เมื่อพระบรมศาสดาทรงพยากรณ์นิมิตแห่งความฝันประการที่สิบห้าจบแล้ว พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ทรงเล่านิมิตแห่งความฝันประการที่สิบหกซึ่งเป็นประการสุดท้ายให้พระบรมศาสดาฟังต่อว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้ฝันเห็นฝูงแกะพากันไล่กวดฝูงเสือเหลืองและกัดกินฝูงเสือเหลืองอย่างเมามัน ส่วนพวกเสือดาวและเสือโคร่งเมื่อเห็นฝูงแกะเหล่านั้น ต่างก็พากันสะดุ้งกลัว และพากันวิ่งหนีเข้าไปหลบซ่อนตัวในพุ่มไม้หรือในป่ารก เพราะกลัวฝูงแกะ นิมิตแห่งความฝันประการสุดท้ายนี้จะมีผลเป็นอย่างไรหรือ พระเจ้าข้า”
ครั้นพระบรมศาสดาได้สดับตรับฟังนิมิตแห่งความฝันประการที่สิบหกของพระเจ้าปเสนทิโกศลจบแล้ว พระองค์ก็ทรงพยากรณ์ความฝันว่า “มหาบพิตร ผลของความฝันนี้จะยังไม่เกิดขึ้นในสมัยของพระองค์ และในยุคสมัยที่พระศาสนาของเราเจริญรุ่งเรืองอยู่ แต่จะบังเกิดขึ้นในอนาคตกาล เมื่อโลกถึงยุคเสื่อม ซึ่งอยู่ในรัชสมัยของพระราชาผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรมและเป็นคนพาล ในอนาคต ผู้ที่อยู่ในตระกูลต่ำทราม (หรือเหล่าคนพาลที่ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม) จะได้เป็นราชวัลลภ (หรือพวกทหารรับใช้ใกล้ชิดพระราชา) โดยแต่ละคนจะมียศตำแหน่งอยู่ในระดับสูง ส่วนผู้ที่อยู่ในตระกูลสูง (หรือเหล่าคนดีที่ตั้งอยู่ในศีลในธรรม) จะอับเฉาตกยาก และใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เพราะพวกราชวัลลภซึ่งเป็นคนพาล จะทำให้พระราชาเชื่อถือในคำพูดของพวกตน แล้วพากันใช้อำนาจอันมิชอบ ยึดเอาที่ดินของพวกคนที่อยู่ในตระกูลสูงไปแบบไม่มีเหตุผล
เมื่อเจ้าของที่ดินซึ่งเป็นคนที่อยู่ในตระกูลสูง (หรือเหล่าคนดีที่ตั้งอยู่ในศีลในธรรม) มาฟ้องร้องขอความเป็นธรรมต่อศาล พวกราชวัลลภก็จะข่มขู่ คุกคาม เฆี่ยนตี และลากคอเจ้าของที่ดินเหล่านั้นออกไปข้างนอก ทำให้กลุ่มคนที่อยู่ในตระกูลสูงต่างพากันเกรงกลัวและหวาดผวาไปตามๆกัน จนสุดท้าย แต่ละคนจำต้องยินยอมยกที่ดินให้ แล้วก็พากันกลับบ้านของตนไป
ส่วนทางฝ่ายบรรพชิต-ภิกษุอลัชชีที่หวังในลาภสักการะ และมีนิสัยนอกรีตนอกรอย ก็จะพากันเบียดเบียนเหล่าภิกษุผู้ตั้งใจรักษาศีลแบบตามอำเภอใจ เมื่อเหล่าภิกษุผู้มีศีลโดนกลั่นแกล้งและไม่มีที่พึ่งพิง แต่ละรูปก็จะพากันหลบหนีเข้าไปอยู่ในป่า เหมือนดั่งพวกเสือดาวเสือโคร่งที่พากันหวาดกลัวแล้วหลบหนีฝูงแกะเข้าพุ่มไม้และป่ารก
ฉะนั้น ความฝันนี้รวมถึงความฝันที่ผ่านมาทั้งหมด จะไม่ทำให้เกิดภัยใดๆแก่มหาบพิตรอย่างแน่นอน เพราะคำพยากรณ์ทั้งหลายเหล่านี้ จักบังเกิดขึ้นในอนาคต เมื่อโลกถึงยุคเสื่อม กล่าวคือ...ยุคที่มนุษย์เสื่อมจากศีลธรรม เห็นผิดเป็นถูก เห็นถูกเป็นผิด อีกทั้งเป็นยุคที่พวกอลัชชีหรือภิกษุนอกรีต มีจำนวนมากกว่าภิกษุผู้เคร่งครัดในศีลและข้อวัตรปฏิบัติ ส่วนที่พวกพราหมณ์ทั้งหลายทำนายว่า จะมีภัยพิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นแก่มหาบพิตรนั้น แท้ที่จริงแล้วก็เป็นเพราะพวกพราหมณ์เหล่านั้น มีความปรารถนาลามกคิดอยากจะได้ทรัพย์สมบัติจากมหาบพิตรนั่นเอง ดังนั้น มหาบพิตรจงรับสั่งให้ยกเลิกพิธีบูชายัญดังกล่าวเสียเถิด แล้วเปลี่ยนเป็นให้อภัยทานแก่มหาชนและสัตว์ทั้งหลายแทน”
ภายหลังจากที่พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ทรงสดับตรับฟังคำพยากรณ์จากพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระเจ้าปเสนทิโกศลก็เกิดความแจ่มแจ้ง หมดความลังเลสงสัยและทรงหายจากอาการหวาดกลัวในทันที หลังจากนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ทรงรับสั่งให้เลิกพิธีบูชายัญทั้งหมด และยังทรงให้อภัยทานแก่คนและสัตว์ทั้งหลาย เมื่อชาวเมืองเห็นว่าพระองค์ทรงตัดสินพระทัยเช่นนั้น ชาวเมืองต่างก็พากันชื่นชมและยินดีในตัวพระองค์กันเป็นอย่างมาก
ความฝันของพระเจ้าปเสนทิโกศล
อ้างอิง อรรถกถามหาสุบินชาดก เอกนิบาต ขุททกนิกาย สุตตันตปิฎก เล่มที่ 56 หน้า 216-241
************************