ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 116
 
   จากตอนที่แล้ว พระเจ้าจุลนีเสด็จกลับไปถึงปัญจาลนครแล้ว พราหมณ์เกวัฏจึงกราบทูลให้พระเจ้าจุลนีทรงเริ่มดำเนินอุบายขั้นต่อไป นั่นคือจะต้องปลงพระชนม์พระราชาผู้ครองนครเหล่านั้นพร้อมกันทั้งหมดโดยมิให้ทรงรู้ตัว ตามแผนการที่ได้คิดไว้แต่ต้น

    พระเจ้าจุลนีทรงดีพระทัย จึงทรงรีบมอบหมายให้พราหมณ์เกวัฏเป็นผู้ดำเนินการจัดงานพิธีดื่มชัยบานภายในบริเวณพระราชอุทยานส่วนพระองค์ ครั้นทุกอย่างพร้อมเสร็จสรรพแล้ว  พระเจ้าจุลนีก็ทรงมีพระราชสาสน์เชื้อเชิญบรรดาเจ้าผู้ครองนครทั่วชมพูทวีป ให้เสด็จมาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีดื่มชัยบานของพระองค์ในครั้งนี้โดยถ้วนหน้ากัน ไม่เว้นแม้แต่พระเจ้าวิเทหราชแห่งมิถิลานคร

    แต่ความลับสำคัญที่รู้กันเฉพาะพระเจ้าจุลนีกับพราหมณ์เกวัฏ ก็ไม่อาจล่วงพ้นมโหสถบัณฑิตไปได้ เพราะก่อนหน้านี้มโหสถบัณฑิตได้ทราบความจริงจากสุวโปดกมาถูระมาแล้วแต่ต้น

   มโหสถบัณฑิตดำริว่า “เราควรเป็นที่พึ่งของพระราชาทั้งหลาย ไม่ควรให้พระราชาเหล่านั้นต้องมาสิ้นพระชนม์ลงเพราะเหตุนี้เลย” ดำริดังนี้แล้ว จึงได้เรียกเหล่าสหายที่เป็นสหชาติทันที แล้วแจ้งแผนการที่จะทำลายพิธีดื่มชัยบานของพระเจ้าจุลนี

    เหล่าสหายรับคำสั่งของมโหสถลบัณฑิตแล้ว ต่างก็รีบพากันเดินทางออกจากมิถิลานคร เพื่อไปปฏิบัติภารกิจตามที่มโหสถบัณฑิตได้มอบหมายทันที

    เมื่อเดินทางสู่เขตปัญจาลนครแล้ว ก็รีบมุ่งตรงไปยังพระราชอุทยานของพระเจ้าจุลนีทันที ซึ่งบัดนี้พระราชอุทยานของพระเจ้าจุลนีได้ถูกตกแต่งไว้อย่างงดงามราวกับอุทยานนันทวันในสรวงสวรรค์ เพื่อใช้เตรียมต้อนรับการเสด็จมาของเหล่าพระราชาทั่วทั้งชมพูทวีป

   ครั้นเหล่าสหายของมโหสถบัณฑิตเห็นเศวตฉัตรของพระราชาทั้งร้อยเอ็ดพระองค์ยกขึ้นเป็นทิวแถว พร้อมไหสุรานับพันไหและปลาเนื้ออันเป็นกับแกล้ม จึงตรงรี่เข้าไปใกล้ปะรำพิธี แล้วไต่ถามกันและกันว่า “ไหนล่ะ ที่ประทับนั่งของพระเจ้าวิเทหราชอยู่ที่ใดกัน”

    ว่าแล้วก็พากันกรูเข้าไปใกล้ๆพระราชอาสน์ซึ่งอยู่ถัดจากพระราชอาสน์ที่เตรียมไว้สำหรับพระเจ้าจุลนีพรหมทัต พลางชี้บอกว่า “นี่ไงพวกเรา ที่ประทับนั่งของพระราชาของพวกเราอยู่ตรงนี้แน่ะ”

    บรรดาข้าราชการกรุงปัญจาละซึ่งยืนควบคุมงานอยู่ในที่นั้น เห็นดังนั้น ก็ถามขึ้นด้วยความไม่พอใจว่า “พวกท่านเป็นใครกันน่ะ”
 
   เหล่าสหายของมโหสถต่างหันไปมองหน้าข้าราชการหนุ่มผู้กล่าวขึ้นเมื่อสักครู่ แล้วจึงเย้ยตอบเหมือนไม่ปรารถนาจะใส่ใจว่า “พวกเราก็เป็นคนของพระเจ้าวิเทหราชน่ะสิ ท่านทั้งหลายไม่เคยได้ยินพระนามอันเกริกไกรของพระองค์ท่านบ้างเลยหรือ”

    ข้าราชการหนุ่มผู้นั้นจึงกล่าวว่า “ก่อนนี้เราทั้งหลายเคยยกทัพไปยึดแคว้นต่างๆมาได้ ตลอดชั่วระยะเวลา ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน แต่ก็ยังมิเคยได้เห็นหน้าพระราชาผู้มีนามว่าวิเทหะเลย เมื่อเป็นดังนี้ พระราชาที่พวกท่านอ้างถึงนั้น จะชื่อว่าเป็นพระราชาได้อย่างไร”

    สหายของมโหสถก็แกล้งเถียงกลับไปว่า “พระเจ้าจุลนีพรหมทัตจงยกไว้เถิด แต่พระราชาอื่นนอกนั้น จะหาผู้ที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่าพระเจ้าวิเทหราชของเรานั้นไม่มีเลย” 

    ข้าราชการเหล่านั้นไม่ยอมง่ายๆ จึงพูดข่มด้วยเสียงอันดังว่า “พระเจ้าวิเทหราชน่ะหรือ พระองค์ได้ชื่อว่าเป็นราชาเท่านั้น แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีความสามารถอันใดเลย พวกท่านจะไม่ยกย่องพระราชาของตนจนเกินไปหน่อยรึ”

   ฝ่ายสหายของมโหสถก็เป็นฝ่ายโต้กลับบ้างว่า “ก็ในขณะที่ใครๆ ล้วนตกในอำนาจของพระเจ้าจุลนีกันหมด แต่พระเจ้าวิเทหราชของเรายังทรงธำรงเอกราชไว้ได้ อย่างนี้จะไม่ยกย่องพระองค์ว่าทรงเป็นมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไรกัน”

    พวกข้าราชการปัญจาละจึงพูดไปพลางหัวเราะเย้ยไปพร้อมกันว่า “ก็แค่เป็นอิสระอยู่ได้เพราะไม่ถูกใครเขาข่มเหงรุกราน เพียงเท่านี้ก็ควรจะนิยมชมชื่นกันแล้วหรือ”

    ฝ่ายสหายของมโหสถก็โต้กลับทันทีว่า “ก็การที่กองทัพปัญจาลนคร สามารถยึดครองดินแดนต่างๆมาได้ทั่วชมพูทวีป แต่กลับปล่อยให้มิถิลานครยังคงเป็นอิสระอยู่ได้นั้น จะไม่เรียกว่าเป็นความขลาดเขลาของผู้รุกรานดอกหรือ”

   “ดูหมิ่นกันมากไปแล้ว” ข้าราชการหนุ่มแห่งปัญจาละตะโกนลั่นเสียงแข็งด้วยความโกรธ

   “มิได้ พวกข้าพเจ้าไม่ได้ดูหมิ่นใคร” ฝ่ายสหายของมโหสถปฏิเสธทันควัน

   เมื่อข้าราชการฝ่ายปัญจาละก็ไม่ยอม เหล่าสหายของมโหสถก็ไม่ยอม ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมลดราวาศอกกันเช่นนี้ จึงเกิดการทุ่มเถียงกันยกใหญ่ เสียงเอะอะโวยวายก็เริ่มเอ็ดอึงขึ้นบริเวณพระราชอุทยาน

    ครั้นแล้วสหายของมโหสถก็รีบดำเนินการตามอุบาย พากันเปล่งเสียงโห่ร้องก้องสนั่น แล้วทุบต่อยไหสุราทั้งหมดด้วยค้อนใหญ่ พร้อมกับสาดเทของบริโภคที่ตระเตรียมไว้จนไม่เหลือชิ้นดี แล้วก็ส่งเสียงอึกทึกครึกโครมไปทั่วพระราชอุทยาน ยังความสะดุ้งกลัวให้เกิดแก่เหล่าข้าราชการของปัญจาลนคร
 
   จากนั้นจึงประกาศตัวให้รู้ว่า “เราทั้งหลายเป็นทหารของมโหสถบัณฑิตแห่งมิถิลานคร ถ้าพวกท่านสามารถจะจับพวกเราได้ ก็เชิญเถิด” ว่าแล้วก็พากันเดินกลับมิถิลานครเหมือนไม่สนใจไยดีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปล่อยให้พระราชอุทยานนั้นเกิดความสับสนอลหม่านไปทั่วบริเวณ

    ฝ่ายข้าราชการกรุงปัญจาละ ซึ่งแลเห็นเหตุการณ์ที่มิคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น ฉะนั้นจึงไม่อาจป้องกันแก้ไขอะไรได้เลย ฝ่ายผู้ที่ก่อความไม่สงบก็ดันหลุดรอดไปได้

   แต่ที่น่าแค้นใจก็คือ ไหสุรานับพันที่ตระเตรียมไว้อย่างดีกลับถูกทุบแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ กับแกล้มทุกจานถูกสาดเททิ้ง กลายเป็นเศษเดนคลุกฝุ่นและดิน พิธีดื่มชัยบานถูกทำลายลงแล้วด้วยน้ำมือของทหารที่มาจากมิถิลานคร ความรื่นเริงภายในพระราชอุทยานพังพินาศสิ้นไป

    เมื่อพิธีดื่มชัยบานถูกทำลายลงตามแผนการของมโหสถบัณฑิต  ความฝันของพระเจ้าจุลนีที่จะลอบปลงพระชนม์พระราชาทั้งร้อยเอ็ดนครด้วยสุราเจือยาพิษต้องมลายสูญ  เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป

 
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)   
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/jataka/mahosathapandita116.html
เมื่อ 23 กรกฎาคม 2567 03:15
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv