ลูก แน่งน้อย พันธุ์มีเชาว์ พกความแรงเต็มพิกัด มาเล่าต่อจากตอนที่แล้วค้า..ที่น้องอ๊อฟ
เจ้าหญิงนิทราฟื้นจากการสลบไป 4 เดือน เพราะคุณยายช่วย แต่เนื่องจากไม่ยอมมากราบคุณยาย
ตามที่ได้สัญญาไว้และไม่ยอมเข้าวัด สร้างบุญใหม่เพื่อต่ออายุขัยให้กับตัวเอง จึงทำให้กรรมเก่าตามทัน
เลยสลบไปอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตรงกับคำพังเพยที่ลูกตั้งเอาเองว่า “ช้าๆ
ได้พร้าเล่นงาน” แปลว่า หากทำบุญช้าๆ มัวแต่ยึกยักติดนั่นติดนี่ กรรมเก่ามันจะตามมาทัน
ซึ่งก็ทันจริงๆ ค่ะ และครั้งนี้ อ๊อฟสลบในสภาพที่แย่กว่าครั้งแรกมาก เพราะถูกส่งเข้าโรงพยาบาลในสภาพที่ตาเหลือกค้าง
จึงทำให้..คุณแม่และญาติๆ ของอ๊อฟ ตกใจจนยากจะทำใจอีกครั้ง
และสิ่งเดียวที่พวกเขานึกถึงก็คือ โทรมาขอร้องวิงวอนให้ลูกช่วยกราบขอบารมีให้คุณยายช่วย
ซึ่งบอกตรงๆ ค่ะ..ครั้งนี้ ลูกค่อนข้างลำบากใจค่ะ เพราะใจหนึ่งก็สงสารอ๊อฟมาก
อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่าพวกเขาไม่รักษาสัญญา จะมาให้ช่วยอีก..ลูกก็เกรงใจคุณยายท่าน
แต่ลูกก็ได้แต่แก้สถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน
คือ บอกให้ครอบครัวอ๊อฟ ทำตามที่คุณยายเคยบอกเหมือนครั้งที่แล้ว 3 ข้อคือ 1.ให้อ๊อฟเป็นประธานผู้นำบุญทอดกฐิน
ปี 36 2.เตรียมผ้าไตรจีวรครบชุด 1 ชุด 3.ให้อ๊อฟปล่อยปลาที่เขากำลังจะนำไปฆ่าให้รอดชีวิต โดยอธิษฐานบอกอ๊อฟข้างๆ
หู จากนั้นก่อนงานวันทอดกฐิน 1 สัปดาห์ ลูกจึงปฏิบัติการขั้นแอ๊ดวานซ์ คือ พาญาติอ๊อฟมากราบถวายปัจจัยทอดกฐินกับคุณยายที่อาคารยามา
ลูกเรียนท่านว่า “คุณยายคะ นี่คือรูป นางสาวพัชราภรณ์ พูนพุ่ม คุณยายเคยช่วยให้ฟื้นตอนกฐินปีที่แล้ว (2535)
แต่ตอนนี้สลบไปอีกแล้ว ครั้งนี้มากราบขอบารมีคุณยายช่วยให้ฟื้นอีกครั้งค่ะ”
คุณยายท่านจำอ๊อฟได้ดี
แต่ครั้งนี้ท่านยังไม่รับรูปอ๊อฟ แล้วก็หันไปถามคุณอารีพันธุ์ว่า
ยายจะรับไว้ดีไหมเนี่ย.. คุณอารีพันธุ์ก็ตอบว่า แล้วแต่คุณยายเจ้าค่ะ
ตอนนั้นลูกสังเกตเห็นสีหน้าของญาติๆ อ๊อฟตกอยู่ในภาวะซึมไปเลยอย่างเฉียบพลันค่ะ
แต่ลูกเข้าใจว่า ที่คุณยายท่านพูดเช่นนี้ เป็นการตักเตือนให้ญาติๆ ได้รู้ว่าคุณยายท่านไม่ชอบคนไม่รักษาคำพูด
ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นเขาคงไม่ช่วยแล้ว แต่นี่คุณยายท่านยังเมตตา เปิดช่องให้โดยหันไปถามคุณอารีพันธุ์
ลูกจึงปฏิบัติการขั้นแอ๊ดวานซ์ ครั้งที่ 2 โดยรีบพูดสวนขึ้นว่า “คุณแม่อ๊อฟและญาติๆ
ยอมรับผิดทุกอย่างแล้วค่ะ ครั้งนี้จะขอแก้ตัวใหม่ ถ้าพวกเขาผิดสัญญาอีก
ลูกก็จะไม่เกี่ยวข้องอีกแล้วเจ้าค่ะ” คุณยายท่านนิ่งไปสักครู่ แล้วก็เอื้อมมือมารับรูปอ๊อฟเอาไว้อีกครั้ง โอ้ยยยยย...โล่งอกค่ะ
ปฏิบัติการแอ๊ดวานซ์ขั้นที่ 2 ประสบผลสำเร็จ และหลังจากงานกฐินผ่านไปเพียง 1
สัปดาห์เท่านั้น ปาฏิหาริย์ก็ได้บังเกิดขึ้นจังๆ อีกค่ะ อาการของอ๊อฟดีขึ้นพรวดพราดอย่างก้าวกระโดด เพราะฟื้นจากการเป็นเจ้าหญิงนิทราเร็วมาก จนสร้างเซอร์ไพรซ์ให้กับหัวหน้าพยาบาล
จนเขาเข้ามาบอกลูกว่าจะขอตามมาวัด มาขอทำบุญกับคุณยายด้วยคน เพราะรู้สึกศรัทธาคุณยายมาก
แม้จะไม่เคยเห็นตัวจริงของคุณยายมาก่อน
เพราะเรื่องนี้..ใครๆ ก็สุดเซอร์ไพรซ์กันทั้งนั้นล่ะค่ะ..เพราะคนส่วนมากที่กลายเป็นเจ้าหญิงหรือเจ้าชายนิทรา
ตามธรรมเนียมเขาไม่ฟื้นกันหรอกค่ะ หนำซ้ำยังค่อยๆ ตายลงอย่างช้าๆ เพราะระบบการทำงานของร่างกายค่อยๆ เสื่อมถอยลงเรื่อยๆ จนไม่หายใจในที่สุด
แต่นี่..อยู่ๆ อ๊อฟก็หายแบบพรวดพราดได้ เดี๋ยวฟื้น..เดี๋ยวฟื้น
เป็นว่าเล่น ใครเจออย่างนี้ก็ต้องตะลึง เพราะอานุภาพมีไว้ให้ตะลึงค่ะ และหลังจากที่อ๊อฟหายดีแล้ว
ลูกจึงปฏิบัติการขั้นแอ๊ดวานซ์ครั้งที่ 3 ค่ะ คือ
พาอ๊อฟ คุณแม่ และญาติๆ ของอ๊อฟมากราบคุณยายแบบครบเซ็ตค่ะ โดยกราบเรียนท่านว่า
“นี่น้องอ๊อฟ เจ้าหญิงนิทราที่สลบไป 2 ครั้ง ที่คุณยายช่วยให้ฟื้นค่ะ”
คุณยายท่านก็ยิ้มให้อ๊อฟด้วยความเมตตา และท่านก็เอื้อมมือจับแก้มอ๊อฟอย่างเอ็นดูแล้วพูดว่า
แก้มยุ้ย แล้วอ๊อฟ ก็กราบขอบพระคุณคุณยาย
ที่ช่วยให้เธอหายค่ะ
เรื่องจริงของเจ้าหญิงนิทราเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...ชีวิตจริงไม่มีเจ้าชายมาช่วยเหมือนในเทพนิยาย และบุญเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่ง
ในยามที่เรามีวิกฤตในชีวิตหนักๆ
ซึ่งบางคนบอกว่า ทำบุญแล้ว บุญไม่เห็นช่วย ลูกก็อยากจะบอกตรงนี้ว่า บุญน่ะ ได้ช่วยอยู่
แต่กำลังมันไม่พอค่ะ ต้องบุญใหญ่ๆ ที่มีกำลังมากพอ และเป็นบุญที่ทำถูกแหล่งเนื้อนาบุญเท่านั้น ถึงจะช่วยได้ เช่น บุญกฐินสร้างอาคาร
100 ปี คุณยายในครั้งนี้ ซึ่งหากใครทุ่มเททำจนสุดใจแล้ว
ลูกอยากจะบอกว่า..ให้ระวังค่ะ..ระวังรวยโคตรๆ...
ลูกแน่งน้อย พันธุ์มีเชาว์