ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มหาชนก   ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี  ตอนที่ 9
 
 
    จากตอนที่แล้ว พระโพธิสัตว์ทรงยืนยันว่า เป็นลูกผู้ชายควรพยายามเรื่อยไป หากพยายามแล้วแต่ไม่สำเร็จ แม้จะตายก็ชื่อว่าไม่เป็นหนี้ ส่วนนางเทพธิดาก็ได้กล่าวแย้งว่า “การงานอันใด แม้ทุ่มเทจนสุดกำลังแล้ว  ก็ยังไม่บรรลุผลสำเร็จ การงานนั้นก็นับว่าไร้ผล เป็นความสูญเสียเปล่า ไม่เกิดประโยชน์”

    พระมหาชนกได้กล่าวแก้ว่า “ถ้าเราละความเพียรเสีย ก็ชื่อว่าไม่รักษาชีวิตของตน ผลก็คือต้องกลายเป็นคนเกียจคร้าน ท่านก็ประจักษ์แล้วมิใช่หรือ ว่าคนอื่นๆ พากันจมในมหาสมุทรหมดแล้ว เราคนเดียวยังว่ายอยู่ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นท่านซึ่งมาสถิตอยู่ใกล้ๆ 

    เทพธิดาได้สดับพระดำรัสของพระมหาชนก ก็นึกเลื่อมใสในภาษิตของพระองค์ ได้อุ้มพระมหาชนกโพธิสัตว์ขึ้นจากน้ำ นำไปสู่มิถิลานครให้บรรทมบนแผ่นมงคลศิลาในพระราชอุทยานโดยคลุมผ้าไว้ แล้วได้มอบให้ภุมเทวดาในที่นั้นอารักขาต่อไป

    ส่วนพระเจ้าโปลชนกผู้ครองกรุงมิถิลา ก่อนจะสวรรคตได้ตรัสบอกคุณลักษณะของผู้ที่จะสืบราชสมบัติต่อจากพระองค์ คือ
 
 
 
 
 
 
 


  • ขุมทรัพย์ที่ไม้รังใหญ่ทั้งสี่ ขุมทรัพย์ในที่โยชน์หนึ่งโดยรอบ 
  • ขุมทรัพย์ใหญ่ที่ปลายงาทั้งสอง ขุมทรัพย์ที่ปลายขนหาง
  • ขุมทรัพย์ในน้ำ และขุมทรัพย์บนยอดไม้
 
 

    เมื่อถวายพระเพลิงพระบรมศพพระเจ้าโปลชนกราชเสร็จแล้ว  เหล่าอำมาตย์และข้าราชการทุกหมู่เหล่า ก็ประชุมปรึกษากันถึงเรื่องที่พระราชาตรัสไว้ว่า ให้มอบราชสมบัติแก่บุคคลที่สามารถทำให้พระราชธิดาชื่นชมยินดี 
 
    ครั้นประชุมกันแล้ว พวกอำมาตย์มีความเห็นว่า เสนาบดีเป็นผู้รับใช้ใกล้ชิดของพระราชา คงสามารถทำให้พระราชธิดายินดีได้  จึงส่งข่าวให้เสนาบดีทราบ ครั้นเสนาบดีได้ฟังข่าว ก็เข้าพระราชวังทันที 

    พระราชธิดาทรงทราบว่า เสนาบดีนั้นมาเพื่อราชสมบัติ จึงมีพระประสงค์จะทดสอบเสนาบดีว่า จะมีปัญญาพอที่จะรองรับสิริแห่งเศวตฉัตรได้หรือไม่ จึงรับสั่งให้ท่านเสนาบดีเข้าเฝ้า 

    เสนาบดีครั้นได้รับอนุญาตจากเหล่าพระประยูรญาติและหมู่อำมาตย์แล้วก็ดีใจ จึงรีบไปเข้าเฝ้าด้วยใจที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง

    พระราชธิดาเมื่อจะทรงทดลองเสนาบดี จึงตรัสสั่งให้เขาวิ่งเข้าไปในพระตำหนัก  เนื่องจากต้องการที่จะให้พระราชธิดาทรงยินดี เสนาบดีจึงรีบวิ่งไปภายในพระตำหนัก 

    ครั้นทรงเห็นเสนาบดีวิ่งไปจนสุดทางแล้ว ก็รับสั่งให้วิ่งกลับมาอีก ท่านเสนาบดีก็วิ่งกลับมาตามรับสั่ง

    ครั้นให้เสนาบดีทำอาการแปลกๆ ได้ดังนี้ ก็ทรงทราบว่าเสนาบดีมิได้มีปัญญาพอที่จะทรงสิริแห่งเศวตฉัตรไว้ได้ จึงรับสั่งให้มานวดพระบาท

    เมื่อสิ้นกระแสรับสั่ง เขาก็นั่งลงเพื่อจะนวดพระบาท  พระราชธิดาจึงถีบอกของเสนาบดีจนล้มหงาย แล้วตรัสสั่งพวกนางข้าหลวงให้นำตัวออกไป

    เสนาบดีถูกพระราชธิดาขับออกมา เมื่อถูกพวกอำมาตย์ถามว่า เป็นอย่างไรบ้าง ก็ตอบว่า “พวกท่านอย่าถามเลย พระนางดุร้ายเหมือนไม่ใช่คน คงเป็นยักษิณีแปลงมาเป็นแน่”

    เมื่อพวกอำมาตย์เห็นว่า ท่านเสนาบดีทำไม่สำเร็จ แล้วยังได้รับความอับอายกลับออกมา  จึงส่งอำมาตย์ผู้รักษาท้องพระคลังเข้าไปทดลองดูบ้าง  แต่เขาก็ถูกพระราชธิดาทำให้ต้องอับอายกลับมาเหมือนเดิม

    พวกอำมาตย์เมื่อเห็นว่าไม่สำเร็จ จึงให้เจ้าพนักงานเชิญเครื่องสูง เจ้าพนักงานเชิญพระแสง  เข้าไปทดลองดูบ้าง แม้เขาทั้งสองก็ถูกพระราชธิดาขับไล่ออกมาเช่นเดิม

    จากนั้นก็ได้ป่าวประกาศให้มหาชนได้รับทราบ  ถึงบุคคลที่มีคุณสมบัติจะได้มาครองราชย์ ทำให้พวกมหาเศรษฐี พราหมณ์มหาศาล  และนักปราชญ์บัณฑิตทั้งหลายเข้าร่วมชิงชัย  แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำได้สำเร็จ  แถมยังต้องได้ความอับอายขายหน้ากลับไปกันทุกคน

    พวกอำมาตย์ปรึกษากันว่า เมื่อผู้เข้าชิงตำแหน่งรัชทายาท ไม่สามารถทำให้พระราชธิดาพอพระหฤทัยได้  ก็ควรให้โอกาสท่านเหล่านั้น ได้ทดลองความสามารถด้านอื่นด้วย  จึงเปิดโอกาสให้ทดลองยกธนูที่มีน้ำหนักพันแรงคนยก แต่ก็ไม่มีใครสามารถยกขึ้นได้ 
 
 
  • ครั้งต่อไปก็ให้ช่วยกันพิจารณาหัวนอนของพระแท่นบรรทมสี่เหลี่ยม ก็ไม่มีใครสามารถบอกได้ถูกต้อง
 
 
  • มาถึงปัญหาปริศนาเกี่ยวกับขุมทรัพย์ ๑๖ แห่ง ก็ไม่มีใครสามารถชี้ได้ถูกต้อง จึงทำให้เหล่าอำมาตย์และชาวพระนครหมดหวังไปตามๆ กัน
 

    เหล่าอำมาตย์ยังไม่ละความพยายาม ได้ประกาศหาผู้ที่เหมาะสมจะมาเป็นพระราชาขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพระโปลชนกราชต่อไป  แม้จะมีผู้มาสมัครชิงตำแหน่งกันมากมาย แต่ก็ยังหาผู้ที่เหมาะสมไม่พบ ส่วนพวกอำมาตย์จะมีวิธีการอย่างไรอีกนั้นโปรดติดตามตอนต่อไป
 
โดย : หลวงพ่อธัมมชโย (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/jataka/mahajanaka09.html
เมื่อ 3 กรกฎาคม 2567 16:30
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv