ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 97

    จากตอนที่แล้ว มโหสถรู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจในบรรยากาศที่อึมครึมภายในท้องพระโรงว่า “หากเรายังขืนช้าอยู่ ก็จะไม่เป็นการดี เราควรต้องรีบกลับไปเสียก่อน” คิดดังนี้แล้วจึงลุกจากที่นั่ง ถวายบังคมพระราชา แล้วเดินออกจากท้องพระโรงไป

    ครั้นมโหสถหลีกออกไปแล้ว อาจารย์เสนกะและสหาย ก็พากันเพ็ดทูลเป็นการณ์ใหญ่ ได้กราบทูลให้ท้าวเธอรีบกำจัดมโหสถให้สิ้นซากเสียโดยไว จะได้ไม่เป็นเสี้ยนหนามอีกต่อไป

    ท้าวเธอก็ทรงเชื่อต่ออาจารย์ทั้ง 4 อย่างสนิทแน่น ถึงกับทรงพระราชทานพระขรรค์แก้วอันเป็นพระแสงดาบประจำพระองค์ให้แก่อาจารย์ทั้ง ๔ พร้อมทั้งรับสั่งให้ช่วยกันตัดคอมโหสถเสียก่อนที่จะเข้าเฝ้าในวันรุ่งขึ้น

    อาจารย์เสนกะครั้นได้รับเอาพระแสงขรรค์นั้นมาแล้ว ก็ได้กราบทูลปลอบพระทัยพระราชาว่า “พระองค์อย่าได้ทรงหวาดหวั่นพระทัยไปเลย ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไป มโหสถจะมิได้อยู่เป็นเสี้ยนหนาม ให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทอีกต่อไปแล้ว”

    ครั้นแล้วอาจารย์ทั้ง ๔ ก็พากันถวายบังคมลาด้วยสีหน้าแช่มชื่นเบิกบาน ด้วยความหวังที่จะได้กำจัดเสี้ยนหนามให้สิ้นซากในอีกไม่ช้า

    ฝ่ายมโหสถบัณฑิต ครั้นปลีกตัวออกมาแล้ว ก็เดินไปคิดไปว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน คนหนึ่งกล่าวว่าควรเปิดเผยความลับแก่สหาย คนหนึ่งว่าควรเปิดเผยความลับแก่พี่น้อง คนหนึ่งก็ว่าควรบอกความลับแก่บุตร ส่วนอีกคนก็ว่า ควรบอกความลับแก่มารดา
 
ชะรอยอาจารย์เหล่านี้จะต้องมีความลับส่วนตัวที่ปกปิดไว้เป็นแน่ มิเช่นนั้นแล้ว คงจะไม่กล้ายืนยันต่อพระราชาเช่นนี้ แต่เห็นจะเป็นเพราะสิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ตนได้เคยกระทำมาแล้ว จึงได้แต่กล่าวจำเพาะเจาะจงถึงสิ่งนั้นๆเพียงอย่างเดียว”

    เมื่อจับเค้าเงื่อนได้ดังนี้แล้ว มโหสถบัณฑิตจึงคิดจะสืบดูให้รู้แน่ จึงใคร่ครวญหาอุบายสักอย่างหนึ่ง เพื่อจะล่วงรู้ความลับของอาจารย์เหล่านั้นให้ได้

    ทันใดนั้นเอง ในขณะที่มโหสถกำลังเดินผ่านประตูพระราชวัง ก็พลันเหลือบไปเห็นถังข้าวสารใบใหญ่ คว่ำอยู่ใกล้ประตูพระราชวัง  จึงเกิดความคิดแวบขึ้นมาว่า “ตามปกติเมื่ออาจารย์ทั้ง ๔ กลับออกจากราชสำนัก ก่อนที่จะแยกย้ายกลับสู่เรือนของตน ก็มักจะมานั่งคุยปรึกษาหารือกันบริเวณใกล้ๆถังข้าวใบนี้แทบทุกครั้ง ได้การล่ะ วันนี้เราจะซ่อนตัวอยู่ใต้ถังข้าวสารใบนี้แหละ อย่างน้อยๆก็คงจะได้ทราบเบาะแสอะไรบางอย่างเป็นแน่”

    ว่าแล้วมโหสถก็ให้บริวารยกถังข้าวสารนั้นออก แล้วให้ปูเสื่อผืนขนาดย่อมตรงบริเวณนั้น  ส่วนตนก็เข้าไปนั่งหลบอยู่ในถังข้าวนั้น พลางกำชับบริวารของตนว่า “หลังจากที่อาจารย์ทั้ง ๔ ลุกไปจากที่นี้แล้ว พวกเจ้าก็จงยกถังข้าวนี้ออกทันที” คนเหล่านั้นรับคำสั่งแล้วก็หลีกไป

    ขณะนั้นคณะอาจารย์ทั้ง ๔ เมื่อออกมาจากท้องพระโรง ต่างก็เดินกระหยิ่มยิ้มย่องกันมา ครั้นมาถึงตรงถังข้าวสารใบนั้น ก็พากันนั่งคุยกันบนถังข้าวสารตามเคย

    ครั้นแล้วจึงพูดคุยกันต่อถึงเรื่องเมื่อสักครู่ ท่านเสนกะเหลียวมองดูรอบๆแล้ว ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแจ่มใสว่า “เออ นี่แน่ะพวกท่าน แล้วใครจะเป็นคนฆ่ามโหสถล่ะ”

    “ข้าเห็นว่า ผู้ที่เหมาะที่สุดก็เห็นจะเป็นท่านอาจารย์นั่นแหละ” อาจารย์ปุกกุสะเสนอ พลางหันไปทางสหายคนอื่นๆ “หรือท่านทั้งสองจะเห็นเป็นอื่น ก็จงว่ามาเถิด”

    “จริงของท่านปุกกุสสะ คงไม่มีใครเหมาะเท่าท่านอาจารย์อีกแล้วล่ะ” อาจารย์กามินทะรับรอง

    พร้อมกับให้เหตุผลเข้าทีว่า “ก็ท่านอาจารย์น่ะ เป็นผู้เริ่มต้นจุดประกายความคิดดีๆอย่างนี้มาตั้งแต่แรก ส่วนพวกกระผมเป็นเพียงแรงหนุนช่วยเสริมส่งเท่านั้นเอง”

    “ใช่ ใช่ ท่านทั้งสองพูดถูก เรื่องนี้ ต้องท่านอาจารย์ผู้เดียวเท่านั้นจึงจะทำสำเร็จ”       อาจารย์เทวินทะย้ำหนักแน่น

    ในที่สุดอาจารย์เสนกะจึงรับว่า “ตกลง เมื่อทุกคนเห็นตรงกันเช่นนี้ ก็คงจะต้องเป็นเช่นนั้น”

    ครั้นแล้วอาจารย์เสนกะก็ถือโอกาสนั้น สอบถามถึงเรื่องที่อาจารย์ทั้ง ๓ กราบทูลพระราชา “พวกท่านแต่ละคน ต่างก็กราบทูลเจ้าเหนือหัวไปว่า เรื่องที่เป็นความลับสมควรจะบอกแก่พี่น้อง บุตร และมารดาตามลำดับ ข้าพเจ้าใคร่ขอถามท่านทั้งหลายสักหน่อยเถิด ก็เรื่องนี้น่ะเป็นเรื่องที่พวกท่านได้ทำเช่นนั้นจริงๆ หรือเพียงแต่ได้รู้ได้เห็น หรือได้ยินได้ฟังมาจากที่อื่น”

    อาจารย์ทั้งสามก็รับพร้อมกันว่า “แน่นอน เรื่องนี้ข้าพเจ้าได้เคยทำมาแล้วทั้งนั้น” 

    พลางย้อนถามอาจารย์เสนกะว่า “แล้วท่านอาจารย์ล่ะ ที่ท่านกราบทูลว่า ความลับควรบอกแก่สหายนั้น ท่านได้เคยกระทำมาแล้วอย่างนั้นหรือ”

    ครั้นอาจารย์เสนกะทราบว่าอาจารย์ทั้ง ๓ ก็มิได้ต่างจากตนเท่าใดนัก      จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ครั้นแล้วจึงกล้าเปิดเผยความจริงว่า  “ใช่แล้ว เราได้เคยทำมาแล้ว”

    “อย่างไรกันท่านอาจารย์ โปรดเล่าให้พวกกระผมฟังบ้างเถิด” อาจารย์ปุกกุสะซักถามด้วยความอยากรู้

    ท่านเสนกะถูกถามเช่นนั้น ก็รีบบ่ายเบี่ยงว่า “ข้าพเจ้าบอกท่านไม่ได้หรอก เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย หากว่าเจ้าเหนือหัวทรงทราบเข้า ชีวิตของข้าพเจ้ามีหวัง ต้องดับวูบในทันทีเป็นแน่”  บัดนี้ แผนร้ายของอาจารย์ทั้ง 4 ก็ไม่เป็นความลับสำหรับมโหสถเสียแล้ว ส่วนความลับที่จะเป็นเหตุให้ชีวิตของอาจารย์เสนกะดับวูบนั้นเล่าจะเป็นเช่นไร โปรดติดตามตอนต่อไป



พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/jataka/mahosathapandita097.html
เมื่อ 23 กรกฎาคม 2567 05:45
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv