CASE STUDY
ให้เธอได้อบอุ่น ตื่นกลางวิมาน
เรียบเรียง จากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
ออกอากาศครั้งแรก วันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2549
 
  
 
กราบนมัสการหลวงพ่อด้วยความเคารพยิ่ง

    ลูกและครอบครัวรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก ในความเมตตาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่ให้กับครอบครัวของลูก โดยเฉพาะ น้องปอ ครับ ลูกและครอบครัวขอกราบนมัสการแทบเท้ามา ณ ที่นี้อีกครั้ง ลูกมีเรื่องที่จะขอความเมตตากราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เพื่อขอความกระจ่างแก่ตัวลูก เพื่อที่จะเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตต่อไปครับ
 
    ครอบครัวของลูก มีลูกชาย 2คน ขณะนี้คนโตอายุ 12ขวบ คนเล็ก คือ น้องปอ อายุ 9ขวบ เมื่อตอนเขาอายุ 6ขวบ น้องปอมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง มองเห็นภาพซ้อนเป็นบางครั้ง ในตอนเช้าบางวันก็จะอาเจียนมาก ลูกจึงได้พาน้องปอเข้ารับการตรวจ จึงรู้ว่าป่วยเป็นโรคร้าย ตัวลูกเองเมื่อได้ทราบผลการตรวจก็เสียใจเป็นอย่างมาก สติแตก จิตใจกระวนกระวาย ทำอะไรไม่ถูก
 
    จนกระทั่งได้มีกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง คือ พี่ชายของภรรยา ได้แนะนำให้ลูกรู้จักวิธีการทำสมาธิ โดยให้แผ่นซีดี เป็นเสียงของพระเดชพระคุณหลวงพ่อนำนั่งสมาธิ ซึ่งเมื่อลูกได้ลองทำตาม ก็ทำให้จิตใจของลูกสงบลง หลังจากนั้นไม่นานลูกและครอบครัวก็ได้มาวัดพระธรรมกาย
 
    ก่อนเข้าวัด น้องปอเป็นเด็กขี้อาย ขี้งอน เอาแต่ใจบ้างเป็นบางครั้ง แต่เมื่อน้องปอมาวัดบ่อยขึ้น น้องปอก็เปลี่ยนไป กลายเป็นเด็กที่กล้าพูด กล้าถาม ไม่งอน ไม่โกรธ บางครั้งเวลาที่คุณแม่ของน้องปอหงุดหงิดกับการทำตัวของน้องปอ แต่น้องปอกลับบอกว่า “แม่จะโกรธน้องปอก็โกรธไป แต่น้องปอไม่โกรธแม่หรอก เพราะหลวงพ่อสอนให้น้องปอแผ่เมตตาทุกวัน” เมื่อได้ยินอย่างนั้น ภรรยาของลูก ถึงกับน้ำตาคลอ ซึ้งใจมาก และได้นำคำพูดของน้องปอนี้ไว้เตือนสติไม่ให้หงุดหงิดง่ายอีกต่อไป
 
    น้องปอได้เข้าวัดตอนที่ป่วย เป็นโรคมะเร็งในสมอง แล้ว ซึ่งคุณหมอได้ให้ความหวังกับลูกไว้เพียง 2ปี ครอบครัวของเราจึงเอาบุญเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะน้องปอตั้งใจสะสมบุญเป็นอย่างมาก ลูกมักจะเห็นน้องปอนั่งพนมมืออยู่หน้าจอโทรทัศน์ดูช่อง DMC ในช่วงสวดมนต์ทำวัตรเย็น ซึ่งบางครั้งในตอนแรก น้องปอดูรู้สึกเสียใจบ้างเมื่อสวดมนต์ทำวัตรเสร็จแล้ว ได้ยินคำว่า “เรามีความตายเป็นธรรมดา เราจักต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจด้วยกันหมดทั้งสิ้น” เพราะกลัวว่า จะไม่ได้เจอพ่อกับแม่และพี่ชายอีก
 
    ลูกก็รีบอธิบายให้น้องปอเข้าใจว่า ที่น้องปอได้ยินนั้นเป็นเรื่องจริง ที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกคน แต่สิ่งที่จะไม่เหมือนกันทุกคนก็คือ เมื่อคนเราตายไปแล้ว จะไปในที่ที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับบุญที่สะสมแตกต่างกัน และที่สำคัญใครมีใจใสๆ เวลาตายก็จะไปสวรรค์ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อบอกไว้ น้องปอหยุดคิดสักพักก็พยักหน้ารับว่าเข้าใจ หลังจากนั้นก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย
 
    น้องปอเป็นที่รักของทุกๆคน และชอบตักบาตร ปล่อยปลา สวดมนต์ นั่งสมาธิ ตรึกองค์พระ บางทีเมื่อน้องปอเดินผ่านกระจก ก็หัวเราะแล้วชี้ให้คุณแม่ดูในกระจกแล้วบอกว่า ภาพตัวเองในกระจกเป็นองค์พระ มีหัวแหลมๆ น้องปอชอบไปวัด ปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะงานบุญใหญ่ซึ่งเราจะไม่เคยขาดเลย น้องปอจะมีความสุขมาก และจะตะโกนต้อนรับพระเดชพระคุณหลวงพ่อว่า “กราบนมัสการครับหลวงพ่อ” ด้วยเสียงที่มีความปีติมาก
 
ลูกเคยถามว่า “ถ้าพ่อจะพาน้องปอไปเที่ยวต่างประเทศกับไปปฏิบัติธรรม จะเลือกไปไหน”
น้องปอตอบทันทีว่า “เลือกไปปฏิบัติธรรมดีกว่า โดยเฉพาะสวนพนาวัฒน์ น้องปอชอบมาก”
 
    ในวันอาทิตย์ที่น้องปอมาวัด น้องปอจะช่วยงานพี่เจ้าหน้าที่ภาค ทำงานทุกอย่าง อย่างมีความสุข มี 4คำที่น้องปอพูดวันละหลายๆครั้ง คือ “มีงานอีกมั๊ย”...เกี่ยวกับเรื่องบุญ น้องปอชอบทำบุญมาก ตั้งใจในเรื่องการทำทาน และได้ทำหน้าที่กัลยาณมิตรในการดึงญาติๆ ให้มีโอกาสมาสร้างบุญร่วมกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
 
    เมื่อตอนที่ครอบครัวของเราเข้าวัดใหม่ๆ น้องปอได้มีโอกาสสร้างองค์พระประจำตัวถวายพระสังฆาธิการ 55องค์ โดยที่ คุณลุง (พี่ชายคนที่สามของภรรยา) คุณป้า ของเขา ก็ได้ร่วมบุญกับน้องปอ และน้องปอได้ทำหน้าที่บอกบุญ และร่วมบุญสร้างอาคารภาวนา 60ปี ร่วมบุญสามแสนองค์สามแสนปลื้ม ร่วมบุญหอฉันคุณยายอาจารย์ ทำบุญเสาแก้ว 1ต้น ทำบุญเสาแก้ว 300ต้น ทำบุญ 266วัดภาคใต้ และทุกๆบุญ
 
    แม้ พี่สาวคนที่หนึ่ง และ พี่สาวคนที่สองของภรรยา ซึ่งยังไม่เห็นด้วยกับการทำทานและยังไม่ศรัทธาวัด แต่เพราะความรัก เกรงใจหลาน พวกเธอก็ได้มีโอกาสร่วมบุญในแต่ละครั้งที่น้องปอไปบอกบุญ
 
    น้องปอปฏิบัติตัวแบบนี้เป็นระยะเวลา 2ปีกว่า ควบคู่ไปกับการรักษาตัว ในบางช่วงที่น้องปอได้รับความเจ็บปวดจากการรักษา ครอบครัวของลูกก็ระลึกนึกถึงบุญ เอาบุญเป็นที่ตั้ง บางเวลาที่น้องปอปวดหัวมากๆ น้องปอก็จะนั่งสมาธิเอง ลูกไม่เคยเห็นน้องปอแสดงอาการอ่อนแอเลยแม้แต่สักครั้ง
 
    ช่วงสุดท้าย เมื่ออาการทางสมองมีมากขึ้น น้องปอจะไม่ค่อยได้ยินเสียงของคุณแม่ ซึ่งดูแลอย่างใกล้ชิด ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมตัว คุณแม่ก็ได้ตกลงกับน้องปอว่า “ถ้าน้องปอไม่ได้ยินเสียงของแม่ ที่จะคอยเตือนให้ตรึกถึงองค์พระ แม่ก็จะเอามือลูบที่ท้องน้องปอแทน เพื่อเป็นการเตือนให้นึกถึงองค์พระ” นั่นเป็นข้อตกลงที่น้องปอรับทราบ และเราก็จะใช้วิธีนี้เพื่อเตือนน้องปอบ่อยๆ จนกระทั่งน้องปอจากเราไป
 
    ครอบครัวของลูกไม่ใช่มีแต่เพียงน้องปอเท่านั้นที่เป็นมะเร็ง ตัวลูกเองก็ป่วยเป็นมะเร็งซึ่งเป็นรอบที่สองแล้ว ครั้งแรกก่อนที่ลูกจะรู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง ลูกได้ใช้ชีวิตอย่างนักกีฬา ชอบสังสรรค์ ทุ่มเทชีวิตส่วนหนึ่งใช้ในการออกกำลังกาย มีความสุขกับการได้เห็นกล้ามของตัวเองโตขึ้น แต่อีกด้านหนึ่งลูกเป็นนักเที่ยวตัวยง เพราะความที่มีเพื่อนเยอะ ทำให้มีการสังสรรค์กันบ่อยๆ ลูกดื่มเหล้ากับเพื่อน คุยกันจนถึงตีหนึ่งตีสองจึงค่อยกลับบ้าน
 
    ปี พ.ศ.2543 ลูกคลำเจอก้อนเนื้อเล็กๆ ที่ใต้รักแร้ คุณหมอ 3ท่านแรกวินิจฉัยว่า ลูกน่าจะเป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ไม่น่าจะเป็นมะเร็ง เพราะอายุก็ยังไม่มาก ร่างกายก็แข็งแรงดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอและตรวจสุขภาพเป็นประจำ แต่เมื่อตัดสินใจไปตรวจกับหมออีกท่านหนึ่ง แล้วผ่าชิ้นเนื้อออกมาพิสูจน์ หมอจึงแจ้งผลสรุปว่า เป็นมะเร็งจริงๆ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกเลิกเหล้า เลิกบุหรี่ ซึ่งก่อนหน้านั้น ภรรยาของลูกบอกให้เลิกเท่าไร ลูกก็ไม่ยอมเลิก
 
    หลังจากที่เปลี่ยนการดำเนินชีวิตใหม่ควบคู่ไปกับการรักษา เมื่อหมอได้ให้ยาเคมีบำบัดในครั้งสุดท้ายนั้น ลูกก็แทบเอาชีวิตไม่รอด เพราะจากการที่ร่ายกายของลูกอ่อนแอลง เพราะการรับยาเคมีบำบัด ลูกกลับติดอีสุกอีใสจากคนในบ้าน แทนที่ตุ่มอีสุกอีใสจะขึ้นตามผิวหนัง แต่อีสุกอีใสกลับเกิดขึ้นภายในร่างกายของลูกแทน ซึ่งทำให้เจ็บปวดทรมาน จนแทบขาดใจ เมื่ออาการทุเลาแล้ว ร่างกายของลูกก็แข็งแรงขึ้น ทุกคนคิดว่า ลูกคงจะหายจากมะเร็งและไม่กลับมาเป็นอีก แต่เมื่อปี พ.ศ.2548 มะเร็งก็กลับมาใหม่ โดยที่ครั้งที่2 ลูกคลำเจอก้อนเนื้อที่โคนขาหนีบ ซึ่งก้อนมะเร็งนี้ได้ซ่อนตัวอยู่ในมัดกล้ามเนื้อ ขณะนี้ก็กำลังรักษาตัวอยู่ทุกวิถีทางเพื่อให้หายขาด
 
    ก่อนหน้าที่ลูกจะได้มารู้จักวัดพระธรรมกาย ลูกมักจะได้พบเห็นภาพของพระองค์หนึ่งอยู่บ่อยๆแต่ไม่รู้จัก ซึ่งเหมือนกับจ้องมองมาที่ลูกไม่ว่าจะไปที่ใด บางทีก็เหมือนกับท่านยิ้มให้ บางครั้งก็ราวกับท่านกำลังตำหนิเราอยู่ โดยเฉพาะเวลาลูกคิดอะไรๆที่ไม่ดี แม้แต่เพื่อนของลูกซึ่งเป็นคนนับถือเจ้า อยู่ดีๆก็เอาภาพของพระองค์นี้มาให้ โดยไม่ได้บอกอะไร
 
    เมื่อลูกพาน้องปอเข้าวัดและได้มากราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ทำให้ลูกได้พบกับภาพของพระองค์นั้น ซึ่งก็คือ ภาพของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯนั่นเอง ทำให้ลูกรู้สึกประหลาดใจมาก อีกทั้งมาทราบทีหลังว่า พระที่ คุณพ่อของลูก ให้ไว้ห้อยคออยู่หลายปีตั้งแต่เด็กๆก็คือ พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ โดยที่ลูกไม่ทราบมาก่อนเลย
 
    คุณพ่อของภรรยา (พ่อตา) ท่านสร้างฐานะขึ้นมาด้วยสองมือเปล่าๆ โดยเริ่มต้นเปิดร้านขายน้ำแข็ง เมื่อสะสมเงินทองได้มาก ท่านก็เปิดร้านขายยา เมื่อฐานะมั่นคงดีแล้ว ท่านจึงแต่งงานและมีลูก 7คน ซึ่งภรรยาของลูกเป็นคนที่5 พ่อตาขยายกิจการเรื่อยมา จนสามารถเป็นตัวแทนขายรถหลายประเภท พ่อตาของลูกเป็นคนใจกว้างมาก ลูกน้องบริวารรักท่านทุกคน
 
    แต่เหตุการณ์ก็เปลี่ยนไป เมื่อแม่ยายของลูกได้เสียชีวิตลงในปี พ.ศ.2542 อีก 2ปีต่อมา พ่อตาของลูกได้แต่งงานใหม่กับสาวโสดวัย 48ปี พ่อตาของลูกเปลี่ยนไปมาก จากที่เคยเป็นคนใจกว้าง เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ แบ่งปัน กับทุกคน แต่มาถึงตอนนี้ กลับมีความตระหนี่มาก ลูกน้องบริวารกระจัดกระจาย หนีหาย ภรรยาคนใหม่ของท่านก็เข้ากับทุกคนไม่ค่อยได้ ชีวิตในบั้นปลายของท่าน แทนที่จะสงบสุขแต่กลายเป็นความวุ่นวาย
 
คำถาม
 
1.น้องปอทำบุญอะไร จึงมีแต่คนรักใคร่เอ็นดู และบุญใดที่ทำให้น้องปอเป็นเด็กที่มีระเบียบ รับผิดชอบตัวเองในทุกเรื่อง เป็นคนที่อดทน แม้ยามเจ็บปวดก็ไม่ทุรนทุราย เป็นเสมือนผู้ใหญ่ในร่างเด็กครับ
 
2.ตอนที่น้องปอมีชีวิตอยู่ เขาเห็นองค์พระจริงหรือไม่ครับ หรือเป็นแต่เพียงภาพนิมิตครับ
 
3.ในระยะสุดท้าย ที่น้องปอเริ่มไม่ได้ยิน พูดไม่ได้ และมองไม่เห็น ภรรยาของลูกจะนำหูฟังสวมหูของน้องปอ และเปิดแผ่นซีดีการทำสมาธิของพระเดชพระคุณหลวงพ่อไว้เกือบตลอดเวลา น้องปอได้ยินและรับรู้หรือไม่ครับ ตอนนั้นน้องปอรู้สึกอย่างไรกับพ่อ-แม่บ้าง การที่น้องปอขยับตัวไม่ได้ เขารู้สึกอึดอัดเหมือนถูกกักขังหรือไม่ครับ
 
4.ก่อนที่น้องปอจะออกจากกายหยาบ ได้รับทุกขเวทนาหรือไม่ครับ การที่หลับแล้วตื่นบนวิมาน โดยที่ไม่มีเทวรถมารับไป กำลังบุญแตกต่างกับมีเทวรถมารับอย่างไร ในหมู่ชาวสวรรค์ชื่นชมยินดีแบบไหนมากกว่ากันครับ และการที่น้องปอได้เปลี่ยนร่างจากเด็กเป็นเทพบุตรหนุ่มทันที ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นครับ
 
5.บุญเก่าในอดีตชาติของน้องปอทำมาอย่างไรครับ จึงส่งผลให้น้องปอ สามารถกลับดุสิตบุรีได้ เขาจะอยู่ที่ดุสิตบุรีนานหรือไม่ครับ เพราะชาตินี้ทำบุญเพียงระยะเวลาสั้นๆครับ เทพบุตรใหม่มีอะไรฝากบอกมาบ้างหรือไม่ครับ
 
6.ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายหรือไม่ครับ ที่น้องปอจะได้รับวิบากกรรมและอายุสั้น ต่อไปน้องปอจะมีอายุเป็นปกติหรือไม่ครับ 
 
7.ลุงและป้าของน้องปอ สร้างบุญร่วมกันมาอย่างไรครับ โดยเฉพาะป้าของน้องปอที่รักและสงสารน้องปอมาก ถึงกับให้เงินน้องปอทำหลายๆบุญ และเป็นห่วงน้องปอเหมือนลูกเลยทีเดียวครับ
 
8.ลูกทำกรรมอะไรมา จึงป่วยเป็นโรคมะเร็งถึง 2ครั้ง ครั้งแรกของการรักษาต้องทรมานกับโรคอีสุกอีใสจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เป็นเพราะเหตุใดตุ่มของอีสุกอีใสจึงไปขึ้นในตัว แทนที่จะขึ้นที่ผิวหนังด้านนอกเหมือนทั่วๆไป ทั้งลูกและน้องปอเป็นมะเร็งทั้งคู่ เราต่างทำกรรมอะไรร่วมกันมาครับ ทำอย่างไรลูกจึงจะหายจากโรคร้ายครับ
 
9.พ่อตาลูกกับภรรยาใหม่ เคยสร้างบุญร่วมกันมาอย่างไร ทำไมจึงมาพบกันตอนที่อายุมากแล้ว ทำไมความเมตตาของท่านในการปกครองบริวารจึงลดลง ทำให้ลูกน้องบริวารห่างหายครับ
 
10.ภรรยาใหม่เคยมีวิบากกรรมกับลูกๆของพ่อตาอย่างไร ทำไมจึงมีเรื่องผิดใจกันบ่อยๆ และทำอย่างไรจึงจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ทำอย่างไรพ่อตาของลูกจึงจะกลับมาเป็นผู้ที่มีจิตใจดีเหมือนเดิมครับ
 
11.เมื่อครั้งที่น้องปอป่วยหนัก คุณปู่ของน้องปอได้เชิญอาจารย์พลังจิตท่านหนึ่งมารักษาน้องปอ ในวันรดน้ำศพของน้องปอ อาจารย์พลังจิตท่านนี้บอกกับลูกว่า เห็นรอบกายของน้องปอ มีดอกพิกุลเต็มไปหมด มีเทพเทวาหลายองค์มายืนใกล้ๆร่างของน้องปอ อาจารย์พลังจิตเป็นใครครับ เขาเห็นจริงหรือไม่ครับ
 
12.ลูกได้รับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เกี่ยวเนื่องกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯมาโดยตลอด แต่ไม่รู้ตัว ลูกมีสายบุญเชื่อมกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯมาอย่างไรบ้างครับ ทำไมลูกจึงรู้สึกว่าพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯมาปรากฏให้เห็นบ่อยๆ อดีตที่ผ่านมาลูกและภรรยาและลูกชายคนโต เคยเป็นอะไรกับน้องปอ ได้ร่วมกันสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไรครับ
 
    สุดท้ายนี้ ลูกขอเป็นนักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาที่ดี จะทำหน้าที่ผู้นำบุญ ทำบุญ ชักชวนผู้คนให้มาทำความดีให้มากที่สุด ลูกและครอบครัวขอติดตาม ตามติด  สร้างบารมีกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ไปจนถึงที่สุดแห่งธรรมครับ

กราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่ออย่างสูง

ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ

1.น้องปอมีคนรักใคร่เอ็นดู เป็นเด็กมีระเบียบ รับผิดชอบตัวเองทุกเรื่อง อดทน แม้ยามเจ็บป่วยก็ไม่ทุรนทุราย เหมือนผู้ใหญ่ในร่างเด็ก เพราะบุญที่เคยสงเคราะห์ญาติและบุญที่ทำไว้ในพระพุทธศาสนา ส่งผลให้เป็นที่รักใคร่เอ็นดูของผู้คน
 

  
2.ตอนน้องปอมีชีวิตอยู่ เห็นองค์พระภายในตัว ก็เป็นกุศลนิมิตที่ชัดเจน ยังไม่เข้าถึงพระธรรมกาย แต่ก็เป็นสมาธิในระดับบรรเทาทุกข์ทรมานจากโรคร้าย และมีกำลังกุศลแรง ที่ส่งให้ไปสุคติโลกสวรรค์

  
3.ระยะสุดท้ายของน้องปอ เริ่มไม่ได้ยิน พูดไม่ได้ มองไม่เห็น ภรรยาของลูกจะนำหูฟังมาสวมหูของน้องปอ และเปิดแผ่นซีดีการทำสมาธิของหลวงพ่อไว้ตลอดเวลา ช่วงนั้นไม่ได้ยิน แค่รับรู้ด้วยใจว่า พ่อ-แม่กำลังเตือนให้นึกถึงบุญและนึกถึงองค์พระ
 
 
  
4.ก่อนที่น้องปอจะออกจากกายหยาบ ก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่ามีทุกข์เวทนาใดๆ

  
5.น้องปอสามารถกลับดุสิตบุรีได้ เพราะบุญที่ได้ทำกับหมู่คณะอย่างต่อเนื่อง ในช่วงท้ายของชีวิต อีกทั้งได้เคยทำบุญกับหมู่คณะมาหลายชาติ ดังนั้นก่อนมาเกิดก็ได้มาจากดุสิตบุรี และได้กลับไปอยู่ที่เดิม
 


  
6.ชาตินี้ก็ยังไม่ได้เป็นชาติสุดท้ายของวิบากกรรมนี้ แต่ว่าบุญที่ทำเอาไว้ทั้งเก่าและใหม่ ก็ไปตัดรอนวิบากกรรมลงไปได้เยอะแล้ว แต่ก็ยังไม่หมด

  
7.ลุงและป้าของน้องปอ สร้างบุญร่วมกันมา โดยได้เป็นคู่บุญคู่บารมีกันมาหลายชาติ ดังนั้นจึงมี ศรัทธา ศีลและทิฐิ เสมอกัน ชาตินี้จึงได้สร้างบุญบารมีร่วมกันอีก

8.ลูกป่วยเป็นมะเร็งถึง 2ครั้ง เพราะกรรมปาณาติบาตและอทินนาทานา รวมทั้งมุสา คือ ผิดศีลข้อ1, 2, 4 ในอดีต มาส่งผล
 

9.พ่อตาของลูกกับภรรยาใหม่ มาพบกันตอนอายุมากแล้ว เพราะเคยเป็นสามี-ภรรยากัน โดยในชาติหนึ่ง ภรรยาใหม่ได้เป็นภรรยาน้อย จึงเกิดความอึดอัดไม่อยากเป็นภรรยาน้อยอีก ดังนั้นเมื่อสร้างบุญร่วมกัน ก็ได้อธิษฐานขออย่าได้เป็นภรรยาน้อยอีกเลย
  
10.ภรรยาใหม่ของพ่อตากับลูกๆของพ่อตา มีเรื่องผิดใจกันบ่อยๆ เพราะเหตุในปัจจุบันเป็นหลัก ที่เกี่ยวกับทรัพย์
 

11.เมื่อครั้งน้องปอป่วยหนัก คุณปู่ของน้องปอได้ไปเชิญอาจารย์ที่มีพลังจิตท่านหนึ่งมารักษา ในวันรดน้ำศพของน้องปอ อาจารย์พลังจิตบอกว่า เห็นรอบกายน้องปอมีดอกพิกุลและเทวาหลายองค์มายืนใกล้ๆร่างของน้องปอนั้น
 
  
12.ลูกก็มีสายบุญกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย เพราะเคยสร้างบุญกับหมู่คณะมา โดยชาติที่ผ่านมา ก็เป็นกองเสบียง ประเภทบางครั้งก็เต็มที่ บางครั้งก็ตามอารมณ์
 
 

บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2551-01-16.html
เมื่อ 29 มิถุนายน 2567 01:39
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv