CASE  STUDY 
  ไม่ได้ตั้งใจ (ผิว) ดำ  
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
   
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง

    ลูกมาสร้างบารมีกับหมู่คณะ ตั้งแต่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีหนึ่ง ลูกเป็นคนร่าเริงเบิกบาน  คงจะเป็นด้วยเหตุนี้กระมังคะ    เมื่อรุ่นพี่ที่ชมรมพุทธฯ เห็นลูกแล้วจึงรู้สึกถูกชะตา    ได้ชวนลูกมาเป็นอาสาสมัครช่วยงานที่วัดพระธรรมกาย   ลูกเริ่มมาช่วยงานที่วัดตั้งแต่ปี 2538  ตอนเรียนอยู่ปีหนึ่ง   ช่วยมาเรื่อยจนเรียนจบ    พอจบปุ๊บก็หางานได้ปั๊บ แต่ปุ๊บปั๊บก็ไม่ทำเสียเฉยๆ   เพราะลูกตัดสินใจมาเป็นเจ้าหน้าที่วัดและอยู่มาจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ค่ะลูกมีเรื่องญาติๆของลูกจะเล่าดังนี้ค่ะ

    คุณตาของลูก เกิดในครอบครัวเกษตรกร ท่านเป็นครูใหญ่ เป็นที่รักนับถือของชาวบ้าน เป็นคนขยันขันแข็ง  ชอบสนับสนุนลูกหลานให้เรียนสูงๆ  เป็นคนใจบุญ เคยบวชหลายพรรษา เสียชีวิตเมื่อปี 2546 ด้วยโรคชรา อายุ 97 ปี

    น้าชายคนสุดท้อง เป็นลูกหลงของตายาย อายุห่างจากพี่ๆ มาก ตอนที่น้าชายเกิด คุณยายอายุราวๆ 45 ปี  มีลูกมาแล้ว 5 คน    ขณะที่คุณยายท้องลูกคนนี้ แม่ของลูกซึ่งเป็นลูกสาวคนโตขณะนั้นอายุ 25 ปี   ก็ท้องลูกคนแรกพร้อมๆกัน   พี่ๆ ของน้าชายเห็นคุณยายอายุมากแล้ว  จึงช่วยเอาน้องไปเลี้ยง น้าชายต้องระหกระเหินไปบ้านโน้นทีบ้านนี้ที ย้ายที่เรียนไปเรื่อยๆ ทำให้สะเปะสะปะไม่ต่อเนื่อง ได้เรียนแค่ ป.4 ไม่มีผู้ปกครองที่เอาใจใส่ดูแลจริงๆจังๆ จึงขาดความอบอุ่น เกเร คบคนพาล หมกมุ่นกับการพนันสารพัดชนิด เช่น ไก่ชน เล่นไพ่ และอื่นๆ น้าชายไม่มีความรู้มาก จึงไปเป็นลูกจ้างที่อู่ซ่อมรถ ต่อมามีโอกาสก้าวเข้าสู่วงการ...ไม่ใช่วงการมายา เพื่อเป็นดารา แต่เป็นวงการแมงดา เป็นคนคุมโสเภณีอยู่ที่ภูเก็ต  มีความก้าวหน้าในอาชีพถึงขั้นเป็นลูกพี่ มีชื่อเสียงกว้างขวาง เมื่อเข้าสู่วงการนี้แล้วก็ลุยเละ  ครบวงจร ทั้งผู้หญิง การพนัน เหล้า บุหรี่  น้าชายอยู่ในวงการนี้ราวๆ 10 กว่าปีจึงออกจากวงการ   เพราะอยากกลับมาอยู่บ้านที่สงขลา ตอนนั้นการทำนากุ้งกำลังบูม   น้าชายอยากลองทำนากุ้งจึงเข้าหุ้นกับเพื่อนๆ เลี้ยงกุ้งกุลาดำ ต่อมาอีก 2 ปีก็แต่งงาน มีลูก 2 คน วันเลวคืนร้าย   มีคนพบศพน้าชายโดนยิงตายอย่างน่าอนาถในกระท่อมริมบ่อกุ้งตอนเช้าตรู่ โดยไม่ทราบสาเหตุ แม้แต่ตำรวจก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ ไม่มีทั้งพยานและหลักฐาน ญาติๆ สันนิษฐานว่าคงขัดผลประโยชน์กัน น้าชายเสียชีวิตเมื่ออายุ 36 ปี บุญที่เคยทำคือ บวช 15 วันและทำบุญตามประเพณี

    น้าสาวของลูก เป็นลูกคนที่ 4  เธอเป็นคนร่าเริง ใจดี  ได้แต่งงานอยู่กินกับน้าเขย มีอาชีพทำนา อาศัยอยู่ที่บ้านคุณตาคุณยาย มีลูกด้วยกัน 3 คน  มีความสุขตามประสาชาวโลก  แต่เรื่องไม่ได้จบลงแบบ HAPPY ENDING เพราะน้าสาวเริ่มมีอาการผิดปกติหลังจากคลอดลูกคนที่ 2  เธอบอกญาติๆว่ามีคนทำของใส่เธอ เพราะเธอไปเห็นความลับของคนข้างบ้าน ที่จ้างหมอแขกมาทำพิธีให้สามีรัก   หลังจากที่เห็นได้ราวๆ 1 - 2 สัปดาห์ น้าสาวก็มีอาการแปลกๆไป  รู้สึกเหมือนมีอะไรมาอยู่ด้วย  ไม่เป็นตัวของตัวเอง    เริ่มหัวเราะคนเดียว ชอบอยู่ในที่มืด ชอบเดินในทุ่งนาตอนกลางคืน  ใครเห็นเข้าก็ตกใจ   ช่วงนี้น้าสาวยังพอควบคุมตนเองได้ ทำงานอยู่ร่วมกับคนอื่นๆได้   แต่ต่อมาหลังจากคลอดลูกคนที่  3 แล้ว น้าสาวก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คือ พูดคนเดียวบ่อยขึ้น และชอบหัวเราะคนเดียว แบบคนที่มีอารมณ์ดีทั้งวัน แต่ว่าบางครั้งก็ร้องไห้  ไม่ยอมทำอะไร นอนได้ทั้งวัน กลัวน้ำ ไม่ยอมอาบน้ำ  ชอบที่มืดๆ ไม่ชอบแสง ไม่ยอมให้ใครถ่ายรูป ถ้าใครถ่ายรูปก็จะเข้ามาบีบคอ  บางครั้งดูเหมือนมีอะไรสิงอยู่  น้าสาวทำงานอะไรไม่ได้เลย คุณยายต้องช่วยเลี้ยงลูกของเธอให้ น้าสาวให้นมลูกได้แค่ประมาณ 3 เดือน จากนั้นลูกก็ต้องกินนมกระป๋อง  เมื่อน้าสาวกลายเป็นแบบนี้ น้าเขยเลยลาจากไปตั้งแต่คลอดลูกคนที่ 3 โดยเอาลูกคนโตกับคนที่ 2 ไปเลี้ยงด้วยที่อีกหมู่บ้านหนึ่งห่างจากบ้านเดิมประมาณ 30 ก.ม. น้าสาวจึงอาศัยอยู่กับคุณตาคุณยายและลูกคนเล็กของเธอ

น้าสาวมักเห็นคนตายและเรียกชื่อคนตายเสมอๆ จนชาวบ้านพากันฟันธงว่า “ถูกคุณไสยแหงๆ”    คุณตาคุณยายก็เชื่อว่าน้าสาว “โดนของ”  เพราะในอำเภอที่น้าสาวอาศัยอยู่มีพวก “เล่นของ” และมี “ของเล่น” เยอะมาก เป็นต้นว่า เสกหนังวัวหนังควายเข้าท้อง ทำเสน่ห์   ตุ๊กตาคู่ชายหญิง ฯลฯ พวกญาติๆ พาน้าสาวไปรักษากับหมอต่างๆ ทั้งหมอผี หมอตี๋ หมอแผนโบราณ และแผนปัจจุบัน โดนหมอผีเฆี่ยนไปหลายรอบ เสียเงินเสียทองไปมากมาย   

น้าสาวอยู่กับคุณตาคุณยายมาเกือบ 20 ปี   จนกระทั่งคุณยายก็ตายจากไป น้าสาวและคุณตาจึงย้ายไปอยู่กับน้องสาว (ลูกคนที่ 5 ของตายาย) ที่หาดใหญ่   น้าสาวต้องย้ายไปอยู่กับพี่ๆ คนนั้นคนนี้จนครบทุกคน บ้านละเดือนสองเดือน จะได้ไม่เป็นภาระกับใครมากจนเกินไป   ต่อมาคุณตาตาย น้าสาวจึงไปอยู่กับลูกชายคนโตของเธอที่ทำงานโรงแรมที่ภูเก็ต อยู่ได้ราวๆ  1  ปี ก็เกิดสึนามิ จากนั้นลูกชายตกงานดูแลไม่ไหว จึงพากลับมาอยู่ที่หาดใหญ่ โดยคิดว่าจะให้น้าสาวกลับไปอยู่กับน้องสาวของเธออีก แต่ตอนนี้คุณตาตายไปแล้วน้องสาว (ลูกคนที่ 5 ของตายาย) ก็ไม่อยากจะรับภาระอีกต่อไป

ฝนที่ตกทางบ้านญาติของน้าสาวก็หนาวไปถึงบ้านน้าเขย น้าเขยได้ยินทุกเรื่องราว จึงกลับมารับน้าสาวไปอยู่ด้วย โดยปลูกกระท่อมให้อยู่ใกล้ๆ เผื่อมีเรื่องราวอะไรจะได้เล่าสู่กันฟัง ทุกวันนี้น้าเขยต้องหุงหาอาหารให้กิน ส่วนน้าสาวนอนทั้งวันไม่ทำอะไร

หมอแผนปัจจุบันไม่ได้สรุปลงไปอย่างชัดเจนว่า อาการวิกลจริตเช่นนี้เป็นโรคประสาท หรือโรคจิตกันแน่ แต่เท่าที่ลูกทราบ  ความแตกต่างระหว่างโรคประสาทและโรคจิตคือ 

โรคประสาท (NEUROSIS นิวโรซิส)   ผู้ป่วยจะมีอาการเครียด วิตกกังวลง่าย กลัวสิ่งที่ไม่น่ากลัว เช่น กลัวแมว  กลัวนก , กลัวการอยู่ในที่แคบหรือที่กว้าง , ย้ำคิดย้ำทำ เช่น ล้างมือวันละ 50 - 100 ครั้ง , ผู้ป่วยจะรู้ตัวว่าตนผิดปกติ   และอยากรักษาโรคให้หาย

ส่วนโรคจิต (PSYCHOSIS ไซโคซิส)  ผู้ป่วยจะมีโลกส่วนตัวของตนเอง ไม่อยู่ในโลกของความเป็นจริง , หวาดระแวง คิดว่ามีคนจะทำร้าย , ชอบทำร้ายคนอื่น , คิดไม่เป็นเหตุเป็นผล เชื่อว่าตนเองมีอำนาจพิเศษ , หูแว่ว , เห็นภาพหลอน , พูดคนเดียว ฯลฯ ผู้ป่วยโรคจิตไม่รู้ว่าตัวเองผิดปกติ จึงไม่ต้องการการรักษา
ซึ่งดูเหมือนว่าน้าสาวของลูกจะมีอาการอยู่ในกลุ่มของโรคจิตนะคะ

    ลูกสาวคุณป้า   ขณะที่อายุได้ 34 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้แต่งงาน  เพื่อนที่มีสามีเป็นคนเกาหลีจึงได้แนะนำเธอให้รู้จักกับหนุ่มเกาหลีคนหนึ่ง   โดยฝ่ายชายบินมาพบกับเธอที่เมืองไทย 3 ครั้ง ทั้งสองรู้จักกันได้ราวๆ 1 ปี ก็ไปแต่งงานกันที่เกาหลี ซึ่งเป็นงานวิวาห์หมู่ มีผู้หญิงต่างชาติมาแต่งงานกับหนุ่มเกาหลีพร้อม ๆ กัน  หลายร้อยคู่ ส่วนใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นหน้ากันจากรูปถ่ายเท่านั้น   ลูกสาวคุณป้าตอนนั้นก็ยังไม่ได้รักฝ่ายชาย เพียงแต่ต้องการหาอะไรที่ดีและแปลกใหม่ให้กับชีวิตเท่านั้น แต่อนิจจา ชีวิตแต่งงานไม่ได้ราบรื่นงดงามดังฝัน เพราะการประคองชีวิตคู่กับคนต่างชาติให้ราบรื่นนั้นไม่ใช่ของง่าย ยิ่งไม่ได้รักกันมาก่อนยิ่งแสนยาก ลูกสาวของป้ามีปัญหากับสามีและมีปัญหาอื่นๆ อีก คือ แม้เกาหลีจะมีภูมิประเทศงดงามน่าอยู่อาศัย แต่เธอก็ไม่คุ้นเคยกับวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ ผู้คนและอาหารการกิน เธอเบื่อกิมจิ อยากกลับมากินแกงไตปลา  ที่สำคัญเมื่ออยู่ที่นั่นเธอไม่มีโอกาสสร้างบุญเลย   นาวาชีวิตคู่ล่มลงในเวลาอันสั้น ได้เรือพ่วงลำน้อยๆ มา 2 ลำ เมื่อเธอกับสามีร้องเพลงญี่ปุ่น “ซาโยนาระ” ร่ำลากันเรียบร้อยแล้ว   เธอก็นำลูกๆกลับมานอนฟังเพลง “ปักษ์ใต้บ้านเรา” ที่สงขลาอย่างสบายหู

ปี 2547 เธอไปทำงานในรีสอร์ทที่เขาหลัก จังหวัดพังงา ทำได้แค่เดือนเดียวสึนามิก็มาเยือน ตอนเกิดเหตุเธอดูแลแขกอยู่ที่ชายหาด เพื่อนตะโกนให้วิ่งหนี แต่เธอไม่ได้หนี จึงโดนคลื่นยักษ์รวบตัวไปอย่างง่ายดาย ญาติๆไปตามหาที่พังงา หาแล้วหาอีกจนเหนื่อยอ่อน ถอดใจเลิกหา   แต่ขณะนั้นคุณแม่ของเธอนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลขณะที่กึ่งหลับกึ่งตื่น ก็คล้ายๆฝันไป ว่าเห็นลูกสาวมาหา  ซึ่งตอนนั้นคุณแม่ของเธอยังไม่ทราบว่าลูกสาวตาย    ทุกคนจึงปักใจเชื่อว่าเสียชีวิตแล้ว     ขณะที่ตายเธอมีอายุได้ 39 ปี

ก่อนจะถึงคำถามลูกขอเข้าเรื่องของลูกสักนิดหนึ่งนะเจ้าคะ คือตัวของลูกมีลักษณะเด่นที่ผิวพรรณคือ ผิวของลูกค่อนข้างคล้ำ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะบอกว่า..ผิวลูกเป็นแบบดำขำ   แต่ถึงแม้ว่าจะดำก็เป็นประเภทดำดูดีนะคะ...ลูกขอสารภาพจริงๆค่ะว่า...ลูกไม่ได้ตั้งใจเกิดมาดำเลยค่ะ
 
กราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อดังนี้ค่ะ

1.    คุณตาตายแล้วไปไหน ได้รับบุญที่อุทิศหรือมีอะไรอยากฝากบอกไหมคะ

2.    บุพกรรมใดทำให้ชีวิตน้าชายมาเกิดเป็นลูกหลงของตายาย  , คนที่มีลูกตอนอายุมากเช่นยายนี้เป็นเพราะกรรมใด   

3.    บุพกรรมใดทำให้น้าชายวนเวียนอยู่กับเรื่องแย่ๆ และต้องมาทำอาชีพทำปาณาติบาตด้วยการทำนากุ้งอีก , น้าชายตายเพราะอะไรคะ    ตายแล้วไปอยู่ที่ไหน   มีสภาพเป็นอย่างไรบ้าง 

4.    บุพกรรมใดที่ทำให้น้าสาวถูกน้าเขยทิ้งไป เมื่อน้าสาวมีอาการทางจิต แต่ภายหลังน้าเขยกลับมารับไปอยู่ด้วยอีกครั้ง  แต่ทำไมน้าสาวถึงได้แค่อาศัยอยู่ในกระท่อม   ทั้งสองมีกรรมอะไรต่อกันคะ  

5.    วิบากกรรมที่ทำให้เป็นโรคจิตกับโรคประสาทต่างกันอย่างไรคะ   และโรคของน้าสาวเกิดจากวิบากกรรมใด เธอถูกของจริงไหมคะ   ควรแก้ไขอย่างไรคะ

6.    พวกที่ชอบพูดติดปากหรือพูดค่อนขอดคนอื่นว่า “ประสาท” “โรคจิต” หรือ “เพี้ยนซะแล้ว” หรืออะไรทำนองนี้ จะมีวิบากกรรมดึงดูดโรคประสาท โรคจิตหรือความเพี้ยนใดๆให้มาเกิดกับตนหรือมีวิบากกรรมอื่นใดไหมคะ

7.    บุพกรรมใดที่ทำให้ลูกสาวคุณป้าต้องไปแต่งงานแบบวิวาห์หมู่ไกลถึงประเทศเกาหลี พร้อมๆ กับคนจำนวนมากที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน, และอายุสั้น  ต้องตายเพราะสึนามิ , ตายแล้วมาหาคุณแม่ของเธอหรือเปล่า ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ได้รับบุญที่อุทิศหรือมีอะไรอยากฝากบอกไหมคะ และเธอเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาไหมคะ

8.    ลูกมีผิวพรรณคล้ำ เพราะกรรมใดคะ , คนผิวคล้ำเกิดจากกรรมมักโกรธทุกคนหรือเปล่าคะ, ผิวคล้ำมากคล้ำน้อยขึ้นอยู่กับดีกรีของความมักโกรธหรือไม่คะ, ถ้าชาตินี้คนผิวคล้ำ ไม่มักโกรธ ชาติหน้าจะผิวขาวไหมคะ    
9.    พวกที่ชอบผิวสี TAN จนต้องไปอาบแดด มีวิบากกรรมอะไรบีบคั้นให้ชอบทำอย่างนั้นหรือเปล่าคะ

10.    ผิวพรรณของมนุษย์แบ่งออกคร่าวๆ เป็น 3 สีคือ ผิวขาวแบบฝรั่ง ผิวเหลืองแบบคนเอเชีย และผิวดำแบบชาวแอฟริกัน ความแตกต่างเหล่านี้เกิดจากบุพกรรมอะไรเป็นหลักคะ , สีผิวทั้งสามสีมีผลอะไรต่อนิสัยมักโกรธของมนุษย์หรือเปล่าคะ , คนผิวขาว ผิวเหลืองมักโกรธน้อยกว่าคนผิวดำไหมคะ

11.    คุณแม่และคุณพ่อของลูกและตัวลูกสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร ทำไมลูกจึงมาสร้างบารมีตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ชาติก่อนลูกมีผลการปฏิบัติธรรมอย่างไรคะ มีหน้าที่อย่างไรคะ   หากลูกมีโอกาสได้สร้างบารมีเมื่อพุทธันดรที่ผ่านมา ลูกลงมาเกิดกี่ครั้งค่ะ

12.    เพื่อนของลูกคนหนึ่งสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร มีหน้าที่อะไร จะมีบุญพอที่จะศึกษาวิชชาธรรมกายกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อหรือไม่ค่ะ

กราบขอบพระคุณหลวงพ่อเป็นอย่างสูงค่ะ
 

ฝันในฝัน

หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ  ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที 
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 

1.    คุณตาตายแล้ว   ก็ไปเป็น “อากาสเทวา” มีวิมานเป็นทองด้วยบุญที่ทำไว้ในพระพุทธศาสนา    
 
2.    น้าชายมาเกิดตอนคุณตาคุณยายอายุมากแล้ว   เพราะ.....ชาติในอดีตชาติหนึ่ง   น้าชายคนนี้ก็เป็นลูกชายของท่านทั้งสอง เวลาคุณตาคุณยายทำบุญ  เช่น  ตักบาตร   ท่านจะชักชวนลูกทุกคนให้มาสร้างบุญร่วมกับท่าน  ,  แต่น้าชายคนนี้มักไม่ค่อยมา   เพราะตื่นสายหรือบางทีก็มา   แต่พระที่มาบิณฑบาตเดินเลยไปแล้ว   วิบากกรรมนี้มาส่งผลจ่ะ !
 
3.    น้าชายอยู่ในวงจรของอบายมุข     แล้วก็ต้องมาทำอาชีพปาณาติบาตด้วยการเลี้ยงกุ้งอีก   เพราะ.....กรรมคบคนพาลในอดีตและทำบุญแล้วก็ไม่ได้อธิษฐานล้อมกรอบเอาไว้จ่ะ !  
ว่าให้ได้พบบัณฑิตนักปราชญ์   ให้ห่างไกลคนพาลและอบายมุขเป็นต้นจ่ะ !
 

 
4.    “น้าสาว” ถูก “น้าเขย” ทิ้งไป     เมื่อน้าสาวมีอาการทางจิต แต่ภายหลังน้าเขยกลับมารับไปอยู่ด้วยอีกครั้ง     แต่น้าสาวได้แค่อยู่อาศัยในกระท่อม   เพราะ.....กรรมในอดีต   น้าสาวได้เป็น “ผู้ชาย” ชอบดื่มสุรา   ขี้เมาเป็นประจำ   มาส่งผลให้มีอาการทางจิต   และในชาตินั้นเมื่อสำมะเลเทเมาแล้ว   ก็มักทิ้งครอบครัวไป  ,  แต่ก็มีบุญสงเคราะห์ญาติอยู่บ้าง   จึงอยู่ได้แค่กระท่อมจ่ะ !    
 
 
 
5.    “โรคจิต” กับ “โรคประสาท” ในแง่ของกฎแห่งกรรมล้วนเกิดมาจากกรรมการดื่มสุราเมรัยเป็นพื้นฐาน     แล้วอาจมีกรรมอื่นมาผสมร่วมด้วย  เช่น  มี “วจีกรรม” ด่าว่าใส่ร้ายผู้อื่น   ก็มักจะ “หูแว่ว” เหมือนมีคนมาด่าเป็นต้นจ่ะ !     
 
 
6.    พวกที่ชอบพูดติดปาก   หรือพูดค่อนขอดคนอื่นว่า “ประสาท”  ,  “โรคจิต”  หรือ  “เพี้ยนไปแล้ว”  อะไรทำนองนี้    ถ้ามีกรรมสุราเป็นพื้นฐาน   ก็มีโอกาสเป็นโรคจิต  ,  ประสาท  หรือเพี้ยนไปแล้วจ่ะ !    
 
7.    ลูกสาวคุณป้า   ต้องไปแต่งงานวิวาห์หมู่ไกลถึงประเทศเกาหลี   พร้อม ๆ กับคนจำนวนมากที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน   เพราะ.....กรรมในอดีตในสมัยที่เกิดในสังคมเกษตรกรรม     มักชอบจับสัตว์มาผสมพันธุ์กันเพื่อขยายพันธุ์   มาส่งผลจ่ะ !
 


 
8.    ลูกมีผิวพรรณคล้ำ   เพราะ.....“วจีกรรม” ในอดีตที่เคยไป “ล้อเลียน” เพื่อนที่ผิวดำคล้ำด้วยความคะนอง     จนเพื่อนอับอายมาส่งผล     
 

 
9.    พวกที่ชอบผิว “สี Tan” จนต้องไปอาบแดดนั้น   ก็เป็นเรื่องรสนิยม   และเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ไม่ค่อยพึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นจ่ะ !

 
10.    ผิวพรรณของมนุษย์แบ่งออกคร่าว ๆ เป็น  3  ประเภท   คือ 
 
 
  

 
11.    คุณพ่อ , คุณแม่   เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาแบบ “กองเสบียง”
 

 
12.    เพื่อนของลูกเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมา   เมื่อพุทธันดรที่แล้วก็ได้เป็นทหารของพระราชาองค์ที่ออกบวช    ได้ออกบวชตามพระราชาจนตลอดชีวิต  ,  มีหน้าที่ “เผยแผ่”  ,  มีผลการปฏิบัติธรรมพอเอาตัวรอดกลับดุสิตบุรีวงบุญพิเศษจ่ะ !    
 
 



บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2549-03-18.html
เมื่อ 3 กรกฎาคม 2567 17:13
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv