CASE STUDY
แด่คุณครูด้วยโมดูล
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 

กราบนมัสการคุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพอย่างสูงค่ะ

    ลูกเป็นนักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา จากแดนไกล ที่ซาบซึ้งในมโนปณิธานอันยิ่งใหญ่ของคุณครูไม่ใหญ่ ที่ไม่มีผู้ใดกล้าคิดกล้าฝัน จึงปรารถนาจะพาตัวเองและครอบครัว ร่วมสร้างบารมีตามติดคุณครูไม่ใหญ่ไปจนถึงที่สุดแห่งธรรม ลูกกราบขอความเมตตาคุณครูไม่ใหญ่ ช่วยให้ความกระจ่างกับคำถามที่ค้างคาใจลูกมานานหลายปีค่ะ

    คุณแม่ของลูก เป็นสาวจีนที่เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว พลังสตรีของท่านสามารถจัดการเรื่องราว ทั้งเล็กและใหญ่ในครอบครัวของเราได้หมด ส่วน คุณพ่อของลูก เป็นหนุ่มชาวจีนที่อ่อนน้อม กตัญญูต่อบิดามารดาและโรแมนติกต่อภรรยาแบบเสมอต้นเสมอปลาย...คุณพ่อรักคุณแม่มากจึงยอมทุกอย่าง เรียกว่า "ได้ครับเจ๊...ดีครับผม" มาโดยตลอด ทำให้ความรักของท่านทั้งสองหวานชื่น ใหม่สดเสมอ เหมือนกำลังฮันนี่มูนอยู่ทุกวัน
 
    แต่มีอยู่เรื่องหนึ่ง ที่คุณพ่อไม่ทำตามคุณแม่ นั่นคือ คุณแม่ปฏิเสธการส่งลูกสาวเรียนหนังสือสูงๆตามความเชื่อของชาวจีน แต่คุณพ่อกลับมองการณ์ไกล พร้อมยืนยันและยินยอม ควักกระเป๋าส่งตัวลูกเรียนจนจบปริญญาตรี บั้นปลายชีวิตของคุณพ่อ ท่านเจ็บกระเสาะกระแสะ เพราะร่างกายไม่แข็งแรง และจากพวกเราไปด้วยวัย 61ปี

    ภายหลังจากที่คุณพ่อเสียชีวิตไปแล้ว คุณแม่ก็ไม่ได้รับการเอาใจเหมือนอย่างที่คุณพ่อทำให้ท่าน แม้ว่าคุณแม่จะมีลูกถึง 7คน ตัวลูกเป็นคนที่3 แต่ว่าตั้งแต่เด็ก ลูกก็ไม่ค่อยจะลงรอยกับคุณแม่ พี่น้องคนอื่นของลูกซึ่งคุณแม่รัก ก็ไม่ได้ดูแลท่าน แถมยังขัดใจเป็นประจำ แต่ตัวลูกและพี่สาวคนโตก็คอยดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดของคุณแม่ ช่วงบั้นปลาย คุณแม่ป่วยหลายโรค เช่น ความดันสูง โรคหัวใจ โรคเกาต์ สุดท้ายเป็นอัมพาต เสียชีวิตที่โรงพยาบาล เมื่ออายุได้ 62ปี

    ตัวลูก...ในบรรดาพี่น้อง 7คน มีตัวลูกเพียงคนเดียวที่ได้รับการศึกษาถึงระดับมหาวิทยาลัย ทางด้านอักษรศาสตร์ภาษาจีน ลูกจึงมีความรักในศิลปะและวัฒนธรรมจีนมาก ส่วนพี่น้องคนอื่นๆของลูก เนื่องจากจบการศึกษาไม่สูงนักและไม่มีศรัทธาในพุทธศาสนา ทำให้เรามักจะพูดจาสื่อสารกันค่อนข้างยาก

    ภายหลังจากที่คุณแม่ของลูกเสียชีวิตไปแล้ว พี่น้องของลูกโยนภาระของครอบครัวทุกอย่างมาไว้ที่ตัวลูก ซึ่งตอนนั้นตัวลูกทำงานเป็นครูแล้ว แต่งงานและมีลูกแล้ว จึงมีภาระที่หนักอึ้ง ทำให้ลูกเกิดความเครียดมาก จนมีอาการเบลอๆ ต้องหยุดงานเป็นเวลาครึ่งปี ช่วงหยุดงานพักรักษาตัวก็กินอาหารไม่ค่อยลง ดื่มได้แค่ไมโลวันละครึ่งแก้ว น้ำหนักลดลง 10กิโลกรัม และบางครั้งคิดจะฆ่าตัวตาย แต่เนื่องจากเป็นห่วงสามีและลูกสาวจึงระงับความคิดนี้ไป
 
    หลังจากพักหยุดงานได้ 6เดือน ลูกก็กลับไปทำงาน อาศัยการสวดมนต์ไหว้พระ มาประคองสติตัวเองแต่ก็ยังทานยาอยู่ ต่อมาก็เลิกทานยา อาศัยการสังเกตดูตัวเองว่า เครียดเมื่อไรก็สวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ พร้อมกับไปวัดช่วยงานที่วัดพุทธมหายาน จนกระทั่งกลับสู่สภาวะปกติ และกลับไปสอนหนังสือตามเดิมได้

    ชีวิตของลูก เคยประสบเหตุการณ์ประหลาดครั้งหนึ่ง สมัยที่ลูกเริ่มเข้าทำงานเป็นครูใหม่ๆ ที่ทำงานจัดงานเลี้ยงที่รีสอร์ทริมทะเล เพื่อให้เพื่อนร่วมงานเก่า-ใหม่ ได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น เช้าวันนั้น ลูกกับเพื่อนหลายคนไปเดินเล่นบริเวณชายหาด ขณะเดินผ่านต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ลูกก็เป็นลมสลบไปทันที จนกระทั่งคืนวันนั้น เพื่อนๆครูพาลูกมาส่งถึงที่บ้าน แล้วบอกว่าขณะที่ลูกสลบอยู่นั้นได้บอกเบอร์โทรศัพท์ของที่บ้าน เพื่อให้เพื่อนโทรศัพท์ไปบอกที่บ้านและไปส่งถึงบ้านได้ถูก เรื่องนี้ทำให้ลูกรู้สึกงงมาก เพราะตั้งแต่สลบจนกระทั่งกลับถึงบ้านลูกจำเรื่องราวอะไรไม่ได้เลยจริงๆ

    สามีของลูก เป็นผู้ชายที่เงียบๆ สุภาพเรียบร้อย และเป็นคนที่รูปหล่อมากๆ เขาทำอะไรจริงจัง จริงใจกับผู้อื่น รักครอบครัว และเป็นห่วงเป็นใยถึงพ่อแม่พี่น้องของลูกด้วย ไม่เคยขัดใจลูกเลย...เป็นมิสเตอร์ OK.ตลอด เราทั้งสองคนให้เกียรติซึ่งกันและกัน เมื่อคราวที่ลูกประสบทุกข์ และได้ธรรมโอสถเป็นยารักษาใจ สามีจะคอยกระตุ้นเตือนและให้กำลังใจลูกในการศึกษาธรรมะเสมอๆ ลูกจึงรู้สึกขอบคุณเขามาก
 
    เมื่อ 6ปีก่อน เขาตรวจพบว่า เป็นมะเร็งที่ลูกอัณฑะ ภายหลังจากรับการผ่าตัดแล้วก็แข็งแรงขึ้นช่วงหนึ่ง แต่หลังจากนั้นอีก 3ปีกว่า อาการป่วยกลับมาอีกครั้ง โชคดีที่พบโรคทันเวลา ภายหลังจากรักษาแล้ว ปัจจุบันไม่มีปัญหารุนแรง
 
    เรามีลูกสาวด้วยกัน 2คน ทั้งสองสวยมากหน้าตาคล้ายกัน แต่บุคลิกต่างกันราวฟ้ากับดิน ลูกสาวคนเล็กเรียบร้อย เชื่อฟัง สุภาพเหมือนกุลสตรี ดูมีรสนิยม ใครเห็นก็รัก ไม่เคยทำให้ลูกไม่สบายใจเลย แต่ทว่าลูกสาวคนโต ตั้งแต่เล็ก ชอบเอะอะงอแง ไม่ว่าจะใช้ไม้อ่อนไม้แข็งก็ปราบเธอไม่สำเร็จ เธอเป็นคนแข็งกร้าวและไม่ยอมคนค่ะ

    ปี พ.ศ.2531 ตอนลูกทั้งสองยังเป็นเด็ก พระอาจารย์ที่วัดพุทธมหายานได้เมตตาให้ลูกเป็นหัวหน้า คณะนักร้องประสานเสียงเพลงพุทธศาสนา ทำให้ลูกสาวทั้งสองของลูก กลายเป็นยุวชนพุทธที่ติดตามพ่อแม่ไปวัดโดยปริยาย
 
    ลูกสาวคนโต เข้ากับเพื่อนๆได้ดีมาก คนอื่นล้วนชื่นชมเธอว่าเป็นเด็กดี แต่เมื่อตัวลูกอยู่ด้วย เธอจะคอยพูดจาเหน็บแนมทำร้ายจิตใจของลูกเสมอ แต่ก็มีบางครั้งเมื่อเธออารมณ์ดี ยังพูดและยิ้มกับลูกบ้าง
 
    เดิมที ลูกสาวคนโตจะสนิทกับคุณพ่อและน้องสาวของเธอมาก แม้เธอมักจะเข้ากับลูกไม่ได้ แต่เมื่อปี พ.ศ.2543 เมื่อเธอเรียนจบปริญญาตรี และทำงานเป็นผู้กำกับรายการโทรทัศน์แล้ว ครั้งหนึ่งคุณพ่อของเธอทำสคริปรายการโทรทัศน์ของเธอหล่นหาย แม้ภายหลังคุณพ่อของเธอจะขอโทษเธอหลายครั้ง แต่เธอกลับไม่ยอมอภัย ตั้งแต่นั้นมาเธอมองพวกเราอย่างคนไม่รู้จักกัน แม้จะเดินสวนกันแต่ก็มองอย่างไม่ใยดี ลูกเคยถามเธอถึงสาเหตุและร้องไห้พร้อมกับพูดจาขอร้องเธอ แต่เธอยังคงใจหินไม่เปลี่ยน ไม่สนใจใยดีพ่อแม่และน้องสาวของเธอ

    ปีที่ผ่านมา ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เธอไม่ยอมไปทำงาน เอาแต่อยู่บ้าน ตื่นนอนบ่ายสามบ่ายสี่ แล้วก็ดูรายการโทรทัศน์ถึงตีสี่ตีห้าจึงเข้านอน ลูกแอบร้องไห้เพราะกลัวสามีทราบ แล้วจะมีผลกระทบต่อสุขภาพของเขา ลูกรู้ว่าเขารักลูกสาวคนโตมาก แต่สุดท้ายอาการสุขลวงๆของลูกก็ปิดสามีไม่ได้ เขารู้ว่าลูกเจ็บปวดจึงพูดว่า "เธอศึกษาธรรมะมาหลายปี ทำไมจึงปล่อยวางไม่ได้อีก หากเป็นอย่างนี้ต่อไปจะไม่ดีต่อสุขภาพ" ซึ่งจริงๆแล้วลูกก็ทราบว่าต้องปล่อยวาง เพียงแต่ว่า เมื่อตัวลูกเห็นลูกสาวคนโต ก็ไม่อาจจะใช้ปัญญาและเหตุผลมาเผชิญหน้า นี้อาจจะเป็นความทุกข์ที่ผู้เป็นแม่ต้องรับ ซึ่งผู้ที่ไม่เป็นแม่ ไม่อาจเข้าใจความรู้สึกนี้ได้

คำถาม

1.ทำไม คุณพ่อจึงรักและเอาใจคุณแม่มาก แต่เมื่อสิ้นคุณพ่อแล้ว ลูกๆทุกคนกลับไม่ค่อยดูแลคุณแม่ อีกทั้งตัวลูกตั้งแต่เด็กทำไมจึงไม่ค่อยลงรอยกับคุณแม่คะ

2.คุณแม่ตายแล้ว ไปอยู่ที่ภพภูมิใด มีอะไรฝากบอกลูกหรือไม่คะ ภายหลังจากคุณแม่เสียชีวิต ลูกและสามีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่านทุกปี แต่เพราะเหตุใดทุกครั้งที่ฝันเห็นคุณแม่ ท่านจะพูดเหน็บแนมลูกเหมือนตอนมีชีวิตเสมอ แต่ภายหลังจากลูกได้ทำบุญสร้างองค์พระให้ท่าน ก็ไม่เคยฝันร้ายอย่างนั้นอีกค่ะ

3.ทำไม ลูกจึงรู้สึกรักและผูกพันกับคุณพ่อมาก เป็นเพราะลูกเคยเกิดเป็นลูกของท่านมาก่อนในอดีตใช่หรือไม่คะ ปัจจุบันคุณพ่ออยู่ภพภูมิใด มีสภาพเป็นเช่นไร มีอะไรอยากจะฝากบอกลูก หรือไม่คะ

4.พ่อ-แม่สามีของลูก มีเมตตา รักลูกหลาน ลูกเข้ากับท่านทั้งสองได้ดีมาก ท่านทั้งสองเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ลูกกับสามีจึงสร้างพระประจำตัวให้ท่านคนละองค์ และมักทำบุญสวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้ท่านทั้งสองเสมอ ขณะนี้ท่านทั้งสองอยู่ที่ไหนมีสภาพเป็นเช่นไร อยากจะฝากบอกอะไรลูกหลาน หรือไม่คะ

5.สามีของลูกเป็นมะเร็งลูกอัณฑะเพราะวิบากกรรมใด ทำไมรักษาครั้งแรกจึงไม่หายขาด ชาติหน้ายังต้องรับวิบากกรรมนี้อีกหรือไม่ จะแก้ไขอย่างไรคะ

6.ทำไม ลูกสาวคนโตของลูกจึงมีนิสัยแข็งกร้าว มักจะเข้ากับลูกไม่ได้ เมื่อโตขึ้นเธอก็ยังมีปัญหากับคุณพ่อของเธออีก ลูกและสามีมีวิบากกรรมอะไรกับลูกสาวคนโตหรือไม่ วิบากกรรมนี้ยังมีผลถึงชาติหน้าหรือไม่คะ ควรแก้ไขวิบากกรรมนี้อย่างไร และลูกสาวคนโตจะได้รับผลกรรมนี้อย่างไรบ้างคะ ถ้าผู้เป็นพ่อแม่ไม่ถือโทษให้อโหสิกรรมแก่เธอ เธอจะได้รับวิบากกรรมอย่างไรคะ

7.ลูกสาวคนเล็กของลูกเป็นคนเรียบร้อย เธอจะเริ่มก่อร่างสร้างตัวกับแฟนหนุ่มปีนี้ ลูกปรารถนาให้ครอบครัวของเธอมาสร้างบารมีกับหมู่คณะ ไม่ทราบว่าลูกควรทำหน้าที่กัลยาณมิตรต่อพวกเขาทั้งสองอย่างไรคะ

8.บุพกรรมใดที่ทำให้ลูกต้องมารับภาระของครอบครัวเดิม คือ พี่น้องและครอบครัวใหม่ คือ สามีและลูก จนทำให้เป็นโรคเครียด ทานอาหารไม่ได้ ดื่มแต่ไมโลวันละครึ่งแก้วเป็นเวลาครึ่งปี และคิดจะฆ่าตัวตาย บุญอะไรที่ช่วยลูกไว้ไม่ให้ฆ่าตัวตายและหายจากโรคเครียดด้วยการสวดมนต์ไหว้พระ ลูกจะแก้ไขวิบากกรรมเหล่านี้อย่างไร จึงจะไม่ต้องประสบอีกทั้งในชาตินี้และชาติหน้าคะ
 
9.ทำไม ลูกจึงสลบไปขณะเดินเล่นอยู่ที่ชายหาดกับเพื่อน เพราะเหตุใดขณะที่ไม่ได้สติจึงสามารถบอกที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์แก่เพื่อนร่วมงานได้คะ

10.ลูกเคยมาช่วยงานเป็นอาสาสมัครที่วัดหลายครั้ง พอถึงวันอาทิตย์เห็นเจ้าหน้าที่วัดบางท่านที่งานติดพัน หรือวางงานไม่ลง ฯลฯ จะนั่งสมาธิอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือหน้าจอ DMC ที่ออฟฟิศภายในวัด ไม่ทราบว่าการเอากายหยาบมานั่งสมาธิในสภา ขณะที่มหาปูชนียาจารย์กำลังคุมบุญให้อยู่ กับการนั่งฟังเสียงถ่ายทอดในออฟฟิศเพียงลำพัง จะได้ผลการปฏิบัติที่ก้าวหน้าและผลบุญที่มากน้อยต่างกันอย่างไรบ้างคะ

11.ตัวลูก สามี และลูกสาวทั้งสอง เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร ทำไมถึงเกิดในต่างแดน และทำไมตัวลูกและสามีจึงได้มาพบหมู่คณะเมื่ออายุมากแล้ว แม้สามีของลูกจะไม่ได้เรียนมาด้านอักษรศาสตร์ภาษาจีนเหมือนลูก แต่ก็อ่านและศึกษาภาษาจีนมาพอสมควร เราทั้งสองควรเอาความรู้ด้านภาษาที่มีอยู่ มาช่วยเหลืองานเผยแผ่วิชชาธรรมกายอย่างไร จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับโครงงานของคุณครูไม่ใหญ่คะ
 
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง

ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ

1.เหตุที่คุณพ่อรักและเอาใจคุณแม่มากๆ เพราะท่านเองในปัจจุบันก็รักกัน ในอดีตหลายๆชาติก็เคยเป็นสามีภรรยากัน

2.คุณแม่ตายแล้ว ไปเกิดเป็นภุมมเทวา สายยักษ์

3.ที่ลูกรักและผูกพันกับคุณพ่อมาก เพราะในปัจจุบันคุณพ่อรักและเอ็นดูลูกเป็นพิเศษ ในอดีตลูกก็เคยเป็นลูกของท่านมาหลายชาติแล้ว

4.พ่อ-แม่ของสามีตายแล้ว ไปเกิดเป็นภุมมเทวา ในหมู่บ้านภุมมเทวาแห่งหนึ่ง ตอนแรกมีสภาพไม่ดีนัก แต่ภายหลังได้รับบุญที่ลูกอุทิศให้เสมอๆ จึงมีสภาพดีขึ้นมากแล้ว ท่านดีใจและขอบคุณที่ลูกส่งบุญไปให้ท่าน ทำให้ท่านมีสมบัติและอาหารทิพย์ที่ดีขึ้น ประณีตขึ้น ท่านได้ฝากความระลึกถึงลูกและสามีมาด้วย


5.สามีของลูกเป็นมะเร็งที่อัณฑะ เพราะในอดีตเคยพยายามทำหมันสุนัขที่บ้าน โดยเอาเชือกผูกอัณฑะสุนัขไว้จนมันเน่า ที่รักษาครั้งแรกไม่หายขาด เพราะวิบากกรรมที่สามีทำเอาไว้หลายครั้ง วิบากยังไม่หมดอาจส่งผลต่อไปในภพเบื้องหน้าอีก

6.เหตุที่ลูกสาวคนโตของลูกมีนิสัยแข็งกร้าว มักเข้ากับลูกไม่ได้ เพราะกรรมในปัจจุบันที่ลูกเองก็เคยเถียงมารดาในชาตินี้ และในอดีต มีอยู่ชาติหนึ่งที่ลูกเคยแข็งกร้าวใส่มารดาของตนเองเสมอๆ คล้ายๆกับลูกสาวในชาตินี้

7.ลูกสาวคนเล็กเป็นคนเรียบร้อย กำลังเริ่มก่อร่างสร้างตัวกับแฟนหนุ่มปีนี้ ลูกควรทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้เธอ โดยชวนเธอ ทำทาน รักษาศีล สร้างบุญทุกๆบุญ ทีละเล็กทีละน้อย ชวนเธอให้นั่งสมาธิภาวนา เธอมีบุญกับหมู่คณะมาบ้างอยู่แล้ว เดี๋ยวก็จะมาร่วมสร้างบุญกันอีก


8.บุพกรรมที่ลูกต้องมารับภาระของครอบครัวเดิม คือ พี่น้อง และครอบครัวใหม่ คือ สามีและลูก จนทำให้เป็นโรคเครียด ทานอาหารไม่ได้ ดื่มได้แต่ไมโลวันละครึ่งแก้วเป็นเวลาครึ่งปี คือ ในอดีต ลูกก็เคยมีนิสัยโยนภาระรับผิดชอบต่างๆให้กับพี่น้องคนอื่นๆ ทำให้พี่น้องคนอื่นเครียดมาก คล้ายๆกับลูกในชาตินี้


9.ตอนที่ลูกสลบไป ขณะที่เดินเล่นชายหาดกับเพื่อน ช่วงแรกลูกพอมีสติจึงบอกเบอร์โทรศัพท์ที่อยู่กับเพื่อนร่วมงานได้ แต่ภายหลังความจำช่วงนั้นเลือนไป จึงทำให้ลูกจำเหตุการณ์ไม่ได้


10.ลูกเคยมาช่วยงานเป็นอาสาสมัครที่วัดหลายครั้ง พอถึงวันอาทิตย์เห็นเจ้าหน้าที่วัดบางท่านที่งานติดพัน หรือวางไม่ลง แต่ก็นั่งสมาธิหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือจอ DMC ที่ออฟฟิศภายในวัด การที่เอากายหยาบมานั่งสมาธิในสภา ขณะที่มหาปูชนียาจารย์กำลังคุมบุญให้อยู่ กับการนั่งสมาธิฟังเสียงถ่ายทอดในออฟฟิศเพียงลำพัง อย่างไหนจะได้บุญมากกว่ากัน

11.ตัวลูกและสามีรวมทั้งลูกสาวคนที่สอง เคยสร้างบารมีมากับหมู่คณะแบบกองเสบียง แต่เวลาจะทำบุญมักตัดสินใจช้า จึงมาเจอกับหมู่คณะเมื่ออายุมากแล้ว และไม่ได้อธิษฐานล้อมกรอบให้มาเจอกับหมู่คณะตั้งแต่เยาว์วัย
 


 
 

บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2550-08-30.html
เมื่อ 29 มิถุนายน 2567 17:50
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv