ทศชาติชาดก
เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี
ตอนที่ 127
 
 
    จากตอนที่แล้ว เมื่อพระเจ้าวิเทหราชทรงสดับพระราชสาสน์จากพระเจ้าจุลนีแล้ว ก็มีรับสั่งถามมโหสถบัณฑิตว่า...
 
“พ่อมโหสถ เธอคิดว่าเราควรจะรับคำท้าของพระเจ้าจุลนีหรือไม่ล่ะ”
มโหสถกราบทูลพระเจ้าวิเทหราชด้วยความมั่นใจว่า “ดียิ่งแล้วพระพุทธเจ้าข้า ขอพระองค์ทรงตอบรับการรบด้วยธรรมยุทธ์นั้นเถิด และขอได้โปรดมีพระราชสาสน์ถึงพระเจ้าจุลนีด้วยว่า ชาวกรุงมิถิลาจะจัดเตรียมสนามธรรมยุทธ์ไว้ทางประตูด้านทิศตะวันตก ขอเชิญเสด็จพระเจ้าจุลนีพร้อมด้วยกองทัพปัญจาลนครมายังที่นั้นโดยพร้อมเพรียงกันเถิด”
 
    พระเจ้าวิเทหราชทรงเชื่อมั่นในปัญญานุภาพของมโหสถบัณฑิต จึงมีพระราชสาสน์ตอบรับข้อเสนอของพระเจ้าจุลนี และแจ้งกำหนดนัดหมาย มีที่มโหสถกราบทูลไว้ทุกประการ เมื่อพระเจ้าจุลนีทรงสดับพระราชสาสน์นั้นแล้ว ก็ทรงดีพระทัยยิ่งนัก ทรงหวังเต็มที่ว่าจะทรงมีชัยชนะเหนือมิถิลานครตามที่พราหมณ์เกวัฏได้ทูลไว้
 
    ครั้นถึงวันนัดหมาย บรรยากาศภายในกองทัพฝ่ายปัญจาลนครดูคึกคักเบิกบาน โดยเฉพาะพราหมณ์เกวัฏมีสีหน้าแช่มชื่น แต่งกายงามสง่าด้วยเครื่องประดับอันทรงเกียรติ ดำเนินมาสู่มณฑลธรรมยุทธ์ทิศตะวันตกของประตูพระนคร แวดล้อมด้วยบริวารเนืองแน่น โดยหารู้ไม่ว่าบริวารเหล่านั้นล้วนเป็นสหายผู้ใกล้ชิดมโหสถ
 
    พระเจ้าจุลนีพร้อมด้วยพระราชาร้อยเอ็ดพระนคร ก็เสด็จพระราชดำเนินมาสู่สนามธรรมยุทธ์ เพื่อทอดพระเนตร การชิงชัยระหว่าง พราหมณ์เกวัฏ กับ มโหสถบัณฑิต โดยหวังว่าพราหมณ์เกวัฏจะต้องเป็นฝ่ายกำชัยชนะมาอย่างแน่นอน
 
    ในขณะนั้น สนามธรรมยุทธ์ที่เป็นปริมณฑลกว้างขวาง บัดนี้กลับดูคับแคบลงถนัดใจ ทั้งพระราชาแคว้นต่างๆ หมู่อำมาตย์แม่ทัพนายกอง ตลอดจนไพร่พลฝ่ายปัญจาลนคร เบียดเสียดเนืองแน่นกันทั่วบริเวณ เสียงอึกทึกกึกก้องของหมู่พลและพาหนะรบ ดังสนั่นไหวไปทั่วสนามรบ สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมองดูต้นทาง ใจจดจ่อรอคอยการมาของมโหสถบัณฑิตอยู่ไม่เว้นวาง ทุกคนต่างก็เพ่งมองไปทางทิศตะวันออก ซึ่งแสงแดดก็ยิ่งสาดส่องกล้าขึ้นตามลำดับ ต่างก็ปะทะแสงแดดเต็มหน้าด้วยกันทั้งสิ้น
 
    ฝ่ายมโหสถบัณฑิตลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ สนานกายด้วยน้ำอบหอม นุ่งผ้ากาสีเนื้อละเอียด แต่งกายด้วยเครื่องประดับอันทรงเกียรติ บริโภคอาหารเช้าอันมีรสโอชาล้ำเลิศ ซึ่งปรุงรสด้วยนางอมราเทวีศรีภริยา จนอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็รีบออกเดินทางพร้อมด้วยบริวารนับพัน เข้าสู่พระราชนิเวศน์เพื่อขอเข้าเฝ้าพระเจ้าวิเทหราชก่อนที่จะเข้าสู่สนามธรรมยุทธ์ พระเจ้าวิเทหราชตรัสประทานพระโอกาสทันทีที่ได้สดับคำกราบบังคมทูลว่า “เข้ามาเถิด ลูกของเรา”
 
“พ่อมโหสถ เธอมาหาเราถึงที่นี่ เพราะมีธุระสำคัญอันใดหรือ” พระองค์ทรงมีพระดำรัสถามด้วยพระหฤทัยแจ่มใส
“ขอเดชะ ข้าพระองค์กำลังจะเข้าสู่สนามธรรมยุทธ์ จึงมาเข้าเฝ้าพระองค์ก่อน เพื่อจะขอพระราชทานของสิ่งหนึ่ง ที่จะใช้ลวงพราหมณ์เกวัฏให้ตกหลุมพราง พระพุทธเจ้าข้า” มโหสถกราบทูล
“เธอต้องการสิ่งใดจากเรา ก็จงบอกมาเถิด” ท้าวเธอตรัสถามด้วยทรงยินดีที่จะพระราชทานให้ทุกอย่างตามคำขอ
“ขอเดชะ...ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานดวงแก้วมณีแปดคดของพระองค์ พระพุทธเจ้าข้า หากครั้งนี้ข้าพระองค์ได้แก้วมณีดวงนี้ไป ความปราชัยก็จะมีแก่พราหมณ์เกวัฏอย่างแน่นอน พระพุทธเจ้าข้า”
 
    พระเจ้าวิเทหราชได้สดับคำขอของมโหสถบัณฑิตแล้ว ก็ทรงอนุญาตในทันที “เอาซิพ่อ เราขอมอบแก้วมณีดวงนี้ให้เธอ” พลางรับสั่งให้ราชบุรุษไปนำดวงแก้วมณีแปดคดมาพระราชทานแด่มโหสถบัณฑิตโดยเร็ว มโหสถบัณฑิตได้รับพระราชทานดวงแก้วมาแล้ว ก็รีบถวายบังคมพระราชาลงจากพระราชนิเวศน์ แล้วก้าวสู่รถเทียมม้าสินธพสีขาว พร้อมด้วยพลโยธาห้อมล้อมแน่นขนัด ด้วยท่าทางสง่างาม
 
    ชาวเมืองมิถิลานครต่างก็มายืนอำนวยอวยชัย ส่งขบวนของมโหสถบัณฑิตตลอดทางตั้งแต่ประตูราชวังจนถึงประตูพระนคร ขวัญกำลังใจจากกองเชียร์ เป็นสิ่งสำคัญที่สร้างความมั่นใจยิ่งขึ้นให้กับผู้นำ เป็นเสมือนยาชูกำลังที่จะมีเรี่ยวแรงทำภารกิจหน้าที่ต่างๆ ให้สำเร็จได้เป็นอัศจรรย์ ไม่ช้าเท่าใดนัก ขบวนรถม้าของมโหสถบัณฑิตนั้นก็ขับเคลื่อนออกจากประตูพระนคร ไปถึงสนามธรรมยุทธ์ ด้วยเสียงอันอึกทึกครึกโครม ปราศจากความหวาดหวั่นครั่นคร้ามสยดสยองของฝ่ายตรงข้าม
 
    ครั้นพระราชาทั้งร้อยเอ็ดพระองค์ ได้ทอดพระเนตรเห็นมโหสถบัณฑิตก้าวลงจากรถม้าด้วยท่วงทีงามสง่า ดุจพญาราชสีห์ที่องอาจผาดผยองอยู่ท่ามกลางฝูงมฤค ต่างก็พากันสรรเสริญเกียรติคุณของมโหสถบัณฑิต จนเสียงนั้นดังอึงคะนึงไปทั่วบริเวณ “โอ...นี่หรือมโหสถบัณฑิต บุตรท่านสิริวัฒกเศรษฐี เพียงแค่ได้เห็นรูปสมบัติยังน่าชมน่าเลื่อมใสถึงเพียงนี้ คงมิต้องกล่าวถึงว่าจะมีปรีชาสามารถ ฉลาดปราดเปรื่องสักแค่ไหน สมแล้วที่ใครๆต่างเลื่องลือกันนักว่า เป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร” สายตาทุกคู่ต่างจดจ้องกิริยาท่าทางของมโหสถบัณฑิต ที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมอย่างไม่กระพริบ
 
    ขณะนั้น มโหสถบัณฑิตถือมณีรัตนะเลอค่าทรงรัศมีแวววาวไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ค่อยๆก้าวเดินเข้าไปหาพราหมณ์เกวัฏ ซึ่งบัดนี้พราหมณ์เกวัฏอยู่ในอาการหน้ามืดเพราะถูกแสงแดดแผดเผาจนเหงื่อไหลโทรมกาย เนื่องจากเป็นฝ่ายเฝ้าชะเง้อรอคอยมโหสถมาเนิ่นนาน
 
    ส่วนว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป เมื่อบัณฑิตทั้งสองมาเผชิญหน้ากัน มโหสถจะมีวิธีจัดการอย่างไรกับพราหมณ์เกวัฏ โปรดติดตามตอนต่อไป
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/jataka/mahosathapandita127.html
เมื่อ 23 กรกฎาคม 2567 03:14
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv