่าไหร่   เมื่อบอกบุญก็จะทำบุญแบบเกรงใจ  แต่ขณะนี้ได้ป่วยเป็นมะเร็งในมดลูกแล้วครับ
 
    โยมน้องชาย เสียชีวิตตั้งแต่อายุประมาณ 2-3 ขวบ เขามีนิสัยรักความสะอาดมาก เวลาจะเดินลงดินจะต้องใส่รองเท้าทุกครั้ง ถ้าไม่มีรองเท้าใส่ก็จะไม่ยอมเดิน และเวลาอาบน้ำแม้เป็นเด็กไม่กี่ขวบ ก็จะชอบนุ่งผ้าขาวม้าอาบ ไม่ยอมแก้ผ้าอาบน้ำเด็ดขาด และที่แปลกอีกคือ น้องชายจะมีผิวขาวกว่าพี่น้องทุกคนที่มีผิวคล้ำ ก่อนเสียชีวิตจะมีอาการท้องแข็งๆ
 
คำถาม
 
1.ในวัยเด็ก วัยเรียน ผมไม่ประสบความสำเร็จในการเรียนสัก   เท่าไหร่ เป็นเพราะวิบากกรรมใดครับ
 
2.ชาติที่ผ่านมาผมทำบุญอะไรมา จึงได้มาพบกับหมู่คณะ และได้มาบวชครับ วิบากกรรมใด จึงทำให้ผมมาเป็นนักมวยในชาตินี้ จะแก้ไขอย่างไร จึงจะไม่ต้องมาเป็นนักมวยอีกครับ
 
3.ทุกครั้งที่ผมน็อคคู่ต่อสู้ ผมก็เดินไปไหว้ อย่างนี้ถือว่าเป็นการขอขมาไหมครับ และจะมีวิบากอย่างไรครับ
 
4.มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่มีความเข้าใจว่า ศิลปะแม่ไม้มวยไทย เป็นศิลปะประจำชาติไทย ควรจรรโลงเอาไว้ เขาคิดถูกหรือผิด ถ้าผิดจะมีวิบากอย่างไรครับ
 
5.วิบากกรรมใด ทำให้ผมเป็นทหาร และครั้งหนึ่งผมสั่งยิงข้าศึก ที่สั่งเพราะทำตามหน้าที่ แต่ก็ไม่รู้ว่าโดนข้าศึกหรือไม่ จะมีวิบากกรรมอย่างไรครับ
 
6.ที่ผมและเพื่อนทหาร 11 นาย โดนข้าศึกยิงถล่ม แต่ก็รอดมาได้อย่างปลอดภัยเป็นเพราะอะไรครับ
 
7.การเป็นทหารรับใช้ชาติของผมถือว่าได้บุญไหม ถ้าได้ ได้อย่างไรครับ ถ้าไม่ได้เป็นเพราะอะไรครับ
 
8.กัลยาณมิตรที่ชักชวนผมเข้าวัดพระธรรมกาย จนกระทั่งผมได้บวช เคยทำบุญอะไรร่วมกันมาครับ
 
9.โยมพ่อเสียชีวิตด้วยการผูกคอตาย และโยมแม่เสียชีวิตด้วยโรคถุงน้ำดีรั่ว ด้วยวัยเพียง 50 กว่าๆ ท่านทั้งสองมีวิบากกรรมใด ตายแล้วไปไหน มีความเป็นอยู่อย่างไร บุญที่ผมสร้างองค์พระให้ท่านได้รับหรือไม่
 
10.โยมพี่สาวป่วยเป็นมะเร็งในมดลูกเพราะวิบากกรรมใด พอที่จะแก้ไขอย่างไรได้บ้างครับ
 
11.โยมน้องชายเสียชีวิตเพราะวิบากกรรมใด ทำไมจึงรักความสะอาดผิดกับเด็กทั่วไป  ตายแล้วไปไหน  มีความเป็นอยู่อย่างไร
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากัน นะจ๊ะ
 
1.ในวัยเรียนไม่ประสบความสำเร็จในการเรียน เพราะกรรมในอดีตเคยบวชเรียนมีปัญญามาก เชี่ยวชาญในปริยัติ แต่เคยพูดดูถูกเพื่อนภิกษุที่มีปัญญาทึบ ทำให้เขาหมดกำลังใจ วจีกรรมนี้จึงส่งผลดังกล่าว
 
 
2.พุทธันดรที่ผ่านมาได้เป็นทหารของพระราชาองค์ที่ออกบวช ตอนเป็นทหารออกรบมีนิสัยชอบชกต่อยเป็นกีฬาในค่ายทหาร โดยเอาทหารมาชกมวยแข่งกัน จึงมีนิสัยติดมาในชาตินี้ และได้มาบวชอีก เพราะบุญที่ได้ออกบวชตามพระราชา
 
 
 
 
3.ทุกครั้งที่เข้าไปไหว้คู่ชกที่โดนเราต่อยน๊อกนั้น ถ้าเขาอโหสิกรรมให้วิบากกรรมจะเบาบางลง เช่นได้รับอุบัติเหตุเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับบาดเจ็บสาหัส แต่ถ้าเขาไม่อโหสิกรรมให้ จะเป็นคู่เวรกัน ถ้าเจอกันเมื่อไหร่ต้องต่อยกันเมื่อนั้น
 
 
4.มีคนจำนวนไม่น้อยคิดว่ามวยไทยเป็นศิลปะประจำชาติ ควรจรรโลงไว้ จะว่าถูกก็ถูกว่าเป็นศิลปะเพื่อใช้การต่อสู้ป้องกันบ้านเมืองในอดีต แต่เป็นศิลปะที่ยังมีวิบากกรรมเจือปนถือว่ายังเป็นศิลปะไม่บริสุทธิ์
 
 
 
 
5.อาชีพทหารเป็นอาชีพเสียสละเพื่อชาติ เพื่อส่วนรวม เพื่อให้เกิดความสงบของบ้านเมือง ต้องเสี่ยงชีวิต เสี่ยงภัย ลำบากและต้องตายแทนคนอื่น มีทั้งบุญและบาปเจือกัน ดังนั้นต้องหมั่นสั่งสมบุญให้มากๆในทุกบุญ
 
 
 
 
6.ที่ลูกและเพื่อนทหาร 11 คนโดนข้าศึกถล่มแล้วรอดได้ เพราะมีกรรมปาณาติบาตเก่าน้อย มีบุญในพระพุทธศาสนาอุ้มไว้ โดยเฉพาะลูกมีบุญบวชในสมัยอดีตอุ้มไว้จึงทำให้รอด และปลอดภัย
 
 
7.การเป็นทหารรับใช้ชาติของลูก ถ้ามีเจตนาอยากให้ชาติ ศาสนา และประชาชนผู้อยู่แนวหลังปลอดภัย ก็มีส่วนแห่งบุญอยู่บ้างแบบโลกๆ คือ จะได้รับเกียรติ นิยม เชิดชูยกย่องในสังคมของประเทศที่ไปเกิด
 
 
 
 
8.กัลยาณมิตรที่ชักชวนลูกมาวัดพระธรรมกายจนได้บวชนั้น คือ เพื่อนรักกันในพุทธันดรที่ผ่านมาแต่ไม่ได้ออกบวชตามพระราชา เป็นแค่กองเสบียงโดยยังเป็นทหารอยู่เหมือนเดิม
 
 
9.โยมพ่อเสียชีวิตด้วยการผูกคอตาย เพราะความคุ้นในอดีตที่เวลาเจอปัญหาและแรงกดดันจะหาทางออกด้วยการฆ่าตัวตาย เชื้อวิบากกรรมนี้จึงติดมา
 
 
 
 
 
 
 
 
10.โยมพี่สาวเป็นมะเร็งในมดลูก เพราะกรรมกาเมเจ้าชู้ในอดีตบวกกับกรรมฆ่าสัตว์ทำอาหารทั้งอดีตและปัจจุบัน ต้องให้พี่สาวทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาให้มากๆ อย่ามีนิสัยมักโกรธให้หมั่นทำจิตให้ผ่องใส
 
 
11.น้องชายเสียชีวิต เพราะกรรมในอดีตอยู่ในสังคมเกษตรกรรมต้องเลี้ยงน้องชาย ครั้งหนึ่งน้องเป็นไข้ไม่สบายหนัก ตัวเองปรุงยาใส่ผิดใส่ถูก แล้วให้น้องกิน ปรากฏว่าแสลงยา จึงทำให้น้องชายตาย
 
 
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2548-01-27.html
เมื่อ 23 กรกฎาคม 2567 04:14
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv