อดีตธรรมทายาท
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพรักอย่างสูง

        กระผมนายสุเทพ ศิริเมธานนท์หรือ Mr.ฉ่อน นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะบริหารธุรกิจ ม.เกษตรศาสตร์ อดีตประธานชมรมพุทธฯ รุ่น 36 ครับ หลายๆคนอาจจะไม่รู้ซึ้งคำว่าพระพุทธศาสนา แต่สำหรับผมแล้วรู้สึกว่า ไม่ว่าจะเกิดกี่ภพกี่ชาติก็ขอเกิดภายใต้บวรพระพุทธศาสนา เพราะในอดีตผม มีความเข้าใจผิดหลายอย่างเกี่ยวกับศาสนาพุทธ ผมชอบเรื่อง เข้าทรง ไหว้เทพเจ้า โดยเข้าใจผิดว่า พระพุทธเจ้าก็คือ ปางหนึ่งของพระนารายณ์ ผมนับถือเทพมาเกือบ 10 ปี





แต่แล้ววันหนึ่งก็มีคำถามในใจว่า  อะไรคือคำตอบของชีวิต บางครั้ง ผมถามร่างทรงว่า เราเกิดมาทำไม ร่างทรงก็ตอบไม่ได้   ตอนนั้นผมก็ยังไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนและกินเหล้าตามประสาวัยรุ่นทั่วไป  แต่ในใจลึกๆผมก็อยากเป็นคนดีแต่มันทำไม่ได้ เพราะขาดต้นแบบที่ดี ขาดความรู้ที่แท้จริง 

ตอนผมอยู่ ม.5  ผมได้มีโอกาสเป็นตัวแทนนักเรียนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทยที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่นี่เองผมได้พบกับครอบครัวและเพื่อนที่เป็นคริสต์ ทำให้ผมเริ่มสนใจที่จะศึกษาศาสนาคริสต์ เพราะรู้สึกว่าผู้คนมีจิตใจดี และยิ้มแย้มแจ่มใส ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี พอผมกลับมาเรียน ม. 6 ผมก็เลิกไหว้เทพแล้ว ลองศึกษาคัมภีร์ไบเบิ้ลมากขึ้น แต่ผมก็ยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ตอนนั้นยอมรับว่าหาคำตอบของชีวิตไม่ได้จริงๆ ผมก็กลับมาไหว้เทพเหมือนเดิม วันหนึ่งผมได้ไปหาเพื่อนที่ ม.ธรรมศาสตร์ ระหว่างนั่งรอเพื่อนที่ชมรมพุทธฯ ผมหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาอ่าน เปิดไปหน้าสุดท้ายก็เจอวิธีการนั่งสมาธิ ผมลองฝึกดูก็ยังไม่เข้าใจ เลยนั่งรถมาที่วัดพระธรรมกาย ตอนแรกเห็นวัดแล้วรู้สึกว่านี่วัดเหรอเนี่ย ทำไมไม่เห็นเหมือนวัดเลย

วันต่อมาผมก็มาวัด เขาบอกว่าหลวงพ่อจะลงเทศน์ทุกวันที่โรงเรียนอนุบาล ตอนแรกก็งงๆ ว่าในโรงเรียนคงมีแต่เด็กๆ เต็มไปหมด  หลวงพ่อคงใจดีมากเลยนะ สอนแต่เด็กๆ จากนั้นพี่ๆที่ ม.ธรรมศาสตร์และม.รามคำแหง ชวนผมมาช่วยจัดงานบวชรุ่นบูชาธรรมหลวงพ่อ  ทีแรกผมก็ไม่ค่อยอยากมา กลัวจะเจอจิตวิทยาหมู่กล่อมให้บวช ทั้งที่ในใจผมก็อยากบวชให้พ่อแม่ แต่คิดว่าไม่ใช่ที่วัดนี้เนื่องจากผมรับฟังข่าวลือมาเยอะมาก แต่เพราะความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดีทำให้ผมยอมไปช่วยงานบวช



วันแห่งความปลื้มปีติ


ภาพงานบวชที่แสนเรียบง่าย เป็นระเบียบ ดูศักดิ์สิทธิ์ ภาพนาคธรรมทายาทก้มกราบขอขมาพ่อแม่ น้ำตาแห่งความปีติที่ไหลอาบแก้มพ่อนาคแม่นาคและญาติโยม ทำให้ผมเกิดความประทับใจอย่างแรง อยากให้พ่อแม่ตัวเองมาเห็นภาพอย่างนี้ ผมคิดว่าไม่มีที่ไหนในโลกจะจัดงานบวชได้ประทับใจเท่าที่นี่ ก็ผมเคยเห็นแต่งานบวชทั่วไปที่มีขบวนเถิดเทิงกลองยาว มีสาวรำหน้าขบวน มีการเลี้ยงอาหารและเหล้าทั้งที่จัดในวัดนี่ครับ คืนนั้นผมนั่งสมาธิตามปกติแล้วเกิดความคิดว่า บวชก็บวชวะ.. วันรุ่งขึ้นผมบอกพ่อแม่ว่าผมจะบวช ท่านก็งงๆไม่ทักท้วงอะไร การไม่ทักท้วงในทางกฎหมายผมถือว่าท่านอนุญาต พอเที่ยงผมก็เก็บกระเป๋า เข้าวัด โกนหัวเข้าโครงการฯเลยครับ

ช่วงเวลานี้เองที่ผมได้รู้สึกว่า คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีค่า และซึ้งในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง   ทำให้ตั้งแต่ผมอบรมธรรมทายาทมา ผมไม่เคยขาดการนั่งสมาธิแม้แต่เพียงวันเดียว รู้สึกมีความสุขมากเลยครับที่ได้นั่งสมาธิ ทำให้ผมได้รู้จักตัวเองมากขึ้น และมีแรงบันดาลใจและกำลังใจในการทำความดียิ่งขึ้น ผมคิดว่าการบวชเป็นทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของความสำเร็จในชีวิต อันเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากได้ 

ผมได้คำตอบที่ใช่ที่สุดที่ค้นหามาทั้งชีวิต เกิดความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยชนิดหมดหัวใจ เดิมผมเคยมองว่า การศึกษาธรรมะและฝึกสมาธิต้องปลีกวิเวกไปอยู่ป่าเขา แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าธรรมะทำให้เราใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับทุกคนได้อย่างมีความสุข  



รับผ้าไตรจากพระอาจารย์ด้วยความปลื้มปีติ


      ตอนนี้ก็ใกล้ปิดเทอมแล้ว ถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวบุญใหญ่คือ บุญ อบรมธรรมทายาท ผมอยากจะบอกว่า ชีวิตผมเปลี่ยนแปลงเหมือนได้ชีวิตใหม่ได้ ก็เพราะการอบรมธรรมทายาทครับ อยากให้ทุกคนได้รับโอกาสแห่งความโชคดีอย่างผม เพราะโอกาสดีดีมันอาจจะไม่มาถึงเราบ่อยนัก เมื่อโอกาสมาถึงแล้วอยากให้เราได้รักษาไว้ ผมชวนคนบวชเป็นร้อยคน ถึงแม้ว่าตอนบวชจริงจะเหลือแค่ประมาณ สิบกว่าคน เท่านั้น แต่ผมคิดว่าชวนคนเป็นร้อย ขอแค่ได้สักหนึ่งในร้อยคน ก็ถือว่าคุ้มค่า แล้วครับ เพราะการที่เราทำให้คนหนึ่งคนรู้จักชีวิตที่มีคุณค่าก็ถือว่าเป็นบุญมหาศาล เพราะว่าทุกบุญที่เขาได้ทำ เราจะได้มีส่วนร่วมในบุญของเขาทุกบุญเลย

ท้ายที่สุดนี้ ผมขอบพระคุณหลวงพ่อมากครับที่ทำให้ผมได้มีโอกาสได้บุญกับหลวงพ่อในทุกโครงการ หลวงพ่อจะบอกกับลูกๆชมรมพุทธเสมอว่า พวกเราทุกคนโชคดีที่ได้มีโอกาสสร้างบารมี ตอนที่พวกเรายังแข็งแรงอยู่ ให้พวกเราได้สร้างบุญบารมีให้เต็มที่ ผมรู้สึกซาบซึ้งในโอวาทนี้มากครับ หลวงพ่อบอกว่า ความตายไม่มีนิมิตหมาย ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมอายุ 20 กว่าๆ แต่ผมก็รู้สึกว่าเวลาสร้างบารมีเหลือน้อยเหลือเกิน เดี๋ยวก็วัน เดี๋ยวก็คืน เดี๋ยวไม่นานผมก็ต้อง แก่ แล้วเดี๋ยวต้องตายแล้ว ผมจึงอยากชวนเพื่อนๆทุกๆคนที่เรียนจบปีนี้ได้มาช่วยงานหลวงพ่อกันเยอะๆ ไม่ว่าจะเป็นการบวชธรรมทายาท โครงการอาสาพันธุ์ตะวัน หรืออื่นๆ ที่จะมีส่วนช่วยให้ภาพฟื้นฟูศีลธรรมโลกเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์

สุดท้ายนี้ผมขออนุญาตให้ผมได้สร้างบารมีกับหลวงพ่อไปทุกภพทุกชาติตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรมเลยนะครับ


                                   กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
                                             สุเทพ  ศิริเมธานนท์               
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/latest_update/ชีวิตเปลี่ยนแปลงเหมือนได้ชีวิตใหม่.html
เมื่อ 1 กรกฎาคม 2567 01:12
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv