ทศชาติชาดก
เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี
ตอนที่ 178
 
 

    จากตอนที่แล้ว พระเจ้าวิเทหราชมีรับสั่งให้มโหสถบัณฑิตรีบหนีไปด้วยกัน แต่มโหสถทูลปฏิเสธขัดพระกระแสรับสั่งนั้น ก็เพราะความเป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม ที่มิอาจจะทอดทิ้งเหล่าทหารหาญและบริวารทั้งหลาย ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอด แล้วหนีเอาตัวรอดไปได้ จึงกราบทูลว่า “ต่อเมื่อข้าพระองค์ได้รวบรวมไพร่พลทั้งหมดแล้ว จึงขอตามเสด็จไปในภายหลัง และจะนำทรัพย์ที่เป็นส่วนของพระเจ้าจุลนีไปถวายแด่พระองค์ด้วย ขอเชิญพระองค์รีบเสด็จไปเถิด อย่าได้เป็นห่วงข้าพระพุทธเจ้าเลยนะ พระเจ้าข้า”

    พระเจ้าวิเทหราชตรัสท้วง “น้ำใจของเธอน่ะหรือ จะสู้กับแรงอาฆาตของพระเจ้าจุลนีได้” พระองค์รับสั่งถามด้วยทรงห่วงใย

    มโหสถจึงกราบทูลอย่างหนักแน่นว่า “สู้ได้สิพระเจ้าข้า ข้าพระองค์จักไม่ยอมหนีไปไหนเลย พระเจ้าจุลนีทำอะไรข้าพระองค์ไม่ได้หรอกพระเจ้าข้า ถึงแม้นักรบจะมีน้อย แต่ถ้าเป็นผู้เฉลียวฉลาด เลิศด้วยสติปัญญา ก็ย่อมจะเอาชนะหมู่ข้าศึกแม้มีกำลังมหาศาลได้ ฉะนั้น โปรดอย่าได้ทรงเป็นห่วงข้าพระพุทธเจ้าเลย ขณะนี้เหลือเวลาอีกเพียงไม่มากนัก ขอใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทรีบเสด็จพระราชดำเนินโดยเร็วเถิด ข้าพระองค์ได้จัดเตรียมพาหนะและเตรียมถวายการรับรองไว้แล้ว เป็นระยะๆตลอดเส้นทาง พระพุทธเจ้าข้า”

    มโหสถกราบบังคมทูลพระเจ้าวิเทหราชแล้ว ก็ปล่อยเรือพระที่นั่งออกจากท่าในทันที เมื่อเรือพระที่นั่งแล่นมาถึงตำบลที่กำหนดแล้ว พระเจ้าวิเทหราชพร้อมด้วยกษัตริย์ทั้งสี่พระองค์แห่งปัญจาลนคร ก็เสด็จขึ้นจากเรือต้น เข้าไปประทับพักผ่อนพระอิริยาบถ ภายในพลับพลาที่มโหสถให้สร้างไว้ทุกระยะหนึ่งโยชน์

    อำมาตย์ที่เฝ้าดูแลสถานที่นั้นๆ ก็รีบกุลีกุจอจัดถวายพระกระยาหาร และเลี้ยงดูข้าราชบริพารที่ตามเสด็จ พร้อมจัดแจงเปลี่ยนช้างและม้าพาหนะเสียใหม่ เป็นทอดๆไปเช่นนี้ตลอดระยะทางร้อยโยชน์ มีผลทำให้การเดินทางกลับมิถิลานครในครั้งนี้ เป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วเกินความคาดหมาย แล้วในที่สุดขบวนเสด็จของพระเจ้าวิเทหราชก็กลับถึงมิถิลานครด้วยความสวัสดิภาพ ในวันรุ่งขึ้นนั้นเอง

    ภายหลังส่งเสด็จพระราชา กลับคืนสู่มิถิลานครแล้ว คืนนั้นมโหสถได้กลับเข้าสู่อุโมงค์ ปลดดาบที่ตนเหน็บไว้ออกมา แล้วคุ้ยทรายที่ปากประตูอุโมงค์ เอาดาบฝังไว้ในทรายตรงบริเวณนั้น จากนั้นมโหสถจึงเดินตรงออกจากประตูอุโมงค์เข้าสู่พระนครแห่งใหม่ ขึ้นสู่ปราสาท สนานกายด้วยน้ำหอม บริโภคโภชนะรสเลิศแล้วก็เข้าสู่ที่นอน พลางระลึกถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มสร้างพระนคร จนกระทั่งจัดพิธีถวายพระราชธิดาปัญจาลจันทีแด่พระเจ้าวิเทหราช ยิ่งนึกก็ยิ่งภาคภูมิใจในความสำเร็จของตน ดำริว่า “น่าชื่นใจเหลือเกิน บัดนี้ความปรารถนาของเราได้ถึงที่สุดแล้ว ไม่มีข้อบกพร่องเลยแม้เพียงน้อยนิด”
 
    ดำริฉะนี้แล้ว มโหสถก็หลับอย่างสบายใจท่ามกลางวงล้อมของกองทัพปัญจาลนคร เหมือนพญาราชสีห์นอนหลับอยู่ในวงล้อมของฝูงมฤคก็มิปาน

    ฝ่ายพระเจ้าจุลนี ภายหลังจากที่ทรงบัญชาการทัพ กำชับไพร่พลให้ล้อมพระนครไว้อย่างแน่นหนาในทุกด้านแล้ว ก็ทรงประทับเทียบพลนั้นไว้ตั้งแต่รัตติกาลเริ่มปกคลุมผืนโลก พระองค์ทรงกระวนกระวาย พระหทัยเร่าร้อนด้วยเพลิงพยาบาทที่เผาลนจนไม่เป็นอันพักผ่อน รอคอยเพียงเวลาสำคัญที่จะเข้าห้ำหั่นและบดขยี้ศัตรูให้แหลกลาญ โดยที่มิทรงทราบเลยว่า บัดนี้พระเจ้าวิเทหราชได้เสด็จหนีไปแล้ว

    ครั้นรุ่งอรุณ อุทัยทอแสงเรื่อเรืองจับขอบฟ้า เป็นสัญญาณเริ่มต้นของวันใหม่ แต่สำหรับพระเจ้าจุลนีแล้ว นั่นเป็นนิมิตหมายแห่งชัยชนะที่ทรงรอคอยมานาน และขณะเดียวกัน ก็ย่อมเป็นนิมิตหมายแห่งความปราชัยของพระเจ้าวิเทหราชเช่นกัน

    ขณะนั้น พระเจ้าจุลนีเสด็จขึ้นสู่พระคชาธาร พระองค์ทรงสวมฉลองพระองค์ด้วยเกราะแก้วประดับเพชรมณี พระหัตถ์ทรงศร ประทับสง่าเหนือคอพระคชาธารซึ่งทรงพละกำลังมหาศาล พลางมีพระบัญชาสั่งขบวนพลทุกกองทัพ ทั้งพลช้าง พลม้า พลรถ พลราบ และกองขมังธนู ประชุมพร้อมกันเพื่อเตรียมเผด็จศึกทันที

   ลำดับนั้น พระองค์รับสั่งด้วยพระสุรเสียงกึกก้องว่า “พวกเราทั้งหลายจักพร้อมใจกัน บุกทำลายเมืองทั้งเมืองให้ราบเป็นหน้ากลอง แล้วจับพระเจ้าวิเทหราชพร้อมมโหสถมาสำเร็จโทษให้จงได้”

    ครั้นแล้ว จึงมีพระดำรัสแก่เหล่าจตุรงคเสนาว่า “เจ้าทั้งหลาย จงไสช้างพลายเข้าย่ำยีพระนครนี้ให้แหลกเสียโดยเร็ว จงยิงลูกธนูอันมีปลายแหลมดุจสิ่วคม ให้ตกลงมาพรั่งพรูดังห่าฝน พลหอกทั้งหมดจงพุ่งหอกชโลมน้ำมันกระหน่ำเข้าไป พลดาบผู้ชาญศึกก็จงตามฟาดฟันบั่นเศียรของพวกมันมาให้ได้ โธ่เอ๋ย...กองทัพที่มีแสนยากรล้นเหลือ มีอาวุธครบครันอย่างพวกเรา ยังจะต้องครั่นคร้ามสิ่งใดอีก เพราะถึงอย่างไรพวกมันก็ไม่มีทางหนีรอดไปได้ วิเทหราชเอ๊ย...วันนี้เจ้าตายแน่ ต่อให้เจ้ามีปีก ก็คงบินกลับไปไม่ถึงมิถิลาเสียเป็นแน่

    พระเจ้าจุลนี ทรงปลุกใจบำรุงขวัญนักรบของพระองค์ พระมนัสเต็มไปด้วยชัยชนะทุกด้าน ทรงมุ่งพระทัยว่า “เราต้องจับวิเทหราชและมโหสถให้ได้ ทั้งๆที่ยังมีชีวิตอยู่”
 
    ทรงมีพระดำรัสต่อทหารหาญอีกว่า “พวกเราทั้งหลาย จงจับพวกมัน จงขยี้พวกมัน จงแทงพวกมัน อย่าให้มีใครรอดพ้นไปได้”
 
    แล้วพระเจ้าจุลนี ก็มุ่งหน้าเข้าจู่โจมเข้าไป ทางด้านหน้าพระราชวังที่มโหสถกำลังนอนหลับอย่างสบายอารมณ์อยู่ เหล่าบุรุษแฝงซึ่งถูกมโหสถส่งมาปะปนอยู่ท่ามกลางกองทัพของพระเจ้าจุลนี ได้ฟังดังนั้น ก็คิดว่า “ไม่แน่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น แต่ถึงยามคับขันจริงๆ เราก็จะต้องจับพระเจ้าจุลนีเอาไว้ก่อน” แล้วก็เร่งคุมพลรบในบังคับบัญชาของตน เข้าประชิดพระเจ้าจุลนีไว้ให้มากที่สุด

    ส่วนว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร เมื่อพระเจ้าจุลนีได้ยกทัพเข้ามาภายในพระนครแล้ว และมโหสถบัณฑิตจะมีวิธีการใดที่จะตอบโต้กับกองกำลังของพระเจ้าจุลนีได้ โปรดติดตามตอนต่อไป
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/jataka/mahosathapandita178.html
เมื่อ 3 กรกฎาคม 2567 16:18
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv