CASE STUDY
คฤหาสน์ผีสิง สก็อตแลนด์  
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบแทบเท้าคุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพอย่างสูง
 
  ลูก เป็นนักเรียนอนุบาลฝันในวิทยาอยู่ที่สก็อตแลนด์ค่ะ เข้าวัดเมื่อปี 2547 เพราะได้มีโอกาสไปร่วมงานตักบาตรและปฏิบัติธรรมที่บ้านกัลยาณมิตรท่านหนึ่งที่สก็อตแลนด์ ลูกจึงรู้จักกับหมู่คณะและได้ติดจานดาวธรรมแล้วค่ะ ขณะนี้ลูกได้เปิดบ้านของลูกเป็นบ้านกัลยาณมิตรเพื่อรวมคนมาปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ  ลูกเองมีความตั้งใจว่าจะช่วยหลวงพ่อขยายจานดาวธรรมเพื่อเผยแผ่วิชาธรรมกายไปทั่วสก็อตแลนด์และหมู่เกาะอังกฤษเลยค่ะ
 
    พื้นเพลูกเป็นคนจังหวัดอุดรธานี  ในวัยเด็กลูกมีชีวิตที่ลำบากมาก  เพราะ คุณแม่ เสียชีวิตตั้งแต่ลูกอายุ 2 ขวบ และลูกก็ไม่แน่ใจว่าพี่น้องทั้งหมดนั้นมีกี่คน  แต่เท่าที่จำความได้มีด้วยกันห้าคน คือ มี พี่สาว 3 คนและน้องสาวหนึ่งคน ลูกเป็นลูกสาวคนที่สี่ สำหรับพี่สาวทั้งสามคนลูกไม่มั่นใจเลยว่าพวกเธอเป็นพี่แท้ๆของลูกรึเปล่า  เพราะจากสิ่งที่รับรู้ พี่ๆไม่รักลูกและน้องเลย เมื่อลูกอายุ 6 ขวบ  น้องสาวอายุ 4 ขวบ  พวกเธอให้ลูกเลี้ยงน้องเล็กๆ อยู่ตามลำพัง บางครั้งยังดุด่าและทุบตีทำร้ายร่างกายลูกอย่างรุนแรง  ชอบพูดให้ลูกเจ็บช้ำน้ำใจเสมอว่า เกลียดน้องคนนี้จริงๆ ลูกเองก็เที่ยวถามใครต่อใครว่าพวกเธอเป็นพี่แท้ๆของลูกหรือเปล่า  หลายๆคนก็บอกว่าใช่  แต่ทำไมใจร้ายจัง  คุณพ่อ นั้นไม่มีเวลาให้ลูกและน้องเลยเพราะท่านต้องเอาวัวออกไปเลี้ยงนานๆครั้งถึงจะกลับบ้าน  แล้ววันหนึ่งคุณพ่อก็พาแม่เลี้ยงใหม่มาอยู่ที่บ้านด้วยกัน  แม่เลี้ยง นั้นไม่ยอมให้ลูกและน้องกินข้าวเลย เวลาออกไปไหนหรือไปทำอะไร เธอก็จะเอากระติ๊บใส่ข้าวเหนียวแขวนไว้บนขื่อใต้หลังคาบ้าน  ซึ่งลูกเองไม่สามารถที่จะปีนเอาลงมาได้   แต่ในเมื่อน้องของลูกหิว   ลูกจึงต้องหาวิธีการนำไม้ยาวๆมาผูกกับมีดเพื่อตัดเชือกให้ขาดแล้วกระติ๊บใส่ข้าวถึงจะหล่นลงมา บางวันกระติ๊บใส่ข้าวก็หล่นลงมาโดนหัวน้องสาวเกือบแย่ไปเลย  
 
    คุณพ่อ เลี้ยงพวกเราแบบทิ้งๆ ขว้างๆ อยู่กันอย่างอดๆ อยากๆ เกือบทุกๆวัน  ตัวลูกบ่อยครั้งต้องอุ้มน้องไปวัดใกล้บ้าน  เพื่อขอข้าวก้นบาตรมารับประทาน  แต่บางวันก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อสามเณรเดินมาบอกว่า “วันนี้ไม่มีข้าวเหลือเลย” หลายครั้งที่ลูกและน้องก็ต้องทำใจ เมื่อข้าวที่วัดเหลือเพียงแค่ก้อนเดียว แล้วสามเณรก็ให้หมาที่วัดมันกิน   ลูกเองก็เล็กมากแต่ต้องเป็นหลักในการหาเลี้ยงน้องสาวเล็กๆอีกหนึ่งคน  ถ้าเมื่อไรลูกอด น้องก็อดตามไปด้วย เราทั้งสองต้องอดมื้อไม่ได้กินหลายมื้อเป็นอยู่อย่างนี้  จนน้องสาวต้องมาเสียชีวิตไปด้วยวัยเพียง 4 ขวบ ซึ่งขณะนั้นลูกเด็กมากเกินกว่าจะเข้าใจว่าน้องสาวเสียชีวิตเพราะอะไร  แต่ที่รู้ๆลูกเสียใจมาก  ร้องไห้ปานจะขาดใจตายตามน้องไปด้วยอีกคน
 
    หลังจากนั้นพี่สาวทั้งสามยิ่งรุมดุด่าตบตีลูกอย่างทารุณทุกวัน ทำร้ายลูกจนหูอื้อตาลาย แทบไม่น่าเชื่อเลยว่านี่คือพี่สาวแท้ๆของลูก   ในที่สุดลูกก็ทนไม่ไหวจึงหนีออกจากบ้านไป  ด้วยวัยเพียง 10 ขวบเท่านั้นเอง แต่บุญของลูกคงพอจะมีอยู่บ้าง จึงได้มาเจอกับหญิงสาวชาวเวียดนามคนหนึ่ง  ซึ่งเธอรับลูกไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม แล้วเธอยังสอนให้เรียนรู้วิชาการทางด้านเสริมสวยจนลูกอายุได้ 13 ปีพี่ๆก็ตามมาพบ แล้วเอาตัวลูกไปอยู่กับพี่สาวคนที่สาม  พี่สาวคนนี้นำลูกไปขายให้กับร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งในราคาเพียง  5 พันบาท  เจ้าของร้านใช้งานลูกอย่างหนัก ตั้งแต่เช้าจรดเย็น เวลากินก็ไม่ได้กิน เวลานอนก็แทบจะไม่มีเลย  ลูกถูกกังขังให้ทำงานเยี่ยงทาส  อยู่ในห้องเล็กๆตามลำพัง จนญาติเจ้าของร้านรวมทั้งแม่ครัวทนไม่ไหว  จึงแอบช่วยลูกโดยใช้ผ้าขาวม้าหลายๆ ผืน ผูกต่อกัน แล้วหย่อนตัวลูกออกมาทางหน้าต่าง เพื่อช่วยให้ลูกหนีไปจากนรกบนดินแห่งนั้น
 
    ต่อมาลูกจึงมาสมัครทำงานเป็นลูกจ้าง อยู่ในร้านเสริมสวยแห่งหนึ่ง ผลจากการทำงานด้วยความขยันขันแข็งของลูก ภายในเวลาไม่นาน ลูกก็สามารถเปิดร้านเสริมสวยได้ด้วยตัวเอง ร้านที่ลูกเปิดจัดได้ว่าเป็นร้านขนาดใหญ่ มีเด็กในร้านเป็นจำนวนมาก และกิจการของลูกก็มีแนวโน้มจะเจริญก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ จนหลายคนไม่เชื่อว่า เจ้าของกิจการแห่งนี้ เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อายุเพียงแค่  17 ปีเท่านั้น
 
    ต่อมาวันหนึ่งมีลูกค้าได้พาผู้ชายชาวต่างชาติมาแนะนำให้ลูกรู้จัก  ผู้ชายคนนั้นบอกว่า รู้สึกชอบลูกมาก และได้ขอหมายเลขบัญชีธนาคารของลูก  เพื่อโอนเงินให้ใช้ฟรีๆ ทุกเดือนๆ ละ 5 หมื่นบาท เป็นเวลา 2 ปี แต่ลูกไม่เคยใช้เงินของเขาเลย  เพราะกลัวว่าเขาจะมาทวงคืน  แล้วลูกคงไม่มีเงินใช้คืนแน่  เขาไม่ทวงเงินคืนแต่เขาขอแต่งงานด้วย  เมื่อลูกตกลงแต่งงานกับเขาแล้ว เราได้ไปอยู่กินด้วยกันที่ประเทศเยอรมัน  จนมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน 
 
    ระหว่างนั้นลูกก็เริ่มทำธุรกิจไม้นำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส  ลูกเองไม่มีความรู้ทางด้านธุรกิจเลย เขียนหนังสือก็ไม่ได้  อ่านหนังสือก็ไม่ออก แต่ธุรกิจที่ทำกลับประสบความสำเร็จดี   ทำให้ลูกมีภาระมากขึ้น    ไม่ค่อยมีเวลาให้กับสามี   ช่วงนั้น สามี ก็ต้องเดินทางมาติดต่อทำการค้าที่เมืองไทยเป็นประจำ เขาจึงแอบไปมีผู้หญิงใหม่อยู่ที่เมืองไทย อีกทั้งโอนเงินของครอบครัวส่งเสียเลี้ยงดูซื้อบ้านให้เธออีกด้วย  ลูกขอให้เขาเลิกกับผู้หญิงคนนั้น แต่เขาก็ทำไม่ได้  ลูกจึงต้องเป็นฝ่ายพาลูกสาวหนีกลับเมืองไทย โดยไม่ได้นำทรัพย์สมบัติใดๆ ติดตัวมาเลย  เมื่อมาถึงเมืองไทยแล้ว  สามีก็ตามมาขโมยลูกสาวไปอยู่กับเขา   จากคนที่รักก็กลายเป็นศัตรูกัน  ลูกได้ตามไปทวงขอลูกสาวคืน แต่เขาไม่ยอมคืน  ลูกจึงตัดสินใจฟ้องศาล  แต่สามีกล่าวหาว่าลูกเป็นฝ่ายไปมีชู้แล้วพาลูกสาวหนีไป   เขาจึงต้องไปรับลูกสาวมาดูแล   สถานการณ์กลับกัน  ลูกโดนสามีฟ้องให้ศาลตัดสินว่าต้องส่งเสียค่าเลี้ยงดูลูกสาวทุกเดือน  และลูกก็แพ้คดี ด้วยเหตุนี้ลูกจึงต้องย้ายไปเปิดบริษัทเสื้อผ้านำเข้าจากประเทศไทย อยู่ที่ประเทศฮอลแลนด์  เพื่อนำเงินส่งเสียเลี้ยงดูลูกสาวทุกเดือน  ตามคำสั่งของศาล
 
    ก็เป็นเหมือนอย่างเคยกิจการของลูกก็รุ่งเรืองขายดิบขายดี มีลูกค้าตรึม และสามารถทำรายได้เป็นอย่างดี จนมีเงินเหลือเฟือส่งไปเลี้ยงครอบครัวพี่สาวทั้งสามที่อยู่เมืองไทยอีกด้วย เนื่องจากการทำธุรกิจนี้เอง  ลูกจึงได้รู้จักกับนักธุรกิจหนุ่มฐานะดีหลายคนที่มาชอบและติดพันลูก  แต่ไม่มีใครเอาชนะใจลูกเลย จนกระทั่งมีหนุ่มเมืองผู้ดีชาวอังกฤษคนหนึ่ง เขาเป็นทนายความ มีความสนใจในธุรกิจนำเข้า  เขาจึงมาปรึกษาการทำธุรกิจนำเข้ากับลูก  เพราะเห็นว่าเป็นผู้ประสบความสำเร็จในธุรกิจด้านนี้ เราทั้งสองจึงมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกันบ่อยๆจนคุ้นเคยสนิทสนมกัน และเมื่อเขาขอแต่งงาน ลูกจึงไม่อาจปฏิเสธเขาได้   เราหมั้นกันไว้ก่อนแล้วแต่งงานในภายหลัง 
 
    หลังแต่งงานกันแล้วเราทั้งสองมีความสนใจจะทำธุรกิจใหม่ร่วมกันคือ รับจ้างรัฐบาลสก๊อตแลนด์เลี้ยงเด็กออทิสติก  เราได้ไปซื้อคฤหาสน์หลังหนึ่งที่สก๊อตแลนด์ เพื่อทำธุรกิจนี้    คืนแรกที่ลูกนอนในคฤหาสน์หลังนั้น  ขณะกำลังเคลิ้มๆจะหลับก็มีร่างของผู้ชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นในห้อง แต่.. เขาไม่มีแขนไม่มีขา  เขาค่อยๆเคลื่อนเข้ามาหาลูกที่กำลังนอนอยู่ พอถึงก็นอนลงข้างๆลูก แล้วเขาก็มองมาที่หน้าลูก ทั้งเนื้อทั้งตัวของลูกขยับได้อยู่ที่เดียวคือ ปาก  จึงรวบรวมกำลังใจถามเขาไปว่า “คุณคือใคร มานอนข้างๆฉันทำไมเดี๋ยวแฟนฉันเข้าใจผิดนะ  ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”  แต่คำตอบที่ได้จากร่างนั้นคือ “ฉันนี้แหละคือเจ้าของบ้านตัวจริง ฉันเป็นทหาร ได้รับมรดกให้ครอบครองบ้านหลังนี้แต่ผู้เดียว” หลังจากเหตุการณ์คืนนั้น  ลูกอยากรู้ว่าความจริงเป็นยังไง จึงให้ สามี ไปสืบหาข้อมูลได้ความว่า บ้านหลังนี้เป็นสมบัติของนายทหารท่านหนึ่งซึ่งตายในระหว่างทำสงคราม  หลังจากนั้นบ้านหลังนี้จึงตกเป็นของรัฐบาลทันที
 
    ลูกได้ใช้คฤหาสน์ทำธุรกิจเลี้ยงเด็ก ออทิสติก ซึ่งมีจำนวน 52 คน ที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรม ความคิด การติดต่อสื่อสารรวมถึงการเข้าสังคมอีกด้วย ขณะที่ทำธุรกิจเลี้ยงเด็กเหล่านี้อยู่ ลูกมีทั้งความสุขและความทุกข์ปะปนกันไป ความสุขก็คือช่วยเหลือพวกเขา ความทุกข์เพราะต้องเผชิญกับปัญหาหรืออาการต่างๆ ที่เด็กแสดงออกมา เช่น บางคนซุกซนมาก อยู่นิ่งไม่ได้เลย ร้องไห้ไม่หยุด บางคนก็ทำร้ายตัวเอง  กัดมือตัวเอง  โขกหัวกับผนังหรือพื้น บางคนถึงขนาดควักลูกตาตัวเองออกมาโดยไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย  แต่ก็มีบางคนที่มีพฤติกรรมตรงกันข้าม คือ จะเงียบเฉย ไม่เรียกร้องความต้องการใดๆ เลี้ยงง่ายผิดปกติ มักจะแยกไปเล่นกับตัวเองตามลำพัง นั่งโยกอยู่กับที่ โบกมือไปมา หรือบางคนมีความผิดปกติในเรื่องของการรับรู้ร่วมด้วย เช่น มีอาการหูแว่ว คือ ได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาพูดคุยด้วย หรือมีอาการประสาทหลอน เช่น เห็นผี เห็นหนอนยั๊วเยี๊ย ทั้งที่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้มีอยู่จริง
 
    ถึงกระนั้นลูกก็ยังรักและต้องการจะทำธุรกิจรับเลี้ยงพวกเขาเหล่านี้ต่อไป แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น สามีของลูกได้ถูกผู้ร่วมหุ้นหักหลัง เขายักยอกเงินจากธุรกิจของบริษัท พร้อมกับปลุกปั่นคนในบริษัทให้ก่อความวุ่นวาย  สามีของลูกยื่นข้อเสนอจะให้เงินแก่เขาหนึ่งแสนปอนด์ เพื่อให้เขาออกไปจากธุรกิจนี้   แต่เขาไม่ยอมรับ   สามีจึงต้องฟ้องศาลเพื่อขอความยุติธรรม 
 
กราบถามคำถามดังนี้ค่ะ
 
1. บุพกรรมใดชีวิตในวัยเด็กของลูกถึงลำบากมากและบุพกรรมใดที่ทำให้ลูกและน้องสาวต้องกำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก   พี่สาวทั้งสามเป็นพี่สาวแท้ๆของลูกหรือไม่ค่ะ ทำไมพวกเธอถึงเกลียดลูกนัก  เราทำกรรมอะไรร่วมกันมาจึงได้เป็นพี่น้องกันคะ  
 
2. กรรมใดลูกจึงถูกพี่สาวคนที่สามนำไปขาย   คนบางคนถูกนำไปขายให้ไปเป็นโสเภณี    บางคนถูกนำไปขายเพื่อเอาไปใช้แรงงานอย่างที่ลูกเป็น    มีบุพกรรมต่างกันอย่างไรคะ
 
3. บุญใดที่ทำให้มีผู้มาช่วยเหลือลูกเสมอ ได้อยู่กับชาวเวียดนาม  จนตั้งตัวได้จากอาชีพเสริมสวย   ได้มีคนช่วยออกจากร้านขายก๋วยเตี่ยว  ทำไมลูกประสบความสำเร็จในธุรกิจทุกด้าน แม้ไม่รู้หนังสือ  เป็นเพราะบุญใดคะ
 
4. พ่อ, แม่ และน้องสาวของลูก ตายแล้วไปไหน มีความสุขดีหรือไม่   ต้องการบุญอะไรเป็นพิเศษหรือไม่อย่างไรคะ
 
5. กรรมใดที่ทำให้ลูกต้องพลัดพรากจากลูกสาว  และโดนสามีฟ้อง จนศาลตัดสินให้ต้องส่งเสียค่าเลี้ยงดูลูกสาวทุกเดือน 
 
6. มีทหารในสงครามเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนั้นจริงหรือไม่คะ   ถ้าเป็นจริงเขามาแสดงตัวให้ลูกเห็นทำไมคะ   และตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนแล้วคะ
 
7. บุพกรรมใดสามีคนปัจจุบันจึงถูกผู้ร่วมหุ้นหักหลัง และเกิดมีคดีความขึ้น  ลูกและสามีควรทำอย่างไรคะ  จึงชนะคดี และไม่มีเวรกรรมต่อกันอีก
 
8. บุพกรรมใดที่ทำให้ลูกต้องมาดูแลเด็กออทิสติกถึง 52 คนค่ะ   เด็กเหล่านั้นมีบุพกรรมใดถึงเป็นโรคออทิสติก มีทางป้องกันแก้ไขหรือไม่อย่างไรคะ
 
9. การยกบ้านของลูกให้เป็นบ้านกัลยาณมิตร เพื่อรวมคนมาปฏิบัติธรรมจะได้บุญอย่างไรบ้างคะ   ลูกและสามีคนปัจจุบันเคยสร้างบารมีร่วมกับหมู่คณะมาหรือไม่อย่างไรคะ
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ  ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
1. วัยเด็กลูกต้องลำบาก   เพราะ  ...กรรมในอดีตลูกได้เป็นลูกสาวเศรษฐี   พ่อ – แม่เลี้ยงดูแบบ “ตามใจ”   จึงมักชอบเที่ยวเล่นเพลิดเพลินโดยไม่ค่อยคิดที่จะดูแลพ่อ - แม่   รวมกับในชาติอื่น ๆ  ก็ไม่ค่อยมีบุญเลี้ยงดูบิดามารดา  
 
 
 
 
 
 
 
 
2. พี่สาวคนที่สาม  ก็คือ  ทาสในชาติอดีต   ที่ตัวเองทุบตี  ทำร้ายและขายให้ผู้อื่นใช้แรงงาน   ได้ “ผูกเวร” กันมาในชาตินี้ มาเจอกันจึงนำลูกไปขายบ้าง
 
 
 
 
3. ถัดจากชาติที่เป็นลูกเศรษฐีมา   ก็ไปลำบากอยู่หลายชาติ โดยไปเป็นทาสและถูกข่มขี่ทรมาน   จึงมักเอาอาหารไปเลี้ยงสัตว์เล็ก ๆ และได้อธิษฐานว่า   ชาติต่อไปอย่าได้ลำบากอีก  
 
 
 
 
 
 
 
 
 
4. พ่อตายแล้วก็ไปอยู่ “ยมโลก”   ด้วยกรรมดื่มสุราและฆ่าสัตว์ทำเป็นอาหารและฆ่าขาย   กำลังโดนเจ้าหน้าที่ฆ่าชำแหละก่อนถูกกรอกน้ำทองแดงร้อน   มีความทุกข์ทรมานมาก 
 
 
 
 
5. ลูกต้องพลัดพรากจากลูกสาว  และถูกอดีตสามีคนแรกฟ้องให้ส่งค่าเลี้ยงดูลูกสาวทุกเดือน   เพราะ  ...กรรมในอดีตชาติที่เป็นลูกสาวเศรษฐี   เวลาทาสในเรือนคลอดลูกสาวเล็ก ๆ ออกมา  ได้ยกให้เพื่อนตัวเองที่มาขอเอาไปเลี้ยง ,  จึงทำให้ทาสหญิงที่เป็น แม่ของเด็กทุกข์ทรมานใจมาก
 
 
 
 
6. ทหารเจ้าของคฤหาสน์เก่าได้ตายในที่รบ     แต่ยังมีจิตผูกพันกับคฤหาสน์     จึงได้กลับมาอยู่วนเวียนเฝ้าจ่ะ!  
 
 
7. สามีคนปัจจุบัน  ถูกผู้ร่วมหุ้นหักหลังและเป็นคดีความกันเพราะ...ในอดีตก็เคยเป็นหุ้นส่วนทำการค้าร่วมกัน  ซึ่งในชาตินั้นเขาก็ทำเหมือนชาตินี้ 
 
 
 
 
 
 
 
8. ในชาติที่เป็นลูกสาวเศรษฐี   มักชอบเลี้ยงสังสรรค์เพื่อนฝูง ด้วย “เหล้า” อยู่เป็นเนืองนิตย์ ,  เมากันทั้งชายหญิง  ตั้งแต่ค่ำยันรุ่ง ด้วยวิบากกรรมนี้ จึงทำให้มีจิตยินดีในการเลี้ยงเด็ก “ออทิสติก”  52 คนจ่ะ!  
 
 
 
 
 
 
9. การยกบ้านให้เป็นบ้านกัลยาณมิตร   ให้ผู้มีบุญมาปฏิบัติธรรมนั้น  ก็จะทำให้มีบุญพวกพ้อง  ที่จะทำให้เรามีพี่น้อง, หมู่ญาติ,  เพื่อนฝูง , สิ่งแวดล้อมสังคมที่ดี  ที่เกื้อกูลต่อการสร้างบารมีของเรา แม้ละโลกไปแล้ว   ก็จะมีบริวารมากมายในเทวโลกจ่ะ!  
 
 
 
 


บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2548-07-11.html
เมื่อ 23 กรกฎาคม 2567 01:43
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv