CASE STUDY
รอยต่อภพ
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบเท้าคุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพอย่างสูง

    สมัยพุทธกาลนั้น เกียรติยศศักดิ์ศรีชาติสุดท้ายของลูกผู้ชาย คือ การได้บวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทา มีไตรจีวรที่สำเร็จด้วยบุญฤทธิ์ แล้วสมัยปัจจุบันล่ะ...ผมเห็นว่าเกียรติยศศักดิ์ศรีที่ยิ่งใหญ่ของลูกผู้ชายก็มีเหมือนกันครับ คือ การบวชอยู่ภายใต้ร่มเงาความอุปถัมภ์ของคุณครูไม่ใหญ่ ผมเคยบวชสามเณรแก้ว ซึ่งมีผู้มาร่วมบวชหมื่นกว่าคน และมีผู้ได้รับการคัดเลือกจากหมู่คณะให้ได้รับไตรพระราชทานเพียง 2คนเท่านั้น
 
    ผมเองก็แสนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในนั้นครับ เป็นตำนานอภิมหาอมตะนิรันดร์กาล ที่นอกจากผมจะได้บุญและความภาคภูมิใจแล้ว ยังสามารถสืบส่งความทรงจำไปยังคนรุ่นต่อๆไปด้วย ผมเสียดายที่มาพบหมู่คณะช้าไปนิด แต่ก็เป็น "ช้าแต่ชัวร์" ครับ เพราะผมเร่งสร้างบารมีอย่างเต็มกำลัง ขณะนี้ผมเป็นประธานศูนย์กัลยาณมิตรขอนแก่นครับ
 
    ผมต้องขอกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่เมตตาเปิดโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาขึ้น และยังเมตตาลงสอนด้วยตนเองทุกวันอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกๆได้รู้จักหนทางการ Design ชีวิตข้ามภพข้ามชาติ ซึ่งผมก็จะขอออกแบบชีวิตใหม่ ได้สร้างบารมีไปกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อและหมู่คณะ จนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรมครับ
 
    ชีวิตของผม ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หากมีแต่หนามกุหลาบที่ผมต้องใช้ความอดทนก้าวข้ามไป ปัจจุบันผมอายุ 58ปี เกิดในครอบครัวชาวจีน เป็นหลานชายคนแรกของตระกูล คุณย่าจึงรักผมมากเป็นพิเศษ ผมมีพี่น้องรวม 8คน ครอบครัวมีธุรกิจทอผ้าขาวม้าด้วยมือ แต่ก็ซบเซาลงเรื่อยๆ เพราะสู้ราคาและฝีมือผ้าที่ใช้เครื่องทอไม่ได้ จนทำให้ต้องยก น้องสาวคนเล็กสุด ซึ่งมีอายุ 10วัน ให้เศรษฐีที่มาขอไปเลี้ยง เพราะความจน
 
    มาปี พ.ศ.2504 ฐานะครอบครัวที่ จนลงๆนั้น ก็กลายเป็นหมดเนื้อหมดตัว เพราะไฟไหม้ เป็นการไหม้ครั้งใหญ่มากที่ สวนมะลิ กรุงเทพฯ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการวางเพลิงจากแก๊งมอดไม้ทำลายบ้าน เพื่อไล่ที่ เพราะเกิดพร้อมๆกันถึง 5-6จุด บ้านกว่าหนึ่งหมื่นหลังคาเรือนที่เช่าอยู่กันมาเป็นสิบๆปี ต้องวายวอดหมด ไฟไหม้รุนแรงจนแทบจะปะทะหน้า ผมพาน้องๆหนี ส่วนผู้ใหญ่ก็คว้าได้แค่ของใกล้ตัวหนึ่งอย่าง แล้วก็รีบหนีเอาชีวิตรอด
 
    ตอนนั้นผมอายุแค่ 14ปี คิดว่า “ทำไม...จึงต้องประทานชะตาชีวิตอันแสนโหดร้ายทรมานเช่นนี้ให้แก่เราเล่า ให้วัยเด็กของเรามีแต่ความขมขื่นด้วย” หลังไฟไหม้มีญาติมารับเราไปอยู่ด้วยชั่วคราว ชีวิตลำบากมาก แต่ผมไม่เหยาะแหยะให้ใครเย้ยหยัน ผมต้องออกจากโรงเรียน ต้องตื่นแต่เช้ามืดช่วยพ่อ-แม่ขนของไปขาย พอสายพ่อก็ไปรับจ้างเป็นคนงานก่อสร้าง ผมก็ไปช่วยงานร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ ไม่ได้ค่าจ้าง เรียนรู้จนซ่อมเป็น เขาจึงให้เดือนละ 50บาท แต่เนื่องจากตลาดแรงงานของชาวจีนในยุคนั้นมีรายได้ดีกว่า ผมจึงต้องลงทุนจ่ายค่าเรียนภาษาจีนเดือนละ 30บาท เหลือ 20บาท เพื่อที่จะได้ทำงานในสำเพ็ง
 
    จนกระทั่งปี พ.ศ.2511 ผมได้งานเฝ้าโกดังเก็บสินค้า ทำได้ 4เดือน เขาให้ผมเข้าบริษัทฯ ทำงานฝ่ายส่งออก ให้เป็นหัวหน้าดูแลเอกสาร ติดต่อกระทรวงและธนาคาร ผมจบ ป.4 ภาษาอังกฤษได้แค่ท่อง A ถึง Z ได้ ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ที่จะจำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวสินค้า และเอกสารส่งออก แต่ผมก็สามารถทำได้ ช่วงนั้นผมมุมานะทำงานเป็นกำลังหลักของครอบครัว รายได้ของผมดีขึ้นมาก
 
    บางวันปวดเมื่อยไปหมด แต่ผมจะเจ็บป่วยไม่ได้ เพราะจะขาดรายได้ นายจ้างบอกว่า ผมได้ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายส่งออก เพราะผมขยันและเป็นคนมีคุณธรรม มีความซื่อสัตย์อยู่ในใจ
 
    ผมจะเจ็บป่วยไม่ได้เลย มีวันหนึ่ง ผมถึงกับอธิษฐานกับพระประธานบนโต๊ะหมู่บูชา ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเชียงแสน (หน้าตักขนาด 9นิ้ว สีน้ำตาล) ว่า “อย่าให้ผมถึงกับไปทำงานไม่ไหวเลย ให้ท่านช่วยขจัดร้าย ขยายดี” ขณะหลับตาอธิษฐาน ผมรู้สึกตัวโปร่งใสเป็นลายเส้น ไม่มีตับไตไส้พุง ผมรู้สึกว่าผมเห็นพระท่านลอยลงมา และหันหลังถอยเข้าท้องของผม แล้วขยายจากข้างใน
 
    ตรงไหนที่ผมเจ็บ เช่นที่ไหล่ ผมเห็นเป็นจุดดำ พอพระขยายก็รู้สึกท่านดันความเจ็บออกจากตัว แล้วท่านก็ย่อองค์เท่าเดิม แล้วท่านก็ลอยกลับไปยังหิ้งพระเหมือนเดิม ทันใดนั้น ความเจ็บทุรนทุราย ก็เหมือนจะทุเลาลง จนหายเป็นอัศจรรย์ เป็นที่น่าแปลกใจว่า ตอนนั้นผมยังไม่ได้เข้าวัดนะครับ ศูนย์กลางกายก็ยังไม่รู้จักมาก่อน
 
    ปี พ.ศ.2526 ผมเริ่มทำธุรกิจซื้อพืชไร่ของผมเองแล้ว ครั้งหนึ่งผมไปจังหวัดแพร่ เพื่อซื้อพืชไร่ ผมเช่าห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนเข้าห้องมีพนักงานมาเช็ดถูห้องให้ก่อน พนักงานคนนี้ใส่รองเท้าด้วย ตกกลางคืนผมฝันว่า มีผีตัวใหญ่ เต็มไปด้วยสิ่งเขย่าขวัญมากมายเต็มไปหมด จะเข้ามาหาผม ในฝันผมก็คิดว่า จะเข้ามาได้อย่างไร ผมเช่าพักคนเดียว ผีเหล่านั้น แต่งตัวแบบคนโบราณ ผู้ชายนุ่งโสร่ง ไม่ใส่เสื้อ ผู้หญิงแต่งแบบชาวบ้าน หน้าตาหมองคล้ำทุกคน
 
    เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ผมก็ใส่รองเท้าฟองน้ำของโรงแรม เดินไปเปิดหน้าต่าง พอหันกลับมา ผมก็เห็นรอยเท้าเต็มรอบเตียง เป็นรอยเท้าเปล่า ใหญ่กว่าของคนทั่วๆไป...นั่นรอยเท้าใคร...ผมขนลุกซู่ บทละครแห่งฝันร้ายก็เป็นลางบอกเหตุ นับจากวันนั้นการซื้อพืชไร่ผมก็มีแต่ขาดทุนจนผมล้มละลาย
 
    เมื่อธุรกิจของผมไปไม่ไหว ผมก็ให้พี่เขยและพี่น้องมาร่วมทุนที่ขอนแก่น แต่ผมก็เป็นคนลุยทำทุกอย่างตลอด เป็นเวลากว่า 10ปี จนมีฐานะ มีทรัพย์สินทั้งตึกแถว ที่ดิน โรงงาน แต่พอจะแยกหุ้นส่วน พี่เขยของผม เอาเปรียบทางธุรกิจทุกอย่าง เราทะเลาะกันจนถึงกับตัดญาติกัน บรรยากาศที่บ้านของผมก็มีแต่ความกลัดกลุ้มและเครียด ช่างเป็นเสมือนโศกนาฏกรรมที่ดูจะไม่มีวันจบสิ้นสำหรับผม เสมือนถนนขรุขระที่ไม่มีปลายทาง
 
    จนกระทั่ง วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2539 มีกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง พาผมมาร่วมบุญ ยกค้ำฟ้าสภาธรรมกายสากล (ส่วนที่เป็นหน้าจั่วของสภาธรรมกายสากล) วันนั้นผมแต่งตัวมาวัดเรียบร้อย ใส่รองเท้าหนังหุ้มส้น แต่ต้องมาลุยโคลน ใจผมทีแรกคิดว่าจะปล่อยเชือกและเดินหลบโคลน แต่เห็นมหาเศรษฐีหลายท่าน และทุกคนที่มาร่วมพิธี ยังลุยโคลนกันด้วยความศรัทธา เหนี่ยวนำให้ผมรู้สึกเลื่อมใส ประทับใจ เพราะชีวิตของผมก็ลุยมาตลอดอยู่แล้ว ผมจึงชอบมาก
 
    ต่อมา ผมสร้างพระให้ทุกคนในครอบครัว บอกบุญได้อีกหลายสิบองค์ ผมได้ทำบุญเสาเข็มต้นแรกสร้างศูนย์กัลยาณมิตรขอนแก่น หนึ่งแสนบาททั้งๆที่ผมยังมีหนี้
 
    ต่อมา ผมได้บวชสามเณรแก้ว เป็นการบวชครั้งแรกในชีวิต ก่อนบวช ผมได้ช่วยพระอาจารย์ ตามคนมาบวชสามเณรแก้วในจังหวัดขอนแก่น ได้หลายร้อยคน ตอนนั้นผมอายุ 50ปี ได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 2คน จากจำนวนผู้เข้าบวช 13,842คน ให้รับไตรพระราชทาน เป็นพยานบันทึกเหตุการณ์สำคัญอีกหน้าหนึ่ง ของประวัติศาสตร์การบวชสามเณรแก้ว
 
    ผมปลาบปลื้มมาก คิดว่า “เรามาจากต่างจังหวัด ไม่ใช่เจ้าภาพใหญ่ ทำไมถึงได้รับการคัดเลือก” พระอาจารย์บอกว่า “ใครได้รับถือว่าเป็นบุญจัดสรร เป็นประวัติศาสตร์ของโลกและจักรวาล” ผมรู้สึกเปี่ยมล้นไปด้วยความประทับใจที่ไม่เคยเลือนหาย แม้กาลเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานเกือบ 10ปี
 
    ต่อมา ผมได้บวชอีกครั้ง เป็นการบวชธรรมทายาทรุ่น 62ปี พระเดชพระคุณหลวงพ่อให้ไปพนาวัฒน์ ผมนั่งเนสัชฯ (นั่งสมาธิ โดยถือเนสัชชิกกังคัง) กับพระเพื่อน ต่อเนื่องรวม 9คืน ได้ความนิ่งสงบมากๆ รุ่งเช้าขณะเดินออกจากห้องปฏิบัติธรรมไปทำภารกิจ เกิดความสุขมาก มีอาการตัวพอง เกิดความรู้สึกที่แรงมาก เหมือนว่าเรารบชนะกลับมา ก้มดูผ้าจีวรที่ครองอยู่ ก็เหมือนเราใส่เสื้อเกราะนักรบ ตลอดวันก็ไม่ง่วงไม่เพลีย
 
    ในปี พ.ศ.2546 ขณะที่ผมขี่มอเตอร์ไซค์ ได้ถูกรถชน รถของเขาหน้ายุบ ส่วนรถของผมกระเด็นไป 30กว่าเมตร ผมนั่งมองอยู่กลางถนน และอธิษฐานกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ คุณยายอาจารย์ว่า “อย่าให้ผมเจ็บหนักเลย” บังเอิญมีรถพยาบาลของโรงพยาบาลขอนแก่นผ่านมาพอดี จึงมาช่วยผมไว้ ผมรู้สึกว่าขาข้างซ้ายหักแต่แปลกว่าไม่เจ็บ ผมบอกหมอว่า ให้ช่วยเอกซเรย์ เพื่อตรวจดูให้แน่ใจ หมอก็ไม่ยอม บอกว่า “ถ้าหักจะเจ็บมาก” ที่สุดหมอยอม ก็พบว่า ขาข้างซ้ายหักจริง ต้องผ่าตัดเอานอตยึด รักษาหลายเดือนกว่าจะหาย
 
    คุณย่าของผม...ท่านเสียชีวิตเมื่ออายุ 93ปี ท่านไม่เคยกล่าวคำร้ายๆ ชอบไหว้พระ ไหว้เจ้า ทำบุญก็ใส่แต่ชื่อของลูกหลานครับ
 
คำถาม
 
1.กรรมใด น้องสาวคนเล็กของผมจึงไม่ได้อยู่กับพ่อ-แม่ที่แท้จริง แต่ได้ไปอยู่กับนักธุรกิจที่ร่ำรวย มีชีวิตสุขสบาย แต่เป็นชาวคริสต์ ผมค้นหาเธอพบเมื่อเธออายุ 40ปีแล้ว ผมพยายามทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้เธอ ผมจะทำสำเร็จหรือไม่ครับ
 
2.ไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่สวนมะลิ เมื่อปี พ.ศ.2504 คนทั้งหมื่นกว่าครัวเรือนทำกรรมมาเช่นไร บ้านจึงถูกไฟไหม้พร้อมๆกันครับ
 
3.กรรมใด ผมถึงไม่ได้เรียนสูง และบุญใดจึงได้มาเป็นหัวหน้าฝ่ายส่งออก ทั้งๆที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษสักเท่าไหร่ครับ
 
4.พระประธานที่ผมเห็นลอยมาเข้าท้องของผม ปัดเป่าความเจ็บปวดให้นั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งๆที่ผมไม่รู้จักวิธีปฏิบัติธรรมมาก่อน เป็นเพราะพระประธาน ท่านศักดิ์สิทธิ์และเมตตาผม หรือเป็นพระในตัวของผมเองที่ขยายรักษาผมครับ
 
5.ที่ผมเห็นผีในโรงแรมเป็นจริงหรือแค่ฝันไป รอยเท้ารอบเตียงเกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าเป็นผีจริง พวกเขาเป็นใคร ต้องการอะไร และพวกเขามีส่วนทำให้ชีวิตของผมตกอับลงเรื่อยๆจนหมดตัวหรือไม่ครับ
 
6.พี่เขยของผมเคยผูกเวรอะไรมากับผมหรือไม่ครับ เขาจึงเอาเปรียบและเกลียดผม และชาตินี้ผมชดใช้กรรมนั้นหมดไปหรือยังครับ
 
7.ปรโลกของคุณย่าของผมเป็นเช่นไร ผมสร้างพระบนโดมสลักชื่อของท่าน ท่านได้รับบุญมากน้อยเพียงไร และผมได้ตอบแทนคุณท่านไปมากน้อยเพียงใดครับ และท่านได้ฝากข้อความอะไรถึงผมบ้างหรือไม่ครับ
 
8.กรรมใด ผมจึงถูกรถชน ทำไมตอนผมถูกรถชนที่ขอนแก่น ผมไม่เจ็บปวดเลย อีกทั้งยังมีรถพยาบาลผ่านมาพอดี และได้ช่วยเหลือผม เป็นเพราะบารมีของครูบาอาจารย์ช่วยเหลือผม ใช่หรือไม่ครับ
 
9.บุญใด ทำให้ผมได้รับไตรพระราชทาน ตอนบวชสามเณรแก้ว และเมื่อตอนบวชธรรมทายาท เมื่อออกจากการนั่งเนสัชฯ ผมเกิดความรู้สึกว่า เราคือทหารสวมเสื้อเกราะที่ออกรบได้ชัยชนะกลับมา เป็นเพราะผมเคยเป็นทหารของพระราชาองค์ที่ออกบวชหรือไม่ครับ
 
10.ผม ภรรยา ลูกชาย 2คน และลูกสาว สร้างบารมีมากับหมู่คณะอย่างไรครับ และมีหน้าที่กันมาอย่างไรครับ โดยเฉพาะลูกชายคนโตซึ่งเคยบวชธรรมทายาทรุ่น บูชาธรรม 60ปี และได้เลือกไปศึกษาต่อที่ออสเตรเลีย แต่เมื่อผมถูกรถชนขาหัก เขาต้องกลับมาช่วยกิจการที่บ้าน และศึกษาต่อทางพระพุทธศาสนาที่เมืองไทย แทนการศึกษาที่ออสเตรเลีย จะถือว่าเขาเสียสัจจะหรือไม่ ผังการสร้างบารมีของเขาจะเปลี่ยนไปหรือไม่ อย่างไรครับ
 
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
1.น้องสาวคนเล็ก ไม่ได้อยู่กับพ่อ-แม่ที่แท้จริง แต่ได้ไปอยู่กับนักธุรกิจที่ร่ำรวยสุขสบาย แต่นอกบุญเขต เพราะบุญในอดีต ได้ทำทานไว้ในพระพุทธศาสนาและสงเคราะห์โลก แต่ไม่ได้อธิษฐานล้อมกรอบเอาไว้ว่า ให้ได้เกิดในร่มเงาพระพุทธศาสนา มาส่งผล
 

 
2.ไฟไหม้ครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ.2504 เกิดขึ้นได้ เพราะกรรมเก่าของหมื่นครัวเรือนที่มีกรรมแตกต่างกันไป เช่น กรรมที่เคยไปเผาเรือนของคนอื่นเอาไว้, กรรมที่หาสมบัติมาทางมิจฉาอาชีวะ จึงทำให้สมบัติมีวิบัติติดมา ทำให้สูญสลายด้วยอัคคีภัย, หรือกรรมที่บางคนเผาป่า รุกเอาที่ของหลวง, บางคนก็เป็นทหารไปเผาเมืองของเขา เป็นต้น มาส่งผลพร้อมๆกัน แต่ก็เป็นกรรมใหม่ของผู้ที่สั่งให้วางเพลิง

 
3.ตัวลูกเอง ไม่ได้เรียนสูง เพราะขาดบุญเรื่องส่งเสริมการศึกษา และห้ามบริวารในเรือนเรียนหนังสือด้วยในอดีต มารวมส่งผล

4.พระประธาน (ที่ลูกเห็นตอนนั่งสมาธิ แล้วอธิษฐาน) ลอยมาเข้าท้อง ปัดเป่าความเจ็บปวดได้นั้น
 
5.ที่ตัวลูกเห็นผีที่โรงแรมนั้น ก็เป็นเรื่องที่ผีเหล่านั้นมาเข้าฝันจริงๆ
 
 
6.พี่เขยกับตัวลูก ก็ไม่ได้ผูกกรรมอะไรมาเป็นพิเศษ แต่เป็นกรรมเก่าของลูก คือ ชาติในอดีต ลูกก็เคยไปทำการค้ากับเพื่อน แต่ลูกไม่ซื่อสัตย์กับเขา วิบากกรรมนี้มาส่งผลให้ตัวลูกถูกโกง และเป็นกรรมใหม่ของพี่เขย

7.คุณย่าตายแล้ว ก็ไปเป็นเทพธิดาสุดสวย มีวิมานทองหลังไม่ใหญ่นัก ของชั้นดาวดึงส์เฟส3 ด้วยบุญที่ท่านไม่มักโกรธ ชอบไหว้พระ จิตผ่องใสอยู่เป็นประจำ และบุญที่ทำไว้ในพระพุทธศาสนาตามกำลังเป็นระยะๆ
 
8.ตัวลูกถูกรถชนที่ขอนแก่น แต่ไม่เจ็บปวดเลย แถมมีรถพยาบาลมาช่วยเหลืออีก เพราะเศษกรรมในอดีต ที่ลูกได้เคยเป็นทหารของพระราชาองค์ที่ออกบวชเมื่อพุทธันดรที่ผ่านมา ได้เคยดักทำร้ายข้าศึก มาส่งผล
 
9.ตัวลูกได้ไตรพิเศษ ตอนบวชสามเณรแก้ว เพราะบุญที่ลูกทำหน้าที่ผู้นำบุญพาคนมาบวชเป็นจำนวนมาก มาส่งผล

10.ตัวลูก, ภรรยา และลูกชาย 2คน รวมทั้งลูกสาว เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมา โดยพุทธันดรที่ผ่านมา ตัวลูกได้เป็นทหารของพระราชาองค์ที่ออกบวชดังกล่าว แต่มีครอบครัวและได้ออกบวชในภายหลัง เมื่อมีอายุมากแล้ว



บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2549-09-15.html
เมื่อ 24 กรกฎาคม 2567 13:37
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv