CASE  STUDY
อย่ามัวลองใจกันอยู่เลย
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบนมัสการคุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพอย่างสูง
 
    ปู่และย่าของลูก อพยพจากเมืองจีน มาอยู่ที่ จังหวัดยะลา   มีฐานะยากจน    แต่มีลูกด้วยกันถึง 15 คน  คุณพ่อของลูกเป็นลูกชายคนโต แต่ก็ไม่ใช่ลูกคนแรกของคุณปู่กับคุณย่า เพราะก่อนหน้านี้ ปู่และย่าเคยมีลูกชายด้วยกันถึง 5 คน แต่ก็เสียชีวิตทั้งหมดจากการป่วยตายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ เพราะไม่มียารักษาโรค   คุณย่ากลัวว่าลูกที่เกิดใหม่จะตายอีกจึงให้คุณพ่อซึ่งเป็นลูกคนที่ 6 เรียกท่านว่า “อาซ้อ” (แปลว่าพี่สะใภ้) และเรียกปู่ว่า “กอ กอ”   (แปลว่า พี่ชาย)  รวมถึงลูกทุกคนก็เรียกท่านอย่างนี้ด้วย   เพื่อเป็นการแก้เคล็ด แต่ก็แปลกนับตังแต่นั้นมาก็ไม่มีลูกคนไหนตายอีกเลย    ปู่เสียชีวิตตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2517  ด้วยโรคชรา   คุณย่าเสียชีวิตในปี 2544  ด้วยโรคมะเร็งที่มดลูกอายุได้ 84 ปี
 
    ต่อมา คุณพ่อ ได้มาทำงานที่กรุงเทพฯ อยู่ที่ปั๊มน้ำมันบางจาก   และได้มาพบกับ คุณแม่ ซึ่งเป็นคนใต้เหมือนกัน แม่เป็นคน จังหวัดตรัง   แต่พ่อเป็นคนยะลา  พ่อชอบแม่มาก  แต่แม่ไม่ชอบพ่อเลย      คุณพ่อต้องตามจีบตื้อ จนคุณแม่ยอมใจอ่อนตกลงแต่งงานกับคุณพ่อ      คุณแม่เป็นคนมีความเป็นผู้นำและมั่นใจในตัวเองสูง   ท่านจึงอดทนหาความก้าวหน้าให้กับตนเองด้วยการเรียนศึกษาผู้ใหญ่   พร้อมกับทำงานหาเงินไปด้วยโดยไม่ได้รบกวนเงินของคุณพ่อเลย  จนกระทั่งคุณแม่ได้เรียนจบปริญญาตรี   และได้เป็นคุณครูอยู่ในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพฯ    ครอบครัวของลูกปกครองด้วยระบอบ มารดาธิปไตย (แม่เป็นใหญ่)ที่สุดค่ะ    แม่พูดอะไรต้องเป็นเช่นนั้น  คุณพ่อคุณแม่มีลูกด้วยกันทั้งหมด 3 คน เป็นหญิงล้วน  ตัวลูกเป็นลูกคนกลาง
 
    ตอนที่ลูกเกิดได้ประมาณสามเดือนนั้น  คุณย่า ก็มาขอลูกไปเลี้ยงดูที่จังหวัดยะลา ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็ยอมยกลูกให้คุณย่าอย่างเสียไม่ได้    คุณย่าทั้งรักทั้งตามใจลูกมาก  ไม่ยอมให้ใครมาขัดใจลูกเลย   ลูกเองก็ได้ใจ   จนกระทั่งอายุได้ 5 ขวบ ลูกก็ไม่ยอมเข้าโรงเรียน   เมื่อคุณแม่ทราบข่าวท่านเป็นห่วงจึงกลับมารับไปอยู่ที่กรุงเทพฯด้วยกัน เพื่อจะให้ได้เรียนหนังสือ   แต่ลูกก็ไม่ค่อยได้เรียนเลย เพราะสุขภาพไม่ค่อยดี สามวันดี สี่วันไข้  ป่วยบ่อยๆ  ที่สำคัญสัมพันธภาพระหว่างตัวลูกและพี่น้องทุกคนในครอบครัวก็แย่สุดๆ เพราะลูกจากพ่อแม่ไปตั้งแต่อายุ 3 เดือน ไม่สนิทสนมกับใครเลย  ลูกปรับตัวไม่ได้    รู้สึกมีความทุกข์ท่วมท้นใจ ได้แต่ร้องไห้อยู่ทุกวัน  จนวันหนึ่ง คุณป้า ได้มาเยี่ยมคุณแม่ที่บ้าน  ได้มาเห็นสภาพของลูกในตอนนั้นก็สงสาร  จึงเสนอกับคุณแม่ว่าจะพาลูกไปอยู่ด้วยกันที่ จังหวัดตรัง  เพื่อจะให้ได้เรียนหนังสือ  จากนั้นลูกจึงจากพ่อแม่ไปอีกครั้งเพื่อไปอยู่กับ คุณป้า และ คุณตาคุณยาย ที่จังหวัดตรัง
 
    เมื่อมาอยู่กับคุณป้า  ลูกก็มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงขึ้น ไม่ค่อยป่วย  ต่อมาลูกจึงได้เข้าโรงเรียน   วันหนึ่งในงานปีใหม่ของโรงเรียนนั้นเอง ทางโรงเรียนจัดให้มีคณะละครคริสต์มาร่วมแสดงด้วย  เขาเล่นละครเรื่อง การกำเนิดพระเยซูเจ้า  แล้วเขาได้แจกน้ำ แจกขนม แจกหนังสือสีสวยๆ และสอนร้องเพลง ให้กับเด็กทุกๆคน  การกระทำสิ่งเหล่านี้ของเขา ทำให้เกิดความรักท่วมท้นอยู่ในดวงใจน้อยๆของลูก  จนทำให้ลูกหลงใหล  มีความรู้สึกอยากเป็นคริสต์   ตั้งแต่อายุ 6 ขวบเป็นต้นมา    แต่ลูกก็ยังไม่ได้เปลี่ยนศาสนา
 
    เมื่ออายุได้ 11 ปี  ลูกได้กลับมาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ที่กรุงเทพเพื่อเรียนหนังสือต่อ มาคราวนี้ ลูกก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสิ่งสิ่งแวดล้อมใหม่ๆมากมายอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียน ลูกก็มีปัญหาเรื่องการเรียน รวมไปถึงการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก    เพื่อนๆเองก็ไม่ค่อยอยากจะคบกับลูก  หาเรื่องแกล้งและล้อเลียนลูกอยู่ตลอดเวลา ขณะนั้นลูกเบื่อและเซ็งมาก   จึงหันหน้าคบกับหมาและแมวแทน เพราะพวกมันไม่เคยทำให้ลูกเสียใจเลย ทางคุณพ่อคุณแม่จึงลงความเห็นว่า ลูกเป็นเด็กที่มีปัญหา เพราะเป็นลูกคนกลาง พอลูกเรียนจบ ป.6  ลูกสอบเข้า ม.1  ได้ในโรงเรียนเดียวกับที่คุณแม่เป็นคุณครูสอนอยู่  คุณแม่มักพูดให้ลูกได้ยินเสมอว่า  ท่านต้องอับอายเพื่อนๆ  ที่ลูกเรียนไม่เก่ง ไม่ตั้งใจเรียน และทำตัวประหลาด ชอบอยู่คนเดียว เล่นกับหมากับแมว  แล้วยังนั่งหลับเวลาเรียนหรือนั่งถอนผมเวลาสอบ    แต่ลูกก็ร่ำเรียนมาได้เรื่อยๆ  จนกระทั่งลูกได้เข้าเรียนในระดับ ปวส. ที่วิทยาเขตเทคนิคกรุงเทพฯ สาขาผ้าและเครื่องแต่งกาย    ณ ที่นี้ ลูกก็เริ่มหารายได้พิเศษจากการเป็นหมอดูไพ่ยิปซี ซึ่งลูกเรียนโดยการหาตำรับตำรามาศึกษาด้วยตัวเอง ลูกศึกษาจนคล่องและจำได้อย่างแม่นยำ  จากนั้นลูกจึงเริ่มดูให้ตัวเองก่อน  แล้วก็ศึกษาหาตำราหมอดูไพ่ยิปซีที่ดังๆดูผสมผสานเป็นของลูกเอง  แม่นบ้างไม่แม่นบ้าง มั่วบ้างไม่มั่วบ้าง ส่วนใหญ่ลูกจะพูดและเดาไปตามสถานการณ์ตำแหน่งของไพ่  แต่เมื่อใครได้ดูไพ่ของลูกแล้วเป็นต้องบอกว่า “แม่นจริงๆ” จึงทำให้มีลูกค้ามาก แต่ไม่ได้คิดค่าครูนะคะ แต่จะคิดเป็นค่ากับข้าวแทน เช่น เรื่องความรัก การงาน การเรียน ฯลฯ ลูกก็จะคิดไปเรื่องละ 5 บาท จึงทำให้มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 25 บาทต่อคน แล้วลูกก็มีค่ากับข้าวเป็นกอบเป็นกำพอเอาตัวรอดได้ค่ะ
 
    ต่อมาได้มีน้องของเพื่อนมาชวนลูกไปโบสถ์คริสต์  ขณะนั้นลูกก็คิดว่า ความฝันในวัยเด็กที่จะพบพระเจ้าคงจะเป็นจริงแล้ว ลูกจึงตามเธอไปด้วยความยินดี จากนั้นเพื่อนรุ่นพี่อีกคนหนึ่งซึ่งกำลังดำเนินการก่อตั้งชมรมคริสต์ฯ  ก็ตั้งตนเป็นผู้ดูแลลูกทันที โดยเรียกตัวเองว่า “แม่แกะ” ส่วนลูกที่เป็นผู้ถูกดูแลก็จะเรียกกันว่า “ลูกแกะ” เมื่อเข้ามาอยู่ในชมรมคริสต์ฯ พี่ในชมรมก็ห้ามไม่ให้ลูกใส่สร้อยพระ และสอนไม่ให้ไหว้พระ  ลูกเองก็ทำตาม  แต่ในใจก็ลังเลสับสนเต็มที  เพราะถึงแม้จะรักพระเจ้าอย่างไร ลูกก็เติบโตมาแบบครอบครัวชาวพุทธ ที่ยังชอบการทำบุญตักบาตรกับพระภิกษุสงฆ์อยู่เสมอ  แต่รุ่นพี่ที่เป็นคริสต์ได้บอกว่า “เมื่อเชื่อในพระเจ้าแล้วสิ่งเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นและไม่สามารถทำได้” เขาให้เหตุผลว่า “เพียงแค่เชื่อพระเจ้า ตายแล้วก็ไม่ต้องเกิดใหม่ ไปสวรรค์ได้เลย  ส่วนพระก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดา ที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาเท่านั้นเอง  ดังนั้น เราไม่ต้องเคารพกราบไหว้คนธรรมดา ให้เคารพแต่พระเจ้าเท่านั้น” 
 
    การเข้าชมรมฯคริสต์ของลูก ทำให้แม่เสียใจมาก ถึงขนาดออกปากว่า “ลูกเป็นพวกผ่าเหล่าผ่ากอ” ลูกฟังแล้ว ก็ใจอ่อน แต่ก็ไม่อ่อนใจ และยังยืนยันอยู่ในใจว่าจะอยู่กับพระเจ้า เพราะหวังว่าสักวันหนึ่ง ทุกคนจะเข้าใจลูก และเราจะได้ไปสวรรค์ด้วยกัน 
 
    พี่ๆที่ชมรมคริสต์บอกให้ลูกเชื่อมั่นในพระเจ้าให้มากๆ อย่ากระทำอะไรที่เป็นการลองใจพระเจ้า แต่เวลาที่มีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้น เขาก็จะให้เหตุผลว่าพระเจ้าลองใจ
 
    ลูกรู้สึกสับสนในการให้คำตอบที่ไม่ชัดเจน และเพิ่มความไม่เข้าใจมากขึ้น เช่น ลูกบอกว่าลูกไม่กินเนื้อวัวและควาย เพราะมันมีบุญคุณ ให้แรงงานทำให้เรามีข้าวกิน แต่เขาก็แย้งว่า พระเจ้าส่งมันมาให้เป็นอาหารของมนุษย์ และตอนที่ลูกเห็นสุนัขถูกรถชนตายที่หน้าโรงเรียน ลูกถามแม่แกะว่า “มันจะได้ไปอยู่กับพระเจ้าไหม” แต่เขากลับตอบลูกว่า “มันเป็นสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา มีแต่จิต ไม่มีวิญญาณ” คำตอบเหล่านี้ทำให้ลูกรู้สึกแย่ เพราะมันไม่ใช่คำตอบที่ลูกต้องการ เมื่อความสับสนและไม่เข้าใจรวมตัวกันมากขึ้น ลูกจึงตัดสินใจเลิกเป็นคริสต์ แล้วหันไปอยู่ที่ชมรมพุทธฯ  จากการเข้าชมรมพุทธฯบ่อยๆ ทำให้ลูกมีโอกาสได้พูดคุยกับพี่ๆน้องๆในชมรมหลายคน และเริ่มชอบที่นี่มากขึ้น เพราะถามอะไรก็มีเหตุผลรองรับตอบได้ชัดเจนถูกใจไปหมด  ลูกจึงได้มาวัดพระธรรมกายครั้งแรกเมื่อปี 2540   แต่ก็ไม่ได้มาวัดอีก จนกระทั่ง ลูกได้มาเรียนหนังสือที่คลอง 6 จึงได้เข้าวัดอีกครั้งด้วยการเป็น อาสาสมัครแจกน้ำในงานบวชอุบาสิกาแก้ว และหลังจากนั้นก็ได้มาเป็นอาสาสมัครของแผนกจราจร และแผนกธรรมบาล เมื่อเรียนจบลูกจึงมาอบรมธรรมทายาทหญิง จากนั้นลูกก็ไปหาประสบการณ์ทำงานข้างนอก 1 ปี  แล้วลูกก็กลับมาอุทิศตัวช่วยงานพระพุทธศาสนาอย่างเต็มที่เต็มกำลัง    เป็นบัณฑิตแก้วมาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ
 
ลูกจึงอยากเรียนถามคุณครูไม่ใหญ่ดังนี้ค่ะ
 
1. บุพกรรมใดปู่และย่าจึงสูญเสียลูกชายไปถึง 5 คน  และลูกๆ ทุกคนก็ไม่ได้มีโอกาสเรียกว่าท่านว่า  พ่อ แม่  เลย   การทำเช่นนี้เป็นการแก้เคล็ดไม่ให้ลูกตายได้จริงหรือไม่ค่ะ    เพราะเห็นชาวจีนส่วนใหญ่นิยมทำและก็ได้ผลจนเป็นความเชื่อสืบกันมา   
 
2. คุณปู่คุณย่าตายแล้วไปไหน และมีสภาพเป็นอย่างไรบ้างคะ ได้รับบุญที่ลูกส่งไปให้หรือไม่
 
3. บุพกรรมใด ที่ทำให้ลูกไม่ค่อยได้อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ และมีสัมพันธภาพที่ไม่ดี กับทุกคนในบ้าน      ที่ลูกต้องไปอยู่กับคุณย่าและคุณป้า  เพราะเราเคยมีบุญหรือกรรมร่วมกันมาหรือไม่คะ
 
4. บุพกรรมใดในตอนเด็ก ลูกจึงปรับตัวเข้ากับสังคมได้ยาก  มีสภาพเหมือนเด็กมีปัญหา จนต้องหันหน้าไปคบกับหมาและแมวแทน   ลูกจะแก้ไขได้อย่างไรคะ
 
5. การหารายได้พิเศษจากการเป็นหมอดูไพ่ยิปซี หลายคนบอกว่าแม่น ทั้งๆที่บางทีลูกเดาส่งๆ   การที่ลูกเดาถูก เป็นเพราะมีวิทยาธรดลใจรึเปล่าคะ ลูกจะมีวิบากกรรมใดจากการเป็นหมอดูหรือไม่อย่างไรคะ
 
6. ทำไมลูกจึงมาเกิดในครอบครัวที่ไม่ศรัทธาวัดคะ   ครอบครัวของลูกเคยสร้างบุญมากับหมู่คณะหรือไม่คะ  
 
7. บุพกรรมใดที่ลูกเกิดมาเป็นชาวพุทธ แต่ฝักใฝ่ในพระเจ้าอยากเป็นคริสต์ตั้งแต่เด็ก แต่แล้วสุดท้ายก็ได้กลับมาสร้างบารมีกับหมู่คณะอีก  ในอดีตลูกเคยสร้างบุญมากับหมู่คณะอย่างไร  เคยพลัดพรากจากหมู่คณะมาหรือไม่คะ    ทำอย่างไรให้ผังการสร้างบารมีกับหมู่คณะหนาแน่นตลอดไปคะ
 
8. ลูกและเพื่อนร่วมทีม Middle Way  สำนักต่างประเทศ   เคยมีบุพกรรมใดร่วมกันมาก่อนคะ จึงได้มาทำงานร่วมกัน   และคำอธิษฐานของลูกที่ว่าขอให้ได้อยู่ฝ่ายเผยแผ่ ลูกจะได้สมใจในชาตินี้หรือไม่คะ
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ  ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
1. คุณปู่ - คุณย่า  เสียบุตรไป 5 คน   เพราะ  ...กรรมในอดีตปู่และย่าได้เป็นสามี - ภรรยากัน   ได้อยู่ในสังคมเกษตรกรรม  ,  มักชอบขายลูกสัตว์ให้ลูกค้านำเอาไปเลี้ยงหรือฆ่ากิน  
 
 
 
 
 
 
2. คุณปู่ตายแล้วก็ไปอยู่ “ยมโลก”   ด้วยกรรมฆ่าสัตว์ทำอาหาร , ฆ่าสัตว์ไหว้เจ้า   กำลังโดนเจ้าหน้าที่เชือด , ชำแหละอยู่ด้วยความทุกข์ทรมานมาก  
 
 
 
3. ลูกไม่ค่อยได้อยู่กับคุณพ่อคุณแม่   เพราะ  ...เศษกรรม   ที่เคยยกลูกให้คนอื่นไปเลี้ยงตามมาส่งผล   
 
 
 
4. ตอนเด็กลูก ๆ ปรับตัวเข้ากับสังคมได้ยาก   คล้ายเด็กมีปัญหา   จนต้องหันไปคบกับหมาและแมวแทน   เพราะ  ...ในอดีตลูกขาดบุญที่ชักชวนคนทำความดี   กับมีนิสัยดื้อติดตัวข้ามชาติมา  ที่เอาแต่ใจตัวเองบวกกับความขี้รำคาญคน  
 
 
 
 
5. การที่ลูกเป็นหมอดูไพ่ยิปซี   แล้วเดาส่งออกไป  ถูกบ้างผิดบ้างนั้น   ก็ไม่ได้มีวิทยาธรอะไรมาดลใจ   แต่ก็เป็นความรู้สึกของลูกบวกกับหลักการไพ่ยิบซี   บังเอิญไปพ้องกับสิ่งที่เขาเป็นพอดีจ่ะ!
 
 
 
 
6. ลูกเกิดในครอบครัวที่ไม่ค่อยศรัทธาวัด   เพราะ ในอดีตลูกไม่ค่อยมีบุญด้านเป็นกัลยาณมิตร   ชักชวนให้เพื่อนมนุษย์มาทำความดี    กับเวลาทำบุญแล้วไม่ค่อยได้อธิษฐานล้อมกรอบว่า   ให้เกิดมาในครอบครัวที่เป็นสัมมาทิฐิ   หรือครอบครัวธรรมกายจ่ะ! 
 
 
 
 
7. ในอดีตชาติชาติหนึ่ง   ลูกได้เคยกระทบกระทั่งกับสมาชิกบางคนในหมู่คณะ   เลยออกจากหมู่คณะไปนับถือลัทธิเทวนิยมอยู่ช่วงหนึ่ง  
 
 
 
 
 
 
8. ลูกและเพื่อนร่วมทีม Middle Way สำนักต่างประเทศนั้น ล้วนก็เคยสร้างาบารมีกับหมู่คณะมา   แต่มาคนละทิศละทาง   แล้วก็กระจัดกระจายกันไปตามความคุ้นของแต่ละคน  
 
 
 
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2548-08-10.html
เมื่อ 23 กรกฎาคม 2567 00:12
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv