ทศชาติชาดก
เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี
ตอนที่ 152
 

    จากตอนที่แล้ว มโหสถรำพึงในใจด้วยความสลดหดหู่ใจว่า “พระราชาของเราทรงเป็นไปได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ มุ่งหวังแต่เพียงว่า จะต้องได้พระราชธิดาของพระเจ้าจุลนีเท่านั้น หากว่าพระองค์ยังทรงยืนยันที่จะเสด็จไปให้ได้ พระองค์ก็จะต้องประสบความพินาศอย่างใหญ่หลวงทีเดียว”
 
    ด้วยวิสัยแห่งบัณฑิต ผู้มีความกตัญญูกตเวทีเป็นคุณธรรมประจำใจ มโหสถจึงเตือนใจตนเองว่า “แม้ว่าพระองค์จะทรงกริ้วเราก็ตาม จะทรงขับไล่เราก็ตาม เราก็ไม่ควรเสียเวลาเก็บเอาถ้อยคำเหล่านั้นมาไว้ในใจ อย่างไรเสียก็ไม่อาจลบล้างพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ได้ ดังนั้นไม่ว่าพระองค์ทรงปรารถนาสิ่งใด ก็ควรเป็นหน้าที่ของเราที่จะคอยสนองพระราชประสงค์ให้สำเร็จด้วยดี”
 
    เมื่อมโหสถคิดดังนี้แล้ว จึงตัดสินใจที่จะช่วยเหลือพระเจ้าวิเทหราช พร้อมกันนั้นก็คิดจะสืบดูให้รู้แน่ว่า ข้อเสนอของพระเจ้าจุลนีในครั้งนี้ แท้ที่จริงแล้วพระองค์ทรงมีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างไร เพราะหากได้ความจริงตั้งแต่ต้น ตนก็จะได้เตรียมการป้องกันได้ทันท่วงที
 
    ขณะนั้น มโหสถนึกย้อนถึงข้อความที่สหายผู้สืบราชการลับ ได้เคยส่งข่าวมาบอกว่า มีอยู่วันหนึ่งที่พระเจ้าจุลนีและพราหมณ์เกวัฎ ได้เคยปรึกษาข้อราชการกันถึงห้องบรรทมเพียงลำพังสองคน มีแต่นางนกสาลิกาซึ่งเลี้ยงไว้ในห้องพระบรรทมเท่านั้นที่รู้
 
    ครั้นแล้ว มโหสถก็คิดหาอุบายได้อย่างหนึ่ง จึงได้เรียกสุวโปดกมาเพื่อที่จะมอบหมายภารกิจครั้งสำคัญนี้ให้ทราบ เมื่อสุวโปดกได้ทราบภารกิจนั้นแล้ว ก็รับอาสาที่จะทำอย่างเต็มที่ มโหสถจึงบอกรายละเอียดของแผนการในครั้งนี้ให้สุวโปดกฟังว่า “พ่อทราบมาว่าที่ห้องบรรทมของพระเจ้าจุลนี มีนางนกสาลิกาตัวหนึ่งเป็นนกที่ฉลาดมาก เจ้าจงไปที่นั่นแล้วทำความสนิทสนมกับนาง แล้วจึงล้วงถามความลับจากนางมาโดยละเอียด เพราะนางนกรู้ความลับทั้งหมดของพระเจ้าจุลนีกับเกวัฏ”
 
“วางใจเถิดนาย เกี้ยวหญิงน่ะ ไม่ใช่เรื่องยากดอก” สุวโปดกรับสนองด้วยความชื่นบาน
“แต่มาถูระลูกรัก พ่ออดเป็นห่วงเจ้าไม่ได้เลย” มโหสถรำพึงเบาๆ น้ำเสียงบ่งบอกถึงความปริวิตก
“ห่วงอะไรหรือเจ้าข้า” สุวโปดกซักด้วยความฉงนใจ
“เกรงว่ามาถูระจะไปหลงเสน่ห์นางนกสาลิกา แล้วไม่กลับมาหาพ่อน่ะสิ” มโหสถหยั่งดูความตั้งใจ
 
    “นายของบ่าว โปรดวางใจเถิดขอรับ วิสัยของสัตว์เดรัจฉานที่จะลุ่มหลงจนลืมรังนั้นไม่ค่อยปรากฏนัก หากจะเป็นก็ชั่วครั้งชั่วคราวก็คงจะมีบ้าง แล้วก็ต้องคืนรังเสมอ และยิ่งในฐานะที่นายของบ่าว ได้ให้ความเมตตากรุณาปรานีอย่างดีแล้วด้วย ก็ยิ่งเป็นการยากที่บ่าวจะไปหลงสาวอื่น” สุวโปดกยืนยัน
 
    “แต่นางนกสาลิกานั่น สวยเหลือเกิน ทั้งมิใช่นางนกธรรมดา นางฉลาดเอาการทีเดียว พ่อเกรงแต่หัวใจของเจ้าจะถูกถ้อยคำอ่อนหวานของนาง มัดใจไว้จนคลายไม่ออก” มโหสถแกล้งเย้า
 
“ถึงนางจะสวยงามแค่ไหน ก็คงไม่มีอำนาจพอที่จะเหนี่ยวรั้งให้ข้าน้อยหลงลืมหน้าที่อันสำคัญนี้ไปได้หรอก” สุวโปดกยืนยันมั่นคง
มโหสถจึงเย้าต่อไปว่า “ตอนนี้เจ้าก็พูดได้สิ แต่หากได้พบนางเข้าแล้ว จะลืมคำมั่นนี้เสียก็ไม่รู้”
 
    “ข้าน้อยย่อมรู้ฐานะและหน้าที่ของตนดี หน้าที่ย่อมสำคัญที่สุด แม้ที่สุดชีวิตของข้าน้อยก็ยอมสละได้เพื่อหน้าที่ สิ่งนี้อยู่ในใจของข้าน้อยเสมอ ต่อให้ต้องตายก็จะตายในสนามรบ จะไม่ยอมเป็นศพนอกสนามอย่างเด็ดขาด...
 
    เมื่อเป็นเช่นนี้ ความรักในนางนกสาลิกานั้น ถึงแม้นางจะสวยงามขนาดไหนก็ตาม ก็ไม่มีความหมายสำหรับข้าน้อยเลย ถึงแม้ข้าน้อยจะเป็นวิหค ก็ยังมีจิตใจที่เกินร้อย พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่สนองงานของนาย อย่างเต็มกำลังสุดความสามารถเจ้าข้า”
 
    “อืม...ต้องอย่างนี้ ลูกรัก...เจ้าช่างฉลาดนัก พ่อเห็นจะพอวางใจได้ล่ะ” มโหสถยิ้มด้วยความเบิกบาน พลางลูบศีรษะเจ้าสุวโปดกด้วยความเมตตา มโหสถจึงสั่งกำชับในหน้าที่ของสุวโปดกว่า “บัดนี้พ่อขอให้เจ้าไปทำความสนิทสนมกับนางนกสาลิกานั้น แล้วให้นางหลงใหลในตัวเจ้า จากนั้นเจ้าจงหลอกถามความลับทั้งหมดของพระเจ้าจุลนีกับเกวัฏมาให้พ่อโดยด่วน”
 
    ครั้นแล้ว จึงให้กินข้าวตอกคลุกน้ำผึ้ง ให้ดื่มน้ำผึ้ง พร้อมกับเอาน้ำมันทาที่ขนปีก แล้วสั่งให้บินไปทางปัญจาลนคร
 
    สุวโปดกเจ้านกแสนรู้ รับคำสั่งของมโหสถแล้ว ก็ประคองปีกทั้งสองบรรจบกัน เพื่อแสดงความคารวะ แล้วบินประทักษิณรอบมโหสถ จากนั้นก็โผผินออกจากบัญชรแห่งคฤหาสน์ด้วยความเร็วปานลมกรด ไม่ช้าก็ลับจากสายตามโหสถบัณฑิตไป
 
    สุวโปดกได้บินเฉียงไปยังแคว้นสีวีก่อน ซึ่งมีเมืองหลวงชื่อว่า อริฐฏบุรี ทั้งนี้เพราะว่าแคว้นสีวีนี้เองเป็นอาณาจักรสำคัญ ซึ่งเป็นแหล่งกำลังพลของพระเจ้าจุลนี
 
    ดังนั้น สุวโปดกจึงบินผ่านมาทางเมืองนี้ก่อน เพื่อจะสืบหาข่าวที่เป็นประโยชน์แก่มโหสถบัณฑิต และเพื่อเก็บรายละเอียดของเมืองนี้ไว้ใช้เป็นข้อมูล สำหรับวางแผนตามอุบายในภายภาคหน้าอีกด้วย เมื่อไม่พบความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติอย่างไร ก็บินต่อไปยังปัญจาลนครทันที

    เมื่อถึงเมืองปัญจาลนครอันกว้างใหญ่ สุวโปดกบินผ่านอาคารบ้านเรือนและปราสาท อันเรียงรายเป็นถ่องแถว หมายมุ่งไปยังปราสาทหลังมหึมา ซึ่งเป็นที่ตั้งเด่นสง่าท่ามกลางปราสาทใหญ่น้อยที่รายล้อมอยู่ ซึ่งก็เป็นที่ประทับของพระเจ้าจุลนีนั่นเอง
    ครั้นถึงที่หมาย คือ พระราชวังแห่งปัญจาลนครแล้ว สุวโปดกก็บินไปจับบนโดมทองปลายยอดพระมหาปราสาท
 
    ส่วนว่า สุวโปดกนั้นจะมีวิธีอย่างไรที่จะหานางนกสาลิกาเจอ และเมื่อได้เจอกันแล้ว จะมีวิธีการสร้างสัมพันธไมตรี และสร้างความคุ้นเคยกันได้อย่างไร เพราะนกทั้งสองอยู่คนละสายพันธุ์กัน โปรดติดตามตอนต่อไป
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/jataka/mahosathapandita152.html
เมื่อ 23 กรกฎาคม 2567 03:08
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv