ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 108

    จากตอนที่แล้ว  พระเจ้าวิเทหราชได้ตรัสซักมโหสถต่อว่า “ความลับนั้นไม่อาจเปิดเผยแก่ใครได้เลยหรือ”

    ซึ่งมโหสถบัณฑิตก็ได้กราบทูลว่า “จะเปิดเผยก็ได้ แต่ต้องเลือกบุคคลที่จะเปิดเผย หากว่าบุคคลนั้นเป็นสตรีผู้มีใจคอไม่หนักแน่น ๑ เป็นผู้ที่ไม่ใช่มิตร ๑ เป็นผู้ฝักใฝ่ในอามิส ๑ เป็นผู้มิใช่มิตรแต่ทำทีว่าเป็นมิตรด้วยแฝงความต้องการบางอย่าง ๑ บุคคลเหล่านี้บัณฑิตต้องเว้นเสียเด็ดขาด”

    ท้าวเธอได้ตรัสถามต่อไปว่า “แต่ความลับบางอย่าง เป็นความลับร่วมกัน จำเป็นต้องร่วมกันคิดอ่าน แล้วอย่างนี้จะพึงปฏิบัติเช่นไรล่ะ”

    มโหสถบัณฑิตก็ทูลสนองว่า “หากจะต้องปรึกษาหารือกันก็อย่าให้พร่ำเพรื่อ และต้องเลือกเวลาและสถานที่อันควร เมื่อจะพูดความลับในตอนกลางวัน ก็ต้องเป็นที่ลับเฉพาะ ถ้าเป็นตอนกลางคืน ก็ต้องไม่พูดให้ดังเกินไป และพึงระลึกเสมอว่า โอกาสที่จะถูกดักฟังความลับนั้นมีอยู่เสมอ”

    พระเจ้าวิเทหราชทรงสดับถ้อยแถลงของมโหสถแล้ว ก็ทรงเข้าใจแจ่มแจ้ง และทรงเห็นชัดว่า มโหสถบัณฑิตเป็นผู้บริสุทธิ์ ปราศจากมลทิน แต่ผู้ผิดกลับเป็นอาจารย์ทั้ง ๔ เสียเอง  จึงทรงสั่งลงอาญาให้คุมตัวอาจารย์ทั้ง ๔ ออกจากเรือนจำ  แล้วนำตัวไปตัดหัวเสีย

    ขณะที่อาจารย์ทั้ง ๔ กำลังถูกลากตัวไปสู่ลานประหารนั่นเอง มโหสถซึ่งยังคงเฝ้าอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระราชา กำลังรอคอยโอกาสที่จะกราบทูลขอพระราชทานอภัยโทษแก่อาจารย์เหล่านั้น

    ครั้นเห็นว่าท้าวเธอทรงบรรเทาจากพระอาการพิโรธบ้างแล้ว จึงค่อยๆกราบทูลว่า “ขอเดชะพระอาญามิพ้นเกล้า ข้าพระพุทธเจ้าเห็นว่า อาจารย์เหล่านี้เป็นอำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่ ทั้งเป็นคนเก่าคนแก่อยู่ในราชสำนักนี้มานาน และที่ผ่านมาก็เอาใจใส่ในราชกิจของพระองค์เสมอมา ฉะนั้น ขอใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทโปรดทรงพระกรุณา พระราชทานอภัยงดโทษประหารชีวิตให้แก่อาจารย์เหล่านั้นสักครั้งหนึ่งเถิด พระพุทธเจ้าข้า”

    ฝ่ายพระเจ้าวิเทหราชกลับมิได้ทรงคิดเช่นนั้น เพราะทรงเห็นว่า อาจารย์ทั้ง ๔ แม้เป็นผู้ใหญ่ก็ไม่รู้จักสำนึก ทั้งได้ทำความผิดซ้ำซ้อนเรื่อยมา จึงไม่ปรารถนาจะให้อภัยเลย  แต่ภายหลัง ทรงเห็นถึงความตั้งใจจริงที่มโหสถเฝ้าเว้าวอนอยู่อีกหลายครั้ง ทรงเห็นว่า แม้มโหสถเป็นผู้เสียหายเอง เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ก็เพราะอาจารย์ทั้ง ๔ เหล่านี้เป็นเหตุ เขายังคิดให้อภัยไม่ถือโทษ

    ท้าวเธอเมื่อทรงนึกถึงคุณงามความดี และน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของมโหสถบัณฑิต ที่ไม่คิดร้ายตอบต่ออาจารย์เหล่านั้นเลย น้ำพระทัยก็อ่อนลง จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้งดโทษประหารชีวิตอาจารย์เหล่านั้น “เอาเถิดพ่อมโหสถ หากว่านั่นเป็นความประสงค์ของเธอ เราก็จะไม่ขัดล่ะ”

    ตรัสดังนี้แล้ว ท้าวเธอก็มีรับสั่งให้เหล่าราชบุรุษรีบตามไปบอกคณะราชมัล ให้นำตัวอาจารย์เหล่านั้นกลับมาโดยเร็ว

    ฝ่ายราชมัลซึ่งกำลังพาตัวอาจารย์เหล่านั้นไปจวนจะถึงลานประหารใกล้ประตูพระนครเต็มที เมื่อเห็นราชบุรุษติดตามมา จึงสั่งให้ระงับการเฆี่ยนไว้ชั่วคราว

    ภายหลังที่ได้ทราบข่าวจากเหล่าราชบุรุษว่า พระราชามีพระกระแสรับสั่งให้ระงับโทษประหารชีวิตไว้ก่อน จึงต้องทำตามพระราชบัญชา โดยงดการลงมือประหารไว้ จากนั้น จึงรีบพาตัวอาจารย์ทั้ง ๔ กลับเข้าเฝ้าพระราชาในทันที เพื่อรอฟังต่อไปว่า ท้าวเธอจะทรงตัดสินพระทัยต่อไปอย่างไร

    ลำดับนั้น พระเจ้าวิเทหราชทอดพระเนตรเห็นอาจารย์เหล่านั้น มีกายบอบช้ำเต็มไปด้วยรอยหวายที่กลางหลัง ท้าวเธอจึงเกิดความกรุณา  ได้ตรัสกับมโหสถว่า “เอาล่ะ พ่อมโหสถ นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราขอยกอาจารย์ทั้ง ๔ ให้เป็นทาสของเธอ หากเธอประสงค์จะใช้สอยอย่างไร ก็พึงกระทำตามที่เธอปรารถนาเถิด”

    “เป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้า พระพุทธเจ้าข้า เมื่อเป็นดังนี้ ข้าพระพุทธเจ้าก็จักขอเปลื้องอาจารย์ทั้ง ๔ ให้พ้นจากความเป็นทาส และจงเป็นไทแก่ตน นับแต่นี้เป็นต้นไปเถิด พระพุทธเจ้าข้า” 
มโหสถกราบทูล

    “ถ้าเช่นนั้น อาจารย์ทั้ง ๔ ก็อย่าได้อยู่ในแว่นแคว้นของเราเลย จงขับไล่ออกไปให้พ้นจากมิถิลานครเถิด” ท้าวเธอตรัสด้วยพระสุรเสียงเฉียบขาด
 
    มโหสถทราบดีว่า พระราชายังทรงพิโรธอยู่ แต่อาศัยความเมตตากรุณาที่มีต่ออาจารย์เหล่านั้น จึงค่อยๆ กราบทูลว่า “ขอเดชะ ขอได้ทรงพระกรุณางดโทษแก่อาจารย์เหล่านี้ผู้มืดมนเสียเถิดพระพุทธเจ้า และขอได้โปรดให้อาจารย์ทั้ง ๔ คงดำรงอยู่ในฐานันดรอย่างเดิมเถิด พระเจ้าข้า”

    พระเจ้าวิเทหราชทรงดำริว่า “บุคคลผู้มีจิตใจกว้างขวางเช่นนี้ ช่างหาได้ยากยิ่ง ดูหรือ ปัจจามิตรผู้ปองร้ายตนแท้ๆ พ่อมโหสถยังมีใจกรุณาได้ถึงเพียงนี้”

    ท้าวเธอทรงดำริดังนี้แล้ว ก็ยิ่งทรงเลื่อมใสในมโหสถบัณฑิต มากยิ่งขึ้นไปอีก ในที่สุดท้าวเธอจึงทรงพระราชทานให้ตามที่มโหสถทูลขอไว้ คือนอกจากจะไม่เอาผิดกับอาจารย์เหล่านั้นแล้ว ยังให้กลับมาดำรงอยู่ในตำแหน่งราชบัณฑิตต่อไป

    ส่วนอาจารย์เหล่านั้น บัดนี้พวกเขาได้รู้ซึ้งเป็นอย่างดีว่า ที่พวกตนรอดชีวิตมาได้เพราะอาศัยมหากรุณาของมโหสถบัณฑิตโดยแท้ จึงต่างพากันขอขมาโทษมโหสถเป็นการณ์ใหญ่

    เมื่อได้สำนึกถึงความผิดของตนแล้ว ความคิดที่เป็นศัตรูกับมโหสถก็พลันหมดสิ้นไป ต่างพากันละพยศหมดพิษสงเหมือนงูที่ถูกถอนเขี้ยว แล้วนับแต่บัดนั้นมา อาจารย์ทั้ง ๔ ก็ไม่กล้าที่จะเพ็ดทูลอะไรๆ กับพระราชาอีก แม้ในยามเข้าเฝ้า ก็รอเพียงพระเจ้าวิเทหราชจะทรงพระกรุณาบัญชาว่าอย่างไร ไม่กล้าออกความคิดเห็นใดๆ อีกเลย
 
    บัดนี้ศึกภายในก็สงบลงแล้ว เมื่อคำนึงถึงพระคุณของพระเจ้าวิเทหราชที่มอบตำแหน่งอันยิ่งใหญ่ให้แก่ตน มโหสถบัณฑิตจะคิดพัฒนาบ้านเมืองอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป

พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/jataka/mahosathapandita108.html
เมื่อ 23 กรกฎาคม 2567 03:18
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv