จดหมายจากอดีตธรรมทายาท 
 
ตอน คุณหมอหมื่นโวลต์


กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงครับ

กระผมชื่อ นายแพทย์วุฒิพันธ์ เลาหบริพัตร  ฉายาคุณหมอหมื่นโวลต์ครับ แม้ตอนนี้ผมจะศรัทธาวัดพระธรรมกายเป็นหมื่นๆเปอร์เซ็นต์ แต่ขอบอกว่า ตอนเป็นวัยรุ่นนั้น  เรื่องกฎแห่งกรรม ผมยังไม่เชื่อเลยครับ

เนื่องจาก แต่ไหนแต่ไรมา หากผมชอบอะไรแล้ว ก็จะทำสิ่งนั้นอย่างสม่ำเสมอ ฟังดูเหมือนจะดีนะครับ แต่ผมตั้งเข็มทิศชีวิตผิดไปหน่อย  เพราะสมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ ผมจะชอบเที่ยวเตร่เฮฮากับเพื่อนฝูงและทำเป็นหมด ทั้งกินเหล้า สูบบุหรี่ แทงสนุกเกอร์ เที่ยวกลางคืน ผมเกเรถึงขนาดไปอยู่กับแก็งค์ดมกาวและไปกินนอนกับคนพวกนี้ เวลาไม่เข้าเรียนหลายๆ เดือนก็สอบตก ได้ที่โหล่ๆ ทำให้มีบุคลิกต่อต้านอาจารย์ อะไรที่อาจารย์ไม่ชอบ ผมจะชอบทำหมดครับ  บางครั้งเวลากลับบ้าน ผมเห็นพ่อกับแม่นั่งร้องไห้ ผมก็นึกสะกิดใจขึ้นมาว่า ถ้าผมมีครอบครัว แล้วผมจะกลายเป็นคนแก่ที่ต้องมานั่งร้องไห้แบบนี้หรือ ผมเสียคนไปเยอะมาก  ทั้งที่ลึกๆในใจก็อยากเป็นคนดี แต่ไม่รู้จะเป็นคนดีได้อย่างไร 



อดีตธรรมทายาท นายแพทย์วุฒิพันธ์  เลาหบริพัตร


จนครั้งหนึ่ง นพ.ปวิทัย ชัยเจริญวรรณ(ปัจจุบันบวชเป็นพระแล้วที่วัดพระธรรมกาย)กับนพ.ฉัตรชัย ศรีบัณฑิต ซึ่งเรียนแพทย์ด้วยกันที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชวนผมให้ลองนั่งสมาธิ ให้นึกดวงแก้วไว้ในตัว แล้วก็ภาวนาสัมมาอะระหัง ผมก็เห็นแสงสว่างแว๊บ หนึ่ง แม้ตื่นมาตอนเช้าก็ยังเห็นดวงสว่างอยู่กลางกายครับ ตอนนั้น ผมมีความสุขมากแต่ก็งงๆครับว่าเป็นดวงอะไร แล้วก็เริ่มถือศีล 8 โดยตั้งใจว่าจะปฏิบัติอย่างจริงจัง แต่เพื่อนๆ ก็ชวนไปเที่ยวได้ทุกวัน จนผมยอมแพ้ครับ คือ เลิกถือศีล 8 , กลับไปเที่ยวเหมือนเดิมและไม่ได้มาวัดอีก

จนกระทั่งผมเรียนจบ และได้เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลโนนแดง จ.นครราชสีมา ผมก็เจอแต่เรื่องเครียดๆ พอมีคนชวนให้มาวัดพระธรรมกาย ผมก็บอกว่า ผมรู้จัก..ผมเคยไปแล้ว แต่คงเพราะบุญเก่าตามทัน ในที่สุดผมก็ได้มาวัดในวันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ต้นเดือนครับ พอได้มาวัดจริงๆ ผมกลับรู้สึกสบายใจ  ประจวบกับช่วงหลังจากนั้น คุณแม่ป่วยเป็นอัมพาต เดินไม่ได้ทั้ง 2 ข้าง  ผมอยากให้แม่ได้บุญ อยากให้แม่ขึ้นสวรรค์ และกลัวแม่จะจากไปเสียก่อน เลยตัดสินใจมาบวชบูชาธรรมรุ่น 51 ปีของหลวงพ่อ ในปี พ.ศ.2538 ครับ แล้วผมก็ได้รู้ว่าคนเราเกิดมาเพื่ออะไร แถมยังรู้สึกคุ้นเคยกับหมู่คณะมากๆ เหมือนเคยเจอกันมาก่อน ตอนนั้นผมอินมาก ใครจะลาสิกขา ผมรีบเชียร์ให้อยู่ต่อ แต่คนเชียร์อย่างผมทนคิดถึงลูกไม่ได้ เชียร์ไปเชียร์มา เลยลาสิกขาไปด้วยครับ 

    แม้ตอนนี้ ผมจะกลับมาสวมยูนิฟอร์มฆราวาส แต่การบวชครั้งนั้น ทำให้ได้รู้ว่า วิชาอนาโตมี่ ทางการแพทย์เป็นเหมือนแค่ผิวๆ ซึ่งไม่ได้ให้คำตอบของชีวิตเลย การเรียนทางโลก ไม่ได้ช่วยให้เรามีความสุขเลย  เราอยากไปช่วยคน แต่ใจของเรากลับเครียดและใจร้อน ก็ช่วยใครไม่ได้   แต่พอมาบวชและได้รับประสบการณ์ภายใน ทำให้ผม ได้เจอความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนครับ 

ผมเริ่มต้นนั่งสมาธิด้วยการนั่งเฉยๆ วางใจเบาๆ เหมือนปุยนุ่นไปแตะกับผิวน้ำครับ แล้วก็ให้มันไหลเลื่อนเข้าไปภายในเอง  เหมือนเราไม่มีพื้น แต่ตกหลุมอากาศไปเรื่อยๆ ผมจะเห็นแต่ความสว่าง ที่มาพร้อมกับความสุข เวลาก็ผ่านไปเร็วมาก นั่งแป๊บเดียว ก็ฉันเพลแล้ว ผมนั่งจนไม่ปวด ไม่เมื่อย ไม่มีความรู้สึกของกายมนุษย์อีก ทำให้ทราบทันทีว่า เพศภาวะของพระแม้อยู่ในที่แคบ แต่จริงๆ แล้วอยู่ในที่กว้าง ส่วนฆราวาสแม้อยู่ในที่กว้าง แต่จริงๆ แล้วอยู่ในที่แคบ ความสุขเหล่านี้มาพร้อมกำลังใจอันยิ่งใหญ่ ที่อยากจะทำความดีและแก้ไขนิสัยไม่ดีในตัวครับ   

    แค่นั้นยังไม่พอ หลังจากบวชเสร็จ ออกมาไม่กี่เดือน แม่ก็หายจากอัมพาต  ลุกขึ้นมายืนได้ เดินได้ ผมคิดว่า นี่คงเป็นเพราะบุญบวชและสร้างองค์พระให้แม่แน่ๆเลยครับ หลังจากนั้น เมื่อแม่เห็นผมเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ผมก็สัมผัสได้ว่าแววตาของท่านมีแต่ความชื่นใจ ในวันแม่ ผมกับแฟนก็เอาพวงมาลัยไปกราบเท้าท่าน  แม่ก็ได้แต่ยิ้มจนพูดไม่ออกครับ 

    ถ้าผมไม่ได้บวช ผมคงไม่มีวันนี้ เพราะการบวชจะทำให้เราได้สัมผัสความบริสุทธิ์อย่างที่นึกไม่ถึงเลยว่า นี่ใช่ตัวเราจริงหรือ และจะเกิดแรงบันดาลใจว่า สักวัน..เราต้องกลับมาอยู่ในเพศภาวะนี้อีกให้ได้

ตอนนี้ ผมคิดอยู่อย่างเดียวว่าอยากกลับไปเป็นพระ อยากกลับไปพบความสุขเช่นนั้นอีก การที่พระมหากัปปินะ กล่าวว่า สุขจริงหนอๆ  และการดำรงตนด้วยผ้าเพียง 3 ผืน สิ่งเหล่านี้ คือต้นแบบของชีวิตมนุษย์ที่สมบูรณ์จริงๆครับ

    ถ้าผมจะถามว่า  หากมีสักวิชาหนึ่ง เรียนแล้วมีความสุข และเงินก็ไม่สามารถหาซื้อได้  ทำไมเราจะไม่ลองมาเรียน  เพียง 1-2 เดือน ก็ทำให้เราพบความสุขและได้รู้ว่า ก่อนเกิดมาจากไหน  เราเกิดมาทำไม และตายแล้วไปไหน สิ่งเหล่านี้ ปริญญาใบไหนๆ ก็ให้ไม่ได้ แต่ถ้าใครอยากได้รับ ก็ต้องมาเข้าคอร์สด้วยการบวช และนี่..จะเป็นจุดพลิกผันของชีวิต ที่ตัวเราเองก็คิดไม่ถึงจริงๆครับ 


                    กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง        
            อดีตธรรมทายาท นายแพทย์วุฒิพันธ์ เลาหบริพัตร
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/latest_update/คุณหมอหมื่นโวลต์.html
เมื่อ 1 กรกฎาคม 2567 06:16
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv