CASE STUDY
สุดเค็ม, เมื่อไม่สนก็เป็นลมเป็นแล้ง
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 

กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง 

 
    “เกิดไปภพใดชาติใด ขออย่าให้ข้าพเจ้าไปฆ่าใคร และอย่าให้ใครมาฆ่าข้าพเจ้า” คำอธิษฐานของคุณยายอาจารย์ ช่างเป็นบทเรียนสอนใจที่ล้ำค่า ตรงกับบทเรียนชีวิตอันแสนสะเทือนใจ ที่ลูกได้ก้าวเข้ามาสู่โลกอันสยดสยอง และน่าขนลุกอีกก้าวหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นกับครอบครัวของลูก ขอคำอธิษฐานของคุณยายอาจารย์ ไปปรากฏในใจคนทุกคน อย่าได้มีจิตมืดมน อาฆาตพยาบาทจองเวรเข่นฆ่ากันอีกเลย

    คุณพ่อของลูก ตั้งตัวมาจากการค้าขายข้าว ค้าขายอยู่หลายปี ดวงเศรษฐีก็เริ่มขยับ จึงยกระดับการค้าเข้าใกล้อบาย เปิดกิจการเลี้ยงโค-กระบือส่งให้เขาฆ่า แล้วนำเนื้อมาขายอีกที ดวงคู่รักก็ส่งเสริม มีคุณแม่เป็นผู้ช่วยกิจการค้าขายเนื้อสัตว์เป็นอย่างดี

 
    ครั้งหนึ่ง คุณพ่อถูกลอบยิงหมายหัวใจแต่พลาดไปถูกที่แขน เพราะผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้อื่นเรื่องค้าขายเนื้อ ทำให้ท่านยกแขนไม่ได้อยู่หลายปี บั้นปลายชีวิต ท่านล้มป่วยเป็นโรคเบาหวานกับอัมพฤกษ์ รักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่หลายครั้ง อาการรุมเร้าหนักมาก หมอตรวจพบว่า ปอดท่านเป็นจุด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ตรวจไม่พบ แต่ไม่อาจผ่าตัดได้ เพราะท่านอายุมากแล้ว ท่านจากไปเมื่ออายุได้ 66ปี

    คุณแม่ของลูก ช่วยคุณพ่อดูแลกิจการค้าสัตว์ไปฆ่าอย่างดี แต่มีโรคประจำตัว คือ ไขมันในเส้นโลหิตสูงและโรคกระเพาะ ท่านเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 81ปี

    ตัวลูก ลาออกจากชีวิตสามีคนแรกไป เลือกเดินทางใครทางมัน ตั้งแต่วันที่แน่แก่ใจว่า เขาชอบเหล้ามากกว่าชอบลูก ติดเพื่อนมากกว่าติดภรรยา ลูกจึงขอหย่า เพราะว่าเบื่อสามีขี้เมา แล้วเดินทางไปสมัครเป็นผู้จัดการบ้านที่ฮ่องกงตามคำเชิญชวนของเพื่อนๆ
 
    เจ้านายที่ฮ่องกง เป็นคนใจกว้างดั่งมหาสมุทร สุดจะเค็ม เธอบอกให้ลูกออกเงินซื้อกับข้าวให้เธอไปก่อน สัก 3-4วัน เธอจะจ่ายคืนให้ ลูกไม่ยอม เธอจึงซื้อตั๋วส่งลูกกลับเมืองไทย ซึ่งตามกฎหมายฮ่องกงนั้น ถ้าไม่มีผู้ดูแล ลูกก็ไม่อาจอาศัยอยู่ในฮ่องกงได้ แม้หน้าตาลูกจะไม่ใช่คนแถวนี้ แต่มีหรือจะยอมจำนน ลูกจึงจ้างนายหน้าหาสามีฮ่องกงให้ จ่ายเงินไปพันกว่าบาท นายหน้าก็จัดให้ ลูกจึงได้จดทะเบียนกับ สามีคนที่สอง ในฐานะภรรยาคนที่สาม เพราะสามีเคยหย่าขาดกับภรรยามาแล้วถึง 2คน
 
    ชีวิตลูกในฮ่องกงคล้ายดั่งสำนวนที่ว่า คับที่อยู่ได้แต่คับใจยากจะอยู่ไหว เพราะ ลูกติดของสามี มีความรู้สึกราวกับว่า ตัวของลูกส่งคลื่นความเกลียดชังออกไปถึงเขาอย่างรุนแรง พอเห็นหน้าลูกก็ด่าคำหยาบคายเป็นภาษาฮ่องกงทุกวัน ดูถูกด้วยคำพูดที่รุนแรงเหมือนหนามที่แหลมคม ตอนแรกลูกฟังไม่รู้เรื่องจึงไม่ได้สนใจ นานวันไปมันชักยังไงๆ พูดคำนี้ซ้ำๆ ทุกวันๆ เลยไปถามผู้รู้ จึงได้รู้ว่าเป็นคำหยาบคาย
 
    ความโกรธของลูก พวยพุ่งออกมาจากหัว จากอมยิ้มก็กลายเป็นอมยั๊ว ศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงยอมไม่ได้ พอเขาไม่ให้เกียรติลูก ลูกก็เลยให้เกลียดเขา เกือบจะเอาตะเกียบแหลมคมทิ่มหน้าเขา ตอนหลังเขาด่ามา ลูกก็ด่าไป พร้อมกับพกคำแช่งด่าตามหลังไปกระบุงโกย ทะเลาะกันถึงขนาดต้องกินแต่เกาเหลาเท่านั้น เพราะไม่กินเส้นกัน สามีต้องคอยห้ามปรามเสมอๆ และแล้ววันที่ต้องละมือเพื่อไว้ไมตรีกับลูกติดสามีก็มาถึง
 
    ลูกจำได้อย่างแม่นยำ เพราะเป็นวันเดียวกับที่สามีเสียชีวิตนั่นเอง ก่อนหน้านั้น สามีท้องเสียอยู่ 7วัน อ่อนเพลียมาก ทานอาหารได้แต่ข้าวต้ม เช้าวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2546_ลูกรู้สึกตัวตื่นเมื่อสามีปาดมือมาถูกแก้ม พอลืมตาขึ้นก็เห็นสามีหลับอยู่ในท่านอนตะแคงมาทางลูก ลูกไม่ได้เอะใจ ลุกขึ้นจัดเตรียมอาหารแล้วแต่งตัวไปทำงานตามปรกติ พลบค่ำกลับมาเห็นอาหารบนโต๊ะอยู่ในสภาพเดิม ลูกตกใจมาก รีบเดินไปที่ห้องนอน เห็นสามีตัวแข็ง เย็นเฉียบ และเริ่มมีกลิ่น แสดงว่าตายมาหลายชั่วโมงแล้ว
 
    คืนแรกที่สามีเสีย ลูกได้กลิ่นอับๆ จึงไม่กล้านอนที่บ้าน แม้จะเป็นบ้านเดิมที่ลูกอยู่จนคุ้นมาหลายสิบปี แต่วันนี้บ้านหลังนี้ไม่เหมือนวันวาน ลูกไปนอนบ้านเพื่อนและคนรู้จัก 5-6วัน แล้วกลับมาเอาของที่บ้าน พอลูกใช้กุญแจไขห้อง ปรากฏว่าไขเท่าไรก็ไม่ออก งงอยู่สักพัก ลองหมุนใหม่ก็ไขได้ ชวนพิลึกพิลั่นเคลือบแคลงจนน่าขนลุก ลูกรีบเอาของแล้วรีบออกไปทันที
 
    กลางคืนหลังจากลูกฟังฝันในฝันที่วัดภาวนาฮ่องกง ช่วงนั่งรถรางกลับสู่ที่พักแห่งหนึ่ง จะรู้สึกขนลุกเหงื่อไหลเย็นเฉียบไปหมดทั้งตัว เด็กเจ้าของห้องพอเห็นหน้าลูก ก็บอกว่าได้กลิ่นเน่าเหมือนปลาร้า แต่ตัวลูกกลับไม่ได้กลิ่นนั้นเลย จนคืนวันที่9_ซึ่งผ่าน 7วันไปแล้วตามหลักวิชชา ลูกจึงกล้ากลับไปนอนที่บ้านตามเดิม โดยนำเงินเก็บของสามีไปทำบุญให้เขาด้วย เขาจากไปเมื่ออายุได้ 75ปี
 
    ลูกรู้จักวัดพระธรรมกายครั้งแรก จากข่าวบุญงานหล่อรูปเหมือนทองคำพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯปี พ.ศ.2537_ที่ลงตีพิมพ์ในหนังสือโลกทิพย์ ไปไกลถึงฮ่องกง ลูกจึงตัดสินใจมาถวายปัจจัยที่วัด ครั้นถวายเสร็จ ขณะกำลังจะเดินเข้าไปในโบสถ์ ลูกพลันชะงัก เพราะประตูโบสถ์เปิดออกเอง โดยไม่มีคนอยู่เลย เมื่อประตูโบสถ์เปิด ประตูใจของลูกก็แง้มตาม จึงร่วมทำทุกบุญกับที่วัดมาตลอด กระทั่งงานบุญวันวิสาขบูชาปี พ.ศ.2548_ที่ผ่านมา ตรงกับพิธีบวชอุทิศชีวิต 14รูป ช่วงเช้าที่มาร่วมบุญ ลูกได้เห็นภาพดวงกลมใหญ่ลอยเหนือโบสถ์ มีรังสีรอบดวงกลม 7สี คล้ายรุ้งกินน้ำเยื้องกับพระอาทิตย์ พอลูกมองไปอีกครั้ง ภาพนั้นกลายเป็นรูปพระใส่จีวรสีเหลือง ลูกปีติใจมาก

    น้องชายคนเล็ก เริ่มต้นทำงานที่ที่ทำการไปรษณีย์ ปลายปี พ.ศ.2545 น้องชายป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์ มือข้างหนึ่งใช้การไม่ได้ รักษาอยู่นานก็ไม่หาย แต่น้องชายก็ยังสามารถทำงานได้ เพราะยังเหลือมือใช้การได้อีกข้างหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องพึ่งมือที่สาม น้องชายทำงานอยู่หลายสิบปี ไปรษณีย์เปลี่ยนจากรัฐวิสาหกิจมาเป็นบริษัทฯ เขาจึงถูกให้ออกจากงานพร้อมกับได้รับเงินก้อนร่วม 3ล้านบาท...เสียงานไปแต่ได้เงินมา
 
    ใครๆคงคิดว่าคุ้มค่า แต่อนิจจา เงินตรานั้นกลับกลายมาเป็นงูพิษฉกกัดน้องชายในที่สุด น้องชายใช้เงินล้านก้อนนี้ริเริ่มอาชีพใหม่ออกเงินกู้ ให้กู้ทั้งรายเดือนรายวัน ปัญหาก็ก่อตัวทับทวีขึ้นตลอด เช่น มีการเล่นการพนันในบ้าน เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้กันในวงการพนันเป็นหมื่นเป็นแสน เรื่องการกู้เงินใช่ว่าจะยอมน้อยหน้า คายพิษแห่งปัญหาให้ฟ้องร้องกันถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลก็มี
 
    ภารกิจการทวงหนี้ น้องชายมอบหน้าที่นี้ให้ น้องสะใภ้ ผู้มีวาจาเป็นอาวุธ มีคำพูดที่หยาบคาย มีคำด่าว่าร้ายไม่เป็นรองใคร หนึ่งในทำเนียบลูกหนี้ มีหมออนามัยผู้เป็นกุญแจสำคัญ ผลักดันให้เรื่องราวของน้องชาย พาดหัวในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับทีเดียว หมอผู้นี้คุ้นเคยกับคนในบ้านเป็นอย่างดี เข้าออกบ้านได้ตามสบาย เนื่องจากต้องคอยมาฉีดยารักษาเบาหวานให้น้องชาย
 
    คดีสะเทือนขวัญสยองกันสุดหวีด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2547 มีผู้พบน้องชายซึ่งเป็นเพียงคนพิการ ถูกฆาตกรโรคจิตชนิดสุดชั่ว ฆ่าอย่างเลือดเย็น ที่ศีรษะมีรอยถูกทุบด้วยค้อน ที่หน้าอกมีมีดปักคาอยู่อย่างอำมหิต มีเลือดสดๆแดงฉานจำนวนมากไหลทะลักออกมาไม่หยุด ส่วนน้องสะใภ้ถูกค้อนทุบหัวจนกะโหลกแตก ถูกแทงไม่นับ (แต่นับได้ทั้งหมด 8แผล) ร่างไร้ชีวิตนั้นช่างน่าสยดสยองเสียเหลือเกิน ภาพที่ออกมาก็เป็นภาพที่โหดร้าย และสุดแสนจะเจ็บปวดหัวใจ มีผู้เห็นหมออนามัยเข้าไปในบ้านเป็นรายสุดท้าย เขาจึงกลายเป็นผู้ต้องสงสัย อย่างไม่ต้องสงสัย
 
    ด้วยยุคนี้กรรมมันติดจรวด ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จับกุมตัวหมออนามัยไปใช้กรรมในคุก เพราะจากการสอบสวนพบว่า หมออนามัยเป็นหนี้น้องชายเกือบสามแสนบาท แต่ไม่อาจตกลงกันได้ อีกทั้งน้องสะใภ้ยังตามทวง จึงลงมือด้วยความอำมหิต จากเหตุหนี้หายนะ ที่เป็นบันทึกชีวิตคลุกเลือดเคล้าน้ำตานี้ ลูกจึงตัดสินใจติดจานดาวธรรม ให้กับเรือนจำที่จำคุกผู้ที่ฆ่าน้องชาย และเรือนจำที่อื่นๆด้วย รวมทั้งหมด 4จาน
 
คำถาม
 
1.กรรมใด ทำให้คุณพ่อถูกลอบยิง แต่พลาดไปถูกแขน ทำให้ยกแขนไม่ขึ้นหลายปี ป่วยเป็นโรคเบาหวาน โรคอัมพฤกษ์ และปอดเป็นจุด ก่อนตายคุณพ่อมีคตินิมิตอย่างไร ตายแล้วไปไหน มีข้อความใดฝากมาบ้าง บุญที่ลูกสร้างพระส่งผลให้ท่านมีสภาพดีขึ้นอย่างไรคะ

2.คุณแม่ช่วยกิจการการขายเนื้อของคุณพ่อ จะได้รับวิบากกรรมติดตัวอย่างไร กรรมใด ทำให้คุณแม่มีโรคประจำตัว คือ ไขมันในเส้นโลหิตสูง ก่อนตายมีคตินิมิตอย่างไร ตายแล้วไปไหน มีข้อความใดฝากมาบ้าง บุญที่ลูกสร้างพระส่งผลให้ท่านมีสภาพดีขึ้นอย่างไรคะ

3.ผู้มีโรคประจำตัว คือ เป็นน้อยๆแต่เป็นนานๆ กับผู้ที่นานๆเป็นที แต่เป็นทีก็เป็นโรคหนักเลย ทั้งสองกรณีสร้างเหตุต่างกันอย่างไรคะ

4.ลูกและสามีชาวฮ่องกง มีกรรมร่วมกันกับลูกติดสามีมาอย่างไร เพราะเจอกันทีไรต้องมีเหตุให้ทะเลาะกันทุกครั้ง จะแก้ไขวิบากกรรมนี้ได้อย่างไร ตอนแรกที่ลูกเลี้ยงด่าเป็นภาษาฮ่องกง โดยที่ลูกฟังไม่รู้เรื่อง เขาจะได้รับผลกรรมต่างจากตอนหลังที่เขาด่าแล้วลูกฟังรู้เรื่องอย่างไรคะ

5.สามีชาวฮ่องกงตายแล้วไปไหน ก่อนตายมีคตินิมิตเป็นอย่างไร มีข้อความใดฝากถึงลูกบ้าง ทำไมก่อนสามีจะเสียชีวิตถึงได้เอามือมาปาดแก้มของลูก เป็นเรื่องความบังเอิญหรือเขาต้องการจะสื่อสารอะไร เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นหลังการตายของสามี เป็นเพราะเขายังวนเวียนอยู่ใกล้ลูกใช่หรือไม่ ลูกนำเงินเก็บของเขาไปทำบุญทำให้ เขามีสภาพความเป็นอยู่ดีขึ้นหรือไม่อย่างไรคะ

6.เพราะเหตุใด ตอนที่ลูกมาวัดครั้งแรก เห็นประตูโบสถ์เปิดออกได้เอง งานบุญวิสาขบูชาปี พ.ศ.2548_ลูกได้เห็นภาพดวงกลมลอยเหนือโบสถ์มี 7สี ต่อมาได้กลายเป็นภาพพระใส่จีวรสีเหลืองเป็นเรื่องจริงหรือไม่อย่างไร พระที่ลูกเห็นคือท่านใดคะ

7.กรรมใด ทำให้น้องชายป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์ น้องชายและน้องสะใภ้มีกรรมใดร่วมกันมา จึงถูกฆ่าตายอย่างอนาถ หมออนามัยมีวิบากกรรมใดร่วมกันมา ชาตินี้จึงเป็นผู้ลงมือฆ่า เขาทั้ง 2คนตายแล้วไปไหน ทั้งสองคนได้มาวนเวียนที่บ้านหรือไม่คะ

8.ผู้ที่ออกเงินกู้จะได้รับวิบากกรรมใดหรือไม่ และถ้าเงินให้กู้นั้นได้มาอย่างไม่บริสุทธิ์ ผู้ที่กู้จะได้รับวิบากกรรมนั้นร่วมกันหรือไม่อย่างไร ส่วนบุคคลที่มีหน้าที่ทวงหนี้ แต่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในเงินกู้นั้นจะได้รับวิบากกรรมหรือไม่ อย่างไรคะ

9.การที่ลูกติดจานดาวธรรมเผยแผ่ธรรมะออกไป หรือการที่ลูกทำบุญบำรุงวัด โดยเฉพาะจ่ายค่าโทรศัพท์ของวัด ให้พระท่านใช้บอกบุญชักชวนคนทำดี บุญนี้จะส่งผลให้มีทรัพย์และบริวารต่างกันอย่างไรกับการที่ลูกไปชักชวนคนทำดีด้วยตัวเองคะ

10.พุทธันดรที่ผ่านมาลูกได้สร้างบารมีกับหมู่คณะหรือไม่ มีหน้าที่อย่างไรในกองทัพธรรม และมีผลการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างไรคะ

กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
1.คุณพ่อถูกลอบยิงแต่พลาดไปถูกแขน จนทำให้ยกแขนไม่ขึ้นหลายปี เพราะกรรมในอดีตที่พ่อเลี้ยงสัตว์ไว้ฆ่าขาย และเคยสั่งให้คนไปลอบยิงคู่อริจนบาดเจ็บที่แขนเช่นเดียวกับที่ตนเองโดน มารวมส่งผล



2.คุณแม่ช่วยกิจการขายเนื้อของคุณพ่อ จะได้รับวิบากกรรม คือ ถ้าไปเกิดเป็นมนุษย์อีกก็จะทำให้ท่านมีโรคมาก และจะอายุสั้น

3.ผู้มีโรคประจำตัวเป็นน้อยๆแต่เป็นนานๆ เพราะกรรมที่ทรมานสัตว์บ่อยๆ บางครั้งทรมานสัตว์ต่างกรรมต่างวาระบ้าง บางครั้งก็ฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อย เช่น มด ปลวก ยุง มารวมส่งผล

4.ตัวลูก สามี และลูกติดสามีชาวฮ่องกง ก็เคยเป็นญาติกันมา และมักจะมีเรื่องทะเลาะกันมา โดยชาตินั้นตัวลูกชอบด่าว่าญาติทั้ง 2คนนั้น ด้วยความดูหมิ่นดูแคลนกัน ผังนี้จึงติดตัวมา
 

5.ก่อนสามีชาวฮ่องกงตาย เขาได้เอามือมาปาดแก้มของลูกนั้น ก็เพราะเขาหมดแรงจึงพยายามสื่อสารให้ลูกช่วยเขา

6.เมื่อตัวลูกมาวัดครั้งแรกเห็นประตูโบสถ์เปิดเองนั้น ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมกาย และเทวดาที่ดูแลรักษา บันดาลให้ตัวลูกตาดีมีบุญได้เห็นเป็นอัศจรรย์

7.น้องชายป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์ เพราะกรรมในอดีตน้องชายมีกรรมคล้าย พ่อ-แม่ คือ เลี้ยงสัตว์ส่งให้เขาฆ่า โดยก่อนที่จะส่งฆ่าก็จะจับสัตว์มัดไว้ มาส่งผล
 


8.ถ้าเงินที่ให้กู้ได้มาด้วยความไม่บริสุทธิ์ เมื่อนำมาปล่อยเงินกู้ ก็จะทำให้ผู้ให้กู้เป็นโรคไต โรคเลือด เป็นต้น
 

9.การที่ลูกติดจานดาวธรรมเผยแผ่ธรรมะออกไป หรือการที่ตัวลูกทำนุบำรุงวัด โดยเฉพาะช่วยจ่ายค่าโทรศัพท์ให้พระไปใช้บอกบุญชวนคนทำความดี คือ ทำบุญทางอ้อม ก็จะทำให้มีพรรคพวกบริวารเยอะ

10.พุทธันดรที่ผ่านมาก็เป็นกองเสบียงของหมู่คณะแต่ชอบทำตามอารมณ์ โดยทำบ้าง ไม่ทำบ้าง ไม่สม่ำเสมอ

บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2550-03-06.html
เมื่อ 29 มิถุนายน 2567 01:57
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv