คืนวันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2554 (คืนวันเสียชีวิต)
ก่อนที่น้องบัวบุญจะเสียชีวิต น้องบัวบุญก็ได้นึกถึงบุญทุกบุญที่คุณอาของเธอได้ทำบุญให้เธอ อีกทั้งน้องบัวบุญยังได้พยายามทำสมาธิ ภาวนา “สัมมาอะระหัง” ควบคู่กันไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ความตายเป็นสิ่งที่ไม่มีนิมิตหมาย และไม่เคยละเว้นใคร ไม่ว่าจะเป็นเด็กน้อยตัวเล็กๆหรือผู้ใหญ่ตัวโตๆ ดังนั้น เมื่อวาระสุดท้ายของน้องบัวบุญมาถึง เธอจึงจำต้องออกจากกายหยาบทั้งๆที่ตัวเธอก็ยังไม่อยากไป ภายหลังจากที่น้องบัวบุญได้เสียชีวิตแล้ว กายละเอียดของเธอก็ได้หลุดออกมาอยู่ข้างๆกายหยาบ แล้วก็เห็นร่างของตนเองนอนอยู่บนเตียง ซึ่งในตอนนั้น น้องบัวบุญก็ยังไม่รู้สึกตัวว่า “ตัวเธอได้เสียชีวิตไปแล้ว” และยังวนเวียนอยู่ที่โรงพยาบาล
ก่อนที่น้องบัวบุญจะเสียชีวิต เธอได้นึกถึงบุญทุกบุญ และพยายามทำสมาธิ
วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2554
เมื่อเวลาผ่านไป น้องบัวบุญก็เริ่มไปในสถานที่ต่างๆที่เธอคุ้นเคย เช่น ไปหาคุณพ่อคุณแม่, คุณอา และญาติๆที่เธอรักและคุ้นเคย เป็นต้น แล้วเธอก็ได้พูดคุยทักทายกับทุกคน แต่ไม่ว่าน้องบัวบุญจะพูดคุยหรือสื่อสารกับใครก็ไม่มีใครรับรู้หรือรู้เรื่องเลย แม้ทุกคนจะนิ่งเฉยกับน้องบัวบุญ แต่เธอก็ยังไม่มีความคิดว่า “ตัวเธอได้เสียชีวิตไปแล้ว”
เมื่อเวลาผ่านไป น้องบัวบุญเริ่มไปในสถานที่ต่างๆที่เธอคุ้นเคย เช่น ไปหาคุณพ่อคุณแม่
วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ.2554
วันนี้เป็นวันที่น้องบัวบุญเริ่มสงสัย และเอะใจว่า “ตัวเธอน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว” เพราะเป็นวันที่สองที่เธอไม่สามารถพูดคุยหรือสื่อสารกับใครได้เลย อีกทั้ง น้องบัวบุญยังเห็นทุกคนในบ้านมีกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับงานศพของเธอ แม้ในตอนนั้น น้องบัวบุญจะรู้สึกสงสัยและเอะใจ แต่ด้วยความที่เธอเป็นเด็กที่พิเศษ และเป็นเด็กที่มีบุญ น้องบัวบุญจึงไม่ได้เสียใจหรือร้องไห้ฟูมฟายเหมือนอย่างเด็กทั่วๆไป ตรงกันข้าม น้องบัวบุญกลับสอนตัวเองว่าจะต้องมีสติ หากมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับตัวเธอ กอปรกับในช่วงที่น้องบัวบุญยังมีชีวิตอยู่ เธอมักจะมีความรู้สึกลึกๆในใจเสมอว่า “ตัวเธอเองน่าจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกไม่นาน” เธอจึงขวนขวายทำบุญ รักบุญ และมาเป็นอาสาสมัครช่วยงานวัดอย่างเต็มที่เต็มกำลัง ด้วยหัวใจที่ร่าเริงบันเทิงในบุญเสมอมา
ในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ น้องบัวบุญมักจะมีความรู้สึกลึกๆในใจเสมอว่า ตัวเธอเองน่าจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกไม่นาน
เธอจึงขวนขวายทำบุญ อย่างเต็มที่เต็มกำลังด้วยหัวใจที่ร่าเริง
ในระหว่างที่น้องบัวบุญกำลังสงสัย และเอะใจอยู่นั้น ด้วยความที่เธอมีความคุ้นเคยและชอบมาวัด รับบุญอยู่เป็นประจำ มารวมกับความที่เธอรักและผูกผันกับคุณครูไม่ใหญ่ กายละเอียดของน้องบัวบุญจึงได้แวบมาที่วัดในทันที เมื่อน้องบัวบุญแวบมาที่วัดแล้ว เธอก็ได้เห็นภาพการรับบุญต่างๆที่เธอคุ้นเคยมาปรากฏฉายให้เธอได้เห็น ด้วยเหตุนี้เอง กายละเอียดของเธอจึงเริ่มสดใสและสว่างไสวขึ้นไปตามลำดับ
วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2554
เมื่อเวลาผ่านไป น้องบัวบุญก็เริ่มรู้ตัว และยอมรับว่า “ตัวเธอเองได้เสียชีวิตแล้ว” ซึ่งในระหว่างนี้เอง กายละเอียดของเธอก็ได้แวบไปและแวบมา อยู่ระหว่างที่วัดและที่บ้าน ด้วยความที่น้องบัวบุญมีใจรักวัด รักหลวงพ่อ และชอบมารับบุญเป็นอาสาสมัครที่วัดอยู่เป็นประจำ ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้กายละเอียดของเธอได้แวบมาที่วัด จากนั้น เธอก็ได้ไปยังสถานที่ต่างๆภายในวัด เช่น สภาธรรมกายสากล มหาธรรมกายเจดีย์ และโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา เป็นต้น ซึ่งเป็นสถานที่ที่ตัวเธอเองได้เคยมารับบุญในสมัยที่เธอยังมีชีวิตอยู่ และเมื่อเธอได้ไปยังสถานที่ดังกล่าวแล้ว ก็ทำให้ภาพบุญต่างๆที่เธอได้เคยกระทำเอาไว้ มาฉายปรากฏให้เธอได้เห็น ซึ่งก็เป็นผลทำให้ตัวเธอเองเกิดความปลื้มปีติเบิกบานใจเป็นอย่างมาก
ภาพบุญต่างๆที่น้องบัวบุญได้เคยกระทำเอาไว้ ได้มาฉายปรากฏให้เธอเห็น
ซึ่งก็เป็นผลทำให้ตัวเธอเองเกิดความปลื้มปีติเบิกบานใจเป็นอย่างมาก
จากนั้น น้องบัวบุญก็ได้ก้มลงกราบพระประธาน กราบมหาธรรมกายเจดีย์ และเมื่อเธอได้กราบแล้ว เธอก็จะนั่งสมาธิตามหลักวิชชาที่เธอได้เคยศึกษามา กล่าวคือ นึกถึงดวงแก้วใสๆ และภาวนา “สัมมาอะระหัง” เป็นระยะเวลาสั้นๆประมาณ 5-10 นาที ในทุกๆที่ที่เธอได้ไป ซึ่งก็ทำให้กายละเอียดของเธอมีความผ่องใสและสว่างไสวแบบนวลๆมากยิ่งขึ้น
เมื่อวานนี้ คือ วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2554
กายละเอียดของน้องบัวบุญก็ได้มาอยู่ที่วัด และได้ร่วมงานบุญอยู่ที่วัดตลอดทั้งวัน หลังจากที่เสร็จพิธีงานบุญทุกอย่างแล้ว กายละเอียดของน้องบัวบุญก็ได้มานั่งสมาธิทบทวนบุญอยู่หน้ามหาธรรมกายเจดีย์
ด้วยความที่เธอทั้งรู้และตระหนักดีว่า “ตัวเธอเองได้เสียชีวิตไปแล้ว” ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ในตอนนั้น เธอได้มีใจที่หยุดนิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เธอได้เห็นดวงธรรมใสๆผุดขึ้นมาที่ศูนย์กลางกายของเธอ
หลังจากที่เสร็จพิธีงานบุญทุกอย่างแล้ว กายละเอียดของน้องบัวบุญ
ได้มานั่งสมาธิทบทวนบุญอยู่หน้ามหาธรรมกายเจดีย์
สำหรับในวันนี้ คือ วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2554
กายละเอียดของน้องบัวบุญก็มีความรู้สึกว่า “ตัวเธอเองจะมีเวลาอยู่ในโลกนี้อีกไม่นานแล้ว ก่อนที่เธอจะต้องเดินทางไปสู่อีกโลกหนึ่ง” ด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงได้แวบกลับไปที่บ้านของเธอ จากนั้น กายละเอียดของน้องบัวบุญก็ได้กราบขอบพระคุณคุณพ่อคุณแม่ที่ได้ให้กายมนุษย์หยาบแก่เธอมาสั่งสมบุญสร้างบารมี (ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน้องบัวบุญเป็นเด็กที่มีความคิดแบบผู้ใหญ่ ที่แตกต่างจากความคิดของเด็กทั่วๆไป หลังจากนั้น กายละเอียดของน้องบัวบุญก็ได้แวบไปหาคุณอา ซึ่งเธอมีความรักและผูกพันเป็นอย่างมาก แล้วเธอก็ได้กราบขอบพระคุณคุณอาที่ได้พาเธอมาสร้างบารมีที่วัด
เมื่อกายละเอียดของเธอได้ไปกราบขอบพระคุณผู้ที่มีพระคุณกับเธอแล้ว เธอก็ได้แวบกลับมานั่งสมาธิทบทวนบุญต่อที่หน้ามหาธรรมกายเจดีย์ ซึ่งในตอนนี้ ใจของเธอก็ติดอยู่กับธรรมะภายในอย่างเดียว โดยที่ตัวเธอได้เห็นดวงธรรมใสๆติดอยู่ที่ศูนย์กลางกายของเธออยู่ตลอดเวลา
กายละเอียดของน้องบัวบุญได้ไปกราบขอบพระคุณคุณพ่อคุณแม่ และคุณอา ผู้มีพระคุณกับเธอ