ผมเป็นนักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา จากเมืองกีวี ประเทศนิวซีแลนด์ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ เรียกว่า ยักษ์ขาวครับ ผมได้รู้จัก ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอเรว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2548 ทำให้ผมได้รู้จัก DMC สื่อสีขาวที่กำลังส่งคลื่นใจใสไปทั่วโลก ผมจึงติดตั้งจานรับสัญญาณ DMC ในทันที เวลาผมไปทำงานผมจะอัดวีดีโอไว้ที่บ้าน เพราะผมไม่อยากพลาดรายการดีๆ ที่หาดูที่ไหนไม่ได้ในโลกแม้แต่ตอนเดียว ที่ชอบมากที่สุดคือ รายการ Case Study ครับ ผมอยากบอกว่า DMC ช่องนี้ดีจริงๆครับ
ผมมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่ง เรื่องราวของเธอเป็นแรงบันดาลใจให้ผมส่ง Case Study มา และขออนุญาตเอี่ยวเรื่องของผมด้วยนะครับ
เพื่อนรักของผม เธอเป็นชาวนิวซีแลนด์ เธอมาเป็นลูกค้าประจำที่ร้านอาหารของผม เรามีความสนิทสนมกันมาก ที่สำคัญเธอเกิดวัน-เดือน-ปีเดียวกันกับผม และยิ่งทำให้ผมปลื้มใจทับทวี เพราะวันเกิดของเราทั้งสองนั้น ตรงกับวันเกิดของพระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ คือ วันที่ 22 เมษายน วันคุ้มครองโลก นั่นเอง
สามีของเธอ มีเชื้อสายชนเผ่าเมารี นับถือศาสนาคริสต์ เธอมีความสนใจในประเทศไทย และพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก เรา 3คนมักจะชวนกันไปฝึกสมาธิตามวัดไทย ในประเทศนิวซีแลนด์อยู่เสมอ
เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2548 เธอได้ล้มป่วยด้วยโรคลูคิวเมีย (มะเร็งในเม็ดเลือดขาว) ปลายปี พ.ศ.2548 หมอบอกว่า เธอจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 1สัปดาห์ เพราะโรคของเธอมาถึงระยะสุดท้ายแล้ว สองสามีภรรยารู้สึกเศร้าเสียใจมาก ทางออกสุดท้าย เขานึกถึงเพื่อนชาวพุทธ คือ ตัวผม พร้อมกับส่งคำถามว่า “หากมีคนมาบอกว่า ภายในสัปดาห์นี้คุณจะต้องตาย ชาวพุทธเขาเตรียมตัวกันอย่างไร” ผมจึงโทรศัพท์ไปนัดหมายพระอาจารย์เพื่อไปเยี่ยมเธอ ในวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม พ.ศ.2549
พระอาจารย์ ได้เมตตาสอนให้เธอรู้จักการทำสมาธิบนเตียงคนป่วย ให้กำลังใจในการต่อสู้กับโรคร้าย จนทำให้เธอและสามีมีกำลังใจ...ความตายเป็นเรื่องที่ทุกคนนั้นเคยตายมาแล้ว
แม้เธอจะนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เธอก็กัดฟันต่อสู้กับความเจ็บปวด พยุงตัวลุกจากเตียงไปนั่งรถเข็น เพื่อไปกดเงินจากตู้ ATM แล้วนำเงินมาอธิษฐาน และถวายพระอาจารย์เพื่อสร้างพระธรรมกายประจำตัว ด้วยมือของเธอเอง อีกทั้งได้ร่วมบุญเสาแก้วพันปี ทำบุญปล่อยปลาให้ชีวิตสัตว์เป็นทานด้วย ปรากฏว่า เธอสามารถมีชีวิตยืนยาวต่อมา ได้มากกว่าที่หมอกำหนดไว้
วันที่ 19 มกราคม วันนั้นอาการของเธอทรุดหนัก ต้องนำส่งโรงพยาบาลด่วน ครั้งนี้หมอไม่รับรักษา และบอกกับญาติว่า “เธอคงเหลือเวลา ไม่เกิน 24ชั่วโมง” แต่เธอยังมีสติและมีกำลังใจดีมาก ได้บอกน้องชายของเธอให้นิมนต์พระมาที่บ้าน ขณะที่ญาติและเพื่อนสนิทมารวมกันพร้อมหน้า เธอก็ยังมีสติและบอกทุกคนว่า “ขอให้จัดงานศพฉันแบบชาวพุทธด้วยนะ”
วันนั้น พระอาจารย์ (พระปลัดสุธรรม สุธมฺโม) ได้เดินทางกลับจากนครซิดนีย์ถึงสนามบินโอ๊คแลนด์เวลาเที่ยงคืน กัลยาณมิตรครอบครัวฮาร์ทก็ไปรับ และรีบตรงไปยังบ้านของเธอ ตอนนั้นทุกๆคนอยู่ในช่วงบรรยากาศที่เศร้าโศกเสียใจ พระอาจารย์ได้ขอร้องให้ทุกคนช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดีๆ อย่าโศกเศร้า ทำใจให้ใสๆ แล้วช่วยกันอธิษฐานจิต และตรึกระลึกนึกถึงพระธรรมกายประจำตัวที่เธอสร้าง และที่สำคัญท่านบอกทุกๆคนว่า “อย่าร้องไห้”
บางครั้งเธอกระสับกระส่าย ทุกคนก็เลยเปล่งเสียงบริกรรมภาวนา "สัมมา อะระหังๆๆ" อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เธอได้ยิน พระอาจารย์สวด อิติปิโส ภควา...สามจบ สิ้นเสียงสวดมนต์ เธอมีอาการสงบและหลับไป ซึ่งพระอาจารย์ก็ยืนยันกับสามีและญาติของเธอว่า "ให้ทำใจให้สบาย เธอยังอยู่กับพวกเรา อย่าวิตกกับคำบอกของหมอ แต่ให้ญาติทำใจให้ใสนึกถึงความดี"
วันรุ่งขึ้น ปรากฏว่าเธอมีอาการดีขึ้น และมีชีวิตยืนยาวมามากกว่าที่หมอกำหนดได้อีกครั้งหนึ่ง นับจากวันนั้นเธอได้พาครอบครัวทำสมาธิพร้อมกันทุกคืน แต่ความตายเป็นสิ่งสากลที่ทุกคนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ฉันใด เธอก็ไม่อาจรักษาลมหายใจไว้ได้ฉันนั้น เธอมีชีวิตอยู่ต่อมาได้อีก 4วัน ในคืนวันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2549 เธอก็ได้จากทุกคนไปอย่างสงบ
งานฌาปนกิจศพของเธอ ได้ถูกจัดขึ้นแบบชาวพุทธอย่างสมบูรณ์แบบ มีการแสดงธรรม ขยายความเกี่ยวกับเรื่อง Death is a part of life (ความตายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต) ในทัศนะของชาวพุทธ ท่ามกลางความประทับใจของญาติสนิทมิตรสหายชาวกีวี และชาวเมารี ที่มาร่วมงานถึงสองร้อยคน เรื่องราวของเธอก็จบลงเพียงเท่านี้ ต่อไปถึงเรื่องที่น่าตื่นเต้นของผมแล้วครับ...
ผม มีพี่น้อง 8คน ผมเป็นลูกคนแรกที่แสนซนแต่น่ารัก ในวัยหนุ่มผมเรียนหนังสือไปด้วย ทำงานไปด้วย ผมเป็นคนขยันไม่สูบบุหรี่ เมื่อปิดเทอมใหญ่ ผมถูกส่งตัวไปทำงานที่อู่ตะเภา เมื่อมีรายได้ดี ผมจึงออกจากการเรียนมาทำงานดีกว่า ขณะนั้นครอบครัวขาดความอบอุ่น ผมจึงใฝ่หาสิ่งที่ขาดหายไปด้วยการมีแฟน (ภรรยาคนแรก) ซึ่งเธออายุ 16ปี และผมอายุได้ 21ปี และมีลูกชายด้วยกัน 1คน
เราอยู่ด้วยกัน จนลูกชายอายุได้ 6ขวบ ก็มีเหตุทำให้ต้องแยกทางกัน เพราะผมต้องไปทำงานที่ซาอุดิอาระเบีย และส่งเงินจากการทำงานทั้งหมดมาให้ทางบ้าน ผมทำงานที่นั่นได้ประมาณ 10ปี เมื่อผมกลับมาเยี่ยมบ้าน พบว่าเธอมีแฟนใหม่ ผมรู้สึกเศร้ามาก...ได้แต่เก็บซ่อนความช้ำไว้ใต้แว่นตาดำ...
ต่อมาไม่นานนัก สวรรค์ได้เมตตาให้ผมได้พบกับสตรีอีกผู้หนึ่ง เธอเป็นคนดีมาก เป็นแม่ศรีเรือนที่หาได้ยาก ผมอยากมีคนดีๆ มาช่วยเลี้ยงลูก เมื่อมาเจอเธอก็รู้ทันทีว่า เธอคนนี้นี่แหล่ะคือคนเดียวที่ผมรอคอย จึงเสี่ยงขอเธอแต่งงาน ซึ่งเธอก็ตกลง ผมมีลูกสาวกับเธอ 1คน
ภรรยาคนที่สองของผม เป็นคน Super Perfect เธอรับผิดชอบเลี้ยงดูลูกชายของผม ที่เกิดกับแฟนคนแรกเสมือนเป็นลูกตัวเอง ระหว่างนั้นผมยังคงไปทำงานที่ประเทศซาอุฯอยู่ ขณะที่ลูกสาวอายุได้ 4ขวบ ผมก็ได้พบกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง (ซึ่งเธอเป็นภรรยาคนที่สาม) เราเจอกันในระหว่างที่ผมกลับมาฮอลลิเดย์ที่เมืองไทย เจอปุ๊ปก็ปิ๊งเลย...ซึ่งในตอนนั้นผมชอบเธอมาก...แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอจะนึกชอบผมบ้างหรือเปล่า และได้ติดต่อกันประมาณ 2ปี ต่อมาก็ทราบว่า ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ก็เลิกรากันไป
ปี พ.ศ.2533 ผมพาครอบครัวย้ายมาอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์ โดยประกอบอาชีพเปิดร้านอาหารไทย ซึ่งประสบความสำเร็จจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ สิบปีต่อมา ผมได้ฝันถึง ภรรยาคนที่สาม ทั้งๆที่ไม่ได้ติดต่อกันเลย ผมอดคิดถึงเธอไม่ได้ จึงติดต่อไปทราบว่า เธอยังไม่มีครอบครัว ผมก็เสี่ยงชวนเธอให้มาเที่ยวที่นิวซีแลนด์ เธอตอบตกลง
พระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ ทำไมผมจึงเสี่ยงชวนใคร แล้วใครคนนั้นก็ตอบตกลง (ยังบอกไม่หมดครับ มีอีกหลายคน) ผมก็มีลูกชายกับเธออีก 1คน ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ภรรยาคนที่สองทราบเรื่องโดยตลอด และไม่ขัดข้อง ผมเคยสวดมนต์อธิษฐานว่า ถ้าภรรยาคนที่สามและลูกชายได้รับวีซ่ามาอยู่นิวซีแลนด์ได้ ผมจะทำบุญ หนึ่งล้านบาท หลังจากอธิษฐานวันรุ่งขึ้น ก็ได้รับข่าวดีว่า ภรรยาคนที่สามและลูก รวมทั้งคุณแม่ของผม ได้รับวีซ่าให้มาอยู่นิวซีแลนด์ แต่เนื่องด้วยความวุ่นวายทางธุรกิจ ทำให้ผมลืมเรื่องการทำบุญ นำเงินไปลงทุนทำธุรกิจ แต่สุดท้ายก็โดนโกง
ต่อมา กันยายน พ.ศ.2548 ภรรยาคนที่สามได้หอบลูกหนีออกจากบ้าน ต่อมาพนักงานที่ร้านอาหารก็ยกทีมกันลาออก ปัญหาทุกอย่างประดังเข้ามา ทำให้ผมมีความทุกข์มาก จึงแสวงหาที่พึ่งทางใจ จนกระทั่งได้มาพบกับยอดกัลยาณมิตรได้แนะนำให้รู้จัก ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอเรว่า และเมื่อได้เจอจานดาวธรรม เจอคุณครูไม่ใหญ่ ก็รู้สึกว่า ใช่เลย...ผมได้เจอสิ่งที่เป็นที่พึ่งให้ผมพ้นทุกข์ได้ครับ
คุณพ่อของผม เป็นคนจังหวัดอยุธยา เป็นคนเจ้าระเบียบมาก โมโหร้าย ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ มีฐานะดี แต่มีภรรยาหลายคน เพราะท่านหน้าตาดี ขยันทำมาหากินเก่ง พูดเพราะ เฉลียวฉลาด บุคลิกเป็นที่น่านับถือ คุณแม่ของผมเป็นภรรยาคนแรกที่ได้แต่งงาน ปัจจุบันคุณพ่อได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่ออายุ 74ปี ด้วยโรคมะเร็งที่ลำไส้
คุณแม่ของผม เป็นชาวโคราช เงียบๆไม่ค่อยพูด ไม่เคยดุด่าว่ากล่าว หรือตีลูกแม้แต่นิดเดียว คุณแม่แต่งงานกับคุณพ่อทั้งๆที่ท่านไม่ได้รักไม่ได้ชอบเลย แต่ยอมแต่งเพราะ คุณยาย บังคับ ชีวิตของคุณแม่ในสมัยที่แต่งคุณพ่อใหม่ๆ ก็ช่วยกันสร้างฐานะกับคุณพ่อ จนมีฐานะ...16ปีต่อมา ชีวิตของคุณแม่ก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะคุณพ่อไปมีภรรยาน้อย และมีคดีต้องขึ้นโรงขึ้นศาลอีกเยอะแยะ ทำให้คุณแม่ตรอมใจมาก ฐานะทางบ้านก็แย่ลง
นอกจากนี้ คุณแม่มักจะมีอาการผีเข้าบ่อยๆ มีอาการสั่นเหมือนผีเข้า พูดเรียกชื่อคนโน้นคนนี้ คุณตา เป็นหมอรักษาคนไข้ด้วยการเป่า คุณตาจึงเป่าพร้อมทำน้ำมนต์ให้คุณแม่ อาการก็จะหาย พอคุณตาสิ้นชีวิตแล้ว คุณแม่ต้องไปรักษาที่โรงพยาบาล หมอก็จะให้ยาระงับประสาทมา ปัจจุบันอายุประมาณ 82ปี
คุณปู่ เป็นแพทย์แผนโบราณ เสียชีวิตด้วยโรคชรา เมื่ออายุ 90ปี คุณย่า เสียชีวิตด้วยโรควัณโรค เมื่ออายุ 54ปี
คุณตา เสียชีวิตด้วยโรคชรา เมื่ออายุ 74ปี คุณยาย เสียชีวิตด้วยโรคชรา เมื่ออายุ 94ปี
สำหรับคำถามมีดังนี้ครับ
1.บุพกรรมใด ส่งผลให้เพื่อนชาวนิวซีแลนด์ของผม ป่วยด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว บุญใดบันดาลให้เธอได้มาเจอพระอาจารย์และหมู่คณะในช่วงสุดท้ายของชีวิต ได้เข้าสู่สมรภูมิศึกชิงภพอย่างถูกหลักวิชชา และได้จัดงานศพอย่างวัฒนธรรมชาวพุทธครับ
2.ผลบุญที่เธอสร้างพระธรรมกายประจำตัว และบุญอื่นๆ ในวาระสุดท้ายด้วยตนเอง ด้วยความยากลำบาก จะแตกต่างจากทรัพย์ที่ผู้อื่นทำให้อย่างไรครับ บุญใดมาช่วยต่ออายุของเธอ ให้อยู่ได้อีกถึง 3สัปดาห์ครับ
3.ก่อนตายเธอมีคตินิมิตอย่างไร เธอตายแล้วไปอยู่ภพภูมิใด เธอได้มาร่วมพิธีศพของตัวเองหรือไม่ ฝากบอกอะไรกับครอบครัวบ้างครับ และผมกับครอบครัวของเธอเคยผูกพันกันมาอย่างไรครับ เพราะเหตุใดการตายของเธอ จึงทำให้ครอบครัวเมารีของสามีของเธอ ศรัทธาในพระพุทธศาสนาครับ
4.คุณพ่อมีกรรมใด จึงเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งลำไส้ ท่านเสียชีวิตแล้วไปอยู่ภพภูมิใด ได้รับบุญที่ผมอุทิศให้หรือไม่ครับ
5.คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย ตายแล้วไปไหน ผมทำบุญอุทิศไปให้ ท่านได้รับหรือไม่ครับ
6.ตอนเด็กๆ ผมเคยไปปัสสาวะ รดกระปุกใส่ปูนของคุณยาย ทำให้คุณยายต้องทานหมากกับปัสสาวะของผม แถมยังเอาไปเลี้ยงแขกที่มารักษาโรคอีกด้วย จะทำให้ผมมีวิบากกรรมอะไรหรือไม่ครับ และจะแก้ไขอย่างไรครับ
7.คุณแม่มีวิบากกรรมอะไร ที่ถูกคุณพ่อทิ้ง ต้องเลี้ยงลูกเองตามลำพัง อีกทั้งยังมีอาการผีเข้าบ่อยๆ เกิดจากอะไร จะแก้ไขวิบากกรรมนี้ได้อย่างไรครับ
8.วิบากกรรมใดของผม จึงต้องมาเจอวิกฤตในชีวิตที่ประดังเข้ามา ครั้งหนึ่งเคยสร้างรีสอร์ทแล้วก็ต้องทุบทิ้ง ธุรกิจถูกโกงนับล้าน พนักงานร้านอาหารลาออกยกทีม ภรรยาคนที่3 ก็หอบลูกหนี ทั้งหมดที่โถมเข้าในชีวิตผมนี้เกิดจากกรรมใด จะแก้ไขวิบากกรรมนี้ได้อย่างไรบ้างครับ
9.ผมกับภรรยาทั้งสองคน (คนที่สอง และคนที่สาม) เคยประกอบเหตุกันมาอย่างไรจึงต้องมาใช้ชีวิตร่วมกัน ลูกทั้งสามคนแต่ต่างมารดากัน มาจากไหน และลูกชายคนเล็ก (ที่เกิดกับภรรยาคนที่สาม) จะมีผังบวชกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อตั้งแต่ยังเยาว์หรือไม่ครับ และผมควรทำอย่างไร ถึงจะครองเรือนได้อย่างถูกหลักวิชชา กลับดุสิตบุรีกันได้ทุกคนครับ
10.การที่ผมถูกโกงเงินไปหนึ่งล้าน เป็นเพราะไม่ทำตามคำอธิฐานหรือไม่ครับ จะมีโอกาสได้คืนหรือไม่ครับ ถ้าผมทำตามคำอธิษฐานทันที ยังจะโดนโกงหรือไม่ครับ
11.ตัวผมในอดีตชาติเป็นอย่างไรครับ ทำไมจึงมาเจอหมู่คณะช้า บั้นปลายของชีวิต ผมจะมีผังบวชตลอดชีวิตหรือไม่ครับ ผมและคนที่เป็นยอดกัลยาณมิตรให้ผม เคยร่วมบุญมากับหมู่คณะในรูปแบบใดครับ