CASE STUDY
ที่พึ่งตอนเที่ยงคืน
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบนมัสการคุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพอย่างสูง
 
    ครอบครัวของผมเป็นชาวจีนเกิดที่รัฐปีนังประเทศมาเลเซีย คุณพ่อคุณแม่มีลูกทั้งหมด 4 คน  หญิง 1 คน ชาย 3 คน   ผมเป็นลูกชายคนสุดท้องครับ เมื่อ เดือน เมษายน  2548 ผมได้มาเป็นนักเรียนใหม่ของโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา  เพราะได้รับการชักชวนจากพระอาจารย์ที่ศูนย์ปีนัง   ผมดีใจมากที่ได้พบหลวงพ่อทาง DMC ได้รู้จักวัดพระธรรมกาย ทำให้ผมมีโอกาสมาสร้างบารมีจนถึงทุกวันนี้  ผมขอเล่าประวัติชีวิตครอบครัวของผมโดยย่อดังต่อไปนี้ครับ
 
    คุณปู่ของผม  มีอาชีพเป็นเสมียนอ๊อฟฟิต ในบริษัทแห่งหนึ่ง  ท่านเป็นคนรักครอบครัว หาเลี้ยงลูกและภรรยาโดยไม่เคยให้อดอยาก มีความรับผิดชอบสูง แต่คุณปู่ชอบดื่มเหล้ามากและสูบบุหรี่จัดสูบวันละหลายๆซอง อีกทั้งชอบเล่นการพนันม้าอีกด้วย  คุณปู่เป็นคนจีนที่ไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนา และไม่เชื่อเรื่อง บาป-บุญเลย จึงทำให้คุณปู่มักดูถูกดูหมิ่นพระภิกษุสงฆ์อยู่เสมอ   แต่ท่านไหว้เจ้า และเข้าร่วมกิจกรรมกับสมาคมคนจีน    คุณปู่เสียชีวิตเมื่ออายุ 63 ปี   ด้วยโรคหอบและความดันโลหิตสูง
 
    คุณย่าของผม เป็นคนเฉยๆ ใจเย็น มีหน้าที่เป็นแม่บ้านดูแลลูกๆ และต้อนรับคุณปู่หลังกลับจากทำงานมาถึงบ้าน คุณย่าไม่ดื่มเหล้า แต่สูบบุหรี่ไม่แพ้คุณปู่  ท่านเข้าวัดและสมาคมของคนจีน  แต่ไม่ฆ่าสัตว์ไหว้เจ้าจะเป็นการซื้อมาไหว้แทนครับ คุณย่าได้ล้มป่วยด้วยโรคไตวายกว่า 10 ปี จึงเสียชีวิตเมื่ออายุ 77 ปี
 
    คุณพ่อของผม ตั้งแต่เด็กท่านโตมาท่ามกลางควันบุหรี่ของคุณปู่คุณย่าซึ่งท่านทั้งสองสูบบุหรี่จัดด้วยกันทั้งคู่ เมื่อสูบบุหรี่เสร็จก็จะทิ้งก้นบุหรี่ใส่ถังขยะ   จากนั้นก็ใช้ให้คุณพ่อเป็นคนเอาไปทิ้งเสมอ แต่ด้วยความอยากรู้อยากลองของคุณพ่อซึ่งยังเด็กอยู่ จึงนำก้นบุหรี่นั้นมาสูบเสียเอง   ทำให้คุณพ่อสูบบุหรี่เป็นและติดบุหรี่มาตั้งแต่เด็กๆ   เมื่อคุณพ่อโตขึ้นจนกระทั่งแต่งงานมีครอบครัวแล้ว  คุณพ่อประกอบอาชีพอยู่อย่างเดียว คือ เป็นช่างซ่อมเครื่องพิมพ์ดีด ซึ่งมีรายได้น้อยมาก ค่าใช้จ่ายก็ไม่พอเลี้ยงดูครอบครัว  แต่คุณพ่อก็ไม่กล้าคิดที่จะเปลี่ยนงาน หรือหางานทำอย่างอื่นเลย    ท่านมีความสุขอยู่กับการสูบบุหรี่ และทำงานเดิมๆ ที่รายได้ก็แทบจะไม่มี จน คุณแม่ ต้องออกไปเป็นแม่บ้านรับจ้างทำงานทั่วไปตามร้านอาหารต่างๆ  แต่ถึงอย่างไรก็ไม่พอกิน   ในที่สุด คุณแม่จึงจำต้องพาครอบครัวรวมทั้งคุณพ่อไปอาศัยอยู่ที่บ้านของคุณตาคุณยาย  ซึ่งประเพณีของคนจีนนั้น ถ้าลูกผู้หญิงคนไหนแต่งงานแล้วยังกลับมาอาศัยอยู่ที่บ้านพ่อแม่ตัวเอง ก็จะถือว่าสามีนั้นไม่ได้เรื่อง   จะโดนดูถูกดูแคลนจากญาติๆ ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ คุณพ่อและทุกคนในครอบครัวโดนญาติๆฝ่ายคุณแม่ดูถูกมาก  แต่คุณพ่อก็อดทนอาศัยอยู่ที่บ้านคุณตาคุณยายจนกระทั่งลูกๆโตร่ำเรียนหนังสือจบกันหมดทุกคน  
 
    จากนั้นเมื่อปี2530 ครอบครัวของเราก็ย้ายออกจากบ้านของคุณตาคุณยาย  เนื่องจากพี่ชายผมได้ประสบความสำเร็จในด้านธุรกิจการงานมาก   เขาจึงได้ซื้อบ้านไว้สำหรับรองรับทุกคนในครอบครัว  ซึ่งคุณพ่อก็อยู่กับครอบครัวด้วยดีมาตลอด  จนกระทั่งปี 2546 คุณพ่อได้ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่   แต่ท่านไม่ยอมให้หมอที่โรงพยาบาลรักษา ท่านกลับมารักษาตัวตามร้านหมอจีนทั่วไป ซึ่งอาการก็ไม่ดีขึ้นเลย  ผมเห็นคุณพ่อเจ็บปวดท้องอยู่เป็นเวลานานๆ  แต่เมื่อจะพาท่านไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล  คุณพ่อก็ไม่ยอม บอกว่าไม่อยากเห็นสภาพผู้ป่วยหรือคนตายที่นั่น  คุณพ่ออดทนกับความเจ็บปวดเช่นนี้ เป็นเวลาประมาณ 2 ปี  แล้ววันหนึ่งคุณพ่อก็นอนดิ้นกุมท้องร้องเจ็บปวดทุรนทุรายอย่างทรมานมากกว่าปกติ  พี่ๆและผมจึงตัดสินใจนำท่านส่งโรงพยาบาลโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของท่านเลย ผลการตรวจครั้งนี้พบว่า  คุณพ่อเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว  แม้จะทำการรักษาอย่างไร อาการก็จะไม่ดีขึ้นเลย จะมีแต่ทรุดลงเท่านั้น  คุณหมอจึงสั่งให้กลับไปพักที่บ้าน   
 
    ขณะนั้นทุกคนในครอบครัวสับสนมาก อยากจะให้คุณพ่อหาย จึงหาวิธีการต่างๆที่พอจะช่วยรักษาท่านได้  ญาติๆฝ่ายคุณพ่อก็มาแนะนำว่า ให้ลองเปลี่ยนศาสนาดู ให้ลองเชื่อในพระเจ้าแล้วพระเจ้าจะช่วยให้โรคนี้หายได้ ผมเองก็รู้ตัวดีว่าเป็นชาวพุทธไม่ควรเชื่ออะไร นอกเหนือ จากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า   แต่ในขณะนั้นผมก็อยากให้คุณพ่อลองเปลี่ยนศาสนาดู   เผื่อคุณพ่อจะหายป่วยได้จริงอย่างที่เขาพูด   แต่เมื่อผมไปลองถามความคิดเห็นจากคุณพ่อดู  ผมจึงได้คำตอบกลับมาว่า  “ พวกเราเป็นชาวพุทธจะต้องรักษาและคงความเป็นพุทธของเราเอาไว้”  ด้วยคำตอบนี้  ผมเพิ่งรู้ว่าท่านศรัทธาในพระพุทธศาสนาจนใกล้จะถึงวาระสุดท้าย  แม้จะตายก็ไม่ยอมเปลี่ยนศาสนาเลย
 
    ในคืนก่อนที่คุณพ่อจะเสียชีวิตนั้น คุณพ่อมีอาการดิ้นทุรนทุรายกระสับกระส่ายร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด  ขณะนั้นเป็นเวลาเที่ยงคืน แถวบ้านผมก็ไม่มีหมอเลย ผมจึงโทรศัพท์ไปบอกพี่ชาย ว่าให้ช่วยตามหมอให้ด้วย ตอนนี้พ่อจะแย่แล้ว ขณะนั้นพี่ชายได้ไปทำธุระอยู่ข้างนอกบ้าน    แล้วพี่ชายก็โทรกลับมาบอกผมว่า “ร้านหมอปิดหมด หาหมอไม่มีเลย” จากนั้นพี่ชายก็พูดต่อไปว่า  “เดี๋ยวพี่ไปรับพระภิกษุข้างบ้านเราไปแทนหมอได้มั๊ย เพราะข้างบ้านมีพระภิกษุอาศัยอยู่”   ซึ่งก็คือศูนย์ปฏิบัติธรรมปีนังนั่นเอง
 
    เมื่อ พี่ชาย และ พระอาจารย์ มาถึง คุณพ่อก็ยังหลับตานอนดิ้นทุรนทุรายอยู่อย่างนั้น  พระอาจารย์ไม่รอช้า ท่านรีบสวดมนต์ทำวัตรเย็นจนจบ แล้วก็พยายามพูดให้คุณพ่อลืมตา คุณแม่และพวกผมก็พยายามช่วยท่านพูด แต่คุณพ่อก็ไม่ลืมตา พระอาจารย์จึงสวดมนต์บทอิติปิโสต่อจนจบ ผมเห็นคุณพ่อมีอาการค่อยๆสงบลง แต่ไม่ลืมตา  จากนั้นพระอาจารย์ก็สวดมนต์ต่อด้วยบทชยันโตจนจบ ทันใดนั้น คุณพ่อก็ลืมตาโพลงขึ้นมาทันทีพร้อมกับการหายใจที่ดีขึ้น  คุณแม่และพวกผมจึงประคองคุณพ่อลุกขึ้นมานั่งมองดูพระอาจารย์   แล้วพระอาจารย์ก็พูดให้คุณพ่อนึกถึงบุญทุกบุญที่เคยทำแบบชาวจีน  พร้อมทั้งพระอาจารย์ได้หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกจากย่าม แล้วพูดขึ้นอีกว่า “บุญที่ใหญ่ที่สุดในขณะนี้ก็จะเป็นบุญสร้างองค์พระธรรมกายประจำตัว ประดิษฐาน ณ  มหาธรรมกายเจดีย์”
 
    พระอาจารย์ก็พูดถึงอานิสงส์ของการสร้างองค์พระให้คุณพ่อฟังจนจบ และเวลานั้นคุณพ่อก็ตัดสินใจสร้างองค์พระธรรมกายทันที 1 องค์ครับ    จากนั้นพระอาจารย์ก็ให้คุณพ่อนึกถึงองค์พระที่นึกได้ไว้กลางท้อง   พร้อมทั้งให้ทำสมาธิท่อง  “อามิถ่อฝ่อ” แบบพุทธชาวจีน  จากนั้นท่านก็ค่อยๆเปลี่ยนให้คุณพ่อท่องแบบ “สัมมา อะระหัง  ๆๆ”  ผมเห็นลมหายใจของคุณพ่อค่อยๆแผ่วๆ สงบลง แล้วคุณพ่อก็จากครอบครัวไปเมื่ออายุ  70  ปี ครับ
 
    พี่สาวของผม  เป็นกำลังหลักของสมาคมพุทธแบบจีนฝ่ายมหายาน  วันหนึ่งเมื่อปี 2525  พี่สาวกำลังจะรีบไปช่วยงานที่สมาคมพุทธในวันตรุษจีน แต่ในระหว่างการเดินทางนั้น  เธอได้ประสบอุบัติเหตุถูกรถชนเสียชีวิตเมื่ออายุเพียง 26 ปี   เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนในครอบครัวสลดใจมาก แต่ก็ได้กำลังใจจากกัลยาณมิตรที่สมาคมพุทธ มาให้กำลังใจและร่วมงานศพเป็นจำนวนมากมาย  พร้อมทั้งร่วมบริจาคเงินทำบุญช่วยงานศพของพี่สาวอีกด้วย     ภาพเหล่านี้ทำให้ครอบครัวของเราซาบซึ้งมาก จึงมีความศรัทธาพระพุทธศาสนากันมากขึ้น
 
    ส่วนตัวผม ในสมัยเด็กขณะเรียนอยู่มัธยมตอนต้น ผมก็ได้มีโอกาสบวชที่วัดจีนฝ่ายมหายาน  ในช่วงปิดเทอมเป็นเวลา 1 เดือนครับ  ขณะที่ผมบวชอยู่นั้น ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้บวช แล้วยังได้ฝึกสมาธิแบบ “ อามิทาภะ” แบบกำหนดลมหายใจอีกด้วย  ยิ่งทำให้ผมอยากศึกษาเรียนรู้เรื่องพระพุทธศาสนามากขึ้น   แต่ผมก็ต้องลาสิกขาออกไปเรียนหนังสือให้จบ ขณะที่เรียนอยู่นั้น ผมก็ได้ไปทำบุญที่วัดอยู่สม่ำเสมอและเป็นประจำอีกด้วย   ต่อมาศรัทธาผมก็เริ่มลดลงเมื่อผมเห็น พระอาจารย์หลายรูปต่างก็ลาสิกขาออกไปแต่งงานมีครอบครัวกัน และตัวผมเองก็แต่งงานมีครอบครัวมีลูกสาว 2 คน  ลูกสาวคนโต ก็ป่วยบ่อยๆติดเชื้อไวรัสง่ายต้องเข้าโรงพยาบาลเสมอ  จึงทำให้ผมวุ่นๆอยู่กับการทำมาหากินดูแลครอบครัว   แต่ผมก็ยังศรัทธาในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงหาโอกาสไปทำบุญที่วัดบ้าง  แต่ไม่บ่อยนัก 
 
    ต่อมาเมื่อปี2548 ศรัทธาผมก็เริ่มกลับมาอีกครั้งเมื่อผมได้รู้จักกับพระอาจารย์ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมปีนัง ในวันที่ท่านมาโปรดคุณพ่อของผมก่อนจะสิ้นใจ  เพราะผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมท่านที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมปีนังอยู่บ่อยๆ  ท่านก็สอนให้ผมได้รู้จักเรื่องกฎแห่งกรรม ความเป็นจริงของชีวิต โดยผ่านช่อง  DMC ในภาคภาษาจีน เนื่องจากผมพูดและฟังภาษาไทยไม่ได้  ผมได้ดูแล้ว ผมเข้าใจและชอบมาก   แล้วผมก็ได้มีโอกาสมาร่วมงานบุญหล่อองค์พระธรรมกายประจำตัว เมื่อวันที่ 22 เมษายน  2548  และผมก็ได้สร้างองค์ให้ตัวเอง 1 องค์ ด้วยครับ
 
คำถาม
 
1. บุพกรรมใดคุณปู่จึงล้มป่วยด้วยโรคหอบและความดันสูง บุพกรรมใดคุณย่าจึงล้มป่วยด้วยโรคไตวาย  ท่านทั้งสองตายแล้วไปไหน มีสภาพเป็นอย่างไร     กรรมจากการสูบบุหรี่ของทั้งสองท่าน  ส่งผลให้ท่านหลังจากละโลกไปแล้วหรือเปล่า
 
2. บุพกรรมใดคุณพ่อจึงมีชีวิตที่ลำบากมาตั้งแต่เด็ก กรรมใดที่ทำให้ท่านเป็นมะเร็งในลำไส้ใหญ่ คุณพ่อตายแล้วไปไหน คตินิมิตก่อนตายเป็นอย่างไร  บุญที่สร้างองค์ก่อนตาย ส่งผลกับท่าน อย่างไรบ้างครับ
 
3. ตอนที่คุณพ่อดิ้นทุรนทุราย  เพราะท่านเห็นคตินิมิตอย่างใดหรือไม่      หลังจากที่พระอาจารย์สวดมนต์ให้ท่านฟัง   ท่านมีความรู้สึกอย่างไร     ทำไมหลังจากฟังเสียงสวดมนต์แล้วจึงลืมตาแล้วลุกขึ้นมาได้     ถ้าไม่ได้ฟังเสียงสวดมนต์ไม่ได้สร้างองค์พระก่อนที่ท่านจะละโลก   ท่านมีสิทธิ์จะไปไหนครับ
 
4. บุพกรรมใดพี่สาวคนโตถึงอายุสั้น เพราะประสบอุบัติเหตุถูกรถชนเสียชีวิต พี่สาวตายแล้วไปไหน  ได้รับบุญอุทิศไปให้หรือไม่อย่างไรครับ
 
5. บุพกรรมใดครอบครัวของผมถึงไม่ค่อยมีอันจะกินลำบากมาตั้งแต่เด็กๆ และยังต้องไปอาศัยบ้านของคุณตาคุณยายอยู่โดนดูถูกมากเป็นกรรมใด
 
6. บุญที่ผมและพี่ชายบวชแบบพุทธชาวจีนฝ่ายมหายานอุทิศบุญไปให้คุณพ่อและพี่สาว    ได้รับหรือไม่อย่างไรครับ
 
7. ลูกสาวคนโตของผม ป่วยติดเชื้อไวรัสง่ายเพราะกรรมใด   จะแก้ไขได้อย่างไรครับ
 
8. น้องสาวของคุณพ่อเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเต้านม ตายแล้วไปไหนได้รับบุญอุทิศไปให้หรือไม่อย่างไรครับ
 
9. พระอาจารย์ที่ศูนย์ปีนังท่านเคยเกี่ยวข้องกับครอบครัวผมอย่างไร  จึงได้มาทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรให้กับคุณพ่อตอนเที่ยงคืน    และท่านสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไรครับ
 
10. ผม และคุณแม่  เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาหรือไม่อย่างไรจะมีสิทธิไปดุสิตบุรีหรือไม่ครับ
 
ฝันในฝัน  Case
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ  ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
1. คุณปู่ป่วยด้วย “โรคหอบและความดันสูง”  เพราะ ... กรรมฆ่าสัตว์ทำอาหารและใช้แรงงานสัตว์ในอดีต  ในสมัยที่เป็นพ่อค้าขายของระหว่างเมือง ต้องเอาของไปส่ง  โดยเร่งรีบที่จะเดินทาง  และมักไม่ให้สัตว์ได้พักเลย  วิบากกรรมนี้ตามมาส่งผลจ่ะ!

 
 
 
 
 
2. คุณพ่อมีชีวิตลำบากตั้งแต่เด็ก เพราะ …ท่านมีทานบารมีในอดีตมาน้อยจ่ะ!    
 
 
 
3. คุณพ่อดิ้นทุรนทุรายก่อนตาย  เพราะ … ทุกขเวทนา ที่เกิดจากโรคภัยไข้เจ็บ ไม่ได้เห็นนิมิตอะไรที่น่ากลัวจ่ะ! แต่ก็ใจเศร้าหมองในช่วงนี้  
 
 
 
 
 
 
4. พี่สาวคนโตถูกรถชนตายและอายุสั้น  เพราะ   …ในอดีตได้มีสามี  ต่อมาสามีถูกคู่อริฆ่าตาย  ,  ตัวเองในฐานะเป็นภรรยา ก็แค้นใจ ก็เลยจ้างคนไปฆ่าคู่อริและครอบครัวจนตาย วิบากกรรมดังกล่าวมาส่งผลก่อนจ่ะ!

 
 
 
5. ครอบครัวของลูกไม่ค่อยมีอันจะกิน ลำบากตั้งแต่เด็กและยังต้องไปอาศัยบ้านคุณตา – คุณยายอยู่     ได้โดนดูถูกดูหมิ่นเพราะ…กรรมแห่งความ “ตระหนี่” ในอดีตมาส่งผล โดยในอดีตเป็นคนฐานะดี  แต่ตระหนี่ และมักจะดูถูกผู้ที่มีฐานะต่ำกว่าตนมาส่งผลจ่ะ!
 
 
6. บุญที่ตัวลูกกับพี่ชายบวชพระแบบมหายาน แล้วอุทิศบุญไปให้คุณพ่อและพี่สาวก็ได้รับบุญจ่ะ!  จึงทำให้ท่านทั้งสองมีทิพยสมบัติมากขึ้น

 
 
7. ลูกสาวคนโตของลูกติดเชื้อ “ไวรัสง่าย”  เพราะ …กรรมฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อย  ,  บี้มด  ,  ตบยุง  ,  กุ้งหอย  ,  ปูปลาในอดีต มาส่งผลจ่ะ!

 
 
 
8. น้องสาวของคุณพ่อเป็น “มะเร็งเต้านม”  เพราะ …กรรมปาณาติบาตฆ่าสัตว์ต่าง ๆ มาทำเป็นอาหาร     และฆ่าขายใน หลายชาติมารวมส่งผล  ร่วมกับกรรมกาเมเจ้าชู้จ่ะ!

 
 
 
9. พระอาจารย์ที่ศูนย์ปีนัง  ท่านเคยเกี่ยวข้องกับครอบครัวลูกในอดีต  โดยท่านได้เป็นกัลยาณมิตรมาให้กับครอบครัวลูก ในอดีต  คล้ายกับที่ทำในชาตินี้จ่ะ!

 
 
 
10. ลูกและคุณแม่ ก็เคยเป็น “กองเสบียง” ของหมู่คณะมา แต่ว่าพลัดจากหมู่คณะไป   เพราะกระทบกระทั่งกับบางคนใน  หมู่คณะ  ,  กอปรกับมีความน้อยใจ  และใจก็น้อมไปในทางโลกด้วย  …ปัจจุบันบุญที่เคยทำกับหมู่คณะ  ก็ดึงดูดให้มาสร้างบารมีร่วมกันอีกจ่ะ!

 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2548-09-17.html
เมื่อ 22 กรกฎาคม 2567 20:14
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv