CASE STUDY
คลอดลูกในสามล้อ แล้วอุ้มต่อไปตัดสายสะดือ
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 

 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
    ลูก เข้าวัดเมื่อปี ๒๕๔๗ โดยมี น้องชาย เป็นกัลยาณมิตร ปัจจุบันเป็นนักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาอย่างเต็มตัวแล้วค่ะ ลูกขอเล่าประวัติชีวิตให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อฟังดังต่อไปนี้นะคะ
 
    ครอบครัวของลูกเป็นคนไทยเชื้อสายจีน คุณพ่อคุณแม่ อพยพมาจากเกาะไหหลำเมื่อ ๖๕ ปีที่แล้ว ท่านทั้งสองประกอบอาชีพในเมืองไทยอยู่หลายแห่ง  สุดท้ายได้ตั้งหลักปักฐานอยู่ที่กรุงเทพฯ มีลูกด้วยกันทั้งหมด  ๗  คน  หญิง ๖ คน   ลูกชายเพียง  ๑ คน
 
    คุณพ่อ มีอาชีพค้าขาย ไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่ ไม่รู้เรื่องการทำบุญในพระพุทธศาสนา แต่เคร่งในการนับถือศาลเจ้า ต้องฆ่าไก่ไหว้เจ้าเป็นประจำ วันหนึ่งขณะที่ท่านกำลังค้าขายก็เกิดเป็นลมล้มลงอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว มีผู้พบเห็นเหตุการณ์ได้นำคุณพ่อส่งโรงพยาบาล ผลการตรวจพบว่า ท่านเป็นอัมพฤต ต่อมากลายเป็นอัมพาตนานกว่า ๑๐ ปี จึงเสียชีวิตรวมอายุได้ ๖๕ ปี   พี่สาวคนโต ได้สร้างองค์พระฯโดยจารึกชื่อท่าน  พร้อมกับสร้างเสาแก้วอุทิศบุญให้ท่านแล้ว
 
    ตัวลูกเป็นลูกคนที่ ๒ คุณแม่ เล่าว่า เมื่อท่านเริ่มมีอาการปวดท้องที่จะคลอดตัวลูกนั้น ความเจ็บปวดได้รุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะทนไม่ไหวเหมือนใจจะขาด    มีอาการ ตัวชา มือสั่น เท้าสั่น  ทั้งเจ็บทั้งปวดทุกข์ทรมานมาก  จนร้องครวญครางอย่างทุรนทุราย  ต้องตะเกียกตะกายพาตัวเองออกจากบ้าน  ทั้งคลาน  ทั้งเดิน  อย่างโซซัดโซเซ เพื่อไปเรียกรถมอเตอร์ไซค์สามล้อนำตัวท่านเองส่งโรงพยาบาล  เมื่อรถสามล้อมาถึง  คนขับรีบกระโดดออกมาพยุงคุณแม่  ขึ้นบนรถสามล้ออย่างรวดเร็ว  แล้วเขาก็บิดคันเร่งแบบสุดๆโดยไม่สนใจว่าใช้ความเร็วแค่ไหน ส่วนคุณแม่มีอาการหูอื้อตาลายได้ยินแค่เสียงแว่วๆขึ้นมาว่า “ให้อดทนเข้าไว้ๆ ใกล้จะถึงโรงพยาบาลแล้ว ” ตลอดทางคุณแม่บ่นพึมพำว่า  “ เมื่อไรจะถึงสักที  ตอนนี้ทนไม่ไหวแล้ว”
 
    ขณะเดียวกัน เหงื่อกาฬก็เริ่มไหลออกมาอย่างมากมาย ความเจ็บปวดอันแสนสาหัสได้แผ่ซ่านไปทั่วท้อง  รวมมาถึงช่องคลอดมือทั้งสองของท่านไขว่คว้าจับพนักพิง  คือราวเหล็กของรถสามล้อไว้อย่างเหนียวแน่น  แล้วคุณแม่ก็แผดเสียงร้องดังเพียงอีก ๑ ครั้ง  ตัวลูกก็หลุดออกมาคลอดบนรถสามล้อนั่นเอง  ส่วนรถสามล้อก็จอดสนิทเทียบท่าหน้าโรงพยาบาลเช่นเดียวกัน ความเจ็บปวดค่อยๆทุเลาลง คุณแม่จึงอุ้มลูกที่เปรอะเปื้อนเลือดเข้าไปตัดสายสะดือในโรงพยาบาล  ได้อย่างปลอดภัย
 
    เมื่อลูกเติบโตขึ้นมา อายุได้ ๑๓ ปี ขณะนั่งคุยกับคุณแม่อยู่นั้น ท่านได้เห็นหัวเข่าทั้งสองข้างของลูกบวมขึ้นมาจนผิดปกติ ลูกเห็นเช่นเดียวกัน  แต่ที่น่าแปลก คือ ลูกไม่มีอาการเจ็บปวดเลย  คุณแม่จึงรีบนำลูกส่งโรงพยาบาล ลูกได้รับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลนานเป็นเดือน แต่แพทย์คงยังหาสาเหตุของโรคไม่พบและไม่สามารถรักษาอาการใดๆได้
 
    ขณะนั้นกำลังใจลูกไม่มีเลย  กลัวความพิการจะมีขึ้น  เกิดท้อแท้และหมดหวังที่จะกลับมาเดินได้เป็นปกติ ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานได้คืบคลานเข้ามาทางจิตใจอย่างมากมาย ขาทั้งสองข้างของลูกเริ่มงอและค่อยๆลีบลงเรื่อยๆ จนในที่สุด ลูกเดินไม่ได้จริงๆ ลูกได้แต่ร้องไห้ เมื่อคุณแม่เห็นว่าคุณหมอไม่สามารถรักษาลูกให้ดีไปกว่านี้แน่ จึงนำลูกกลับไปหาทางรักษาตัวที่บ้าน  มีผู้มาแนะนำให้ไปหาหมอไสยศาสตร์หรือเข้าสิงร่างทรงดูบ้าง เพราะอาจจะโดนของ คุณแม่ทำตามคำแนะนำเหล่านั้นที่ไหนที่ว่าดี  รักษาหาย  คุณแม่พาไปทุกที่ ทุกหน ทุกแห่ง  แต่เจ้ากรรมจริงๆอาการไม่ดีขึ้นเลย    จนครั้งสุดท้ายได้ไปรับการรักษากับร่างทรง ร.๕  ร่างทรงบอกว่า  “โรคนี้เป็นโรคกรรม”  พร้อมกับให้น้ำมันมาทา  แล้วให้ไปหาอาทิตย์ละ ๑ ครั้ง เป็นเวลา ๒ เดือน  อาการจึงเริ่มดีขึ้นจนสามารถเดินได้เป็นปกติ  ลูกจึงมีความเคารพนับถือ ร.๕ เป็นอย่างมาก
 
    ต่อมาลูกอายุได้ ๑๙ ปี ได้พบรักกับ ทหารหนุ่มอเมริกัน ที่มาประจำการที่ประเทศไทยในสงครามเวียดนาม เราคบกันประมาณ  ๑  ปี ก็แต่งงานกัน   ได้ไปใช้ชีวิตร่วมกันอยู่ที่ประเทศอเมริกา   มีลูกด้วยกัน ๒  คน หญิง ๑ คน ชาย ๑ คน  ลูกและ สามี เป็นคนรักครอบครัว เราจึงนำครอบครัวและญาติพี่น้องของลูกไปอยู่ที่อเมริกาด้วย วันหนึ่งเหตุการณ์คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นกับชีวิตลูกอีกครั้ง คือ สามีไปเที่ยวงานประจำปีของชาวสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งห่างจากบ้าน ๒๕ ไมล์ จนรุ่งเช้าเขาก็ยังไม่กลับบ้าน  ลูกเป็นห่วงมาก กระวนกระวายถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ ลูกจึงตัดสินใจแจ้งความกับตำรวจ  ระหว่างการรอฟังข่าวจากตำรวจนั้น   ทุกคนในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นลูกๆและญาติพี่น้อง ต่างเศร้า สลด หดหู่ใจ กลัวไปต่างๆนาๆ  โดยเฉพาะลูกชายมีอาการมากกว่าใครๆ ทั้งเหม่อลอย ไม่พูดไม่จากับใคร ลูกยิ่งเห็นเป็นอย่างนั้นก็สงสารเขาขึ้นมาจับจิตจับใจ อยากให้พ่อเขากลับมาเร็วๆ ในที่สุดได้ทราบข่าวจากตำรวจว่า พบศพสามีลอยน้ำอยู่ในทะเลสาบเล็กๆแห่งหนึ่ง ซ้ำร้ายยังหาสาเหตุของการตายไม่พบ  ลูกเสียใจมากกับเหตุการณ์ครั้งนี้   ส่วนลูกชายได้ทราบข่าวถึงกับช็อค ทำให้หัวอกของผู้เป็นแม่อย่างลูกแทบแตกสลาย  แต่พอจะมีสติอยู่บ้างจึงได้คิดว่า “เราจะต้องเข็มแข็ง”  เมื่อลูกชายได้สติก็กลายเป็นคนเงียบขรึม ขาดความเชื่อมั่นในตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้
 
    จากนั้นประมาณ ๕  ปี ลูกจึงแต่งงานใหม่กับคนไทย เขาคือ สามีคนปัจจุบัน เคยมีครอบครัวมาแล้วมีลูกติดมาด้วย ๒  คน   เราได้ประกอบอาชีพร้านอาหารไทยในอเมริกา  เราสองคนมีอัธยาศัยคล้ายกัน ชอบทำบุญให้ทาน เราได้ชวนญาติพี่น้องสร้างวัดไทยในอเมริกาจนสำเร็จ ๑ วัด  และได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อดูแลรักษาวัดด้วย  ต่อมาคณะกรรมการได้เกิดขัดแย้ง มีความไม่เข้าใจกัน จนถึงขั้นต้องแยกตัวออกมา ส่วนหนึ่งในผู้แยกตัวนั้นมีพี่สาวและน้องชายของลูกด้วย ต่อมาเขาได้ช่วยกันตั้งศูนย์ปฏิบัติธรรมใหม่ ในนามของวัดพระธรรมกาย  ในขณะนั้นสื่อต่างๆก็ประโคมข่าวที่ไม่ดีต่างๆเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายไม่เว้นแต่ละวัน   ทำให้ลูกไม่ชอบวัดไปด้วย แม้ว่าพี่สาวและน้องชายได้มาเป็นกัลยาณมิตรชักชวนลูกเข้าร่วมในการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติธรรมหลายครั้ง แต่ลูกและสามีก็ได้ปฏิเสธทุกครั้ง  หลังจากนั้นมีคนรู้จักนำเอาเทปมงคลชีวิตทั้ง ๓๘ ประการชุดใหญ่มาให้ลูกและสามีฟัง   เพื่อเป็นการไม่ให้เสียน้ำใจลูกจึงรับไว้และได้เปิดฟัง ลูกได้ฟังบ้างไม่ได้ฟังบ้าง  ส่วนใหญ่สามีของลูกจะฟังเสียมากกว่า  เขาพูดกับลูกว่า   “หลวงพ่อทัตตะฯ ท่านเทศน์ดีนะ รู้สึกชอบท่านจัง ไม่น่าจะเป็นเหมือนสื่อที่ออกมาเลยนะ” ส่วนในใจลึกๆของลูกก็ไม่อยากจะไปยุ่งอะไรนัก  เพราะ คิดว่าจะไม่ไปเกี่ยวข้องกับวัดนี่เลย
 
    วันหนึ่งลูกเองก็ต้องแปลกใจ  เมื่อลูกชายที่เกิดกับอดีตสามีชาวอเมริกันมาขอลาบวช ลูกถึงกับตกตะลึง เกิดความปีติยินดีเป็นอย่างยิ่งจนบอกไม่ถูก  น้ำตาเอ่อล้นไหลออกมา เพราะไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้สำหรับเขา   ลูกคิดว่าคงไม่มีวันเห็นชายผ้าเหลืองของลูกชายคนนี้อย่างแน่นอน  แต่ความคิดของลูกนั้นหยั่งไม่ถึงจิตใจของเขาเลย จึงถามลูกชายว่า “แล้วบวชวัดไหนล่ะลูก”  ลูกชายบอกว่า “ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมของวัดพระธรรมกาย” ลูกถึงกับอึ้งไปชั่วขณะแล้วคิดในใจว่า “ ก็ดีใจมากนะที่หนูจะบวช แต่ทำไมๆ ต้องมาบวชวัดนี้ด้วยนะ”  ลูกอนุญาตให้ลูกชายบวช และสืบทราบมาว่า ก่อนหน้าที่ลูกชายจะมาขอบวช  ได้มีกัลยาณมิตรชักชวนลูกชายไปนั่งปฏิบัติธรรมที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมฯแห่งนี้  เขานั่งธรรมะดีมาก และได้ขอบวชเป็นสามเณรแก้วคนแรก   เมื่อลูกได้เข้าไปร่วมงานบวชของลูกชาย ลูกรู้สึกตื่นเต้นดีใจตลอดเวลาที่จะได้เห็นผ้ากาสาวพัตร  ที่ลูกชายได้นุ่งห่ม  ลูกประทับใจทุกอย่างในงานบวช  แต่ในใจลึกๆก็ยังต่อต้าน
 
    ต่อมา น้องชายได้พยายามมาเป็นกัลยาณมิตรให้ติดจานดาวธรรม  ลูกก็ปฏิเสธทุกครั้ง  จนน้องชายคงจะเบื่อ เลยหายเงียบไป ด้วยความที่ลูกเป็นคนรักพี่รักน้อง ก็เลยอยากให้เขามีความรู้สึกที่ดีต่อลูกเหลือไว้บ้าง  จึงคิดว่า “ติดจานดาวธรรมแล้ว  ถ้าไม่ดีจะเอาออกเมื่อไรก็ได้นี่”  เมื่อคิดเช่นนั้นก็เลยโทรศัพท์บอกน้องชายว่า “ถ้าจะติดจานดาวธรรมก็มาติดได้เลยนะ” น้องชายดีใจมากได้ให้ช่างเอามาติดทันทีเหมือนกัน จานดาวธรรมถูกติดอยู่ประมาณ ๓ เดือน โดยที่ลูกและสามีไม่สนใจที่จะดู อยู่มาวันหนึ่งลูกและสามีได้มาเปิดดูดาวธรรม มีอยู่หลายรายการที่เราชื่นชอบ โดยเฉพาะสามีได้ใช้ระยะเวลาดูอย่างต่อเนื่อง ๒-๓ อาทิตย์ จึงได้ข้อสรุปว่า ดีมาก  เราทั้งสองได้มีความมั่นใจ และดีใจว่า ยังมีผู้ที่รักและห่วงใยพระพุทธศาสนา พร้อมที่จะเสียสละชีวิต เพื่อปกป้องและเผยแผ่พระพุทธศาสนา อย่างคุณครูไม่ใหญ่และหมู่คณะนี้อยู่   ลูกและสามีจึงขอร่วมทางในการสร้างบารมีกับหมู่คณะ อย่างเต็มที่เต็มกำลัง  นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ลูกและสามีได้สั่งติดจานเพิ่มขึ้นอีก ๒ ดวง และยังติดให้ญาติพี่น้องรวมทั้งเพื่อนๆที่อเมริกา อีก ๔ ดวง   ให้ญาติที่เมืองไทย  อีก ๕ ดวง โดยเฉพาะ คุณแม่ของสามี ขณะนี้ ท่านกำลังป่วยด้วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นอัมพาตครึ่งตัวและเส้นเลือดในสมองตีบ จึงได้ติดจานดาวธรรมให้ท่านดูด้วย  ลูกและสามีจะช่วยกันขยายจานโดยมีเป้าในใจถึง ๑๐๐๐ ดวง    ขณะนี้เริ่มขยายจานได้กว่า ๒๐ ดวงแล้วค่ะ กราบขอความเมตตาคุณครูไม่ใหญ่เป็นกำลังใจให้ลูกทั้งสองด้วยเจ้าค่ะ
 
กราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อดังต่อไปนี้ค่ะ
 
1. คุณพ่อของลูกป่วยเป็นอัมพาตนานกว่า  ๑๐  ปี จึงเสียชีวิตเป็นกรรมอะไรคะ ขณะนี้อยู่ที่ไหน บุญที่พี่สาวคนโตสร้างองค์พระจารึกชื่อท่าน และบุญเสาแก้วอุทิศไปให้ ท่านได้รับหรือไม่อย่างไรคะ
 
2. บุพกรรมใดของแม่และลูกทำให้ลูกคลอดบนรถสามล้อ เป็นเหตุบังเอิญหรือมีสาเหตุอื่นคะ และมีผลกับชีวิตลูกหรือไม่คะ
 
3. บุพกรรมใด เมื่อลูกอายุได้ ๑๓ ปี ขาทั้งสองข้างจึงลีบงอจนเดินไม่ได้ แต่ก็หายในเวลาต่อมา   เกี่ยวกับอานุภาพของร่างทรง ร.๕  ช่วยไว้หรือไม่คะ  และร่างทรงมี ร. ๕  จริงหรือไม่   อย่างไรคะ
 
4. บุพกรรมใด สามีชาวอเมริกันถึงอายุสั้น  เสียชีวิตด้วยสาเหตุใดตายแล้วไปไหน  ลูกทำบุญอุทิศไปให้ได้รับหรือไม่อย่างไรคะ
 
5. ลูกชายคนโตของลูกที่เกิดกับสามีชาวอเมริกัน  เขาสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไรคะ จึงได้คิดบวชอย่างที่ลูกไม่คาดคิดมาก่อน  
 
6. ลูกอยากให้คุณแม่ซึ่งแก่มากแล้ว ท่านได้ดูจานดาวธรรมแต่น้องสาวบางคนถอดปลั๊กออก  ทำอย่างนี้บาปหรือไม่คะ ลูกควรทำอย่างไร มีวิธีแก้ไขอย่างไรคะ   บุพกรรมใด ที่ทำให้น้องๆไม่เคารพและเกรงใจลูกเท่าที่ควร
 
7. บุพกรรมใด คุณแม่ของสามีคนปัจจุบันจึงป่วยด้วยโรคเบาหวาน  ความดันโลหิตสูง เป็นอัมพาตครึ่งตัวและเส้นเลือดในสมองตีบ จะมีทางรักษาหายหรือไม่อย่างไรคะ   ต้องทำบุญอย่างไรถึงแรงพอที่จะช่วยท่านได้คะ
 
8. ด้วยบุญอะไรคะ พี่สาวคนโตและน้องชายคนที่ ๓ ถึงมาเป็นกัลยาณมิตรให้กับลูกและสามีโดยตลอด  พวกเขาสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไรคะ
 
9. ลูกชายทั้งสองของสามีคนปัจจุบัน ที่เกิดกับภรรยาคนเก่าก็ได้มีความศรัทธาบวชเป็นพระธรรมทายาทด้วย พวกเขาสร้างบารมีมาอย่างไรคะ
 
10. บุพกรรมใด ที่ทำให้ลูกและสามีคนปัจจุบันมาพบกับหมู่คณะช้าและกว่าจะเข้าใจหมู่คณะก็ต้องใช้เวลานานเป็นกรรมใดคะ เราทั้งสองสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไรคะ  
 
11. ลูกและครอบครัวจะได้ไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษมั๊ยคะ ต้องทำบุญอย่างไร  ถึงจะได้ไปดั่งใจปรารถนาคะ
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ  ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
1. พ่อของลูกเป็น “อัมพาต” นานกว่า 10 ปี  เพราะ …พ่อมีกรรมฆ่าสัตว์ทำอาหารเป็นประจำ  ทั้งอดีตและปัจจุบันมารวมกันส่งผล
 
 
 
 
2. ลูกคลอดบนรถ “สามล้อ”  เพราะ… “วจีกรรมในอดีต”   คือ ในชาติหนึ่ง ลูกชอบไปล้อแกล้งน้องสาวของตัวเองบ่อย ๆ ว่า เป็นลูกคนขับรถลากได้เอามาทิ้งไว้  ไม่ใช่ลูกแม่ , แกล้งล้ออย่างนี้บ่อย ๆ   ซึ่งทำให้น้องสาวไม่สบายใจเรื่อย ๆ แค่นี้เอง 
 
 
 
 
3. เมื่อลูกอายุ 13 ปี “ขาลีบงอ” จนเดินไม่ได้  แต่หายในเวลาต่อมา  เพราะ ...กรรมในอดีตชาติหนึ่ง  เป็นคนมีฐานะ  มีข้าทาสในเรือนมาก ได้เคย “ทำโทษ” ทาสที่ชอบหนีไปเที่ยว ไม่ทำงานให้เต็มที่ 
 
 
โดยสั่งให้ “ล่ามโซ่ตรวนที่ขาไว้กับหลักเสาเรือน” ไม่ให้เดินไปไหน  เพื่อให้หลาบจำ  ได้ทำดังนี้หลายครั้งและหลายคน  แต่ก็ไม่ได้ล่ามนาน  เช่น  ล่ามบางคน 3 วันบ้าง , 5 วันบ้าง , 7 วันบ้าง
 
 
 
 
 
 
4. สามีชาวอเมริกันอายุสั้น  เพราะ …กรรมในอดีตและปัจจุบัน ได้เป็นทหาร และได้ฆ่าข้าศึกตายเป็นจำนวนมาก
 
 
 
5. ลูกชายคนโตของลูก  ที่เกิดจากสามีอเมริกัน  ได้คิดออกบวชเอง  โดยลูกไม่คาดคิดมาก่อนนั้น  ก็เพราะ บุญที่เคยทำกับ หมู่คณะแบบ “กองเสบียง” มาในอดีตจ่ะ!
 
 
6. คุณแม่ของลูกแก่แล้ว  ลูกอยากให้ท่านดูจานดาวธรรม จึงได้ติดจานดาวธรรมให้ท่าน เพื่อให้ท่านใจวนเวียนอยู่กับธรรมะ แต่มีน้องสาวบางคนดึงปลั๊กออกนั้น  ก็เป็นเพราะน้องสาวยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องวัด  ยังต่อต้าน อยู่จ่ะ!  
 
 
 
 
 
7. คุณแม่สามีในปัจจุบัน เป็นเบาหวาน , ความดันโลหิตสูง ,เป็นอัมพาตครึ่งตัว , เส้นเลือดในสมองตีบนั้น  เพราะ… กรรมฆ่าสัตว์ทำอาหาร ทั้งในอดีตและปัจจุบันมาส่งผล จ่ะ!
 
 
 
 
8. พี่สาวคนโต และน้องชายคนที่ 3 ได้สร้างบารมีกับหมู่คณะมานานแล้วหลายชาติ “แบบกองเสบียง” , ในชาติก่อน ๆ ก็เคยเป็นกัลยาณมิตรให้กับลูกและสามีมาจ่ะ!   บุญเก่าจึงตามส่งผล   เมื่อมาเจอกันอีก  ก็มาเป็นกัลยาณมิตรให้ลูกและสามีอีกจ่ะ! 
 
 
9. ลูกชายทั้งสองของสามีที่เกิดจากภรรยาเก่า  ก็เคยเป็น “กองเสบียง” ของหมู่คณะมาเช่นเดียวกัน  จึงมีศรัทธาบวชเป็นพระธรรมทายาทด้วยจ่ะ!
 
 
10. ลูกและสามีมาพบหมู่คณะในชาตินี้ช้า  เพราะ เคยกระทบกระทั่งกันในหมู่คณะ  จึงได้ออกจากหมู่คณะไประยะหนึ่ง 
 
 
 
 
 
 
11. ลูกและครอบครัว  จะต้องทำบุญทุกบุญอย่างเต็มกำลังจนตลอดชีวิต  แล้วอธิษฐานจิตอย่างแน่วแน่ว่า  ขอตามติดไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์  อย่าได้พลัดกันเลยจ่ะ!   ทำอย่างนี้ให้สม่ำเสมอก็จะสมปรารถนาได้จ่ะ!
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2548-06-01.html
เมื่อ 3 กรกฎาคม 2567 14:22
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv