CASE STUDY
เกือบไป (ชีวิตสมณะ)
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
ออกอากาศครั้งแรก วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2549
 
  
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงครับ
 
    ผม เข้าวัดพระธรรมกายตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 และมาวัดอย่างต่อเนื่อง รวมเวลาได้ 28ปีเต็มแล้วครับ ผมทุ่มเททำหน้าที่ผู้นำบุญ ก่อตั้งศูนย์ปฏิบัติธรรม “ธรรมเศรษฐี” ที่คลองเตย, จัดตั้งชมรมคลายเครียดที่สวนลุมพินี, ริเริ่มกิจกรรมตักบาตร และชักชวนคนใหม่ที่สวนลุมพินี ขึ้นไปปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนหลายร้อยคน, สามารถบอกบุญองค์พระได้มากกว่า 300องค์, เปิดบ้านกัลยาณมิตรร่วม 1,000หลัง ติดจานดาวธรรมได้ถึง 100กว่าจาน และยังทำหน้าที่อาสาสมัครนำชมวัดเป็นภาษาจีนอีกด้วยครับ ผมกราบขอความเมตตาคุณครูไม่ใหญ่ฝันในฝัน ดังนี้ครับ
 
    พ่อของผม เป็นคนจีน ย้ายมาอยู่เมืองไทยตั้งแต่อายุ 28ปี พ่อเริ่มสร้างฐานะด้วยอาชีพรับเป็ด-ไก่จากทั่วทุกภาค ส่งขายต่อให้ลูกค้ารายใหญ่ในกรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียง ด้วยอุปนิสัยขยันและเอาจริงเอาจังของพ่อ นับวันกิจการก็โตขึ้นเรื่อยๆ เริ่มต้นจากโรงไก่เล็กๆ แล้วขยับขยายเป็นโรงไก่ขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว ต่อมาจึงเปิดเป็นบริษัทฯค้าสัตว์ปีกร่วมกับเพื่อนฝูงโดยมีพ่อเป็นผู้จัดการ...จริงอยู่...ถึงจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยเวรปาณาติบาต เพราะต้องฆ่าสัตว์วันละไม่ต่ำกว่าพันชีวิต
 
    พ่อเป็นคนเฉียบขาด น่าเกรงขาม ถึงพ่อจะไม่เคยได้เข้าวัด แต่ก็มีน้ำใจช่วยเหลือญาติพี่น้องเสมอ หากญาติพี่น้องคนใดขัดสนเงินทอง ไม่มีเงินซื้อโลงศพหรือฮวงซุ้ย พ่อก็จะเป็นธุระให้อย่างเต็มใจ
 
    นอกจากอาชีพค้าเป็ด-ไก่แล้ว พ่อเคยเปิดโรงงานทำวุ้นเส้น ลงทุนไปก้อนโตแต่ไม่นานก็ถูกโกง ภายหลังจึงหันมาเปิดร้านขายอะไหล่รถยนต์ จึงมีรายได้เสริมมาอีกทางหนึ่ง แต่พ่อก็ยังไม่เลิกอาชีพค้าเป็ด-ไก่ กระทั่งคืนหนึ่ง พ่อฝันว่า ป้าที่เสียชีวิตไปนานแล้ว มาขอส่วนบุญจากพ่อ แต่พ่อกลับไล่ตะเพิดไปอย่างไม่ไยดี เพราะสมัยที่ป้ายังมีชีวิตอยู่ พ่อกับป้าไม่ถูกกัน
 
    วันต่อมา พ่อก็ล้มป่วยลงอย่างกะทันหัน ท้องร่วงรุนแรง ถึงกับหมดสติไปนานหลายวัน จนหมอลงความเห็นว่า คงไม่รอดแน่ แต่พอเข้าวันที่สาม จู่ๆพ่อก็ลืมตาขึ้น พอได้สติกลับคืนมา พ่อก็รีบบอกให้ผมไปไหว้พระ บอกว่าที่พ่อรอดมาได้ก็เพราะพระช่วยพากลับมา พ่อยืดอายุมาได้อีก 3ปี แต่แล้ววันหนึ่งก็หายใจไม่ออก เป็นเหตุให้เสียชีวิตลงทันทีขณะอายุได้ 59ปี
 
    ห้าปีต่อมา ภรรยาของผมเข้าไปทำความสะอาดห้องนอนที่พ่อเคยอยู่ ขณะที่เปิดตู้เก็บของ ปรากฏว่ามีวัตถุชิ้นหนึ่ง ตกลงมาที่พื้น เธอจึงหยิบขึ้นมา แล้วรีบเอาไปวางไว้ที่เดิม โดยที่ไม่ทันสังเกตว่าคืออะไร แต่แปลกที่วัตถุชิ้นนั้นกลับตกลงมาอีก เธอก็หยิบไปวางใหม่อีก แต่ก็ยังตกลงมาอีก จนเธอนึกเอะใจ ก็เลยหยิบมาให้ผมดู ปรากฏว่าเป็นหัวเข็มขัดของพ่อ
 
    ผมลองเอาไปให้ร้านทองดู ทราบว่าเป็นทองแท้หนักห้าบาท เจ้าของร้านเห็นเข้าก็อยากได้ ถึงขนาดตามมาขอซื้อถึงที่บ้าน แต่ผมก็ไม่ยอมขาย เพราะตั้งใจจะนำไปถวายคุณยายอาจารย์ เพื่อร่วมบุญหล่อรูปเหมือนทองคำ พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ในนามของพ่อ หลังจากถวายหัวเข็มขัดไปแล้ว ผมก็ได้มากราบคุณยายอาจารย์อีกครั้ง คราวนี้ผมยื่นรูปถ่ายของพ่อถวายให้กับคุณยายอาจารย์ แล้วกราบขอบารมีธรรมของคุณยายอาจารย์ให้ช่วยพ่อของผมด้วย
 
    คุณยายอาจารย์รับรูปนั้นมาดู หลับตานิ่งครู่หนึ่ง สักพักก็พูดขึ้นว่า “อือ...คุ้นๆ จำได้แล้ว ไม่ต้องแล้ว” ผมได้แต่ทำหน้างงๆ เพราะแทนที่คุณยายอาจารย์จะเก็บรูปนั้นไว้เหมือนเช่นทุกรายที่มาขอให้ท่านช่วย แต่ท่านกลับส่งคืนให้ผม ถึงอย่างไรผมก็มั่นใจว่า คุณยายอาจารย์ไม่ทิ้งพ่อของผมอย่างแน่นอนครับ
 
    พี่ชายคนที่สอง เป็นคนเรื่อยเฉื่อย หยิบจับการงานสิ่งใด ก็ไม่ใคร่จะประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ก่อนพ่อเสียชีวิต ท่านได้ยกร้านอะไหล่รถยนต์ให้ผมดูแล แต่เพราะผมเป็นน้อง จึงตัดสินใจยกกิจการให้พี่ไป ส่วนผมก็ย้ายไปเปิดร้านของตัวเอง แต่ยังไม่ทันไร กิจการที่พี่ชายรับช่วงต่อ ก็มีปัญหาหนี้สินมากมาย พี่ชายถึงกับถูกขู่ฆ่า ผมนึกสงสารก็เลยเข้าไปช่วย ในที่สุดก็เลยติดร่างแหไปด้วย...
 
    เรื่องมีอยู่ว่า พี่ชายนำโฉนดที่ดินไปค้ำประกันกับเจ้าหนี้รายหนึ่ง ผมพยายามเจรจาเพื่อขอผ่อนจ่าย แต่เขาก็ไม่ยอม ดึงดันจะยึดบ้านให้ได้ แล้ววันหนึ่ง ผมรู้สึกปวดหัวอย่างมาก จนไปเฝ้าร้านของพี่ชายไม่ไหว จึงได้โทรศัพท์ตามน้องชาย ขอร้องให้เขาไปดูแลร้านแทน น้องชายก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย
 
    วันต่อมา ขณะที่น้องชายนั่งเฝ้าร้านอยู่ เวลาบ่ายคล้อย ก็มีชายฉกรรจ์สองคนขี่มอเตอร์ไซด์มาจอดที่หน้าร้าน ทันทีที่ชายคนหนึ่งในนั้น ได้เห็นหน้าน้องชาย...
 
เขาตกใจ รีบถามขึ้นว่า “มาที่นี่ทำไม”
น้องชายตอบว่า “ก็นี่บ้านผมเอง”
 
    โชคดีที่ต่างคนต่างก็จำกันได้ว่า เพิ่งจะได้เจอกันเมื่อสามวันก่อน และเขาทำงานที่เดียวกับเพื่อนของพี่ชายคนที่สาม
 
    คืนนั้น พี่ชายคนที่สามก็พาผมไปพบเขา จึงได้รู้ว่า เขาถูกว่าจ้างให้มาฆ่าผม โดยให้ค่าหัวสามหมื่นบาท แต่พอเขารู้ว่าเป็นพี่น้องของคนรู้จัก ก็ไม่อยากจะลงมือ แต่เพราะกฎเหล็กของมือปืน คือ หากรับเงินแล้ว มีทางเดียวคือต้องฆ่า และหากฆ่าไม่สำเร็จ ก็จะต้องถูกตามฆ่าเสียเอง
 
    ดังนั้น เขาจึงได้ยื่นข้อเสนอระหว่าง จะให้เขากลับไปฆ่าผู้ว่าจ้าง หรือจะมอบเงินให้เขาพาครอบครัวหลบหนีไปอยู่ที่อื่น ผมจึงตัดสินใจมอบเงินสามหมื่นบาทให้เขาไปทันทีเพื่อรักษาชีวิตไว้ แล้วเรื่องทุกอย่างถึงลงเอยด้วยดี ปัจจุบันพี่ชายคนที่สองที่ก่อหนี้สินไว้ได้เสียชีวิตแล้ว ด้วยโรคหัวใจขณะอายุได้ 55ปี
 
   ภรรยาของผม มีพรสวรรค์ด้านตัดเย็บเสื้อผ้า เธอเคยคว้ารางวัลชนะเลิศจากการประกวดชุดราตรี จนได้รับตั๋วเครื่องบินไปกลับ ประเทศไทย-ฮ่องกง แต่วันที่ต้องไปฮ่องกง เผอิญมาตรงกับวันบวชของเพื่อนของญาติคนหนึ่งพอดี แน่นอนว่าเธอต้องเลือกไปฮ่องกงโดยไม่ต้องสงสัย
 
    แต่แล้วก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอต้องเปลี่ยนใจ จู่ๆก็มีเสียงผู้หญิงแก่กระซิบที่ข้างหู บอกเธอว่า “ให้ไปเจอเขาได้แล้ว” เธอขนลุกซู่ รีบโทรศัพท์ไปยกเลิกตั๋วนั้นทันที แล้วตัดสินใจไปร่วมงานบวชโดยไม่ลังเลใจ ส่วนผมเองก็ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานบวชเช่นเดียวกัน จุดนี้จึงเป็นเหตุให้เธอกับผมได้มาเจอกันเป็นครั้งแรก
 
    เมื่อเราทั้งคู่พบกัน เราต่างรู้สึกคุ้นเคยเหมือนว่าได้รู้จักกันมาแล้วเนิ่นนาน ภายหลังจากงานบวช เราต่างคนก็ต่างดูใจกันไม่ทันถึงปี ก็ตัดสินใจแต่งงานกัน ต่อมาได้มีพยานรักด้วยกัน 3คน เป็นชาย 2คน หญิง 1คน ปัจจุบันเธออายุ 51ปีแล้ว ได้อุทิศตัวเป็นครูสอนโยคะ ที่สวนลุมพินี และยังทำหน้าที่กัลยาณมิตร ชักชวนคนใหม่มาวัดอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลากว่า 20ปีแล้วครับ
 
    ผมและภรรยา ชวนกันเข้าวัดตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 เป็นต้นมา และยังสวดมนต์นั่งสมาธิเป็นประจำทุกวัน เรามีลูกด้วยกัน 3คน คือ ลูกชายคนโต ลูกชายคนกลาง และลูกสาวคนเล็ก ลูกทุกคนจึงได้เข้าวัดและฟังเสียงสวดมนต์ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่
 
    ครั้งหนึ่งมี อุบาสกรุ่นเก่าท่านหนึ่ง (ปัจจุบัน มรณภาพในเพศพระภิกษุได้หลายปีแล้ว) เดินตรงรี่เข้ามาหาผม ทั้งๆที่ยังไม่เคยรู้จักมาก่อน ท่านจับมือผมแล้วทักขึ้นว่า “ชาติก่อนเราเคยเป็นพี่น้องท้องแม่เดียวกัน ชาตินี้ถึงจะไม่ได้เป็นพี่น้อง แต่ก็ยังเป็นสายบุญเดียวกัน” และกำชับว่าให้นำลูกคนโตไปถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ส่วนลูกคนเล็กให้ถวายคุณยายอาจารย์ แต่สำหรับลูกคนกลางนั้นให้ไปเรียนให้จบด๊อกเตอร์
 
    ผมแปลกใจว่า ท่านรู้ได้อย่างไรว่าผมมีลูกสามคน ทั้งๆที่วันนั้น ลูกๆของผมก็ไม่ได้มาวัดด้วย อาทิตย์ถัดมา ผมจึงพาลูกชายคนโตไปถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่ศาลาดุสิต ส่วนลูกสาวคนเล็กผมก็ยกให้เป็นลูกคุณยายอาจารย์ ท่านรับมาอุ้มไว้บนตัก  แล้วบอกผมว่า “ฝากกลับไปเลี้ยงด้วยนะ”
 
    ลูกชายคนโตของผม เกิดตรงกับวันมาฆบูชาปี พ.ศ.2521 ก่อนคลอด เขาอยู่ในท้องในท่านั่ง ไม่ยอมคว่ำหัว ลงหมอจึงตัดสินใจทำคลอดโดยวิธีผ่าท้อง พอลูกชายเริ่มหัดพูด คำแรกที่เขาพูดขึ้นมา คือ คำว่า “ตัสสะ”
 
ผมถามว่า “อะไรนะ”
เขาก็ตอบว่า “ตัสสะ” พูดย้ำคำเดิมถึง 3ครั้ง
 
    พอพูดจบก็หัวเราะเหมือนรู้เดียงสา แล้วก็เรียกผมว่า “ป่าป๊า” ผมแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ เพราะได้ยินชัดเจนเต็มๆทั้งสองหูเลยครับ สมัยที่ลูกชายคนโตยังเด็ก เขาจะชอบอยู่ธุดงค์มาก ยังเคยได้ติดตามพระไปอยู่ธุดงค์ที่ถ้ำเชียงดาวอยู่นานเป็นเดือน แต่ไม่ว่าจะไปดูดวงที่ไหนๆ ทั้งพระทั้งหมอดูต่างก็ทักเหมือนๆกันว่า เขาจะต้องบวชตลอดชีวิต จนลูกชายเริ่มจะกลัว
 
    พอโตเป็นวัยรุ่นเต็มตัว เขาก็เริ่มห่างวัด หลังจากเรียนจบแล้วก็ไม่ยอมมาวัดอีกเลยครับ ตรงกันข้ามกับลูกชายคนกลางซึ่งถูกทักให้ไปเรียนให้จบด๊อกเตอร์ ลูกคนนี้กลับได้บวชเป็นสามเณรถึงสองครั้ง ล่าสุดก็เพิ่งบวชพระช่วงสั้นที่วัดสาขาของวัดพระธรรมกาย และตอนนี้ได้มาเป็นอาสาสมัครช่วยงานวัดอย่างแข็งขัน ด้วยเหตุผลที่เขาบอกว่า เขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะลุยสร้างบารมี เพื่อที่จะสานฝันให้โลกนี้งดงาม
 
    ครั้งหนึ่ง มีเหตุการณ์อัศจรรย์เกิดขึ้น  ตอนนั้น ผมเตรียมจะเซ้งร้านใหม่ วันรุ่งขึ้นก็จะย้ายออกไป แต่แล้วเช้าวันนั้น ขณะที่ภรรยาเปิดประตูห้องนอนออกมาในตอนเช้า ปรากฏว่า มีพระเลี่ยมทองขนาดเล็กเท่านิ้วก้อยจำนวนสามองค์ วางเรียงอยู่ที่พื้นหน้าห้อง โดยที่ไม่รู้ว่ามาได้อย่างไร แต่ผมคาดว่า ผู้ที่เอามาให้คงอยากมอบให้ลูกของผมทั้งสามคน เพื่อให้ไว้เป็นพระประจำตัว พระเกจิท่านว่า น่าจะเป็นพระศักดิ์สิทธิ์จากพิษณุโลก
 
คำถาม
 
1.การที่พ่อล้มป่วยกะทันหันเกี่ยวข้องกับป้าที่มาเข้าฝันหรือไม่ วิญญาณของพ่อไปไหนในช่วงสามวันที่ไม่รู้สึกตัว ทำไมพ่อจึงบอกว่า “พระพากลับมา” พ่อรอดชีวิตมาได้เพราะบุญใดครับ
 
2.พ่อจากไปอย่างสงบ โดยที่ไม่ทุรนทุรายเลย ขณะจากไปพ่อรู้สึกอย่างไร มีกรรมนิมิตเป็นอย่างไร ละโลกแล้วไปไหน พ่อทำอาชีพค้าสัตว์ปีกมา 30กว่าปี กรรมนี้ส่งผลในชาตินี้และชาติต่อๆไปอย่างไรครับ
 
3.เป็นเพราะพ่อหรือไม่ จึงทำให้ภรรยาของผมเห็นหัวเข็มขัดทอง เหตุใดถึงไม่มีใครเห็นเลยตลอด 5ปีที่ผ่านมา ทั้งๆที่ห้องนั้น เคยมีเพื่อนของผมมาขอพักอาศัยอยู่นานเกือบปีครับ
 
4.พ่อได้รับบุญที่ผมนำหัวเข็มขัดทองไปถวายคุณยายอาจารย์แล้ว ใช่หรือไม่ครับ คุณยายอาจารย์ได้ส่งรูปถ่ายของพ่อคืน เป็นเพราะท่านได้ช่วยพ่อของผมแล้วหรือครับ ขณะนี้พ่อมีสภาพดีขึ้นอย่างไร ท่านมีอะไรฝากบอกผมหรือไม่ครับ
 
5.พี่ชายคนที่สองมีวิบากกรรมใด จึงทำงานสิ่งใดก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนต้องเป็นหนี้ และผมมีวิบากกรรมใดถึงต้องมารับหนี้สินที่พี่ชายก่อไว้ แล้วยังถูกมือปืนรับจ้างตามฆ่าอีก แต่เพราะบุญใดจึงรอดมาได้อย่างหวุดหวิด พี่ชายตายแล้วไปไหน ได้รับบุญที่อุทิศไปให้หรือยังครับ
 
6.เสียงของผู้หญิงแก่ที่ภรรยาของผมได้ยินมากระซิบที่ข้างหู เป็นเสียงของใคร เธอต้องการจะบอกอะไรหรือครับ ปัจจุบันหูข้างขวาของภรรยาใช้งานไม่ได้ เป็นเพราะวิบากกรรมใด และจะต้องแก้ไขอย่างไร การที่เธอสนับสนุนให้ผมมาบวชโดยที่ไม่มีห่วงกังวล จะช่วยให้เธอพ้นจากวิบากกรรมหรือไม่ครับ ภรรยาฝากกราบเรียนถามว่า ชาติต่อไปเธออยากบวชกับหมู่คณะ จะสมปรารถนาหรือไม่ และจะต้องทำอย่างไรครับ
 
7.อดีตชาติ ผมกับอุบาสกท่านนั้น เคยเกิดเป็นพี่น้องกันจริงหรือไม่ ทำไมท่านถึงต้องกำชับให้เอาลูกคนโตและคนเล็ก ไปถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อและคุณยายอาจารย์ ส่วนลูกคนกลางให้ไปเรียนด๊อกเตอร์ครับ ท่านมรณภาพแล้วไปไหนครับ
 
8.มีพระที่วัดแห่งหนึ่งทักลูกชายคนกลางว่า ชาติที่แล้วเป็นลูกศิษย์ของท่าน โตขึ้นให้เอามาคืนท่านด้วย ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ครับ แต่ทำไมลูกคนกลางถึงชอบมาวัดพระธรรมกายมากกว่าครับ
 
9.ลูกชายคนโตพูดคำแรกว่า “ตัสสะ” 3ครั้งแล้วหัวเราะ เป็นเพราะเหตุใดครับ เหตุใดลูกคนนี้ถึงได้ชอบอยู่ธุดงค์ แต่พอโตแล้วกลับไม่ยอมเข้าวัด เขามีผังที่จะได้บวชตลอดชีวิต ตามที่พระและหมอดูทักหรือไม่ครับ
 
10.พระเลี่ยมทองสามองค์ที่ภรรยาเจอหน้าห้องนอน มาได้อย่างไร ใครเอามาวางไว้ และเอามาให้ทำไมครับ เป็นพระศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ครับ
 
11.ถ้าพ่อ-แม่เข้าวัด สวดมนต์และนั่งสมาธิ จะดึงดูดผู้มีบุญให้มาเกิดเป็นลูก จะเป็นอย่างนี้ทุกรายหรือไม่ครับ หรือว่าขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นด้วย, ลูกทั้งสามของผม มาเกิดในท่านั่งทุกคน จนหมอต้องทำคลอดด้วยวิธีผ่าท้อง อย่างนี้จะเรียกว่ามีบุญมาเกิดหรือไม่ครับ ลูกของผมทั้งสามคน มีสายบุญมากับหมู่คณะมากน้อยเพียงใดครับ
 
กราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่ออย่างสูง

ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
1.พ่อล้มป่วยกะทันหัน ก็ไม่เกี่ยวกับป้าที่มาเข้าฝัน แต่เป็นเพราะจิตนิวรณ์ที่พ่อยังผูกโกรธป้าอยู่ลึกๆ เพราะสมัยที่ป้ามีชีวิตอยู่ พ่อกับป้าไม่ถูกกัน
 
 
 
2.พ่อจากไปอย่างสงบ ตายแล้วด้วยกรรมนิมิตที่ไม่หมองไม่ใส จึงวนเวียนอยู่ 7วัน แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ในยมโลกของมหานรกขุมหนึ่ง มารับตัวไป แล้วก็ถูกพิพากษาให้ไปถูกทัณฑ์ทรมาน ด้วยวิบากกรรมปาณาติบาต
 
 
 
3.ภรรยาเห็นหัวเข็มขัดทอง เพราะบังเอิญไปเห็น ไม่ใช่เพราะพ่อที่ตายทำให้เห็น หัวเข็มขัดทองนี้อยู่ในห้องนี้มานานแล้ว แต่ว่าไม่ได้สังเกตเห็นจึงไม่ได้เห็นเท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไรพิสดารไปกว่านี้

 
4.พ่อได้รับบุญที่ลูกนำหัวเข็มขัดทองไปถวายคุณยายอาจารย์แล้ว และคุณยายอาจารย์ก็เอาบุญไปช่วยพ่อของลูก จึงทำให้ท่านพ้นจากยมโลกของมหานรกขุมหนึ่ง และไปเกิดเป็นเทวดาสายครุฑ ระดับล่าง อยู่ในป่างิ้วสีทองของหิมพานต์หรือป่าฉิมพลี
 

 
5.พี่ชายคนที่สอง ไม่ประสบความสำเร็จเรื่องงานเลย แถมเป็นหนี้ เพราะทำทานในอดีตมาน้อย เวลาช่วยเหลือใครก็จะเอาบุญคุณ และหากทำไม่ถูกใจก็จะไปทวงคืน
 
 
 

 
6.เสียงของผู้หญิงแก่ ที่ภรรยาได้ยินมากระซิบข้างหู เป็นเสียงบุญในตัวบันดาลให้เกิดเสียงนี้ เพราะเคยทำบุญร่วมกันมา แล้วอธิษฐานขอให้ได้มาเป็นสามี-ภรรยากันอีก เลยเป็นเหตุให้มาเจอกัน และได้เป็นสามี-ภรรยากัน
 
 

 
 
7.ลูกกับอดีตอุบาสกซึ่งต่อมาบวชเป็นพระ ก็เคยเกิดเป็นพี่น้องกัน แล้วก็ได้ท่านเป็นกัลยาณมิตร มาหลายชาติแล้ว

8.มีพระที่วัดแห่งหนึ่ง ทักลูกชายคนกลางว่า ชาติที่แล้วเป็นลูกศิษย์ของท่าน โตขึ้นให้เอามาคืนท่านด้วย ก็เป็นเรื่องของความรักและปรารถนาดีของท่าน ที่จะให้ลูกชายคนกลางนี้ อยู่ในเส้นทางธรรม

9.ลูกชายคนโตพูดคำแรกว่า “ตัสสะ” 3ครั้งแล้วหัวเราะนั้น ก็เป็นคำที่พ่อและแม่สอนให้ลูกสวดมนต์ตั้งแต่อยู่ในท้อง คำๆนี้ก็เลยติดอยู่ในใจของลูกคนนี้ แต่ก็พูดได้ไม่ชัดมาก แค่คล้ายๆเท่านั้น
 
 
 
10.พระเลี่ยมทอง 3องค์ที่ภรรยาเจอที่หน้าห้องนอนนั้น ก็เป็นพระที่พี่ชายคนที่สองแอบเอามาให้เป็นของขวัญ เพื่อให้เซอร์ไพรซ์ (surprise) จะได้มีความรู้สึกที่ดีว่า พระท่านศักดิ์สิทธิ์มาเองได้
 
 
 
11.ถ้าพ่อ-แม่เข้าวัด สวดมนต์ นั่งสมาธิ ก็จะมีส่วนในการดึงดูดให้ผู้มีบุญมาเกิด แต่ยกเว้นผู้ที่พ่อ-แม่-ลูก มีวิบากกรรมพิเศษผูกมา เช่น กรรมสนับสนุนให้ดื่มสุรา เป็นต้น


  
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2551-02-06.html
เมื่อ 28 มิถุนายน 2567 19:00
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv