CASE STUDY
ขาดคนหุงข้าว
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 

กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง


    ลูกเป็นคนหนึ่งที่หลงเชื่อสื่อมาตลอด ทำให้เข้าใจวัดไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง แต่แล้ววันหนึ่งได้มีกัลยาณมิตรชวนให้ลูกมาปฏิบัติธรรม 3 วัน ที่หมู่บ้านปฏิบัติธรรม เมื่อปลายปี พ.ศ.2539 การมาวัดช่วงแรก ลูกคิดว่า “ไหนๆมาวัดแล้ว จะแอบสำรวจ และสังเกตทุกสิ่งรอบตัวในวัด ตามที่สื่อลงข่าว”
 
    จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จนถึงทุกวันนี้ ลูกกลับเห็นแต่สิ่งดีๆ เห็นแต่ภาพประทับใจเสมอมา ลูกจึง “รักวัด...โดยไม่รู้ตัว” ทำบุญทุกบุญ และมาวัดทุกวันไม่ขาดเลยค่ะ ทุกเช้าไปอธิษฐานจิตที่เจดีย์ ตักบาตร แล้วมารับหน้าที่ “ทานบดีแก้ว” ช่วยดูแลและถวายภัตตาหารพระภิกษุในตอนเช้า (และเพลเป็นบางวัน) จากนั้นก็จะนั่งสมาธิ ก่อนไปทำงาน เลิกงานตอนเย็นไปบูชาเจดีย์ และเข้าโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาเป็นประจำทุกวัน ด้วยความสุข จนกลายเป็นความผูกพันไปแล้วค่ะ ลูกกราบนมัสการคุณครูไม่ใหญ่ช่วยฝันในฝันให้ด้วยค่ะ
 
    คุณแม่ เป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ด คุณแม่แต่งงานกับคุณพ่อแล้ว มีลูกด้วยกัน 9 คน คุณแม่และคุณพ่อรักกันมาก ลูกไม่เคยเห็นท่านทั้งสองทะเลาะกันเลย แต่คุณแม่อายุสั้น เพราะตอนที่ท่านป่วย หมอหาสาเหตุของโรคไม่เจอ หลังจากคุณแม่เสียชีวิตแล้ว หมอได้ขอร่างของท่านไปชันสูตรศพว่า ตายด้วยโรคอะไร จึงทำให้ได้ทราบในภายหลังว่า ท่านเสียชีวิตด้วยโรคเนื้องอกในสมอง ขณะอายุได้ 39 ปี เท่านั้น
 
    คุณพ่อ มีอาชีพเป็นครู คุณปู่เป็นกำนัน ก่อนคุณปู่จะเสียชีวิต ท่านมอบหมายให้คุณพ่อรับหน้าที่กำนันแทนท่าน คุณพ่อจึงลาออกจากครูมาเป็นกำนัน คุณพ่อซื่อสัตย์ ขยัน อดทน อุทิศตนให้กับส่วนรวม จึงได้รับรางวัล “กำนันแหนบทองคำ” เป็นที่รักของลูกบ้าน ถึงแม้ว่าคุณพ่อจะประสบความสำเร็จในชีวิตการงาน แต่ชีวิตส่วนตัวของท่านกลับต้องเจอมรสุมชีวิต
 
    เริ่มจาก คุณแม่เสียชีวิต ตอนนั้นน้องคนที่เก้า (คนสุดท้อง) อายุ 2 ขวบ ลูกคนอื่นๆก็ยังเรียนหนังสืออยู่ รายได้ของคุณพ่อไม่พอที่จะเลี้ยงดูลูกๆ ท่านต้องทำงานหนัก จนไม่มีเวลาดูแลลูกๆ จึงตัดสินใจแต่งงานใหม่เพื่อหาคนมาช่วยหุงข้าวและเลี้ยงลูกแทนท่าน เมื่อลูกๆโตแล้ว ต่างก็แยกย้ายไปทำงาน ส่วนคุณพ่อก็อยู่บ้านกับแม่เลี้ยงที่ต่างจังหวัด
 
    มีอยู่ครั้งหนึ่ง คุณพ่อขับรถพาแม่เลี้ยงและญาติไปงานเลี้ยงในตอนเย็น ขณะขับรถมีเด็กๆเล่นอยู่ข้างถนน ทันใดนั้นเด็กคนหนึ่งวิ่งออกมากลางถนนตัดหน้ารถ คุณพ่อขับรถชนเด็กบาดเจ็บ อาการสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากนั้น คุณพ่อเริ่มป่วย มีอาการปัสสาวะเป็นเลือด หมอตรวจพบว่า มีเนื้อร้ายที่ไตหนึ่งข้าง หมอได้ผ่าตัดไตข้างที่มีเนื้อร้ายออกไป ทำให้คุณพ่อนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานเกือบ 2 เดือน
 
    ลูกจึงได้ชวนญาติๆ จองกองกฐินที่วัดบ้านเกิดโดยให้คุณพ่อเป็นประธาน แล้วเช่ารถของโรงพยาบาลพร้อมพยาบาล เพื่อพาคุณพ่อไปทำบุญทอดกฐินที่วัดบ้านเกิด และให้น้องชาย หนึ่งคน บวชให้คุณพ่อ ท่านมีความสุขมาก จากนั้น ท่านก็กลับมานอนรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล
 
    ต่อมา หมออนุญาตให้คุณพ่อกลับบ้านได้ ท่านสั่งให้ลูกๆไปส่งที่บ้านต่างจังหวัดที่อยู่กับแม่เลี้ยง แต่คุณพ่ออยู่กับแม่เลี้ยงได้ไม่นาน สุขภาพของท่านแย่ลงมาก จนเดินไม่ได้ พวกเราจึงพาท่านไปหาหมอทั้งแผนปัจจุบัน แผนโบราณ และทำกายภาพบำบัด คุณพ่ออยู่กับพวกเราเกือบ 2 เดือน อาการของท่านดีขึ้นจนเดินได้
 
    ช่วงนั้น ลูกได้พาคุณพ่อมาทำบุญที่วัดพระธรรมกาย คือ ตอนเช่าตักบาตร ถวายภัตตาหาร ปล่อยปลา บูชาธรรมกายเจดีย์ โดยที่คุณพ่อไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร แต่ไม่กล้าขัดใจลูก เมื่อท่านอาการดีขึ้นแม่เลี้ยงก็มารับท่านกลับไปบ้านที่ต่างหวัด การกลับไปอยู่กับแม่เลี้ยงครั้งนี้ อาการป่วยก็แย่ลงอีก แต่คุณพ่อพอใจที่จะให้แม่เลี้ยงดูแล
 
    ระยะหลังคุณพ่อเดินไม่ได้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แม้กระทั่งขับถ่าย ต้องป้อนข้าวและน้ำ ท่านมีอาการกระวนกระวายตลอด และนอนไม่หลับ ช่วงสุดท้ายลูกได้มีโอกาสดูแลคุณพ่อเต็มที่ ทำให้ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต 3 วัน ท่านได้ทำบุญถวายสังฆทาน โดยให้น้องชายไปนิมนต์พระอาจารย์มารับถึงที่บ้าน ซึ่งคุณพ่อยังมีความรู้สึกตัวดีอยู่ แต่พูดไม่ได้แล้ว ลูกเองก็นั่งสมาธิและได้บอกให้ท่านนึกถึงพระ นึกถึงบุญ และสวดมนต์ให้ท่านฟัง บางครั้งท่านก็สวดด้วยตลอด
 
    จนวาระสุดท้าย ประมาณตี 1 คุณพ่อหายใจอ่อนลง มีเหงื่อออกทั้งตัว ลูกคอยเช็ดเหงื่อให้ท่านเรื่อยๆ ท่านค่อยๆอ่อนแรงลง จนกระทั่งหมดลมไปด้วยอาการสงบ คุณพ่อเสียชีวิตด้วยโรคปอดบวม เมื่ออายุ 86 ปี ลูกอยากบอกพ่อว่า “รักพ่อจังเลย”
 
    พี่เขยของลูก เป็นชาวอเมริกัน ได้แต่งงานกับพี่สาวคนที่สองของลูก พี่เขยเป็นนักบินกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ พ.ศ.2485 ต่อมาเมื่อเกิด สงครามโลกครั้งที่สอง พี่เขยเป็นพลปืนของเครื่องบิน บี-17 สังกัดฝูงบินทิ้งระเบิดที่ 305 เขาปฏิบัติภารกิจทิ้งระเบิดอยู่ 13 ครั้ง ต่อมาเครื่องบินของเขาถูกยิงตกที่ประเทศเยอรมัน เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ.2488
 
    วันนั้น พี่เขยพร้อมด้วยทหารอีก 5 คน รอดตายอย่างปาฏิหาริย์ แต่พวกเขาถูกจับเป็นเชลยศึกโดยพวกนาซี ที่ประเทศเยอรมัน โดยที่ทางรัฐบาลอเมริกันและครอบครัวต่างคิดว่า เขาตายในสมรภูมิรบแล้ว เพราะเขาหายสาบสูญไปและขาดการติดต่อนานหลายเดือน ต่อมาพี่เขยได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสระ ได้กลับมาที่สหรัฐอเมริกาอย่างปลอดภัยในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2488 หลังจากที่สงครามโลกครั้งสอง ยุติลงแล้ว ก็เกิด สงครามเกาหลี ขึ้นมาอีกในปี พ.ศ.2495 พี่เขยซึ่งเป็นนักบินอเมริกัน ได้เข้าสู่สมรภูมิรบครั้งนี้ด้วย
 
    สมรภูมิรบ...สมรภูมิเลือด ไม่เคยทำให้ใครมีความสุขได้อย่างแท้จริง ลูกว่า อย่ามัวมารบกันเลย เราน่าจะมาช่วยกันทำโลกใบนี้ให้ดีกว่านี้ ให้เป็นที่ดี น่าอยู่สำหรับเราและทุกๆคน
 
    ต่อมา เดือนตุลาคม  พ.ศ.2501 เขาได้รับตำแหน่ง “หัวหน้าหน่วยส่งกำลังบำรุงของฝูงบิน บำรุงรักษาอากาศยาน” ที่ฐานทัพสหรัฐอเมริกา หลังจากพี่เขยเกษียณอายุราชการแล้ว ได้มาใช้ชีวิตที่สงบในช่วงบั้นปลายชีวิต และเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งผิวหนัง เมื่อ พ.ศ.2531 เมื่ออายุ 66 ปี ค่ะ
 
    ตัวลูก ตอนเด็กอายุ 6 ปี ลูกเป็น “โรคฝีดาษ” ซึ่งถือว่า เป็นโรคร้ายแรงมากในยุคนั้น ผิวหนังทั่วตัวของลูกจะมีตุ่มหนองเต็มไปหมด เวลานอนก็ทรมาน เพราะพอนอนลงบนที่นอน ตุ่มหนองก็จะแตก ตื่นเช้าขึ้นมาน้ำหนองก็จะแห้งกรังติดเสื้อผ้า และที่นอนเต็มไปหมด เวลาดึงตัวออกจากเสื้อผ้าหรือออกจากที่นอน ที่มีน้ำหนองแห้งกรังติดอยู่ ดึงแล้วหนังก็จะหลุดลอกออกมา จนมีเลือดซิบๆผสมหนองทั้งตัว เจ็บปวดทุกข์ทรมานมาก เวลานอนจึงต้องนอนบนใบตองสด และถูกฉีดโคเคนเพื่อรักษาโรคร้ายนี้ จนหายขาดในเวลาต่อมา
 
    เมื่อโตขึ้น ลูกมักจะได้ยินผู้ใหญ่ที่เคยเห็นสภาพที่ลูกป่วยตอนนั้น ต่างบอกว่า “ไม่น่าเชื่อว่าลูก...จะรอดตายมาได้ นอกจากนี้ลูกยังเป็นฝี มีหนองอักเสบใต้ดวงตา ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เป็นแล้วก็เกิด “ตาต้อ” มองอะไรไม่ค่อยชัด เวลาเป็นมากๆ ในดวงตาจะมีฝีบวมเหมือนสิว เม็ดใหญ่ขนาดปลายนิ้วก้อย เป็นๆหายๆมานาน จนกระทั่งอายุ 10 ขวบ หมอได้นัดให้ไปผ่าตัดดวงตาเพื่อผ่าเอาเชื้อออก หลังจากนั้นลูกก็หายขาดไปเลยค่ะ
 
    หลังจากลูกเรียนจบแล้ว ได้ทำงานประจำและงานขายอิสระ มีเรื่องหนึ่งที่ลูกสงสัยมานาน เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ.2542 ตอนนั้นลูกไปสัมมนางานขายอิสระ ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา วันนั้นลูกตื่นนอนตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เตรียมภารกิจส่วนตัวเสร็จแล้ว ประมาณหกโมงเช้า ลูกเดินไปที่ท้ายรถยนต์ส่วนตัว เพื่อเปลี่ยนรองเท้าใส่วิ่งออกกำลังกาย แต่หลังจากนั้นลูกก็จำอะไรไม่ได้อีกเลยจนกระทั่ง 4โมงเย็นของวันนั้น...
 
    เพื่อนๆที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างเล่าให้ลูกฟังว่า หลังจากที่ลูกไปออกกำลังกายมาแล้ว ขณะที่เดินมาในห้องอาหาร รองเท้าผ้าใบเปียกน้ำ และมีเศษต้นหญ้าติดรองเท้าเต็มไปหมด แววตาไม่เหมือนเดิม และไม่สบตาใครเลย บุคลิกเปลี่ยนไป น้ำเสียงที่พูดก็เปลี่ยนไป พูดจาแปลกๆ แม้แต่อาหารก็ทานเยอะผิดปกติ แถมยังตักอาหารเช้าเป็นข้าวกระเพราไข่ดาว ซึ่งลูกไม่ชอบเลย มากินอีกด้วย ทุกคนที่รู้จักต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “นี่...ไม่ใช่ตัวลูก” เพื่อนๆจึงให้ลูกกลับบ้าน
 
    วันนั้น ลูกขับรถมาถึงบ้านที่ จังหวัดสมุทรสาคร โดยมีเพื่อนนั่งบอกทางมาโดยตลอด ไปถึงบ้านลูกก็นอนหลับแบบเคลิ้มๆ บางครั้งมีความรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างแบบเบลอๆ กระทั่งเวลา 4 โมงเย็น ลูกหลับแล้วตื่นขึ้นมาอย่างงงๆว่า “ทำไมจึงกลับมาที่นี่ (บ้านสมุทรสาคร) ทั้งที่ยังไม่ได้เข้าสัมมนา (ที่อำเภอปากช่อง) เลย” แต่เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากเพื่อนๆ ลูกงงว่าไม่รู้ตัวได้อย่างไร และทำไมลูกจำอะไรไม่ได้ในช่วงเวลาที่ยาวนานถึง 10 ชั่วโมง
 
    อีกสองสามวันต่อมา ลูกจึงตัดสินใจ ไปตรวจเช็คว่า สมองเราเป็นอะไรหรือเปล่า หมอตรวจเช็คสมองและตรวจสุขภาพแล้วบอกว่า “สุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีอะไรผิดปกติ” หลังจากนั้นมาลูกก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์ประหลาดอย่างนี้อีกเลย
 
สำหรับคำถามมีดังนี้ค่ะ
 
1. คุณแม่ของลูก ตอนที่ป่วยหมอหาสาเหตุของโรคไม่พบ มารู้ว่าเป็นโรคเนื้องอกในสมองก็ตอนที่เสียชีวิตแล้ว เป็นเพราะวิบากกรรมใด และทำไมต้องเป็นโรคนี้ คุณแม่ตายแล้วไปไหน ได้รับบุญที่อุทิศไปให้หรือไม่ มีสภาพเป็นอย่างไร มีอะไรฝากบอกลูกบ้างหรือไม่คะ
 
2. เด็กที่ถูกคุณพ่อขับรถชนจนเสียชีวิตนั้น เป็นกรรมเก่าของเด็ก หรือเป็นกรรมใหม่ของคุณพ่อ หรือเพราะผูกเวรกันมาคะ
 
3. บุพกรรมใด ทำให้คุณพ่อเป็นโรคมะเร็งปอด ก่อนตายท่านนึกถึงบุญที่ทำไว้ได้หรือไม่ คุณพ่อตายแล้วไปไหน มีอะไรจะบอกกับลูกบ้างหรือไม่คะ บุญทุกบุญที่ลูกทำให้ท่าน เช่น สร้างพระประจำตัว กฐิน บูชาข้าวพระ บุญสังฆทาน 30,000 วัด หล่อรูปเหมือนทองคำพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ และบุญทุกบุญ คุณพ่อได้รับผลบุญแล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ
 
4. ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และสงครามเกาหลี พี่เขยเป็นนักบินกองทัพอากาศอเมริกัน ปฏิบัติภารกิจทิ้งระเบิดอยู่หลายครั้ง ทำให้สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินมากมาย พี่เขยและทหารที่ทิ้งระเบิด จะได้รับวิบากกรรมนี้เหมือนกัน หรือแตกต่างกันอย่างไร ยาวนานแค่ไหนวิบากกรรมนี้จึงจะหมดคะ
 
5. บุพกรรมใด ทำให้พี่เขยเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง พี่เขยตายแล้วไปไหน มีความเป็นอยู่อย่างไร บุญที่ลูกสร้างองค์พระให้พี่เขย และบุญทุกบุญที่ลูกทำให้ พี่เขยได้รับบุญแล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ
 
6. บุพกรรมใด ลูกจึงเป็นโรคฝีดาษ ที่มีตุ่มหนองเต็มไปหมด ทุกข์ทรมานมาก และทำไมลูกจึงเป็นฝี มีหนองอักเสบใต้ดวงตา จนเกิด “ตาต้อ” มองไม่ค่อยเห็นเป็นเวลาหลายปี แต่เมื่อหมอผ่าตัดเอาเชื้อออก ลูกกลับหายขาดได้เป็นเพราะเหตุใดคะ
 
7. เมื่อปีพ.ศ.2543 ตั้งแต่เวลาหกโมงเช้า หลังจากนั้นทุกคนต่างบอกว่า ลูกเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จนถึงสี่โมงเย็น วันนั้นลูกจำอะไรไม่ได้เลยตลอด 10 ชั่วโมง เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเหตุใด และเป็นกรรมอะไรของลูกทำให้ต้องเป็นอย่างนั้นคะ
 
8. ลูกเป็นกัลยาณมิตรให้พี่น้องเสมอมา และพวกเขาเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร มากน้อยแค่ไหน ทำอย่างไรพวกเขาจึงจะรักวัด รักหมู่คณะเหมือนลูกคะ
 
9. ตัวลูกและน้องคนหนึ่งที่ทำงานบริษัทฯเดียวกัน ในอดีตเราเป็นญาติกันมาหรือไม่ ทำไมจึงได้มาสร้างบารมีด้วยกันด้วยความเข้าใจ เราทั้งสองเคยสร้างบารมีร่วมกันมาอย่างไรคะ
 
10. พุทธันดรก่อน ลูกเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร มีหน้าที่อะไรในหมู่คณะ ลูกอยากเจอหมู่คณะตั้งแต่เยาว์วัย ลูกต้องประกอบเหตุอย่างไรบ้างคะ และลูกจะมีโอกาสเข้าถึงพระธรรมกายได้หรือไม่คะ
 
กราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วยความเคารพอย่างสูง
    
 ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ

1. คุณแม่ของลูก ตอนป่วยหมอหาสาเหตุไม่เจอ มารู้ว่าเป็นเนื้องอกในสมอง ตอนที่ตายไปแล้ว เพราะกรรมในอดีต คุณแม่เคยเป็นแม่ค้าขายปลา เมื่อจับปลามาได้ก็จะเอาเหล็กแหลมๆทิ่มไปที่หัวปลาเพื่อทำลายประสาท แต่ไม่ให้มันตาย มาส่งผล

2. เด็กที่ถูกคุณพ่อขับรถชนจนตาย เพราะผูกเวรกันมาโดยไม่รู้ตัว

3. คุณพ่อเป็นโรคมะเร็งปอด เพราะกรรมปาณาติบาต หลายๆอย่างในอดีต และใช้แรงงานสัตว์มากเกินไป งุบงิบเงินของราชการ จึงทำให้เป็นมะเร็งที่ไต และลามไปส่วนต่างๆที่ปอด
 
 
 
4. ในสงครามโลกครั้งที่สอง และในสงครามเกาหลี พี่เขยเป็นนักบินอเมริกัน ปฏิบัติภารกิจทิ้งระเบิดอยู่หลายครั้ง ทำให้สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินมากมาย ทหารและพี่เขยที่ทิ้งระเบิด จะได้รับวิบากกรรมเหมือนกัน เพราะทำร่วมกัน ต่างกรรมต่างวาระ คือ จะทำให้ไปอยู่ในมหานรก อันยาวนาน ทุกข์ทรมานมาก
 
5. พี่เขย เป็นโรคมะเร็งผิวหนัง เพราะกรรมปาณาติบาตในอดีต ได้เป็นทหาร แล้วก็ไปเผาค่ายข้าศึก ทำให้ทหารข้าศึกถูกไฟครอกตาย กับกรรมปาณาติบาตในปัจจุบันที่เป็นทหาร แล้วทิ้งระเบิด ทำให้คนตาย ทรัพย์สินเสียหายมากมาย มาส่งผล
 

 
6. ตัวลูกเป็นโรคฝีดาษ ที่มีตุ่มหนองเต็มไปหมด ทุกข์ทรมานมาก เพราะกรรมปาณาติบาตในอดีต ที่เคยฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยทำอาหาร มารวมกับกรรมที่เคยเป็นข้าราชการ ได้มีวจีกรรม แกล้งใส่ความเพื่อนร่วมงาน และมักมองด้วยสายตาที่หมั่นไส้ อิจฉาริษยาเพื่อนร่วมงาน มาส่งผล
 

 
7. เมื่อปี พ.ศ.2543 ตั้งแต่เวลาหกโมงเช้า หลังจากนั้นทุกคนบอกว่า ตัวลูกเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จนถึง 4 โมงเย็น วันนั้นลูกจำอะไรไม่ได้เลยเป็นเวลา 10 ชั่วโมง เพราะมีกายละเอียด ที่เป็นภุมมเทวาระดับล่างที่อยู่แถวนั้น และก็เคยเป็นคู่เวรกันมาในอดีต มาเข้าร่าง
 
 
 
8. พี่น้องของลูก เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาแบบกองเสบียง โดยบางคนก็เคยสร้างมามากบ้าง บางคนก็น้อยบ้าง จึงทำให้มีศรัทธาต่อหมู่คณะไม่เท่ากัน
 
9. ตัวลูกและน้องที่บริษัทฯคนหนึ่ง หลายชาติก็เคยเป็นพี่น้องกันมา เคยเป็นกัลยาณมิตรกันมา และเคยเกื้อกูลกันมา ดังนั้นเมื่อมาเจอกันในชาตินี้จึงถูกชะตากัน และได้ชวนกันมาสร้างบารมีด้วยความเข้าใจด้วยกัน
 
 
10. พุทธันดรที่ผ่านมา ตัวลูกก็เคยเป็นกองเสบียงของหมู่คณะมา โดยเป็นกุลบุตร และรับราชการฝ่ายพลเรือน ดังกล่าว
 

 

บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2549-10-23.html
เมื่อ 4 กรกฎาคม 2567 16:17
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv