Case study
บุญไม่ช่วย...จริงหรือ
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
    ลูก เกิดในครอบครัวคนจีน  เป็นลูกคนที่สองในจำนวนพี่น้อง 4 คน ทุกคนในครอบครัวยกเว้นคุณแม่มีอุปนิสัยเหมือนๆ กันคือ ขี้โมโห ฉุนเฉียว และเจ้าอารมณ์ บรรยากาศในบ้านจึงร้อนอบอ้าวทำให้อยู่ร่วมกันอย่างไม่เป็นสุขนัก
 
    ครอบครัวของลูกเปิดกิจการ ร้านขาย “เหล้ายา” ซึ่งเป็นมรดกตกทอดที่ได้รับมาจากคุณปู่นานกว่า 20 ปีแล้วค่ะ  คุณปู่ของลูก แต่เดิมตั้งใจจะนำความรู้ในการปรุงยามาประกอบอาชีพ ท่านจึงเปิดร้านขายยาสมุนไพรไทย-จีน แต่แทนที่จะขายยาผงแผนโบราณเพียงอย่างเดียว ท่านหัวใสเอาเหล้าโรงผสมเข้าไปด้วย เรียกว่า “เหล้ายา” เพราะเชื่อว่าเหล้าโรงจะเป็นกระสายยาที่ช่วยให้ยาออกฤทธิ์เต็มที่ ยิ่งลูกค้าเอ่ยปากชมว่า “ดื่มแล้ว รู้สึกกระปรี้กระเปร่า สดชื่น” ท่านก็จะยิ้มเบิกบานด้วยความภูมิใจ   ลูกค้าส่วนใหญ่มักมานั่งร่วมโต๊ะกันในร้าน ดื่มเหล้าพูดคุยสนุกเฮฮากันแทบทุกวัน มีเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่เจาะจงมาซื้อยาผงไปทานที่บ้าน บางคนก็จิบเหล้ายาวันละแก้วหลังเลิกงาน แต่โดยมากจะดื่มกันหนักมาก เมามายจนขาดสติ แล้วก็พาลหาเรื่องทะเลาะชกต่อยกันก็มี  คุณปู่มาเสียชีวิตลง หลังจากที่ได้มอบกิจการให้คุณพ่อดูแลต่อได้ไม่นาน
 
    พ่อของลูก พอเปิดกิจการร้านขาย “เหล้ายา” ได้ไม่นาน ก็หันมาดื่มทั้งเหล้าและเบียร์เสียเอง บางวันก็ยังมานั่งดื่มเป็นเพื่อนเพื่อเอาใจลูกค้า หรือแม้แต่ขณะทานข้าว พ่อก็จะจิบเบียร์ไปด้วยวันละขวด คล้ายกับเป็นเครื่องเคียง ลูกพยายามทักท้วงหลายครั้งแต่ท่านก็เฉย ๆ 
 
    มีอยู่ครั้งหนึ่ง พ่อทานข้าวยังไม่ทันเสร็จ ก็เมาจนหลับคาโต๊ะ ลูกซึ่งอยู่ชั้นบนได้กลิ่นควันโชยมา เลยรีบวิ่งมาดูในครัว ปรากฏว่าอาหารที่พ่ออุ่นไว้บนเตาเกิดกลิ่นไหม้ควันโขมง จนไฟเกือบไหม้บ้าน ลูกจึงขอร้องพ่อว่า “เลิกเสียเถอะ อย่าทานเลย เพราะถ้าลูกตายไปเสียก่อน แล้วใครจะดูแลพ่อ” พ่อไม่ยอมฟังเหตุผล พูดด้วยความโมโหว่า “ไม่เป็นไร...ต่อให้ตายข้างถนนก็ช่างมัน” ตั้งแต่นั้นมาลูกก็ไม่กล้าบอกพ่ออีกเลย เพราะรู้ว่าถึงอย่างไร ท่านก็ไม่เชื่อ
 
    พ่อมักถูกเพื่อนชวนไปเล่นการพนันอยู่บ่อย ๆ จนถูกแม่ต่อว่า ที่เอาเงินไปเสียกับการพนันจนแทบหมดตัว แทนที่พ่อรับฟังบ้าง กลับแสดงอาการฉุนเฉียวโดยไม่ยอมฟังเหตุผล  จนกระทั่งพ่ออายุได้ 80 ปี หมอก็ตรวจพบว่าเป็น โรคสมองฝ่อ ต่อมา พ่อมีอาการคันตามผิวหนัง ตั้งแต่สะโพกลงมาจนถึงขา บางครั้งคันมากจนพ่อทนไม่ไหว ต้องเอามือเกา เกาแล้วเกาอีกจนแผลลามไปจนถึงข้อเท้า รักษาอยู่เป็นปี ๆ ก็ยังไม่หายค่ะ   ปัจจุบันพ่ออายุ 88 ปี  แล้วค่ะ
 
    แม่ของลูก จากเมืองจีนมาตั้งแต่อายุได้ 25 ปี แม้จะอยู่เมืองไทยมานานหลายปีแล้ว แต่ก็ยังพูดไทยไม่ได้ อ่านหนังสือไม่ออก และยังมีอาการหูตึงทำให้สื่อสารกันลำบาก 
 
    เมื่อลูกเข้าวัดพระธรรมกายได้ไม่นาน ลูกก็เริ่มชวนแม่ใส่บาตร แนะนำให้สวดมนต์และนั่งสมาธิ แม่ก็ทำตาม ช่วงแรกๆ ลูกชวนให้แม่ทำบุญโดยเริ่มต้นที่หลักร้อยก่อน เพราะกลัวว่าแม่จะเสียดาย เพราะปกติท่านเป็นคนประหยัดมาก ๆ  ต่อมาลูกคิดว่า ขืนปล่อยให้แม่ทำบุญไปตามกำลังเพราะมัวแต่เกรงใจ ก็จะไม่ทันการ เพราะลูกอยากให้แม่มีบุญติดตัวไปในภพต่อไปอย่างเต็มที่ จึงตัดสินใจชวนแม่ทำบุญถวายที่ดินหมื่นบาทเป็นครั้งแรก แม่ก็บอกว่า ก็ตามใจทำก็ทำ ลูกตั้งใจจะให้แม่ได้ทำบุญเต็มกำลัง จึงเขยิบเพิ่มไปเป็นหลัก S ซึ่งสำหรับครอบครัวของลูกในขณะนั้น นับว่าเป็นเงินจำนวนมากทีเดียว แต่เพราะลูกมั่นใจว่า “บุญที่เราได้ทำไปแล้ว จึงจะเป็นของเราอย่างแท้จริง ทำบุญมาก ๆ ต่อไปจะได้ไม่ลำบาก” ลูกจึงค่อยๆ อธิบายเรื่องบุญให้แม่ได้เข้าใจ ในที่สุดแม่ก็ใจเปิด บอกลูกว่า “ตามใจสิ แม่ไม่ขัด” ลูกดีใจมากที่ชวนแม่ทำบุญหลัก S ได้สำเร็จสมความตั้งใจ ตั้งแต่นั้นมาลูกก็จะพาแม่มาถวายปัจจัยในวันบุญใหญ่ทุกครั้ง จนแม่เริ่มคุ้นกับการทำบุญหลัก S
 
    แต่แล้วกรรมเก่าของแม่ก็มาตัดรอน  เมื่อหมอตรวจพบว่า ข้อกระดูกสันหลังเคลื่อนออกมาครึ่งข้อ ทำให้แม่ปวดสะเอวมาก กอปรกับหลายปีที่ผ่านมาแม่มีโรคประจำตัวคือ โรคกระเพาะ ความดันโลหิตสูง หัวใจโต และปวดบริเวณสะบัก จึงทำให้แม่ทุกข์ทรมานมากเพราะโรคร้ายหลายอย่างมากลุ้มรุมในเวลาเดียวกันซ้ำร้ายแม่ก็มาป่วยหนักถึง3ครั้ง จนต้องนอนพักรักษาที่โรงพยาบาลนานติดต่อกันครั้งละหลายเดือน
 
    ครั้งแรก เมื่อปลายปี 2541 แม่แพ้ยาโรคเกาต์ ถูกงดอาหารและน้ำเกือบเดือน พออาการดีขึ้นหมอจึงให้หยดนมผ่านสายยาง แม่ทานอาหารได้น้อยมากเพียงมื้อละสามช้อน จนร่างกายขาดสารอาหาร
 
    ครั้งที่สอง เมื่อต้นปี 2546 แม่ผ่าตัดมะเร็งลำไส้ระยะแรก หลังผ่าตัดแม่เข้าออกโรงพยาบาลหลายครั้งเพราะลำไส้พันกัน แม่ถูกงดอาหารอีกครั้งเพื่อให้ลำไส้ยุบตัวลงแล้วจะได้คลายออกเอง
 
    ครั้งสุดท้าย ราวต้นปี 2547 แม่ต้องผ่าตัดถุงน้ำดีที่อักเสบ พร้อมกับไตข้างขวา เพราะพบว่าเป็นมะเร็งที่กรวยไต ต่อมามะเร็งได้ลามไปถึงปอด หมอยังสงสัยว่าน่าจะเป็นมะเร็งกระดูกด้วย แม่เพ้อและกระตุกทั้งวัน บางครั้งไอทั้งวันทั้งคืนจนถุงลมในปอดแตก และน้ำท่วมปอดจนต้องเจาะสีข้างทีละข้างเพื่อระบายน้ำและลมในปอด แขนและขาของแม่ถูกแทงด้วยเข็มจนเส้นแตกหมด และยังถูกดูดเสมหะนับครั้งไม่ถ้วน พอแม่เห็นนางพยาบาลถือที่ดูดเสมหะเดินมาใกล้เท่านั้น แม่ถึงกับผวาตัวสั่นงันงกด้วยความเข็ดขยาด
 
    ลูกสังเกตว่า นับวันกำลังใจของแม่เริ่มถดถอยลงไปทุกทีๆ  แล้ววันหนึ่งแม่ก็พูดกับลูกเป็นทำนองตัดพ้อว่า “ไหนบอกว่าทำบุญ...แล้วบุญจะช่วยไง ไม่เห็นจะเป็นอย่างที่บอกเลย” ลูกอึ้งไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าแม่จะพูดคำนี้ออกมา  ตอนแรกลูกคิดว่าแม่ก็คงจะพูดไปอย่างนั้นเอง แต่แล้วลูกก็คาดผิดค่ะ เพราะครั้งสุดท้ายที่เข้าห้อง ICU ลูกนิมนต์พระ 9 รูปมารับสังฆทาน พอคณะสงฆ์มาถึง แทนที่แม่จะแสดงอาการยินดีหรืออย่างน้อยก็น่าจะหันมามองพระที่อุตส่าห์มาเยี่ยมถึงห้อง แต่แม่กลับหันหน้าเข้าหาข้างฝาห้อง ลูกบอกแม่ว่า “แม่...พระจะกลับแล้วนะ” แม่ก็นอนเงียบไปเสียเฉยๆ เหมือนไม่สนใจ ลูกพอจะเข้าใจความรู้สึกของแม่ค่ะ ลูกได้แต่ปลอบใจให้แม่ยอมรับวิบากกรรม และยืนยันให้แม่มั่นใจว่า “ถึงอย่างไร...บุญก็เป็นที่พึ่งของเราเสมอ”
 
    ลูกพยายามบอกแม่ให้หมั่นนึกถึงบุญที่ได้ทำมาทั้งหมด นึกถึงมหาปูชนียาจารย์และให้ท่อง สัมมาอะระหัง ไว้ เดือนสุดท้ายก่อนแม่จะเสียชีวิต ดูเหมือนท่านไม่ค่อยจะมีสติสักเท่าไหร่  จนลูกรู้สึกกังวลใจว่าแม่จะนึกถึงบุญที่ทำมาได้ไม่เต็มที่ วันที่ท่านจากไป แม่หลับตลอดตั้งแต่ตอนสายจนกระทั่งมาเสียชีวิตเมื่อประมาณสี่ทุ่มค่ะ
 
    น้องชายคนที่ 3 เป็นคนเจ้าโทสะ อารมณ์ร้อนกว่าใครๆ ในบ้าน   ลูกเป็นห่วงน้องชายคนนี้มาก เพราะตั้งแต่เด็กก็เรียนไม่จบ มักหนีเรียนไปนั่งเล่นไพ่ที่บ้านเพื่อน จากนั้นก็ถูกเกณฑ์เป็นทหารได้พักหนึ่ง พอกลับมาอยู่บ้านแล้ว ก็ไม่มีการงานทำเป็นชิ้นเป็นอัน เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องตามลำพังนาน 30 กว่าปีแล้วค่ะ  ปัจจุบันน้องชายอายุ 56 ปี ชอบสูบบุหรี่และดื่มเหล้าจนกระเพาะทะลุเป็นแผล หลังจากผ่าตัดจึงได้เลิกดื่มเหล้าแล้วหันไปกินเจ ลูกทราบมาว่า ครั้งหนึ่งน้องชายเคยคิดจะบวช จึงเสาะแสวงหาพระไตรปิฎกและหนังสือของลัทธิความเชื่อต่างๆ มาอ่าน สุดท้ายเขาก็กลับไปศรัทธาลัทธิไสบาบา ถึงขนาดขวนขวายไปเรียนภาษาสันสกฤตหลายเดือนและยังสั่งซื้อตำราสันสกฤตกองโตมาอ่านอีกต่างหาก น้องชายยังคงนับถือความเชื่อดังกล่าวมาจนถึงทุกวันนี้คะ
 
คำถาม
 
1.การขายเหล้ายาจะทำให้คุณปู่ พ่อ แม่ และตัวลูกต้องมีวิบากใด ทำอย่างไรทุกคนจึงจะพ้นวิบากกรรมนี้ได้คะ คุณปู่ตายแล้วไปไหน การที่ลูกสร้างองค์พระให้ปู่ จะช่วยคุณปู่ได้หรือไม่
 
2.บุพกรรมใดทำให้พ่อเป็นโรคสมองฝ่อ และคันตามผิวหนัง เกาจนเป็นแผลตั้งแต่น่องลงมาจนถึงข้อเท้า รักษาเป็นปีก็ยังไม่หาย ลูกให้พ่อถวายยาให้สถานพยาบาล บุญนี้จะช่วยพ่อได้ไหมคะ
 
3.การที่พ่อขายเหล้ายา ดื่มเหล้าเบียร์ และเล่นไพ่ หากท่านละโลกจะทำให้พ่อต้องไปอยู่ภพภูมิใด บุญทุกบุญที่ลูกทำโดยใส่ชื่อให้พ่อและแม่ด้วย ไม่ทราบว่าจะช่วยพ่อได้มากน้อยเพียงใดคะ
 
4.ขณะที่แม่กำลังจะเสียชีวิต ลูกทบทวนบุญทุกบุญให้แม่ฟัง และให้แม่ท่อง สัมมาอะระหัง ไปเรื่อย ๆ ไม่ทราบว่า แม่รับทราบได้หรือไม่   ขณะนั้นแม่เชื่อในบุญบ้างหรือเปล่า 
 
5.หลังเสียชีวิตแม่มีความรู้สึกอย่างไร ขณะนี้อยู่ ณ ภพภูมิใด มีสภาพเป็นอย่างไร ได้รับบุญที่อุทิศไปให้หรือไม่  อยากฝากบอกอะไรแก่ลูก  ขอความเมตตาคุณครูไม่ใหญ่ได้เตือนสติให้แม่ได้นั่งสมาธิต่อด้วยค่ะ
 
6.ทุกครั้งที่แม่เข้าโรงพยาบาล จะถูกงดอาหารหลายวัน ไม่ทราบว่าเกิดจากบุพกรรมใดเจ้าค่ะ  ภพชาติต่อๆ ไป แม่จะได้รับความทรมานจากการเจ็บป่วยเหมือนชาตินี้อีกหรือไม่ ทำอย่างไรแม่จึงจะหมดกรรมนี้เจ้าค่ะ
 
7.ลูกเห็นแม่ทรมานทุกวันจึงมักจะได้อธิษฐานว่า ขอให้แม่หมดอายุขัยก่อนที่จะทรมานมากไปกว่านี้เลย มีวันหนึ่งลูกสังเกตว่า ลมหายใจแม่สั้นลงเรื่อย ๆ  แต่ลูกไม่คิดจะตามหมอมาดูอาการ เผอิญวันนั้นพยาบาลก็เข้ามาช่วยไว้ทัน ลูกทำอย่างนี้จะบาปไหมคะ และจะก่อให้เกิดวิบากแก่ลูกอย่างไรเจ้าค่ะ
 
8.กรรมใดที่ทำให้ชีวิตของน้องชายเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องไม่ยอมทำงาน  ดื่มเหล้า  สูบบุหรี่  จนกระเพาะทะลุ    เขาเคยมีอัธยาศัยในการบวชหรือคะ  จึงได้หาพระไตรปิฎกมาอ่าน  แต่ทำไมสุดท้ายจึงไปนับถือลัทธิไสบาบา
 
9.กรรมที่น้องชายเป็นคนเจ้าโทสะ และมักด่าหยาบคาย เคยแม้กระทั่งด่าพ่อลับหลัง จะทำให้มีวิบากกรรมอย่างไรคะ, บุญทุกบุญที่ลูกพยายามทำให้เขา จะช่วยเขาได้บ้างไหมคะ    ลูกติดDMC แล้วเปิดให้เขาได้ยิน แต่ก็ไม่ได้ผลอะไร ไม่ทราบว่าจะมีวิธีใดที่จะทำให้เขาคิดได้ และหันกลับมาสร้างบุญได้คะ
 
10.หลานชายของลูก ขณะนี้อายุ 7 เดือน เพิ่งเกิดได้ไม่นาน ก็นอนกรนเสียงดังมาก ต่อมาตรวจพบว่าเส้นเลือดหัวใจตีบหนึ่งเส้น แต่เนื่องจากยังเล็กมาก หมอจึงยังให้รอดูอาการไปก่อน พอโตจึงจะให้ยาหรือผ่าตัด ไม่ทราบว่าเกิดจากบุพกรรมใดจึงนอนกรนตั้งแต่เด็ก และเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบ จะแก้ไขได้อย่างไร จึงจะไม่ต้องถูกผ่าตัดเจ้าค่ะ
 
11.สำหรับตัวของลูกเองเคยทำร้านอาหารแต่ไม่ประสบความสำเร็จ, มีหนี้สิน ,จะขายของสิ่งใดก็ไม่ค่อยจะได้ราคาต้องขาดทุนอยู่เสมอ  ความจำก็ไม่ค่อยดี และมักง่วงหงาวหาวนอนอยู่เป็นประจำ ไม่ทราบว่าเกิดจากบุพกรรมใด จะแก้ไขอย่างไร และลูกเคยสร้างทานบารมีมามากน้อยเพียงใดคะ
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ  ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
1. การขาย “เหล้ายา” จะทำให้คุณปู่ , คุณพ่อ , คุณแม่และลูกมีวิบากกรรมดังนี้ คือ  ถ้าทั้งดื่มและขาย   ถ้าไปอยู่ “ยมโลก”  ก็ต้องโดนทั้งถูกกรอกและต้องไปกรอกเขา
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
2. พ่อเป็น “โรคสมองฝ่อ” เพราะ...กรรมที่ “โกหก” ในการค้า และเวลาเมาแล้ว “ฟุ้งซ่าน  พูดเพ้อเจ้อ”  และหลายครั้งเล่นการพนัน ก็ต้องมีเล่ห์เลี่ยมล่อหลอกด้วย  ตามมาส่งผล 
 
 
 
 
 
 
3. การที่พ่อขายเหล้ายา , ดื่มเหล้าเบียร์และเล่นไพ่ หากตายลงด้วยใจเศร้าหมอง ก็จะทำให้ไปมหานรก ,  แต่ด้วยบุญทุกบุญที่ลูกทำให้แล้วใส่ชื่อท่าน ก็จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา เช่น อาจไปแค่ “อุสสทนรก” หรือ “ยมโลก” จ่ะ!
 
 
4. ก่อนตายลูกได้ทบทวนบุญให้แม่ทราบ และได้ภาวนา สัมมาอะระหัง ให้ฟัง ท่านก็รับทราบได้  แต่ว่าท่านยังหงุดหงิดอยู่ จึงทำให้รับบุญได้ไม่เต็มที่
 
 
 
 
5. แม่ได้รับบุญทุกบุญที่อุทิศไปให้ บุญนี้จึงทำให้แม่ได้คิดและรู้ว่าตัวเองที่ได้อัตภาพอย่างนี้ ก็เพราะไปหงุดหงิดลูกตอนช่วงสุดท้าย   เลยทำให้รับบุญไม่เต็มที่
 
 
 
 
6. ทุกครั้งที่แม่เข้าโรงพยาบาล จะถูกงดอาหารหลายวัน เพราะ ... ตอนที่ท่านเกิดในสังคมเกษตรกรรม   ท่านได้ฆ่าสัตว์ทำอาหาร โดยจะจับสัตว์มาขัง แล้วให้มันอดอาหาร จะได้ไม่มีแรง แล้วจับฆ่ากินได้ง่ายจ่ะ! 
 
 
 
 
7. ลูกมักจะอธิษฐานตอนแม่ป่วย  เพระสงสาร ว่า  ขอให้แม่ตายก่อนทรมาน แล้วก็สังเกตเห็นว่า  แม่หายใจสั้นลงไปเรื่อย ๆ แต่ไม่ตามหมอมา 
 
 
 
 
8. น้องชายเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่ยอมทำงาน  เอาแต่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่  จนกระเพาะทะลุ   เพราะกรรม “คบคนพาล” ทั้งในอดีตและปัจจุบัน จึงทำให้เป็นเช่นนี้  
 
 
 
 
9. น้องชายเป็นคน “เจ้าโทสะ” , “มักด่าหยาบคาย”  เคยด่าพ่อลับหลัง จะทำให้มีวิบากกรรม คือ อาจทำให้ไปตกในมหานรกขุมวจีกรรม 

 
 
 
 
10. หลานชาย 7 เดือน “นอนกรน” และเป็น “เส้นเลือดในหัวใจตีบ”   เพราะ ...กรรมในอดีตชอบเล่นกับสุนัขและแมว อย่างแรง ๆ เช่น ชอบ “บีบคอ” จนมันหายใจไม่ออก  แต่ก็ไม่ตาย
 
 
 
 
11. ลูกเคยทำร้านอาหาร  แต่ไม่ประสบความสำเร็จ  แถมมี “หนี้สิน” , ขายของก็ขาดทุน , ความจำเสื่อม   และมักง่วงเหงาหาวนอน 
 
 
 
 
 
 
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2548-06-23.html
เมื่อ 3 กรกฎาคม 2567 14:19
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv