ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  เนมิราช   ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี  ตอนที่ 16


        จากตอนที่แล้ว พระเจ้าเนมิราชได้ทอดพระเนตรเห็นเทวสภาอันยิ่งใหญ่ ก็ทรงสงสัยว่า วิมานหลังนี้ทำไมถึงใหญ่เหลือเกิน มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร จึงตรัสถามมาตลีเทพสารถี
 
        มาตลีจึงได้กราบทูลว่า “ข้าแต่มหาราช วิมานนี้เป็นเทวสภามีนามว่าสุธรรมา  เป็นที่ประชุมกันของเหล่าเทวดาชั้นดาวดึงส์  มีความเป็นมาว่า ในอดีตมฆมาณพพร้อมสหายอีก ๓๒ คน  ได้คิดสร้างหนทางสวรรค์ ด้วยการทำศาลาหลังใหญ่  เพื่อให้เป็นที่พักของคนเดินทาง 

        เมื่อศาลาเสร็จ จะทำพิธียกช่อฟ้า ในวันประกอบพิธี  ช่างไม้กลับแจ้งว่า ลืมทำช่อฟ้าของศาลาควรจะได้ช่อฟ้าที่ทำเสร็จแล้ว มฆมาณพและสหายก็พากันแสวงหาช่อฟ้า  ก็ได้มาพบช่อฟ้าซึ่งคลุมผ้าเอาไว้ที่บ้านของนางสุธรรมาซึ่งเป็นภรรยาของมฆมาณพ จึงขอซื้อด้วยทรัพย์หนึ่งพัน 

        แต่นางสุธรรมากล่าวว่า ถ้ามฆมาณพและสหายแบ่งบุญในการสร้างศาลาให้ ก็จะยกให้เลย โดยไม่คิดเงิน   แรกๆ มฆมาณพและสหายก็ปฏิเสธ  เพราะไม่อยากให้พวกภรรยามีส่วนร่วมในบุญ แต่เมื่อหาจากที่อื่นไม่ได้ เมื่อจำเป็นจะต้องใช้ จึงต้องยอมรับ แล้วนำไปติดตั้งไว้ที่หน้ามุข

        คนทั้งหลายที่มาพักอาศัยในศาลา ได้เห็นชื่อของนางสุธรรมาอยู่ที่ช่อฟ้า จึงเรียกศาลานั้นว่า ศาลาสุธรรมา  เมื่อละจากโลกมนุษย์แล้วนางก็ได้มาบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นมเหสีคนหนึ่งของท้าวสักกะ  เพราะผลแห่งบุญนั้น  ว่าแล้วมาตลีก็อัญเชิญพระเจ้าเนมิราชเสด็จเข้าสู่เทวสมาคม

        เทวสมาคมต่างรอคอยการเสด็จมาของพระเจ้าเนมิราช  เมื่อเห็นเวชยันตรถเริ่มปรากฏที่ซุ้มประตูจิตกูฏ ต่างก็ร่าเริงยินดีส่งเสียงสาธุการ  ถวายการต้อนรับการเสด็จมาของพระเจ้าเนมิราช   ต่างก็ถือเครื่องหอมต่างๆ เช่น ธูป  เครื่องอบ และดอกไม้ทิพย์ ไปคอยอยู่ที่ทางเสด็จของพระเจ้าเนมิราช  จนถึงนำเสด็จเข้าสู่สุธรรมาเทวสภา

        ตลอดทางนั้นล้วนมีแต่คำสรรเสริญชื่นชมพระเจ้าเนมิราช ที่ได้ทำหน้าที่กัลยาณมิตรคอยชี้แนะทางสวรรค์  ห้ามขาดจากการทำอกุศลกรรมทุกชนิด  จึงทำให้ได้มาเสวยทิพยสมบัติอย่างโอฬารกันมากมายถึงปานนี้ 

        เมื่อพระเจ้าเนมิราชเสด็จลงจากทิพยานเข้าสู่เทวสภา  เหล่าเทวดาก็อัญเชิญให้เสด็จขึ้นประทับนั่งบนทิพอาสน์ใกล้กับท้าวสักกเทวราช

        ปกติโดยทั่วไปของมนุษย์ผู้ไม่รู้จักพระคุณของพระรัตนตรัย เมื่อเกิดความหวาดกลัว ต้องการจะพ้นภัย หรือเจ็บไข้ได้ป่วย อยากจะหายจากไข้ ก็จะนอบน้อมบูชาเทวดา อ้อนวอนขอให้ตนพ้นภัย หายจากอาการป่วยไข้

        แม้กระทั่งปรารถนาความสำเร็จอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ย่อมจะทำสักการะ บูชา และนอบน้อมต่อเทวดา  อ้อนวอนขอให้ความปรารถนาของตนนั้นๆ สำเร็จ

         แต่ในเทวสมาคมนี้ กลับกลายเป็นว่า เทวดามาประชุมกันต้อนรับ กล่าวสดุดี สรรเสริญ และทำสักการบูชามนุษย์ 

        นี้ก็แสดงให้เห็นว่า  พระเจ้าเนมิราชบรมโพธิสัตว์นั้น ท่านเป็นผู้มีบุญบารมีที่ได้สั่งสมไว้เป็นอย่างดี และจะต้องมากกว่าเทวดา  คือถึงพร้อมด้วยคุณ มีศีล  สมาธิ และปัญญาเป็นต้นยิ่งกว่าเทวดา เทวดาจึงยินดีที่จะสักการบูชาพระองค์

        ส่วนท้าวสักกะจอมเทพทรงเกิดความเลื่อมใสในพระเจ้าเนมิราชเป็นอย่างยิ่ง ได้ตรัสเชื้อเชิญให้ทรงบริโภคกามอันเป็นทิพย์ในเทวโลกกับพระองค์ โดยจะทรงแบ่งสมบัติทิพย์ให้

        พระเจ้าเนมิราชได้ทรงสดับดังนั้น ก็ไม่ทรงปรารถนา เพราะทรงรู้ว่าบุญบารมีของพระองค์นั้นยังน้อยอยู่ และที่ทรงสร้างบารมีนี้ก็มิได้มีเป้าหมายเพื่อทรงบริโภคกามอันเป็นทิพย์

        บารมีให้มากยิ่งขึ้นไปอีก จึงมีพระดำรัสว่า “สิ่งใดที่ได้มาเพราะผู้อื่นให้  สิ่งนั้นเปรียบเหมือนยวดยานหรือทรัพย์ที่ยืมเขามา 

        ฉะนั้น  หม่อมฉันไม่ปรารถนาสิ่งที่ผู้อื่นให้  บุญทั้งหลายที่หม่อมฉันทำเอง  ย่อมเป็นทรัพย์อันประเสริฐที่จะติดตามหม่อมฉันไป  หม่อมฉันจักกลับไปทำกุศลให้มากในหมู่มนุษย์ 

        ด้วยการบริจาคทาน การประพฤติธรรมให้สม่ำเสมอ ทั้งทางกาย วาจา ใจ  จะสำรวมในศีล  และฝึกอินทรีย์  ซึ่งจะทำให้ได้รับความสุข และไม่ต้องเดือดร้อนใจในภายหลัง”

        พระมหาสัตว์ทรงแสดงธรรมแก่เหล่าเทวดาที่ประชุมกันอยู่ ณ มหาสมาคมแห่งนั้น   ด้วยบทธรรมที่ไพเราะจับใจ ประดุจพระอริยเจ้าผู้เป็นพระธรรมกถึกมาแสดงเอง   ทั้งยังได้พรรณนาคุณของมาตลีเทพบุตรว่า เป็นผู้มีพระคุณมีอุปการะมากแก่พระองค์อย่างหาที่สุดไม่ได้อีกด้วย

        เพียงไม่กี่นาทีที่ผ่านไปในภพดาวดึงส์ แต่เวลาในโลกมนุษย์ได้ผ่านไปแล้วถึง ๗ วัน ทุกกระแสพระราชดำรัส  ทำให้เหล่าทวยเทพปลื้มอกปลื้มใจทับทวี  ต่างเบิกบานยินดีกันอยู่ในหมู่เทวดาด้วยกัน

        หลังจากทรงแสดงธรรมจบลงแล้ว  พระเจ้าเนมิราชบรมโพธิสัตว์ ก็ได้ตรัสอำลาท้าวสักกเทวราชว่า  “ถึงเวลาแล้วที่หม่อมฉันจะต้องลาพระองค์ เพื่อกลับไปยังโลกมนุษย์  หม่อมฉันเห็นผลแห่งบุญและบาปโดยประจักษ์ด้วยนัยน์ตาแล้ว

        กลับไปคราวนี้ หม่อมฉันจะสั่งสมบุญให้มาก และจะไม่เกียจคร้านในการชักชวนชาวประชาให้ตั้งมั่นในกุศลธรรม ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี หม่อมฉันขอลาไปก่อน”

        ท้าวสักกเทวราชทรงเลื่อมใสพระเจ้าเนมิราชยิ่งนัก เมื่อทรงเห็นว่าท้าวเธอมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะกลับสู่มนุษย์โลก จึงมีเทวโองการสั่งให้มาตลีเทพบุตรจัดเตรียมทิพยานถวาย 

        มาตลีเทพสารถีน้อมรับเทวบัญชาแล้ว ก็ได้จัดการตามที่รับสั่ง  นำทิพยานเข้าเทียบรอรับพระเจ้าเนมิราชในทันที

        จากนั้น พระเจ้าเนมิชราชก็ทรงอำลาท้าวสักกเทวราช และเหล่าเทวดาทั้งหลาย เสด็จขึ้นประทับบนทิพยานอย่างสง่างาม กลับมาสู่โลกมนุษย์ในบัดนั้น

        มาตลีเทพสารถีได้นำทิพยานนามว่า เวชยันต์ กลับมาส่งถึงกรุงมิถิลานคร แคว้นวิเทหรัฐ โดยนำเสด็จมาทางทิศใต้ ซึ่งเป็นทิศเดียวกันกับตอนที่มารับเสด็จพระเจ้าเนมิราชนั่นเอง
        มหาชนชาวพระนครมองเห็นราชรถปรากฏที่ขอบฟ้าด้านทิศใต้ ก็เกิดตื่นเต้นโกลาหลออกจากบ้านเรือนของตนมาต้อนรับ ไชโยโห่ร้องว่า “พระราชากลับมาแล้ว ๆ” ด้วยความยินดีปรีดา ส่วนว่า เมื่อพระเจ้าเนมิราชกลับมาถึงพระนครแล้ว จะทรงปฏิบัติราชกิจอย่างไรอีกนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป


พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/jataka/nemiraja16.html
เมื่อ 22 กรกฎาคม 2567 22:46
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv