CASE  STUDY
  เตี่ย เตี่ย เตี่ย
เรียบเรียง จากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
    ผมได้เข้าวัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 ตั้งแต่เมื่อครั้งยังศึกษาอยู่ที่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยเริ่มเข้าอบรมธรรมทายาทภาคฤดูร้อนรุ่นที่ 14 นับแต่นั้น จึงได้ร่วมงานกับชมรมพุทธศาสน์ ม.เกษตร มาโดยตลอด จนมาเป็นอาสาสมัครช่วยงานทางด้านเหรัญญิกของวัดจนจบการศึกษา และเมื่อได้ทุนการศึกษาจากรัฐบาลญี่ปุ่นไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย ทสึคุบะ ก็ได้มีโอกาสช่วยจัดกิจกรรมปฏิบัติธรรมบูชาข้าวพระที่ญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก  และเรื่อยมาจนจบการศึกษา ระหว่างนั้นก็ได้ช่วยเหลือติดต่อประสานงานการสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ จนกระทั่งต่อมาก็ได้เข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในทีมผู้ออกแบบ และบริหารงานก่อสร้างจนจบสิ้นเฟสแรก    และตลอดจนโครงการต่างๆ ของทางวัด ผมมีบุญก็ได้มีโอกาสทำงานรับใช้พระศาสนาอีกด้วย   ซึ่งเป็นความปีติภูมิใจมาก   และผมหวังว่าเตี่ยคงจะได้บุญไปด้วยครับ   ผมจึงขอความเมตตาพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ได้โปรดฝันในฝันถึงเตี่ยและคนในครอบครัวด้วยครับ
 
    “เตี่ย” เกิดและโตขึ้นในเมืองจีน ในยามที่ประเทศมีความวุ่นวาย ทั้งอดอยาก และมีศึกสงคราม พี่ชายของเตี่ยต่างก็ถูกเกณฑ์ทหารไปออกรบแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย ส่วนเตี่ยขณะนั้นยังอยู่ในวัยรุ่นคะนอง จึงตัดสินใจหนีความอดอยากสมัครเข้าไปเป็นทหารอาสาในกองทัพจีน จนกระทั่งวันหนึ่งเตี่ยได้รับมอบหมายให้เป็นทหารยามเฝ้าค่าย, ช่วงเวลากลางดึก ปรากฏมีขโมยชาวบ้านแอบปีนรั้วเข้ามาหยิบฉวยเสบียง เตี่ยยืนยามอยู่เพียงผู้เดียว จึงตัดสินใจยิงปืนขึ้นฟ้าขู่เหล่าหัวขโมย จนพวกนั้นหนีไปหมด แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ พวกทหารในค่ายก็ตื่นนอนกันหมดเช่นกัน พลอยทำให้ผู้บังคับกองพันอารมณ์เสียสั่งทำโทษเตี่ยโดยการ “โบย 20 ที” ซึ่งการโบยก็รุนแรงมาก คือให้ถอดเสื้อผ้าแล้วให้นอนคว่ำ ตีด้วยไม้พลองขนาดใหญ่ คล้ายในละครเปาบุ้นจิ้น  เมื่อถูกโบยไปเพียง 4 ที ก็เจ็บปวดจนสลบ จนกระทั่งหัวหน้าหมู่ทหารของเตี่ย ต้องอ้อนวอนแทน ขอให้ลดหย่อนผ่อนโทษ เตี่ยจึงถูกสาดน้ำให้ตื่นแล้วโบยต่ออีก 4 ที จนหมดสติไปอีก  จากจุดนี้เองจึงทำให้เตี่ยตัดสินใจวางแผนหนีจากการเป็นทหารมาที่ประเทศไทย ในวัยขณะนั้น 20 ต้นๆ โดยในระยะแรกได้เข้ามาพึ่งพาพี่สาวของเตี่ยที่หลบหนีมาก่อน และตั้งครอบครัวอยู่ในกรุงเทพแต่พี่สาวก็มีฐานะลำบากเช่นกัน ชีวิตของเตี่ย ต้องลำบาก ใช้แรงงาน ทำงานโดยไม่เกี่ยง ตั้งแต่เป็นจับกังแบกข้าวสาร ต่อมาก็ช่วยพี่สาวชงกาแฟขาย บางทีก็ขายผัก-ผลไม้ในตลาดสด อดทน สร้างเนื้อ สร้างตัวจนพอเอาตัวรอด อายุได้ 27 ปีจึงได้มาพบกับคุณแม่ ซึ่งเป็นแม่ค้าขายอาหารตามสั่ง
 
 
    คุณแม่ ตอนที่ยังอยู่กับคุณตา-คุณยาย (พ่อ-แม่ของแม่) แม่จะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงที่ขยันขันแข็งของครอบครัว ช่วงนั้นแม่มีคนมีฐานะมาชอบพอคุณแม่อยู่พอสมควร และส่งคนมาขอกับคุณตา-คุณยาย (อากง อาม่า) แต่คุณตา-คุณยายก็ไม่ยอมยกให้ บอกว่าแม่ยังเด็กไป ยังไม่ถึงเวลา จนกระทั่งแม่มีอายุได้ 23 ปี เป็นจังหวะที่เตี่ยมาขอแม่กับคุณตา-คุณยาย แต่เตี่ยไม่มีเงินพอ คนที่เคยมาขอแม่ต่างก็ปรามาสว่า คนอย่างเตี่ยจะขอแม่ได้หรือ แต่ก็แปลกตรงที่ตากับยายกลับยอมยกแม่ให้เตี่ย เพราะชอบลักษณะโหวงเฮ้งของเตี่ย
 
    หลังแต่งงาน เตี่ยกับแม่ต้องหาเงินตัวเป็นเกลียว เพื่อใช้หนี้สินที่เตี่ยยืมมาแต่งงาน แต่แม่ต้องลำบากกว่าเตี่ยเป็น 2 เท่า เพราะต้องให้กำเนิดลูกๆซึ่งรวมแล้วถึง 10 คน เป็นชาย 3 หญิง 7 ผมเป็นคนที่ 8 แม่เคยทำงานหนักจนแท้งลูกไปถึง 2 ครั้ง    ตอนที่แม่ตั้งท้องลูกสาวคนที่ 10 คนสุดท้อง แม่ป่วย ตั้งแต่ตอนตั้งครรภ์ พอถึงตอนคลอดแม่ก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด ซึ่งขณะนั้นแม่อายุได้ 42 ปี อีกทั้งเด็กที่เกิดมาก็พิการปัญญาอ่อน ปัจจุบันอายุ 32 ปี สุขภาพก็ปกติดี แต่เวลาสื่อสารพูดได้คำสั้นๆ ไม่สามารถคุยเป็นประโยคได้   ปัจจุบันก็มีพี่ชายคนที่ 3 เป็นธุระคอยดูแลมาตลอด
 
    ทุกคนในครอบครัว ขยันทำมาหากิน เป็นคนดีแต่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องธรรมะเท่าไร รู้จักแต่การไหว้เจ้า และช่วยเหลือสังคม จนกระทั่ง เมื่อตัวผมได้มาบวชธรรมทายาท ที่วัดพระธรรมกาย รุ่นที่ 14 (มีฝนพันปี) จึงทำให้เข้าใจธรรมะมากขึ้น ตลอด 20 ปี ที่ผ่านมาผมคอยบอกบุญ และพูดเรื่องธรรมะให้ทุกคนฟังมาโดยตลอด เตี่ยกับแม่ในระยะแรกๆ ก็ไม่ค่อยชอบวัดเท่าไร มีบ่นบ้าง เวลาลูกๆ ทำบุญมากๆ กับทางวัด แต่ผมก็พยายามอธิบายให้ท่านทั้ง 2 เข้าใจเรื่องบุญมาตลอด ซึ่งท่านทั้ง 2 ก็ยอมรับได้ในที่สุด   
 
     เตี่ยได้สร้างบุญกุศลใหญ่ในช่วงบั้นปลายของชีวิตไว้ไม่น้อย เช่น ได้ทำบุญบริจาค 30,000 วัด, ได้ทำบุญสร้างองค์พระประจำตัวฯ หลายสิบองค์, ได้สร้างมหาวิหารพระมงคลเทพมุนี, ได้ทอดกฐินสร้างอาคารภาวนา 60ปี, ได้ทอดกฐินสร้างลานธรรมฯ, ได้ทอดกฐินสร้างมหารัตนวิหารคด, และบุญใหญ่สุดท้ายคือ รับบุญร่วมเป็นประธานรองกฐินของวัดพระธรรมกาย
 
    เตี่ยมีโรคประจำตัวคือ เบาหวาน ตั้งแต่อายุประมาณ 60 ปี พออายุได้ 72 ปี ก็เริ่มล้มป่วยเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล และเมื่ออายุได้ 73 ปี ก็มีอาการหนักจนต้องเข้าห้อง ICU ถึงขั้นหัวใจหยุดเต้น แต่แพทย์ก็ปั้มหัวใจจนฟื้น และกลับมาบ้านรักษาอาการต่อ แต่สภาพก็ไม่เหมือนเดิม
 
    หลายปีที่ผ่านมา หลานๆ คือ ลูกชายของพี่ชายคนที่ 3 ทั้ง 2 คนได้มาผลัดเปลี่ยนกันบวชธรรมทายาท คนละ 3 ครั้ง  แล้วได้ชักนำให้คณะสงฆ์มาโปรดเตี่ยที่บ้าน ให้เตี่ยได้ถวายสังฆทาน และผ้าไตร อีกทั้งล่าสุดเดือนมิถุนายน 2548 นี้เอง พี่ชายคนที่ 3 ซึ่งอายุได้ 51 ปีแล้ว ได้ตัดสินใจบวชธรรมทายาทรุ่นนานาชาติ และพี่ชายถือโอกาสชวนให้พี่เขยคนที่ 3 บวชด้วยกัน แล้วก็ได้พาคณะพระอาจารย์มาโปรดเตี่ยถึงบ้าน พวกเราทุกคนปลื้มมาก แต่ไม่ทราบว่า เตี่ยปลื้มหรือไม่ เพราะเตี่ยพูดไม่ได้บวกกับสมองเริ่มฝ่อแล้ว พอหลังจากลาสิกขาได้เกือบสองเดือน เตี่ยก็อาการทรุดเข้าห้อง ICU
 
    ก่อนที่เตี่ยจะหมดลมจากเราไป ผม พี่ชาย และพี่สาว ก็ได้ไปเยี่ยมเตี่ย พร้อมกับทบทวนบุญทั้งหลาย ที่เตี่ยได้ร่วมทำกับวัดพระธรรมกาย ตั้งแต่การสร้างองค์พระของมหาธรรมกายเจดีย์ในช่วงแรก แล้วได้ให้เตี่ยกำลูกสุวรรณนิธิ เพื่อช่วยให้นึกถึงพระที่จะหล่อ ในระยะแรกเตี่ยก็ยังลืมตาตอบสนองรับรู้ได้ แต่ก็ไม่พูดอะไร  เพราะไม่สามารถพูดได้มานานกว่า 4-5 ปี ตั้งแต่เป็นอัมพาตครึ่งซีกในที่สุดเตี่ยก็สิ้นใจจากเราไป รวมอายุได้ 80 ปี  หมอวินิจฉัยว่า เตี่ยเป็นโรคตับอ่อนอักเสบ
 
    ครั้งหนึ่ง ตอนที่ผมเรียนชั้นม.1 วันหนึ่งในชั่วโมงวิทยาศาสตร์ ผมและเพื่อนๆได้ทำการทดลองวิทยาศาสตร์ขึ้นที่ห้อง วันนั้นเพื่อนที่นั่งข้างๆ เกิดความคิดพิสดาร เขาได้จุดตะเกียงแอลกอฮอล์ แต่จุดแบบเอาตะเกียง 2 อันมาชนกัน พอเอียง แอลกอฮอล์ในตะเกียงก็หกออกมา ไฟก็ลุก แทนที่เขาจะวาง เขากลับโยนตะเกียงขึ้นด้วยความตกใจ แอลกอฮอล์ได้พุ่งมาหาโดนที่ศีรษะของผม ไฟได้ลุกไหม้ที่ศีรษะใบหน้าของผม จนผมแหว่งหาย ผมนึกว่าตัวเองจะต้องตาบอดเสียแล้วแต่โชคดีที่ไม่เป็นไร ผมรักษาตัวอยู่ 1 เดือนจึงหาย     ต่อมาก็ได้รับทุนไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ผมจึงได้พบรักกับภรรยาที่นั่น ซึ่งภรรยาของผมก็ได้รับทุนไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเธอได้รับทุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นมาศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ต่อมาเราได้แต่งงานที่เมืองไทย  แล้วเธอตั้งครรภ์ พอครบสามเดือน ก็แท้งโดยไม่ทราบสาเหตุ และไม่มีสัญญาณบ่งชี้ถึงความผิดปกติของสุขภาพแต่อย่างใด
 
คำถามมีดังนี้ครับ
 
1.    เตี่ยมีวิบากกรรมอันใด จึงได้พบความลำบาก เช่น ถูกโบยเกือบเอาชีวิตไม่รอด, ต้องเกิดมาในบ้านเมืองที่อดอยาก ยามศึกสงคราม    แต่ต่อมาเพราะบุญใดจึงค่อยตั้งตัวได้ในบั้นปลายชีวิต
 
2.    วิบากกรรมอันใดที่ทำให้เตี่ยต้องมาเป็นโรคเบาหวาน และอัมพาตครึ่งซีก แล้วเสียชีวิตด้วยโรคตับอ่อนอักเสบ
 
3.    เตี่ยตายแล้วไปไหนครับ มีอะไรที่เตี่ยอยากจะให้ลูกหลานทำให้อีกบ้าง แล้วขณะก่อนที่เตี่ยยังมีสติพวกเราก็ได้ทบทวนบุญพยายามรักษาใจของเตี่ยให้ผ่องใส ไม่ทราบว่าเตี่ยรับรู้ได้มากน้อยแค่ไหนครับ เตี่ยได้รับบุญที่ลูกๆอุทิศให้ไหมครับ
 
4.    เพราะเหตุใดเตี่ยและแม่จึงมีลูกเรียนดี มีความสามารถถึง 9 คน แต่มามีลูกคนสุดท้องเป็นปัญญาอ่อน และกรรมใดทำให้แม่ต้องแท้งลูกถึง 2 ครั้ง เพราะสาเหตุทำงานหนัก
 
5.     คุณตา และคุณยาย (อากง อาม่า)ท่านตายแล้วไปไหนครับ, มีบุพกรรมเกี่ยวพันกับเตี่ยอย่างไร จึงได้ยกคุณแม่ให้แต่งงานกับเตี่ย อย่างง่ายดาย
 
6.    เหตุใดน้องสาวคนสุดท้องจึงปัญญาอ่อน มีวิบากกรรมร่วมกับ เตี่ยและแม่มาอย่างไร จึงมาเกิดเป็นพ่อแม่ลูกกัน และเกี่ยวข้องกับพี่ชายคนที่ 3 อย่างไร พี่ชายจึงมารับเลี้ยงดูแทนเตี่ยและแม่
 
7.    เหตุใดลูกชายคนสุดท้องของพี่ชายคนที่ 3 จึงพิการหูหนวก ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เนื่องจากพี่สะใภ้เป็นหัดเยอรมัน แต่เพราะบุญใดจึงโชคดีที่หมอไม่แนะนำให้ทำแท้ง
 
8.    กรรมใดทำให้ผมถูกไฟไหม้ที่ศีรษะและใบหน้าครับ
 
9.    ผมมีบุพกรรมใด จึงมีบุญได้มาเป็นฝ่ายช่างก่อสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ และวิหารพระมงคลเทพมุนี, ทั้งได้ทำงานเป็นล่ามแปลภาษาญี่ปุ่น และมีส่วนออกแบบ ควบคุมงานก่อสร้าง จนสำเร็จอย่างคาดไม่ถึง
 
10.    ภรรยาของผม เธอต้องแท้งลูก เพราะบุพกรรมอันใดครับ เกิดจากวิบากกรรมของเราทั้ง 2 หรือเป็นวิบากกรรมของภรรยาคนเดียวครับ แล้วเราสองคนเคยสร้างบารมีร่วมกันมาในชาติก่อนๆ หรือไม่อย่างไร
 
11.    ตัวผม  ภรรยาผม พี่ชายคนที่ 3 กับพี่สะใภ้ เคยสร้างบารมีมากับหมู่คณะหรือไม่อย่างไรครับ,  เหตุใดพี่สาวคนโตกับพี่เขยจึงมีฐานะดีที่สุดในหมู่พี่น้อง แต่ไม่ชอบทำบุญกับพระสงฆ์,  พี่สาวคนโตและพี่น้องที่เหลือ เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาไหมครับ                        
 
กราบนมัสการด้วยความเคารพ
 
 
ฝันในฝัน

หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ  ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ

1.    เตี่ยต้องถูก “โบย” เกือบเอาชีวิตไม่รอด  ,  ต้องเกิดในบ้านเมืองช่วงอดอยากในยามศึกสงคราม   เพราะ 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
2.    เตี่ยเป็นโรค “เบาหวาน”  ,  และอัมพาตครึ่งซีก     แล้วเสียชีวิตด้วยโรคตับอ่อนอักเสบ   เพราะ ในชาติที่เกิดเป็นคฤหบดีดังกล่าว   ได้สั่งฆ่าสัตว์ทำอาหารไว้จำนวนมาก     รวมทั้งปัจจุบันก็ฆ่าสัตว์ทำอาหารและไหว้เจ้า     วิบากกรรมดังกล่าวทั้งอดีตและปัจจุบันมารวมส่งผลจ่ะ !
 
 
 
3.    ลูก ๆ ได้พยายามทบทวนบุญให้เตี่ยรับรู้ก่อนตายนั้น    เตี่ยก็รู้บ้างไม่รู้บ้าง     แต่ก็ได้รับบุญทุกบุญจ่ะ !
 
 
 
4.    เตี่ยและแม่   มีลูกเรียนดีและมีความสามารถถึง  9  คน   แต่ลูกคนสุดท้องปัญญาอ่อน   เพราะ 
 
 
 
 

 
 
5.    อากง  ,  อาม่า   ยกลูกสาวให้แต่งงานกับเตี่ยอย่างง่าย ๆ เพราะ 
 
 
 
 

 
 
6.    น้องสาวคนสุดท้องปัญญาอ่อน   เพราะ 
 
 
 
 
 
 

 
 
7.    ลูกชายคนสุดท้องของพี่ชายคนที่  3  “หูหนวก” ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา    เพราะกรรมในชาติหนึ่งของลูกชายคนสุดท้องของพี่ชายคนที่  3     ซึ่งได้เกิดเป็นลูกของพี่ชายและแม่คนนี้ในชาตินั้น , ได้เคยเกเร     เมื่อพ่อแม่อบรมสั่งสอนก็ไม่ฟัง   ทำหูทวนลมบ้าง  ,  อุดหูบ้าง     จึงทำให้พ่อ - แม่โกรธ   ได้แช่งให้หูหนวก กรรมนี้มาส่งผล   เมื่อมาเกิดชาตินี้จึงหูหนวก  , 
 
 
 
 
 
 

 
 
8.    ตัวลูกถูก “ไฟไหม้” ที่ศีรษะและใบหน้า   เพราะ  --- กรรมในอดีตพุทธันดรที่ผ่านมา   ลูกก็เคยได้เป็นทหารของพระราชาองค์ที่ออกบวช     แต่ก็ไม่ได้ออกบวชตาม  ,  แต่เป็นกองเสบียงที่ดี  , โดยในชาตินั้นได้ไปเผาค่ายทหารของข้าศึก  , 
 
 
 

 
 
9.    ลูกได้มาเป็นฝ่ายช่างก่อสร้างมหาธรรมกายเจดีย์  ,  มหาวิหารพระมงคลเทพมุนี  ,  ทั้งได้ทำงานเป็นล่ามแปลภาษาญี่ปุ่น และมีส่วนออกแบบควบคุมการก่อสร้างจนสำเร็จอย่างคาดไม่ถึง เพราะ 
 
 
 
 
 
 
10.    ภรรยาต้อง “แท้งลูก”   เพราะ  
 
 
 
--- ลูกและภรรยาเคยสร้างบุญร่วมกันมา     โดยเป็นคู่บุญคู่บารมี  กันมาตั้งแต่พุทธันดรที่ผ่านมา     ได้สร้างบุญร่วมกันมา   แล้วอธิษฐานให้ได้มาเป็นสามี – ภรรยากันอีกจ่ะ !

 
 
11.    ตัวลูก  ,  ภรรยา  ,  พี่ชายคนที่  3  ,  พี่สะใภ้  สร้างบารมีรวมกับหมู่คณะมาแบบ “กองเสบียง” จ่ะ !
 
 
 
--- พี่สาวคนโตกับพี่เขย   มีฐานะดีกว่าพี่น้องทุกคน   เพราะ  --- ในอดีตได้ทำบุญในพระพุทธศาสนาเอาไว้เยอะ     รวมทั้งสร้างบุญประเภทสงเคราะห์โลกไว้มากด้วย   มารวมส่งผลจ่ะ !
 --- แต่ไม่ชอบทำบุญกับพระสงฆ์   เพราะ  --- ในชาตินั้น   เมื่อทำบุญในพระพุทธศาสนาแล้ว   ก็เกิดสะดุดใจในความประพฤติของพระบางองค์     จึงถอยไปทำบุญแบบสงเคราะห์โลกแทน   ผังนี้ติดตัวมาจ่ะ !
 
 
 
--- พี่สาวคนโตกับพี่น้องที่เหลือ   ก็เคยสร้างบุญกับหมู่คณะมาแบบ “กองเสบียง”     แต่บางคนมาก  ,  บางคนน้อย  
 
 
 
ลูกก็ต้องใช้ความอดทนและเยือกเย็นในการทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้กับพี่น้องทุกคนในที่สุดก็จะชวนได้จ่ะ !
 
 
 
 
 
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2548-12-28.html
เมื่อ 4 กรกฎาคม 2567 00:17
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv