ทศชาติชาดก
เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี
ตอนที่ 184
 
 
 
    จากตอนที่แล้ว มโหสถเฝ้าดูอาการของพระเจ้าจุลนีอยู่ตลอด เมื่อเห็นดังนั้นก็ทราบว่า บัดนี้ความหมายมั่นที่จะฆ่าตนได้หมดสิ้นไปแล้ว คงมีแต่ความอาลัยในพระเทวีเท่านั้น จึงกราบทูลพระเจ้าจุลนีว่า “ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท พระองค์อย่าได้ทรงวิตกไปเลย ทันทีที่ข้าพระองค์กลับคืนสู่มิถิลานครแล้ว กษัตริย์ทั้งหมดก็จักเสด็จกลับมาถึงที่นี่อย่างปลอดภัย พระเจ้าข้า”
 
    พระเจ้าจุลนีได้ฟังดังนั้น ก็ทรงสบายพระทัยขึ้น แต่ก็ทรงอดสงสัยไม่ได้ว่า “นี่ขนาดเราได้เตรียมการป้องกันปัญจาลนครไว้แล้วอย่างแน่นหนา อีกทั้งยังยกกองทัพใหญ่มาปิดล้อมพระนครนี้ไว้  แต่ดูเถิด มโหสถก็ยังสามารถช่วยพระเจ้าวิเทหราชให้หนีไปได้ และไม่ใช่ไปคนเดียว แต่ไปพร้อมกับไพร่พลอีกมากมาย มิหนำซ้ำยังพาเสด็จแม่ เทวี โอรสและธิดาของเราไปอีก ช่างน่าอัศจรรย์จริง มโหสถรู้เล่ห์กลแห่งทิพมายาหรือไฉน หรือเป็นเพราะรู้มนต์กำบังตากันแน่”
 
    จึงรับสั่งถามมโหสถว่า “เจ้าบอกข้าได้ไหมว่า เจ้าน่ะรู้มนต์ทิพมายา หรือว่าเจ้าทำอุบายบังตาข้ากันแน่ เหตุใดเจ้าจึงช่วยวิเทหราชให้หนีรอดไปได้”
 
    มโหสถทูลตอบว่า “ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เหล่านักรบหนุ่มของหม่อมฉันช่วยกันขุดอุโมงค์ตามคำสั่งของหม่อมฉัน เพื่อใช้เป็นเส้นทางกลับสู่มิถิลานคร ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของพระเจ้าวิเทหราช และเพื่อความปลอดภัยของหม่อมฉันเอง นี่แหละคือทิพมายาของบัณฑิต พระพุทธเจ้าข้า”
 
    พระเจ้าจุลนีจึงตรัสว่า “แน่ะมโหสถ เราใคร่จะดูอุโมงค์ที่เจ้าบอกเหลือเกิน จะได้หรือไม่ล่ะ”

    มโหสถกราบทูลว่า “ขอเดชะ ได้สิพระเจ้าข้า ถ้าเช่นนั้น เชิญพระองค์เสด็จตามหม่อมฉันมาเถิด หม่อมฉันจักให้พระองค์ได้ทอดพระเนตรอุโมงค์ที่หม่อมฉันสร้างไว้ดีแล้ว ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานวโรกาส กราบทูลพรรณนาถึงภายในอุโมงค์ของหม่อมฉันโดยย่อว่า อุโมงค์นี้มิใช่อุโมงค์ธรรมดา ได้ช่างผู้ชำนาญการ ประดับตกแต่งไว้เพริศแพร้วสวยงาม ดุจดังเทวสภา งดงามวิจิตรตระการตาด้วยการสลักเสลาลวดลายอย่างอลังการ
 
    ภายในอุโมงค์นี้ พระองค์จะได้ทอดพระเนตรประตู ใหญ่ 80ประตู ประตูน้อย 64ประตู ห้องนอน 101ห้อง และโคมประทีป 101ดวง ทั้งหมดนี้ หม่อมฉันเป็นผู้คิดขึ้นด้วยปัญญาของหม่อมฉันเอง
 
    เอาล่ะ หม่อมฉันจะให้เขาเปิดประตูเมืองเดี๋ยวนี้แหละ ขอพระองค์จงเข้ามาในพระนครเถิด แล้วเราทั้งหมดก็จะเข้าไปในอุโมงค์พร้อมๆกัน”
 
    ว่าแล้วมโหสถก็สั่งให้ทหารเปิดประตูเมือง เพื่อเปิดทางให้พระเจ้าจุลนีพร้อมด้วยพระราชา 101พระองค์ เข้าสู่พระนคร
 
    ฝ่ายมโหสถลงจากปราสาทแล้ว ก็ถวายบังคมพระเจ้าจุลนี จากนั้นจึงนำเสด็จพระเจ้าจุลนีพร้อมด้วยเหล่าข้าราชบริพารเข้าสู่อุโมงค์นั้นทันที
 
    ครั้นพระเจ้าจุลนี ได้ทอดพระเนตรเห็นอุโมงค์ที่งดงามดั่งเทวสภา ก็อดที่จะชื่นชมมโหสถไม่ได้ ตรัสว่า “ช่างเป็นบุญของชาวมิถิลาจริงหนอ ที่ได้อยู่ร่วมแคว้นกับยอดบัณฑิตเช่นเธอ ถ้าบ้านเมืองใด หรือแว่นแค้นใดมีคนอย่างเธออยู่ ก็ถือว่าเป็นบุญลาภของชาวเมืองนั้น และชาวแว่นแคว้นนั้น”
 
    มโหสถทูลว่า “ขอบพระทัย พระพุทธเจ้าข้า แต่สำหรับหม่อมฉัน ถือว่าเป็นบุญของหม่อมฉันเอง ที่ได้มีโอกาสตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของเจ้าเหนือหัววิเทหราช”
 
    มโหสถกล่าวขอบพระทัยแล้ว ก็นำเสด็จเพื่อทอดพระเนตรห้องบรรทมทั้ง 101ห้องต่อไป เมื่อมโหสถเปิด ประตูห้องหนึ่ง ประตูที่เหลือทั้งหมดก็เปิดพร้อมกัน และเมื่อปิดประตูห้องหนึ่ง ประตูห้องทั้งหมดก็ปิดลงพร้อมกันเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ
 
    พระเจ้าจุลนีเสด็จเที่ยวชม โดยมีมโหสถตามเสด็จอยู่ข้างหลัง ตามติดมาด้วยเหล่าข้าราชบริพารและพระราชาต่างแคว้น ซึ่งพากันแหงนมองดูรอบอุโมงค์อย่างเพลิดเพลิน แม้พระเจ้าจุลนีจะเสด็จออกจากอุโมงค์ไปแล้ว แต่บรรดาผู้ตามเสด็จเหล่านั้น ก็ยังคงเพลิดเพลินอยู่ภายในอุโมงค์นั่นเอง
 
    มโหสถเห็นพระเจ้าจุลนีเสด็จออกมาแล้ว ก็รีบตามพระองค์ออกมาทันที จากนั้นจึงได้โยกสลักยนต์ ปิดประตูอุโมงค์นั้นเสีย ทันใดนั้น ทั้งประตูใหญ่ประตูน้อยและประตูห้องบรรทมต่างถูกปิดลงพร้อมกัน โคมไฟทั้งร้อยดวงก็ดับพรึบลงทันที บรรดาผู้ตามเสด็จที่ยังติดอยู่ในอุโมงค์ เหลียวไปทางใดก็ มองไม่เห็นอะไรเลย เพราะภายในอุโมงค์นั้นกลับมืดสนิทไม่มีแม้แสงลอดผ่าน คนเหล่านั้นต่างตื่นตระหนกตกใจกับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พากันส่งเสียงร้องโหวกเหวกโวยวาย เพราะสะดุ้งกลัวต่อมรณภัยด้วยกันทั้งสิ้น
 
    ครั้นพ้นปากอุโมงค์มาแล้ว แทนที่มโหสถจะตามเสด็จพระเจ้าจุลนีไปใกล้ๆ กลับหยุดเดิน แล้วก้มลงเอามือคุ้ยทรายตรงบริเวณปากอุโมงค์ เมื่อพบพระขรรค์ที่ฝังไว้เมื่อวันก่อนแล้ว ก็รีบหยิบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ครั้นได้จังหวะ มโหสถก็รีบกระโดดเข้าจับพระเจ้าจุลนีโดยไม่ให้ทันตั้งตัว ใช้กำลังรวบพระหัตถ์ทั้งสองไขว้หลังไว้ แล้วเงื้อพระขรรค์แนบชิดพระศอ ทำทีว่าจะบั่นพระเศียรของพระองค์ให้ได้ พลางข่มขู่ด้วยเสียงอันดังน่าเกรงขามว่า “มหาราช จงบอกหม่อมฉันสิว่า สมบัติในชมพูทวีปนี้เป็นของใคร”
 
    พระเจ้าจุลนีทรงตกพระทัยอย่างยิ่ง รีบตรัสตอบอย่างลนลาน ด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ผู้ยังกลัวต่อมรณภัยว่า “สมบัติทั้งหมดเป็นของเจ้า เจ้าจงให้อภัยเราเถิด เราไม่ต้องการสมบัติอะไรทั้งนั้น ขอแต่เพียงชีวิต ของเราไว้เท่านั้น”
 
    ส่วนว่ามโหสถ จะลอบปลงพระชนม์พระเจ้าจุลนีหรือไม่ เพราะว่าเมื่อผู้นำทัพต้องมาจบชีวิตลงในสนามรบ ฝ่ายตรงข้ามย่อมได้รับชัยชนะทันที อีกทั้งเหล่าข้าราชบริพารของพระเจ้าจุลนี และพระราชาต่างแคว้นอีกร้อยเอ็ดพระองค์ ก็ยังติดอยู่ในอุโมงค์ที่มืดสนิท
 
    แผนการของมโหสถในครั้งนี้ สามารถปกครองชมพูทวีปได้ทันที แต่ว่ามโหสถบัณฑิตจะมีวิธีการอย่างไร ที่ดีไปกว่าการเป็นใหญ่ด้วยการฆ่าฟันกัน โปรดติดตามตอนต่อไป          
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/jataka/mahosathapandita184.html
เมื่อ 23 กรกฎาคม 2567 01:58
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv