ทศชาติชาดก
เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี
ตอนที่ 162
 
 
    จากตอนที่แล้ว ข่าวการเดินทางมาของมโหสถบัณฑิตและคณะ เลื่องลือไปทั่วปัญจาลนคร ฝ่ายพระเจ้าจุลนีพรหมทัตทรงสนพระทัยติดตามข่าวคราวของมโหสถอยู่ทุกระยะ เมื่อทรงสดับว่า บัดนี้ขบวนของมโหสถบัณฑิตเข้าสู่ภายในเมืองแล้ว ท้าวเธอก็ยิ่งทรงโสมนัสยินดีทรงดำริว่า “มโหสถเอย เจ้าดิ้นรนมาหาคมดาบของข้าแท้ๆ เมื่อเจ้ามา วิเทหราชก็ต้องมาแน่ คราวนี้ล่ะ เจ้าสองคนอย่าได้หวังเลยว่าจะรอดพ้นเงื้อมมือของข้าไปได้”

   เมื่อขบวนของมโหสถบัณฑิต เข้ามาถึงเขตประตูพระราชวังแล้ว จึงบอกให้นายทวารบาลไปกราบทูลแด่พระเจ้าจุลนี ถึงการมาเข้าเฝ้าของตน ครั้นแล้วพระเจ้าจุลนีจึงทรงประทานพระบรมราชานุญาตให้มโหสถและคณะเข้าเฝ้า ณ ท้องพระโรง
 
    ลำดับนั้น พระเจ้าจุลนีทรงปฏิสันถารมโหสถตามสมควรแล้ว จึงตรัสถามมโหสถตรงๆว่า “เหตุใดเธอถึงล่วงหน้ามาก่อน ไม่นำเสด็จพระองค์มาด้วยกันเล่า”
 
    มโหสถจึงกราบทูลว่า “ขอเดชะ ข้าพระองค์ได้รับพระบรมราชโองการจากเจ้าเหนือหัว ให้มาสร้างพระราชนิเวศน์ เตรียมไว้เป็นที่ประทับของพระองค์เมื่อเสด็จมาสู่ปัญจาลนคร พระเจ้าข้า”
 
    พระเจ้าจุลนีทรงทราบเช่นนั้น ก็ตรัสชื่นชมมโหสถว่า “ดีแล้วพ่อบัณฑิต เธอจงอย่ารอช้าอยู่เลย รีบเร่งเตรียมการต้อนรับพระราชาของเธอให้เต็มที่ แม้เธอเองก็จงพำนักอยู่ในที่นี่ให้สุขสำราญเถิด และจงรอคอยไปจนกว่าเจ้าเหนือหัวของเธอจักเสด็จมาถึงก็แล้วกัน”
 
    และยังได้รับสั่งกับมโหสถ ต่อไปอีกว่า “พ่อมโหสถ ถ้าเธอไม่ลำบากใจ เราจะขอให้เธอจงช่วยดูแลกระทำภารกิจที่เห็นว่าสมควรแก่เราบ้าง สิ่งใดที่ควรจะต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ทะนุบำรุง ให้แข็งแรง เราขอให้เธอใช้ความเป็นบัณฑิตมาช่วยพัฒนาบ้านเมืองของเราที จนกว่าพระราชาของเธอจะเสด็จมา”

    มโหสถเห็นว่าเป็นโอกาสอันดี จึงรับอาสาสนองงานตามพระราชดำรัสของพระเจ้าจุลนีทันที นับแต่วันแรกที่เข้ามาพำนักอาศัยอยู่ในดินแดนของฝ่ายศัตรู มโหสถบัณฑิตก็มิได้นิ่งนอนใจ คอยเฝ้าสังเกตเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นภายในพระนครอยู่ตลอดเวลา

    มโหสถสนใจไต่ถามถึงสิ่งใหม่ๆรอบตัว กระทั่งรู้หมดว่าอะไรเป็นอะไร ทั้งระบบเส้นทางเข้านอกออกใน ประตูใหญ่ประตูน้อย ตรอกซอกซอยต่างๆ ตลอดจนระเบียบปฏิบัติภายในพระราชวัง ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้วางแผนรับมือศัตรูได้ทันท่วงที

    วันหนึ่ง มโหสถขึ้นไปสู่พระราชนิเวศน์ที่ประทับของพระเจ้าจุลนี ขณะหยุดยืนอยู่ตรงเชิงบันไดพระมหาปราสาท มโหสถเกิดความคิดขึ้นมาว่า “เราควรสร้างประตูอุโมงค์ขึ้นตรงเชิงบันไดนี่แหละ แต่...เอ...ถ้าเราลงมือขุดปากอุโมงค์ขึ้นตรงนี้ บันไดก็คงจะทรุดลงมาแน่”

    ขณะนั้น มโหสถคิดว่า “หากเราไม่รองพื้นบันไดเสียก่อน เวลาขุดอุโมงค์มาถึงตรงนี้ บันไดก็จะทรุดลงมาจนผิดสังเกต แต่หากได้ลาดกระดานใหญ่ๆรองรับเชิงบันไดเสียหน่อย บันไดก็ไม่มีทางทรุด อีกทั้งยังจะช่วยพรางตาให้ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ทางลับใต้ดินนี้ได้”

    เมื่อกำหนดแผนไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว มโหสถจึงเข้าเฝ้าเพื่อทูลเสนอเรื่องนี้แด่พระเจ้าจุลนีทันที “ขอเดชะมหาราชเจ้า ก่อนหน้าที่ข้าพระองค์จะมาเข้าเฝ้าในวันนี้ ข้าพระองค์ยืนรออยู่ที่เชิงบันไดนานพอควร จึงลองสำรวจดูบริเวณโดยรอบ ได้เห็นข้อบกพร่องอยู่อย่างหนึ่ง พระพุทธเจ้าข้า”

“อะไรหรือพ่อบัณฑิต” พระเจ้าจุลนีทรงซัก
“ข้อบกพร่องที่ข้าพระพุทธเจ้าจะกราบทูลก็คือ ตรงเชิงบันไดที่ทอดลงกับพื้นดินนั้น ไม่มีสิ่งใดรองรับอยู่เลย หากปล่อยไว้เช่นนี้ ไม่ช้าบันไดก็คงต้องพังลงมาอย่างแน่นอน พระพุทธเจ้าข้า”
พระองค์ทรงทราบเช่นนั้น จึงมีพระดำรัสถามว่า “แล้วเราควรทำอย่างไรดีล่ะ”
“หากว่าพระองค์ทรงเห็นชอบข้าพระพุทธเจ้าใคร่ขอพระราชทานไม้จำนวนหนึ่ง มาปูลาดรองเชิงบันไดให้มั่นคงแข็งแรง พระพุทธเจ้าข้า”
 
    ครั้นพระเจ้าจุลนีทรงทราบว่า มโหสถขวนขวายในกิจที่ชอบที่ควร ก็ทรงพอพระทัยยิ่งนัก ทรงรับสั่งอนุญาตทันที โดยที่มิได้ทรงเฉลียวพระทัยแต่อย่างใด และยังเข้าพระทัยอีกด้วยว่า มโหสถถึงกับออกปากรับอาสาทำงานเหล่านี้ ก็เพราะมีความจงรักภักดีต่อพระองค์
 
“เชิญเถิด พ่อบัณฑิต เชิญหาไม้มาปูลาดรองเชิงบันได ให้มั่นคงแข็งแรงตามความปรารถนาเถิด เธอจงช่วยจัดการไปตามที่เห็นสมควรเถิด”

    ครั้นได้รับพระบรมราชานุญาต ให้สามารถทำได้ตามต้องการ มโหสถจึงได้เริ่มดำเนินการตามแผนของตนทันที ลำดับนั้น มโหสถได้เรียกพวกช่างไม้ซึ่งเป็นคนของตนมาช่วยกันรื้อบันไดเก่าออก แล้วให้ปูลาดแผ่นกระดานใหญ่ตรงบริเวณที่กำหนดจะให้เป็นปากอุโมงค์ ครั้นตรึงกระดานนั้นจนแน่นหนาดีแล้ว ก็ให้พาดบันไดตามเดิม แต่ให้ก่ออิฐโบกปูนจนแน่นหนา กระทั่งมั่นใจได้ว่าแข็งแรงทนทาน และไม่มีทางพังทลายลงมาง่ายๆ เพียงวันเดียวเท่านั้น แผนการของมโหสถก็เสร็จสิ้นไปแล้วขั้นหนึ่ง
 
    วันรุ่งขึ้น มโหสถเข้าเฝ้าพระเจ้าจุลนีอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มโหสถกราบทูลขอพระราชทานที่ว่าง สำหรับสร้างพระราชนิเวศน์ถวายแด่พระเจ้าวิเทหราช
 
“ข้าแต่สมมติเทพ บัดนี้ข้าพระองค์กำลังแสวงหาพื้นที่ที่เหมาะสม สำหรับสร้างพระราชนิเวศน์ หากใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจะทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯพระราชทานพื้นที่ให้เป็นที่ประทับของเจ้าเหนือหัวของข้าพระองค์ ณ ที่แห่งไหน ข้าพระองค์ก็จะพึงปฏิบัติตามพระราชอัธยาศัย กระทำให้เป็นที่ต้องพระราชหฤทัยของท้าวเธอ พระพุทธเจ้าข้า”

    พระเจ้าจุลนีทรงดีพระทัยอยู่ว่า เหยื่อกำลังใกล้เข้ามาติดกับดักแล้ว จึงมิได้ทรงเฉลียวพระทัยแม้แต่น้อย ได้ตรัสว่า “เอาสิ พ่อบัณฑิต เราอนุญาต”
 
   “พระองค์ทรงเห็นว่า สถานที่ใดจึงจะควร พระพุทธเจ้าข้า” มโหสถทูลถาม
 
    พระเจ้าจุลนีทรงพระสรวลเบาๆ พลางตรัสว่า “จะยากอะไรกันเล่า เว้นแต่ที่อยู่ของฉันเท่านั้นล่ะ นอกนั้นในเขตพระนครนี้ทั้งหมด หากเธอต้องการจะสร้างในที่ใดก็สุดแล้วแต่เธอ จงเลือกเอาตามความชอบใจเถิด”
 
    พระราชดำรัสของพระเจ้าจุลนีในครั้งนี้ ทำให้มโหสถถึงกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความดีใจว่า "นี้เป็นโอกาสทองของเราอีกรอบหนึ่ง ที่สามารถกำหนดที่ตั้งพระราชนิเวศน์ของพระเจ้าวิเทหราชได้ และยังสามารถเป็นใหญ่ในที่ดินทั้งหมดในเมืองปัญจาละนครอีก" แต่ว่าแผนการของมโหสถขั้นต่อไปจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/jataka/mahosathapandita162.html
เมื่อ 23 กรกฎาคม 2567 04:22
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv