CASE STUDY
กลับตาลปัตร
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 

กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง

    ลูกเป็นนักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ผ่านทางจานดาวธรรม ลูกมีพี่น้องทั้งหมด 6คน ลูกเป็นคนที่4 มีพี่ชาย 3คนและน้องสาว 2คน ครอบครัวของเราได้มาสร้างบารมีกับหมู่คณะ เพราะได้น้องสาวคนรองเป็นกัลยาณมิตรให้ น้องสาวคนรองได้เข้าวัดตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และได้มาเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครแผนกธรรมวารี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2527 ต่อมาในปี พ.ศ.2530 ก็ได้เข้าอบรมเป็นเจ้าหน้าที่วัด ในโครงการอาสากัลยาณมิตรรุ่นที่6 และก็ได้ชักนำให้เตี่ย แม่ และทุกคนในบ้าน เข้าวัดร่วมบุญกับหมู่คณะเรื่อยมา

    เตี่ยของลูก เป็นคนค่อนข้างเฉื่อย ไม่ค่อยมีระเบียบ แต่เป็นคนใจดี ไม่ดื่มเหล้า แต่สูบบุหรี่ทุกวันตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น เตี่ยเป็นคนง่ายๆไม่เคยขัดใครเรื่องการทำบุญ ใครชวนทำบุญก็จะร่วมบุญด้วยเสมอมากบ้างน้อยบ้าง และลูกเคยพาเตี่ยมาร่วมบุญที่วัดพระธรรมกายด้วย และได้เคยขึ้นไปปฏิบัติธรรมที่สวนบัว 1ครั้ง
 
    ต่อมาเมื่อเตี่ยอายุ 72ปี ก็ป่วยเป็นมะเร็งที่ปอด ระหว่างอยู่ที่โรงพยาบาล น้องสาวคนรอง ซึ่งในขณะนั้นเป็นอุบาสิกาอยู่ที่วัด ได้เป็นคนคอยดูแลเตี่ย เตี่ยมีอาการทุรนทุรายหายใจลำบาก น้องสาวจึงนำเทปนำนั่งสมาธิของพระเดชพระคุณหลวงพ่อมาเสียบใส่หูให้ฟัง อาการทุรนทุรายก็ค่อยๆสงบลง แต่วันสุดท้ายที่เตี่ยตาย พี่ชายคนที่2 มาผลัดเวรเฝ้าเตี่ย ไม่ได้ให้เตี่ยฟังเทป แล้วเตี่ยก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด รวมอายุได้ 74ปี

    เตี่ยกับแม่มีอาชีพค้าขายผ้า ทำผ้าม่าน และขายที่นอน หมอนมุ้ง โดยแม่เป็นคนดูแลค้าขายเองเกือบทั้งหมด แม่เป็นคนขยันมาก ทั้งค้าขายด้วย เลี้ยงดูลูกด้วย และทำงานทุกอย่างในบ้านด้วย แม่เป็นคนใจบุญ เวลาทำบุญหรือทำของถวายพระ มักจะทำด้วยตนเอง และจัดหาของที่ดีและประณีตกว่าที่กินที่ใช้เอง มาถวายพระ และทำบุญเสมอ

    แม่ของลูก เคยร่วมทำบุญกับวัดพระธรรมกาย ตั้งแต่สมัยงานทอดกฐินซื้อที่ดินตารางวาละ 62.50บาท แต่ส่วนใหญ่แม่มักไปอยู่ธุดงค์ที่วัดแถวจังหวัดสมุทรสาคร จะมาที่วัดพระธรรมกายเฉพาะงานบุญใหญ่ๆเท่านั้น ในบั้นปลายชีวิตของแม่ แม่จะสวดมนต์และนั่งสมาธิทุกคืน แม่บอกว่าเห็นตัวเองนั่งสมาธิอยู่กลางท้อง หน้าตาผ่องใสมาก แม่นั่งสมาธิทุกวันติดต่อกันเป็นเวลา 2ปี
 
    ต่อมาแม่มีอาการปวดศีรษะมาก ตาพร่ามัวเดินเซและอาเจียน ลูกจึงพาท่านไปตรวจที่โรงพยาบาล พบเนื้องอกในสมอง ต้องเข้ารับการผ่าตัด ก่อนผ่าตัด แม่กังวลเกี่ยวกับ พี่ชายคนโต และ พี่ชายคนที่3 มากๆ เพราะพี่ชายทั้งสองไม่ค่อยถูกกัน จะขัดแย้งกันเรื่องมรดก และพี่ชายคนที่3ก็ก่อหนี้ไว้เยอะมาก แต่มีน้องสาวซึ่งตอนนั้นได้มาวัดพระธรรมกายแล้ว คอยพูดให้แม่คลายความกังวลใจ และให้ตัดใจเกี่ยวกับลูกๆ ให้ท่านก็นั่งสมาธิทุกวันก่อนเข้าห้องผ่าตัด
 
    หลังผ่าตัดแล้ว แม่ต้องอยู่ห้อง ICU ตลอด ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และไม่ให้ใครเข้าเยี่ยม พี่ชายคนโตเป็นห่วงแม่มาก จึงไปเจรจากับหมอขอเข้าเยี่ยมแม่บ้าง หมอจึงอนุญาตให้เยี่ยม พี่ชายก็ได้บอกให้แม่นอนทำสมาธิ แม่ก็นอนนิ่งเหมือนไม่รู้สึกตัวอะไรเลยประมาณ 7วัน แม่ก็เสียชีวิตในวันอาทิตย์ต้นเดือนที่ 1 มกราคม พ.ศ.2527 โดยไม่มีใครเห็นลมหายครั้งสุดท้ายของท่านเลย รวมอายุได้ 63ปี

    สามีของลูก เป็นคนนิสัยดี แต่เรียนหนังสือมาน้อย สติปัญญาไม่ค่อยดี กำพร้าพ่อมาตั้งแต่อายุประมาณ 2ขวบ และอยู่กับแม่ซึ่งไม่มีบ้านเป็นของตนเอง ต้องอาศัยอยู่กับคนอื่นในโรงเคี่ยวน้ำตาล โดยแม่ของเขารับจ้างขึ้นต้นมะพร้าว เพื่อเก็บน้ำตาลมะพร้าว และนำมาทำเป็นน้ำตาลปี๊บ ครั้งหนึ่ง แม่ของสามีขึ้นไปบนต้นมะพร้าว ทำมีดปาดตาลหล่นใส่สามี แต่เขาหลบทัน จึงไม่หล่นใส่หัว แต่ปักลงบนเท้าซ้าย ทำให้มีแผลเป็นจนถึงปัจจุบัน
 
    ตอนสามีของลูกอายุประมาณ 5-6ปี เป็นเด็กที่ซนมาก เคยถูกแม่ของเขาจับมัดกับต้นไม้ แล้วเอาพริกใส่กะลามะพร้าว เผาไฟให้สูดดมจนสำลัก พออายุ 7ปี ก็ต้องไปอยู่ที่วัดเป็นลูกศิษย์พระ อาศัยข้าวก้นบาตร เรียนหนังสือที่โรงเรียนวัด และเลี้ยงดูตัวเองมาตั้งแต่เล็ก เคยเป็นหิดน้ำเหลืองเยิ้มทั้งตัวจนเพื่อนเด็กวัดไม่ยอมให้เข้าใกล้ หลวงพ่อที่วัดเอาดินสอพองพอกให้ทั้งตัว จึงค่อยๆหาย พออายุได้ประมาณ 14ปี ก็มาทำงานในโรงงานทำเชือก ที่หลับที่นอนก็ต้องอาศัยนอนในโรงงานที่เต็มไปด้วยคราบน้ำมันเครื่อง น่าเห็นใจเขามากค่ะ
 
    หลังจากนั้น ก็ไปทำงานที่โรงงานทำไอศกรีม ได้เงินเพียงเล็กน้อยไม่พอใช้ ต้องอาศัยกินไอศกรีมแทนข้าว และนอนในโรงงาน พออายุ 16ปีก็ไปเป็นลูกเรือประมงที่มหาชัย ซึ่งมีรายได้ดีขึ้น (ประมาณ5-6พันบาท ต่อเดือน) แต่เขาก็ให้แม่เบิกเงินเดือนไปใช้ ขณะที่ตัวเองออกทะเล ส่วนตัวเขาเองได้ใช้เงินส่วนแบ่งจากการขายปลาที่เจ้าของเรือแบ่งให้ ออกทะเลครั้งละ 15วัน แล่นเรือไปจนถึงสิงคโปร์ และกลับเข้าฝั่งพักผ่อน 2วันก็ออกเรือไปอีก15วัน สลับกันเช่นนี้เป็นเวลาประมาณ 5ปี
 
    พออายุได้ 21ปี ก็มาเป็นทหารเกณฑ์ เป็นทหารเรือที่จันทบุรี ช่วงวันหยุดตอนที่เขาเป็นทหารเกณฑ์ (เป็นทหารอยู่ 2ปี ช่วงอายุ 21-22ปี) เขามาอาศัยช่วยงานขายผ้าอยู่กับพี่ชายคนที่3ของลูก จึงได้รู้จักกับลูก ซึ่งตอนนั้นยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี1
 
    พอเขาปลดจากทหารเกณฑ์ ก็มาสมัครเป็นพลฯอาสาสมัคร ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ ด้วยความเป็นคนซื่อ จึงได้มาเป็นผู้ติดตามผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง จนกระทั่งตัวลูกเรียนจบ ทำงานแล้วสิบกว่าปี เขาก็ยังคอยติดตามลูกอยู่เสมอ จนลูกสงสารและได้แต่งงานกัน เมื่อลูกอายุได้ 38ปี และสามีอายุได้ 39ปี โดยมีผู้ใหญ่ที่เขาทำงานเป็นมหาดเล็กรับใช้ เป็นผู้จัดการงานทุกอย่างให้
 
    แต่ต่อมา ผู้ใหญ่ท่านนี้ต้องไปอยู่ต่างประเทศ สามีจึงต้องตกงานไปโดยปริยาย แต่ก็ยังได้เงินบำนาญนิดหน่อย ซึ่งเป็นขณะเดียวกับที่ลูกชายของลูกเกิดพอดี สามีจึงต้องรับหน้าที่เป็นพ่อบ้าน และเลี้ยงดูลูกชาย ส่วนตัวลูกต้องเป็นฝ่ายทำงานเลี้ยงดูครอบครัวแต่ผู้เดียว สามีรักครอบครัวมาก และรู้สึกละอายใจจึงทำงานบ้านให้ลูกทุกอย่างที่ทำได้ เช่น ซักผ้า ทำกับข้าว เลี้ยงลูก ตัวลูกเองรู้สึกเฉยๆกับเขา แถมบางครั้งยังโมโห และโกรธใส่เขาบ่อยๆเวลาเขาทำอะไรไม่ถูกใจ แต่เขาก็ไม่โกรธลูกเลย แถมยังบอกลูกอีกด้วยค่ะว่า "จะทำอะไรให้ใจเย็นๆ"
 
    ส่วนตัวลูก ทำงานเป็นข้าราชการอยู่ในองค์กรของรัฐแห่งหนึ่ง งานในหน้าที่ที่ลูกทำจะมีรายได้จากเงิน ที่เรียกว่า เงินตามน้ำ และบางเดือนได้เงินมากกว่าเงินเดือนประจำเสียอีก เงินส่วนนี้เมื่อได้มาต้องนำมาแบ่งปันกัน และส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาในระดับสูงขึ้นไปเป็นลำดับ และได้มีการปฏิบัติสืบทอดมาเป็นเวลานาน ก่อนลูกเข้ารับราชการเสียอีก ลูกได้เงินจากส่วนนี้มาเลี้ยงดูครอบครัว และจุนเจือพี่น้องหลายคน

สำหรับคำถามมีดังนี้ค่ะ

1.แม่มีวิบากกรรมใด จึงเป็นโรคเนื้องอกในสมอง แม่เคยนั่งสมาธิเห็นตัวเอง นั่นคือกายละเอียด ใช่หรือไม่คะ การที่แม่นั่งสมาธิก่อนผ่าตัด ช่วยให้แม่คลายกังวลได้บ้าง หรือไม่ ช่วงที่แม่ไม่รู้สึกตัว 7วันนั้น แม่รู้สึกอย่างไร มีสติบ้างหรือไม่ คตินิมิตก่อนตายเป็นอย่างไร ขณะนี้แม่อยู่ในภพภูมิใด ลูกๆทำบุญไปให้ ท่านได้รับหรือไม่คะ ท่านฝากข้อความอะไรถึงลูกๆบ้างคะ

2.เตี่ยมีบุพกรรมอะไร จึงเป็นมะเร็งที่ปอด ก่อนตายเตี่ยไม่ได้ฟังเทปพระเดชพระคุณหลวงพ่อ คตินิมิตของเตี่ยใสหรือหมองคะ ขณะนี้เตี่ยอยู่ในภพภูมิใด ลูกๆทำบุญไปให้ ท่านได้รับหรือไม่คะ ท่านฝากข้อความอะไรถึงลูกๆบ้างคะ

3.เตี่ยไม่ชอบพี่ชายคนที่2 แต่พี่ชายคนนี้ต้องมาดูแลเตี่ยจนวินาทีสุดท้าย เป็นเพราะกรรมใดคะ

4.สามีของลูกมีวิบากกรรมอะไร จึงมีสติปัญญาไม่ค่อยดี เรียนน้อย มีชีวิตลำบากตั้งแต่ยังเล็ก ถูกแม่จับมัดกับต้นไม้ แล้วเอาพริกใส่กะลาเผาให้ดม โดนมีดปาดตาลหล่นใส่เท้า เป็นหิดจนน้ำเหลืองเต็มตัว ปัจจุบันป่วยเป็นโรคปอดชื้นบ่อยๆค่ะ

5.บุญใด ส่งผลให้สามีของลูกได้ดีจนเป็นมหาดเล็ก ผู้ใหญ่ท่านนี้เคยเกี่ยวข้องกับสามีมาอย่างไร จึงมีความผูกพันกันมากเหมือนแม่กับลูก แม้จนถึงทุกวันนี้คะ

6.สามีเคยมีบุพกรรมร่วมกันกับลูกมาอย่างไร จึงต้องมีสภาพครอบครัวไม่เหมือนคนอื่น คือ สามีต้องเป็นแม่บ้านแทนลูก และลูกเองต้องเป็นฝ่ายทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว และกรรมใดผูกพันบังคับให้ลูกมักโกรธเขาอย่างมากๆ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรบ่อยๆคะ

7.เงินรายได้ตามน้ำ ที่ลูกได้จากการทำงานในหน้าที่นั้น บาปหรือไม่คะ ถ้าบาปจะมีวิบากกรรมอย่างไร และถ้าลูกนำเงินนี้มาทำบุญจะมีผลบุญอย่างไรคะ

8.ขณะนี้ลูกต้องทำงานหนัก แต่โอกาสขึ้นเป็นผู้บังคับบัญชายากมากๆ เพราะต้องมีพรรคพวก เส้นสาย และให้การตอบแทนซึ่งกันและกัน จึงจะขึ้นเป็นระดับผู้บังคับบัญชาได้ เป็นเพราะบุญอย่างใดของลูกบกพร่องไป ลูกจึงไม่มีโอกาสขึ้นเป็นผู้บังคับบัญชาคะ

9.ลูกชายของลูกอายุ 9ขวบ เขามีบุพกรรมใด จึงเป็นโรคภูมิแพ้ตั้งแต่เด็ก มักจามบ่อย น้ำมูกไหล เขาเรียนหนังสือค่อนข้างเก่ง แต่ดื้อมากๆ ไม่ค่อยอยู่นิ่ง แม้กระทั่งมาทำบุญที่วัด บอกให้นั่งสมาธิก็จะนั่งได้ไม่เกิน 5นาที เป็นเพราะเขาประกอบเหตุมาอย่างไร จะแก้ไขได้อย่างไรคะ และเขามีบารมีในการบวชมาหรือไม่คะ

10.น้องสาวคนรองของลูก เคยร่วมสร้างบารมีภายในองค์กรอยู่ระยะหนึ่ง แล้วได้ออกไปค้าขาย เธอเคยร่วมบุญกับหมู่คณะมาอย่างไรคะ โอกาสจะตั้งตัวได้ มีบ้างหรือไม่คะ

11.ตัวลูก สามี และลูกชาย เคยทำบุญร่วมกับหมู่คณะมาหรือไม่ อย่างไรคะ ตัวลูกทำบุญด้วยศรัทธา แต่ใจมักไม่ค่อยใส จะแก้ไขได้อย่างไรคะ

กราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ด้วยความเคารพอย่างสูง
    
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ

1.แม่เป็นเนื้องอกในสมอง เพราะกรรมฆ่าสัตว์ทำอาหารในอดีต เช่น ทุบหัวปลา มาส่งผล


2.เตี่ยเป็นมะเร็งที่ปอด เพราะกรรมสูบบุหรี่ในปัจจุบันเป็นหลัก รวมกับกรรมปาณาติบาตฆ่าสัตว์ทำอาหาร และฆ่าขาย ในอดีต มาส่งผล
 

 
3.เตี่ยไม่ชอบพี่ชายคนที่2 แต่พี่ชายคนนี้ได้มาดูแลเตี่ยจนถึงวาระสุดท้าย เพราะพี่ชายคนนี้ เตี่ยไม่ถึงกับไม่ชอบ ท่านรักลูกทุกคน แต่ว่าพี่คนนี้มักจะเกเรสักหน่อย
 
 
 
4.สามีของลูกมีสติปัญญาไม่ดี เรียนน้อย มีชีวิตลำบากตั้งแต่เล็ก ถูกแม่จับมัดกับต้นไม้แล้วเอาพริกใส่กะลาเผาให้ดม โดนมีดปาดตาลหล่นใส่เท้า เป็นหิดจนน้ำเหลืองเต็มตัว ปัจจุบันป่วยเป็นโรคปอดชื้นบ่อยๆ เพราะในอดีต สามีเป็นคนเคยรวย มีฐานะดีเป็นเศรษฐี บางทีก็ดี บางทีก็อารมณ์เสีย
 
 

 
5.สามีของลูกทำงาน ได้ดีกับผู้ใหญ่ เพราะบุญที่เคยช่วยเหลือญาติในชาติที่เป็นเศรษฐีที่ตระหนี่ แต่ก็เคยช่วยเหลือเกื้อกูลญาติบ้าง แต่เป็นช่วงสั้นๆ มาส่งผล
 

 
6.ครอบครัวของลูกมีสภาพไม่เหมือนครอบครัวอื่น คือ สามีต้องเป็นแม่บ้านแทนลูก ส่วนตัวลูกเองเป็นฝ่ายหาเงินเลี้ยงครอบครัว เพราะในชาติอดีตก็เป็นสามี-ภรรยากัน ภรรยามักจะทำทานด้วยตัวเองเสมอ ส่วนสามีก็แค่มีจิตยินดีอนุโมทนา เมื่อบุญส่งผลในชาตินี้จึงมีสภาพดังกล่าว โดยชาตินั้น ลูกก็เป็นภรรยาของเขาเหมือนในชาตินี้
 

 
 
7.เงินรายได้ตามน้ำ ที่ลูกได้จากการทำงานในหน้าที่นั้น ก็จะมีเศษกรรมอยู่ โดยเมื่อใดกรรมส่งผล ก็มักจะเป็นโรคเลือด โรคแพ้ภูมิตัวเอง เป็นต้น

 
 
8.ขณะนี้ลูกต้องทำงานหนัก แต่โอกาสจะเป็นผู้บังคับบัญชายากมาก เพราะกำลังบุญของลูกมีเพียงแค่นี้ เพราะทำมาแค่นี้มันก็ได้แค่นี้
 
 
 
9.ลูกชายอายุ 9ขวบเป็นโรคภูมิแพ้ตั้งแต่เล็ก มักจามบ่อยมีน้ำมูกไหล เพราะอดีตชาติ ตอนเด็กมักชอบแกล้งสัตว์ เช่น บางทีไปจับเอาสัตว์เล็กๆมากัดกัน เช่น จิ้งหรีด บางทีก็แกล้งเอาน้ำราดหมาแมว หรือจับมันโยนลงไปในน้ำ เป็นต้น วิบากกรรมดังกล่าวมาส่งผล
 

 
10.น้องสาวคนรองของลูก เคยร่วมสร้างบารมีภายในองค์กรอยู่ระยะหนึ่ง แล้วก็ออกไปค้าขาย เธอเคยร่วมบุญกับหมู่คณะมา โดยพุทธันดรที่ผ่านมาก็เป็นกุลธิดา เป็นคนมีนิสัยเบื่อๆ อยากๆ มาหลายชาติ
 
 
 
 
11.ตัวลูก สามี และลูกชาย เคยสร้างบุญกับหมู่คณะมาแบบกองเสบียง ประเภทตามอารมณ์ บางทีก็ทำ บางทีก็ไม่ทำ
 



 

บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2549-02-02.html
เมื่อ 4 กรกฎาคม 2567 02:25
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv