CASE STUDY
เขาลวงผมทำไม, ผมถูกลวง
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 

กราบเรียน พระเดชพระคุณ คุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพอย่างสูง
 
    ผมเข้าวัดพระธรรมกายครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.2529 อายุ 14ปี โดยคุณน้าข้างบ้านชวนโยมแม่มาวัด แล้วผมก็ไม่ได้มาวัดอีกเลย จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ.2533 จึงมาวัดอีกครั้ง โดยรุ่นพี่ที่ชมรมพุทธฯ ชวนมาช่วยรับบุญงานกฐินยาย ฝ่ายบุญสถาน หลังจากนั้นผมได้บวชพระธรรมทายาทรุ่นที่19 แล้วได้ลาสิกขาออกไปเรียนต่อ จนจบปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระหว่างเรียนก็ช่วยงานชมรมพุทธฯ ของมหาวิทยาลัย มาตลอด
 
    เมื่อเรียนจบก็ทำงานอีกปีกว่า จึงได้มาบวชเป็นพระในรุ่น 52ปี พระราชภาวนาวิสุทธิ์ และได้มีโอกาสไปจำพรรษา ช่วยงานพระศาสนาอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี พ.ศ.2544 และที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอเรว่า ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อปี พ.ศ.2548 ปัจจุบันรับบุญอยู่ที่กองอินเทอร์เน็ต แผนกเว็ปไซต์ DMC (www.dmc.tv) มีทีมงานหลักๆ อยู่ 7คน
 
    รายการยอดฮิตในเว็บไซต์ dmc.tv ก็หนีไม่พ้นเรื่อง Case Study นี้แหละครับ เป็นไฮไลท์ของเว็บไซต์ที่มีผู้ติดตามมากที่สุด ซึ่งทางทีมงานก็มีการ Update Case ใหม่ๆทันใจกันทุกวัน และผมก็ออกจะตื่นเต้นสักหน่อยที่เรื่องราว Case Study ของผม ก็จะได้ลงในเว็บไซต์ด้วยครับ
 
    ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถม ผมจะชอบตักบาตรหน้าบ้าน กับทั้งชอบอ่านและฟังเรื่องราวเกี่ยวกับกฎแห่งกรรม, นรก-สวรรค์, บุญ-บาป, ความดี-ความชั่ว และอานุภาพของการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่ได้อ่านหรือได้ฟังก็จะรู้สึกสุขใจ จนกระทั่งลืมเรื่องราวต่างๆในโลกนี้ไปชั่วขณะ และบ่อยครั้งที่จะมีปีติจนน้ำตาซึม แม้ว่าจะได้อ่านหรือฟังเรื่องราวเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ตาม
 
    โดยเฉพาะเรื่องราวการสร้างบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเหล่าพระอรหันตสาวก และรู้สึกว่า ท่านเหล่านี้คือ “ฮีโร่” ของผม ผมจึงใฝ่ฝันว่า สักวันจะต้องไปเป็นอย่างท่านให้ได้ในอนาคต     
 
    ตอนที่ผมเรียนอยู่ชั้น ม.2 ช่วงปิดเทอม หลังจากช่วยงานที่บ้าน กวาดบ้านถูบ้านเสร็จ ผมก็จะฝึกนั่งสมาธิเองบนห้องนอนชั้นสองของบ้าน ในตอนนั้น ผมยังไม่รู้จักวัดพระธรรมกาย จึงยังไม่ทราบวิธีการวางใจ ดังนั้นแรกๆ ผมก็นึกคิดไปเรื่อยๆ แต่ภายหลังทำใจนิ่งๆ ไม่คิดอะไรทั้งนั้น และกำหนดใจให้อยู่ภายในตัวของเรา...
 
    ผมนั่งสมาธิอยู่ประมาณเกือบเดือน ก็ได้พบกับประสบการณ์ภายในจากสมาธิ คือ ใจตกศูนย์แล้วเห็นแสงสว่างภายใน มีปีติและความสุข เย็นซาบซ่านไปทั่วทุกขุมขนในร่างกาย ในวันนั้นเองผมเกิดความคิดขึ้นมาว่า โลกภายนอกที่เรามีชีวิตเป็นอยู่นี้ ไม่ใช่โลกที่แท้จริง แต่โลกภายในต่างหาก ที่เป็นโลกที่แท้จริงของเราและของมนุษย์ทุกคน
 
    จากวันนั้นไม่นาน ผมได้นอนหลับฝันไปว่า เห็นตัวผมเองนั่งสมาธิอยู่ในห้องนอน จู่ๆก็เหมือนตัวเองไปลอยอยู่ในอวกาศ แล้วก็มีสิ่งหนึ่งมาลอยปรากฏอยู่เบื้องหน้า คือ มนุษย์ที่มีแสงสว่างในตัวเอง ที่สว่างยิ่งกว่าดวงอาทิตย์เป็นร้อยเท่าพันเท่า เป็นแสงเย็นที่มองได้โดยไม่แสบตา มีร่างกายใสเป็นแก้วอยู่ในท่ายืน ได้พูดขึ้นว่า “จงอย่ากลัว ให้หมั่นทำความเพียรต่อไป”
 
    เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงที่ไพเราะดังกังวาน มีอำนาจ และมีเมตตากรุณา กลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ฟังแล้วเราจะเกิดความรู้สึกว่า ทั้งเคารพรักศรัทธา เกรงใจ และอบอุ่นใจ ในขณะนั้นผมกำลังนั่งคุกเข่ากราบฟังคำของท่านผู้นั้นอยู่ พอท่านพูดจบแล้วก็หายแวบไป...สักพักผมก็เห็นอะไรสิ่งหนึ่ง ที่ผมเองก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร ตัวมันใหญ่เท่าก้อนเมฆขนาดมหึมา มีสีดำที่ดำยิ่งกว่าท้องฟ้าที่มืดดำ มีนัยน์ตาสีดำดุดันแข็งกร้าว อาฆาตจองเวร ไร้ความปรานี ภาพนั้นลอยเข้ามาหาวืดๆ เป็นช่วงๆ เพียงไม่กี่วินาทีก็ถึงตัวผม
 
    ในตอนนั้นผมเองได้แต่สงสัยว่า “มันคืออะไร” แล้วก็นึกกลัวขึ้นมา ถ้ารู้สึกกลัวต้องแก้ด้วยความไม่กลัว แต่พอกลัวก็นึกถึงคำสอนของมนุษย์ผู้มีกายเป็นแก้วใสสว่างท่านนั้นได้ว่า “อย่ากลัว...” ผมจึงหลับตาลง แล้วแผ่เมตตาไปยังสิ่งนั้น ปรากฏว่า เจ้าสิ่งนั้นก็ดับสลายไปในทันทีที่พุ่งมาถึงตัวผม เหลือแต่แรงลมพัดปะทะมาที่ใบหน้าและขนตาของผม จากนั้นตัวผมในความฝันก็ลืมตาขึ้นมาดู ก็เห็นตัวเองกลับมานั่งสมาธิอยู่ในห้องนอนเหมือนเดิม (แต่ตัวผมจริงๆ ยังคงนอนหลับอยู่)
 
    รุ่งเช้าวันต่อมา ผมก็มานึกทบทวนว่า สิ่งที่ผมฝันเห็นมันคืออะไร เป็นเรื่องจริงหรือไม่  แล้วทำไมมันชัดเจนมาก และจดจำได้จนถึงทุกวันนี้ จากนั้นไม่นานผมก็ได้มาที่วัดพระธรรมกาย จนกระทั่งได้มาบวชเป็นพระลูกชายของคุณครูไม่ใหญ่ ปีนี้เป็นพรรษาที่11 แล้วครับ
 
    ผมต้องใช้เวลาอยู่นานเป็น 10ปี จึงสามารถทำให้โยมแม่เข้าใจวัด และยินดีในการบวชของผมแบบหมดใจ ส่วนโยมพ่อยินดีในการบวชของผม มาตั้งแต่วันออกบวช และที่บ้านติดตั้งจานดาวธรรมมาได้หนึ่งปีเศษแล้ว
 
    ช่วงที่บวชเป็นพระภิกษุ ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2539 เป็นต้นมา ในพรรษาแรกนั้น เนื่องจากผมมีความศรัทธาในวิชชาธรรมกายอย่างมากล้น จนลืมเอาดวงปัญญานำหน้า จึงหลงใหลในเรื่องราวเกี่ยวกับวิชชาธรรมกายที่ละเอียดๆ ซึ่งเพื่อนสหธรรมิกเป็นผู้นำมาให้อ่านหรือเล่าให้ฟัง และโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ผมก็ถูกลวงให้ไปอยู่นอกวัด โดยสามเณรรูปหนึ่ง ซึ่งบัดนี้ได้ลาสิกขาไปจากวัดแล้ว
 
    สามเณรรูปนั้นอ้างตัวว่า เห็นธรรมะละเอียด มักจะนำเรื่องราวเกี่ยวกับวิชชาธรรมกายที่ละเอียดๆ มาเล่าให้หมู่คณะฟังเป็นตุเป็นตะ แต่ผมก็หลงเชื่อ เพราะในตอนนั้นผมไม่เคยนึกคิดมาก่อนว่า ผู้ที่บวชแล้วจะสามารถพูดโกหกได้ อีกอย่างถ้าเขาไม่รู้ไม่เห็นจริงแล้ว เขาจะเอาเรื่องราวต่างๆ มาเล่าให้เราฟังได้อย่างไร แต่คงเป็นเพราะกรรมมาบังตา ผมเลยต้องเสียค่าโง่ไปครับ
 
    ต่อมาภายหลัง ผมจึงทราบว่าสามเณรรูปนั้น ได้จดจำเรื่องราวดังกล่าว มาจากหนังสือเล่มหนึ่ง บวกกับผลการปฏิบัติธรรมที่ผิดเพี้ยน ไม่ตรงไปตามความเป็นจริงของตน มาประกอบเป็นเรื่องราวเป็นตุเป็นตะ...
 
    ที่ผมหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ก็เพราะอยากให้เป็นอุทาหรณ์สอนใจกับพระ-เณรรุ่นน้องๆที่บวชมาใหม่ว่า อย่าได้หลงไปเป็นเหยื่อ ติดกับดักจากผู้ที่ชอบอ้างตัวว่าเห็นธรรมะละเอียด แล้วชอบอ้างว่าพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ หรือคุณครูไม่ใหญ่ บอกให้ทำอย่างนั้น สั่งให้ทำอย่างนี้...โดยมิได้ตรวจสอบจาก ท่านผู้รู้จริงโดยตรงเสียก่อน
 
    ตั้งแต่เล็กจนโต ผมประสบอุบัติเหตุหลายหน ทำให้ศีรษะแตก คางแตก ตาตุ่มแตก ขาหัก กระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท และเฉียดตายหลายครั้ง ผมขอยกตัวอย่างสัก 2-3เหตุการณ์นะครับ
 
    ครั้งแรก...ตอนอยู่ในครรภ์โยมแม่ได้ 9เดือนใกล้คลอด มีวัยรุ่นติดยาดมกาว 2คน คนหนึ่งถือปืน อีกคนหนึ่งถือมีดหั่นสับปะรดยาว 1ศอก ได้กระชากสร้อยคอทองคำหนัก 1บาทจากโยมแม่ไป โยมแม่ก็กระชากกลับคืนแล้ววิ่งหนี เมื่อเขาถือมีดวิ่งไล่มาทัน ได้เอามือข้างหนึ่งแตะที่ไหล่ของโยมแม่ ท่านจึงตัดสินใจเหวี่ยงสร้อยคอกลับไปให้ แล้วพูดว่า “อยากได้ ก็เอาไปเลย” เมื่อมันได้สร้อยไปแล้ว จึงวิ่งหนีจากไปทั้ง 2คน
 
    เหตุการณ์ต่อมา...เมื่อผมอายุได้ 12ปี ได้ขึ้นไปเล่นที่ชั้นเก็บของ ปรากฏว่าผมพลาด หัวทิ่ม ดิ่งลงมาตรงที่ขั้นบันได แต่โชคช่วย เพราะได้มีแรงอะไรไม่ทราบ ผลักหัวของผมให้หันขึ้น แล้วเอาก้นลงแทน และบังเอิญแผงไม้กวาดบนชั้นเก็บของ ก็ตกลงมา รองรับตัวผมไว้ ทำให้ผมนั่งทับไม้กวาดอ่อนทั้งแผง สไลด์ลื่นเหมือนได้เล่นในสวนสนุก หรือขี่ไม้กวาดแบบเทพนิยาย ไม่เช่นนั้นอาจกระดูกหัก พิการ หรือตายได้ ตอนนั้นผมรู้สึกตกใจ และสนุกตื่นเต้นไปด้วยพร้อมๆกัน
 
    ต่อมา ก็ได้ประสบอุบัติเหตุเกี่ยวกับรถชนอีกหลายครั้ง ก็รอดมาอย่างหวุดหวิด จนกระทั่งได้มาบวชเป็นพระแล้ว อุบัติเหตุเหล่านี้จึงค่อยๆลดน้อยลงไปในที่สุด
 
คำถาม
 
1.เรื่องราวความฝัน ที่ผมเห็นมนุษย์ที่มีกายเป็นแก้วใสสว่าง และสิ่งมีชีวิตสีดำที่ดำยิ่งกว่าท้องฟ้าที่มืดดำ ดังที่ได้เล่ามาทั้งหมดในความฝัน เป็นเพราะเหตุใดผมจึงฝันเช่นนี้ เรื่องดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่อย่างไร และหมายถึงอะไร จัดเข้าในความฝันประเภทใดใน 4อย่างครับ
 
2.วิบากกรรมใด ผมจึงถูกลวงจากผู้มีความเห็นผิด จนได้ไปอยู่นอกวัดอยู่ช่วงหนึ่งครับ
 
3.เราจะรู้ได้โดยหยาบๆที่เห็นได้ด้วยตามนุษย์อย่างไรว่า คนที่อ้างตัวว่าเห็นธรรมะละเอียดนั้น เขารู้เห็นตรงตามความเป็นจริงหรือไม่ครับ
 
4.กรรมใดทำให้สามเณรรูปนั้น แม้มีโอกาสได้มาบวช แต่ทำไมจึงสำคัญตนผิด ไปกระทำเหตุดังที่เล่ามาได้ เราควรจะอธิษฐานจิตตั้งผังชีวิตอย่างไร เมื่อรู้เห็นธรรมะ หรือได้มีโอกาสศึกษาธรรมะแล้ว ไม่เอาธรรมะที่ได้ไปทำให้เสียหาย หรือผิดเพี้ยนไปครับ
 
5.บุคคลประเภทที่ไม่รู้จริง แต่ชอบเอาธรรมะละเอียดมาอวดรู้นี้ จะได้รับผลกรรมอย่างไร, ผู้ที่เขียนหนังสือดังกล่าว จนเป็นสาเหตุให้สามเณรนำมาใช้กล่าวอ้างให้คนหลงเชื่อนี้ จะได้รับผลกรรมอย่างไรครับ
 
6.บุพกรรมใดผมจึงมีโยมแม่ที่เข้าใจในการบวชของผมได้ช้า ส่วนโยมพ่อเข้าใจและอนุโมทนาในการบวชเร็ว เวลาบุญจากการอนุโมทนาการบวชของลูกชายส่งผล จะส่งผลให้โยมพ่อกับโยมแม่ต่างกันอย่างไรครับ
 
7.วิบากบาป-บุญใด ทำให้ผมต้องเฉียดตายหลายครั้ง แต่รอดมาได้ทุกครั้ง, ตอนโยมแม่ท้องผมได้ 9เดือน แล้วถูกกระชากสร้อย เป็นกรรมของโยมแม่หรือกรรมของผมครับ หากโยมแม่ล้ม หรือโจรทำร้ายท่าน ผมอาจแท้งตายไปก็ได้ครับ
 
8.โยมพ่อและโยมแม่ของผม เคยสร้างบารมีมากับหมู่คณะอย่างไร และผมกับท่านทั้งสองสร้างบุญกันมาอย่างไร จึงได้มาเป็นพ่อ-แม่-ลูกกันครับ
 
9.ผมและทีมงานทำเว็บไซต์ dmc.tv รวม 7 คน และอาสาสมัครช่วยงานอีกกว่าสิบคน จะได้รับอานิสงส์จากการทุ่มเททำงานทำเว็บไซต์อย่างไรบ้างครับ โดยเฉพาะผู้ริเริ่มก่อตั้งทำเว็บไซต์ dmc.tv นี้ จะได้บุญพิเศษอย่างไรบ้าง, เครื่องประดับและประติมากรรมบนสวรรค์ของชาวไอทีอย่างเรา จะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง และพวกเราเคยลงมาสร้างบารมี ในยุคที่มีความทันสมัยไฮเทคโนโลยีอย่างนี้ หรือมากกว่านี้หรือไม่ครับ
 
10.ในพุทธันดรที่ผ่านมา ผมได้สร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไรบ้าง และในปัจจุบันชาตินี้ ผมมีหน้าที่อะไรในกองทัพธรรม ผมควรอธิษฐานจิตให้กับตนเองอย่างไร เพื่อให้สอดคล้องและส่งเสริมกับหน้าที่ อัธยาศัย และบุญบารมีของตนที่ได้สั่งสมมากับหมู่คณะครับ
 
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ

1.ความฝันของลูก เกี่ยวกับการที่ได้เห็นมนุษย์ที่มีกายแก้วใสสว่าง และสิ่งมีชีวิตที่มีสีดำกว่าท้องฟ้าที่มืดดำนั้น หมายถึง บุญ-บาป หรือกุศลกับอกุศลภายในตัว ความขยันหรือขี้เกียจทำความเพียรในการบำเพ็ญสมณธรรม เป็นต้น
 
2.ลูกถูกลวงจากผู้มีความเห็นผิด จนไปอยู่นอกวัดอยู่ช่วงหนึ่ง เพราะไม่ได้สั่งสมเรื่องปัญญา แต่สั่งสมความศรัทธา เพราะขาดการคบบัณฑิต กับเคยถูกลวงคล้ายๆดังนี้เกิดขึ้นมาในอดีต
 
3.การที่เราจะสังเกตหยาบๆว่า คนที่อ้างตัวว่ารู้เห็นธรรมะละเอียดนั้น ก็ดูที่เขามักชอบอวดอ้างว่า ตัวเองเห็นนั่นเห็นนี่, เป็นนั่นเป็นนี่ ตลอดเวลา พร่ำเพรื่อ แตกต่างจากคนอื่น เพื่อให้คนอื่นหันมาชื่นชมยกย่อง ทั้งๆที่สิ่งที่พูดนั้นไม่ตรงกับความจริง เนื้อหาผิดเพี้ยน โดยไม่เลือกกาลเทศะ เหมือนแท็งก์น้ำเปล่าที่ตีดัง

 
4.อดีตสามเณรรูปนั้น ที่สำคัญตนผิด เพราะมีเชื้อเพี้ยน และอยากเด่น, อยากดัง ให้ผู้อื่นยอมรับดังนี้ มาหลายชาติแล้ว ผังนี้ติดตัวมา
 

 
5.บุคคลประเภทที่ไม่รู้จริง แล้วเอาธรรมะละเอียดมาอวดอ้าง เช่น ผู้ที่เขียนหนังสือดังกล่าว จนทำให้อดีตสามเณรผู้อ่านหลงผิดนั้น จะทำให้มีวิบากกรรม คือ จะมีส่วนแห่งความเป็นบ้า จิตจะวิปลาสแปรปรวนถึงขั้นเป็นจิตประสาท เมื่อตายแล้วก็จะไปอยู่ภพพิเศษ ที่ทุกข์ทรมานมากกว่าโลกันตนรก
 
 
6.โยมแม่เข้าใจเรื่องการบวชของตัวลูกช้า แต่โยมพ่อเข้าใจได้เร็วกว่า เพราะโยมแม่มีบุญบวชและบุญสนับสนุนในการบวชมาน้อยกว่าโยมพ่อ บวกกับความรักความหวงลูกชายในปัจจุบันมาก จึงตัดใจสนับสนุนเรื่องการบวชพระลูกชายได้ช้ากว่า
 

 
 
7.ลูกเฉียดตายมาหลายครั้ง แต่รอดได้ทุกครั้ง เพราะกรรมที่เคยเป็นทหารออกรบ ได้ลอบทำร้ายข้าศึก มาส่งผลทำให้เฉียดตายหลายครั้ง

 
8.โยมพ่อ, โยมแม่ เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมา โดยเป็นกองเสบียงทั้งคู่ ประเภทตามอารมณ์ไม่สม่ำเสมอนัก ดังนั้นบางชาติก็เจอกัน, บางชาติก็ไม่เจอกัน
 

 
9.ลูกและทีมงานทำเว็บไซต์ dmc.tv รวม 7คน และอาสาสมัครช่วยงานอีกกว่าสิบคน จะได้อานิสงส์โดยย่อ คือ จะเป็นผู้มีปัญญา มีพรรคพวกบริวารมาก จะได้ไปเกิดในประเทศที่มีพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย จะมีคนคอยช่วยเหลือ จะมีรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ และมีส่วนแห่งบุญกับทุกคนที่มาดู dmc.tv แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น 
 

 
10.พุทธันดรที่ผ่านมา ตัวลูกเป็นทหารของพระราชาองค์ที่ออกบวช ได้ออกบวชตามพระราชา โดยมีหน้าที่เผยแผ่จนตลอดชีวิต มีผลการปฏิบัติธรรมได้เข้าถึงดวงใสๆ องค์พระใสๆ เอาตัวรอดกลับดุสิตบุรี วงบุญพิเศษได้ ได้ลงมาสร้างบารมี 2รอบ  
 


บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2549-08-28.html
เมื่อ 27 มิถุนายน 2567 11:35
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv