ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 25


        จากตอนที่แล้ว  ชาวบ้านปาจีนยวมัฌชคามหลายคนพยายามทดลองใช้เชือกเส้นเล็กค่อยๆ สอดเข้าไปในรูของแก้วมณี แต่เนื่องจากรูก็เล็ก ยังแถมเป็นเกลียวถึง 8 คด จึงสอดเข้าได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น พากันบ่นพึมพำว่า  ทำไมถึงยากจัง

        เมื่อได้ทดลองจนถึงที่สุดแห่งปัญญาของพวกตนแล้ว จึงรวมตัวกันไปแจ้งเหตุให้ท่านสิริวัฒกะทราบ  ท่านเศรษฐีจึงรีบให้คนไปตามบุตรชายทันที ครั้นมโหสถกุมารและเหล่าสหายมาถึง ได้ทราบเรื่องที่พระราชารับสั่งให้ร้อยเส้นด้ายใหม่เข้าไปในแก้วมณี จึงเอ่ยปากขอดูแก้วมณีดวงนั้น

        ครั้นรับมาไว้ในมือแล้ว ก็พลิกกลับไปกลับมา พิจารณาดูอย่างถี่ถ้วน  ในที่สุดจึงหันมาทางบิดาแล้วเอ่ยปากขอน้ำผึ้ง ครั้นได้น้ำผึ้งตามที่ต้องการแล้ว จึงค่อยๆหยดน้ำผึ้งที่รูทั้งสองด้านของดวงแก้ว แล้วหยิบด้ายขนสัตว์สีทองที่ได้รับพระราชทานมา ชุบน้ำผึ้งเข้าที่ปลาย แล้วสนเข้าไปในรูของดวงแก้วหน่อยหนึ่ง

        จากนั้นจึงให้นำไปวางไว้บริเวณรังมดคันไฟ ตัวเล็กๆ สีแดงส้ม ซึ่งเป็นมดที่ชอบกินน้ำหวาน มดคันไฟครั้นถูกล่อด้วยน้ำผึ้ง ก็รีบกรูกันออกมาตั้งขบวนคลานเข้าไปในช่องแก้วมณี กัดกินด้ายเก่าจนหมด แล้วก็ดึงด้ายเส้นใหม่เข้าไปแทนที่  จนกระทั่งปลายด้ายไปโผล่อีกทางหนึ่ง

        ครั้นด้ายเส้นใหม่ถูกร้อยไปตามเกลียวจนทะลุอีกด้านหนึ่งเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านทุกคนต่างก็โล่งใจ โห่ร้องสาธุการดังสนั่นด้วยความปีติยินดี  มโหสถไม่รอช้า รีบดึงปลายด้ายนั้นออกมา แล้วก็ส่งมอบดวงแก้วนั้นให้กับตัวแทนชาวปาจีนยวมัชฌคาม ให้นำไปถวายคืนพระราชาในทันที

        ครั้นบุรุษนั้นรับเอาแก้วมณีจากมือของมโหสถแล้ว ก็มิได้รอช้า รีบนำแก้วมณีนั้น ขึ้นทูลเกล้าถวายแด่พระราชาอย่างเร่งด่วน
 
        ในที่สุด ดวงแก้วมณีประจำพระองค์ของพระเจ้าวิเทหราช ซึ่งเป็นสมบัติตกทอดมาแต่ครั้งพระเจ้าปู่กุสราช มาบัดนี้ก็สำเร็จตามพระราชประสงค์ คือมีด้ายเส้นใหม่ร้อยเข้าไปแทนด้ายเส้นเก่าอย่างสวยงาม พร้อมใช้เป็นเครื่องประดับเพื่ออำนวยพระสิริแด่ท้าวเธอ

        ฝ่ายพระเจ้าวิเทหราช ครั้นทรงรับเอาแก้วมณีนั้นมาแล้ว ก็ทรงปีติยินดียิ่งนัก ทอดพระเนตรดูดวงแก้วมณีนั้นด้วยความพิศวงอยู่ไม่น้อย  ได้รับสั่งถามบุรุษนั้นว่า “ใครเป็นผู้คิดอุบายนี้”  ครั้นท้าวเธอทรงสดับว่า เป็นความคิดของ มโหสถกุมารทั้งสิ้น ก็ทรงพอพระราชหฤทัยยิ่งนัก แต่ถึงอย่างนั้น ท้าวเธอก็ยังได้รับคำแนะนำจากท่านเสนกะ ให้คิดค้นหาอุบายอื่น เพื่อทดลองปัญญามโหสถต่อไปอีก

        ในกาลต่อมา พระเจ้าวิเทหราชปรารถนาจะทรงทดลองเชาว์ปัญญาของมโหสถด้วยปัญหาที่แปลกพิสดาร แหวกแนวต่างไปจากเดิม จึงมีรับสั่งให้ราชบุรุษคัดเลือกโคมงคลตัวผู้มาตัวหนึ่ง  แล้วได้ทรงมอบหมายให้เจ้าพนักงานช่วยกันบำรุงเลี้ยงโคนั้นด้วย ข้าว น้ำ และอาหารหวานคาวอย่างดี ให้มันกินแล้วกินอีก ดื่มแล้วก็ดื่มอีก จนพุงกางหลังแอ่น ก้าวเดินแทบไม่ไหว

        พอเห็นว่าท้องของมันเริ่มโต คล้ายแม่โคท้องแก่ที่จวนจะคลอดเต็มที ก็ให้ชำระล้างเขาทั้งสองของมันให้สะอาด ไล้ทาด้วยน้ำมัน ขัดเสียจนเป็นมันเงา  แล้วชุบด้วยน้ำขมิ้นเหลืองอร่ามไปทั้งตัว กลายเป็นโคประหลาด จะกล่าวว่าโคตัวเมียก็ไม่ใช่ จะว่าโคตัวผู้ก็ไม่เชิง ดูแล้วก็ยังพิลึกพิลั่นอยู่ แล้วก็ได้รับสั่งให้ราชบุรุษนำโคนั้นไปส่งมอบแด่ชาวบ้านปาจีนยวมัชฌคาม  พร้อมมีพระบรมราชโองการกำกับมาด้วยว่า
 
        “ชาวปาจีนยวมัชฌคามทุกคนจงฟัง...เราทราบดีว่า พวกท่านล้วนเป็นบัณฑิตนักปราชญ์ เปี่ยมด้วยปัญญาอันยอดยิ่งด้วยกันทั้งนั้น ฉะนั้นเราจึงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะให้พวกท่านได้ช่วยทำกิจบางประการแทนเรา  ดังที่พวกท่านได้เห็นแล้วว่า โคมงคลของเราตัวนี้ กำลังตั้งครรภ์ อีกไม่ช้าก็ใกล้จะถึงเวลาตกลูก เราจึงได้ส่งโคมงคลตัวนี้มาให้พวกท่าน หวังจะให้ช่วยกันทำให้มันตกลูกโดยเร็วที่สุด

        ครั้นเสร็จกิจเรียบร้อยแล้ว ก็จงส่งโคตัวนี้กลับคืนมาพร้อมกับลูกน้อยของมัน  หากพวกท่านไม่อาจจะกระทำได้ ก็จักต้องถูกปรับไหมพันกหาปณะ”

        ชาวปาจีนยวมัชฌคามทุกคนที่มารอฟังพระบรมราชโองการอยู่ในที่นั้น ต่างก็พากันตกตะลึงพรึงเพริดกับปัญหาชวนพิศวงของพระราชา  แต่คราวนี้ดูเหมือนจะต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะหลังจากที่น้อมรับพระกระแสฯมาแล้ว หลายคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน

        ในขณะที่หลายคนเริ่มแสดงอาการว่าไม่สู้จะพอใจนัก ถึงกับตะโกนลั่นด้วยความเหนื่อยหน่ายใจว่า “พระราชาของพวกเรา ดูท่าจะเป็นเอามาก พระองค์ทรงรู้ทั้งรู้ว่าโคมงคลนี้เป็นโคตัวผู้ ก็แล้วพระองค์จะมาบังคับให้พวกเราทำคลอดโคนี้เพื่ออะไรกันล่ะ”

        ท่านผู้เฒ่าได้ฟังดังนั้น ก็รีบเตือนสติพวกหนุ่มๆว่า “พวกเจ้าอย่าได้เอ็ดไป ระวังเถอะ เดี๋ยวหัวจะหลุดจากบ่าโดยไม่รู้ตัวนา แทนที่พวกเจ้าจะตีโพยตีพายไป ข้าว่ามาช่วยกันพิจารณาให้ถี่ถ้วนเสียก่อนเถอะ”

        แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่ง กล่าวสนับสนุนท่านผู้เฒ่าว่า “จริงด้วย บางทีอาจมีสิ่งใดที่เราไม่รู้ แอบแฝงอยู่ก็เป็นได้ มิเช่นนั้นพระราชาก็คงไม่ส่งโคตัวนี้ มาให้พวกเราจัดการหรอก”
 
        “จะอะไรเสียอีกเล่า เพียงแค่มองปร๊าดเดียว ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้น ว่าโคตัวนี้น่ะ เป็นตัวผู้ชัดๆ” ชายหนุ่มยิ่งเน้นเสียงดัง

        “ข้าก็ไม่ได้เถียงสักหน่อยว่ามันไม่ใช่ตัวผู้ เพียงแต่จะบอกว่า ค่อยๆคิด ค่อยๆตัดสินใจกันให้ดี ก็เท่านั้นเอง” ท่านผู้เฒ่าตอบอย่างใจเย็น  คราวนี้ได้ผล ทุกคนนิ่งเงียบไม่มีใครกล้าบ่นอะไรอีก  ต่างก็ช่วยกันขบคิดหาช่องทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างสุดความสามารถ  แต่อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ปัญหานี้ผูกขึ้นจากการคิดนอกกรอบของพระเจ้าวิเทหราช แม้แต่ท้าวเธอเอง ก็ยังไม่ทรงทราบว่า ว่าปัญหานี้ได้รับการแก้ออกมาในรูปแบบใด

        ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ชาวปาจีนยวมัชฌคามแม้จะช่วยกันระดมความคิดจนหัวแทบจะระเบิดแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเข้าตาจนอยู่ดี   ท่านผู้เฒ่าเห็นว่าไม่ได้การแน่ จึงรีบตัดบทขึ้นว่า “ข้าว่าเรื่องพิสดารแบบนี้ เห็นทีว่า พวกเราคงต้องมอบให้เป็นหน้าที่ของพ่อมโหสถอีกแล้วล่ะ”

        เมื่อได้ยินว่า “มโหสถ” เท่านั้น แววตาแต่ละคนก็เริ่มฉายประกายแห่งความหวัง ต่างพยักหน้าพร้อมกัน แสดงว่าเห็นด้วยกับข้อเสนอนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อมีมติเป็นเอกฉันท์เช่นนี้ ทุกคนจึงพร้อมใจกันไปรวมตัวกันที่เรือนของสิริวัฒกเศรษฐีเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา การทำวัวตัวผู้ให้ออกลูกนั้นเป็นเรื่องที่พ้นวิสัย แล้วมโหสถจะแก้ปัญหานี้อย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป

 พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/jataka/mahosathapandita025.html
เมื่อ 6 กรกฎาคม 2567 02:27
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv