รั้งหนึ่งในชีวิตของลูกผู้ชาย
ที่เป็นทั้งหมดในชีวิตของพ่อและแม่

 
 
กราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงสุด
 
กระผม พระพีรพัฒน์ จิตวฑฺโน พระนวกะ 1 ที่เพิ่งผ่านพรรษาแรกจากเขาแก้วเสด็จครับ
 
ยิ่งใช้ชีวิตอยู่ในผ้าเหลืองนี้นานวันเข้า ผมก็ยิ่งซาบซึ้งว่า ชีวิตพระเป็นชีวิตที่ประเสริฐที่สุด ผมรู้สึกอย่างนี้จริงๆ ครับ เหตุที่ทำให้ผมเข้าใจความ “ประเสริฐสุดซึ้ง” เพราะผมเคยใช้ชีวิตแบบ “แสบสุดอึ้ง” มาแล้วนั่นเอง
 
เมื่อครั้งวัยรุ่น ผมดำเนินชีวิตตามกระแสโลก สูบบุหรี่ เที่ยวกลางคืน ผม “สนุกสนาน” แต่พ่อกับแม่ “เศร้าสนิท”  พร้อมนำเรื่อง “ปวดหัว” มาทำให้ท่าน “ปวดใจ” เป็นประจำ  ผมรู้อยู่เต็มอกว่า ทำให้ท่านเสียใจ แม้จะรู้สึกผิด แต่ก็ไม่คิดกลับตัว เพราะคบคนพาลเป็นมิตร จึงเป็นพิษกับชีวี ผมหลงทำผิด “สูบ เสพ เสี่ยง” ครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งเมื่ออายุครบ 20 ปี   แม่จึงเอ่ยปากว่า “บวชให้แม่หน่อยได้ไหม” ผมก็มาคิดว่า ทำให้แม่ “เสียใจ” มาหลายครั้งแล้ว จะทำให้ท่าน “ปลื้มใจ” บ้างสักครั้งจะเป็นไร จึงตัดสินใจเข้าอบรม ธทย. ภาคฤดูร้อนรุ่นที่ 33
      
 

 
 
การบวชครั้งนั้น คือ การใช้ชีวิตต่างจากเดิมแบบ “สุดขั้ว” จากที่เคยเที่ยวกลางคืนถึงตี 4 ต้องมาตื่นตี 4 เคยทานข้าววันละหลายมื้อ มาเหลือ 2 มื้อ เพราะถือศีล 8 จากชีวิตที่ไร้ระเบียบ มาอยู่ในกฎระเบียบแบบเคร่งครัด แต่โชคดีครับ ที่ผมได้รับการดูแลอย่างดีจากพระอาจารย์ ท่านเข้าใจ “ความห่าม” ของวัยรุ่นและรู้วิธีที่จะ “ปราบปราม” ความห่ามนั้นอย่างทันเกม จน “น๊อค” ใจผมได้อยู่หมัด เมื่อได้รับฟังธรรมะจากพระอาจารย์ ได้นั่งสมาธิอย่างจริงจัง ได้อบรมตนเองอย่างเคร่งครัด แต่ผมกลับไม่รู้สึกเครียด  กลายเป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขที่สุด เมื่อย้อนกลับไปนึกถึงวันเก่าๆ ผมเสียดายเวลามากๆ ผมน่าจะมาพบสิ่งที่ดีแบบนี้ตั้งนานแล้ว
 
พอจบโครงการ ผมได้กลับไปเรียนต่อและชีวิตผมก็เปลี่ยนไป จากนักศึกษาที่เป็น “ตัวแสบ” ของคณะ กลายมาเป็นคณะกรรมการ “คนดีต้นแบบ” ของชมรมพุทธฯ เพื่อนๆ และอาจารย์ ต่างแปลกใจ ที่การบวชภาคฤดูร้อน จะสามารถเปลี่ยนคน ให้ดูเป็นผู้เป็นคนได้มากขนาดนี้ ผมหลุดจากวงจรอบายมุข ตั้งเข็มชีวิตสู่ทิศทางของดุสิตบุรี ตอนที่รับบุญกับชมรมพุทธ เป็นช่วงที่ผมเบิกบานมากๆ ต่างจาก ชีวิตมหาวิทยาลัยช่วง 2 ปีแรก อย่างสิ้นเชิง
 
หลังเรียนจบผมได้เข้าทำงานกับบริษัทผลิตสินค้าส่งออก แต่ก็มาวัดทุกวันอาทิตย์ แบ่งเงินเดือนเกือบครึ่งเพื่อทำบุญและให้พ่อแม่  นับแต่ผ่านชีวิตการบวช ผมเห็นรอยยิ้มของพ่อแม่ตลอด ผมจึงได้รู้ว่า การบวชเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตของลูกผู้ชายก็จริง แต่มากกว่านั้นก็คือ การได้บวชพระลูกชาย เป็นความสุขทั้งชีวิตของพ่อและแม่ ถ้าลูกรู้คุณ ต้องบวชแทนคุณ
 
เมื่อทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนไปได้สักระยะ ผมก็รู้สึกว่า นี่ไม่ใช่ทางของเรา จึงตัดสินใจลาออกมาบวชในโครงการบูชาธรรม 64 ปี พระราชฯ ผมรู้สึกซาบซึ้งในความกรุณาของหลวงพ่อมากๆ ผมเป็นเพียงแค่ “หนึ่งตัวอย่าง” ที่ได้รับแสงธรรมจากหลวงพ่อ จนเปลี่ยนแปลงตัวเองจากผู้มีกิเลสหนา มาเป็นธรรมทายาทผู้รักษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้ผู้คนรอบข้างทั้งพ่อ แม่ ครู อาจารย์ มีความสุข
 
ผมอยากจะบอกท่านชายที่มีคุณสมบัติครบถ้วนว่า มีไม่กี่สิ่งในโลกนี้ที่ทำแล้วพ่อแม่มีความสุข พร้อมทั้งได้บุญอย่างมหาศาล สิ่งนั้นคือ “การบวช” นั่นเอง เรามาตอกย้ำ “ความฉลาด” ของชีวิตและ “ความกตัญญู” ของหัวใจ ด้วยการบวชกันเถอะครับ
 
สุดท้ายนี้ ผมกราบขอบพระคุณหลวงพ่อ ที่เป็นแสงสว่างให้แก่มวลมนุษยชาติ ขอให้หลวงพ่อมีสุขภาพที่แข็งแรง มีอายุไขยืนยาวนาน เป็น “ตะวันธรรม” ให้ลูกๆ ไปนับร้อยๆ ปี 


                กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
พระพีรพัฒน์  จิตวฑฺโน             
 
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/latest_update/ทั้งหมดในชีวิตของพ่อและแม่.html
เมื่อ 30 มิถุนายน 2567 23:20
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv