ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 30 มกราคม พ.ศ.2555
อานิสงส์การถือธุดงควัตร (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 3
อานิสงส์การถือธุดงควัตร (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 3
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
การทำจีวรกุฏิ หรือปักกลดสำหรับพักอาศัยอยู่กลางแจ้ง
10. อัพโภกาสิกังคะ คือ ถือการอยู่กลางแจ้งเป็นวัตรหมายถึงการพักอาศัยอยู่ในที่กลางแจ้งเท่านั้น โดยพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างอุกฤษฏ์ จะเข้าไปพักอาศัยอยู่ภายใต้เงาของต้นไม้, ภูเขา หรือกุฏิไม่ได้เป็นอันขาด คือจะต้องเท่านั้น
ส่วนพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างกลางสามารถที่จะเข้าไปพักอาศัยอยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้, ภูเขา หรือกุฏิได้ แต่จะเข้าไปพักอาศัยอยู่ใต้ต้นไม้หรือข้างในกุฏิไม่ได้
สำหรับพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างเบาสามารถที่จะพักอาศัยอยู่ใต้เงื้อมเขา ที่ไม่ได้มีหลังคามุงบังเสริมเพิ่มเติมได้
กำจัดความห่วงกังวลในเรื่องอาวาส หรือเรื่องที่พักอาศัย
สำหรับวัตถุประสงค์ของการถือธุดงควัตรข้อนี้นั้น ก็เป็นไปเพื่อ
1. กำจัดความห่วงกังวลในเรื่องอาวาส หรือเรื่องที่พักอาศัย ซึ่งก็จะทำให้เราสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบายโดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ประดุจดั่งฝูงเนื้อที่ไม่ติดในที่อยู่อาศัยของตัวเองฉะนั้น
2. เพื่อขจัดความง่วงเหงาหาวนอนที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการปฏิบัติธรรม
3. ฝึกให้เราเป็นผู้ไม่คลุกคลีด้วยหมู่คณะ และมีความมักน้อย เป็นต้น
การพักอาศัยอยู่แต่ในป่าช้า
11. โสสานิกังคะ คือ ถือการอยู่ในป่าช้าเป็นวัตร หมายถึง เท่านั้น โดยพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างอุกฤษฏ์จะอยู่ในป่าช้าที่ประกอบพร้อมด้วยลักษณะ 3 อย่าง ดังต่อไปนี้คือ
1. มีการเผาศพอยู่เป็นประจำ
2. มีซากศพนอนทอดร่างอยู่เป็นปกติ
3. มีเสียงร้องไห้คร่ำครวญถึงบุคคลที่เสียชีวิตไปแล้วอยู่เนืองนิตย์
สำหรับพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างกลางสามารถจะอยู่ในป่าช้าที่มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งจากลักษณะทั้ง 3 อย่างดังกล่าวได้
ส่วนพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างเบาสามารถจะอยู่ในป่าช้าร้างซึ่งไม่ได้มีการเผาศพ, ฝังศพ หรือเอาศพมาทิ้งนานแล้วได้
พระธุดงค์จะได้เจริญมรณานุสสติหรือระลึกนึกถึงความตายอยู่เนืองนิตย์
สำหรับวัตถุประสงค์ของการถือธุดงควัตรข้อนี้นั้นก็เป็นไปเพื่อ
1. จะได้เจริญมรณานุสสติหรือระลึกนึกถึงความตายอยู่เนืองนิตย์ ซึ่งก็จะทำให้เราคลายจากความยึดมั่นถือมั่นและดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท พร้อมทั้งตั้งใจสั่งสมบุญสร้างบารมีให้เต็มที่เต็มกำลังยิ่งๆ ขึ้นไป
2. เพื่อขจัดกามราคะ หรือความกำหนัดยินดีในกาม
3. ฝึกให้เราเป็นผู้มีใจมั่นคง ไม่หวั่นหวั่น และปราศจากความสะดุ้งกลัว
4. ฝึกให้เราเป็นผู้มีความมักน้อย เป็นต้น
การพักอาศัยอยู่ในที่ที่เจ้าหน้าที่จัดให้โดยไม่เลือกว่าจะสะดวกสบาย
12. ยถาสันถะติกังคะ คือถือการอยู่ในเสนาสนะที่เขาจัดไว้ให้เป็นวัตรหมายถึง การพักอาศัยอยู่ในที่ที่เจ้าหน้าที่จัดให้โดยไม่เลือกว่าจะสะดวกสบาย หรือถูกใจตัวเองหรือไม่
ซึ่งพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างอุกฤษฏ์ จะไม่สอบถามถึงรายละเอียดของเสนาสนะ ที่เจ้าหน้าที่จัดให้ว่าเป็นอย่างไร เช่นอยู่ไกลหรือใกล้, ร้อนหรือหนาว หรือมีสัตว์อะไรมารบกวนหรือเปล่า เป็นต้น
ส่วนพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างกลาง สามารถที่จะสอบถามถึงรายละเอียดของเสนาสนะ ที่เจ้าหน้าที่จัดให้ได้ แต่จะไม่เดินไปตรวจดูเสนาสนะนั้นก่อนที่จะเข้าไปพักอาศัยอยู่เป็นอันขาด
สำหรับพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างเบา สามารถที่จะสอบถามรายละเอียดและเดินไปตรวจดูเสนาสนะที่เจ้าหน้าที่จัดให้ก่อนที่จะเข้าไปพักอาศัยอยู่ได้ และถ้าหากพบว่าเสนาสนะนั้นไม่เหมาะกับสุขภาพหรือโรคภัยไข้เจ็บที่ตัวเองเป็นอยู่ ก็สามารถที่จะขอเปลี่ยนเสนาสนะใหม่ได้
ฝึกให้เราเป็นผู้มีความสันโดษไม่ยึดติดในเสนาสนะและมีความมักน้อย
สำหรับวัตถุประสงค์ของการถือธุดงควัตรข้อนี้นั้นก็เป็นไปเพื่อ
1. ฝึกให้เราเป็นผู้มีความสันโดษ หรือมีความยินดีในเสนาสนะตามแต่ที่เจ้าหน้าที่จัดให้
2. ฝึกให้เราไม่ยึดติดในเสนาสนะ
3. ฝึกให้เราเป็นผู้มีความมักน้อย เป็นต้น
เนสัชชิกังคะ คือ ถือการนั่งเป็นวัตรได้แก่ ยืน เดิน นั่ง เท่านั้น
และข้อสุดท้าย 13. เนสัชชิกังคะ คือ ถือการนั่งเป็นวัตรหมายถึง การอยู่แต่ในอิริยาบถ 3 อย่าง ได้แก่ ยืน เดิน นั่ง เท่านั้น แต่จะไม่เอนตัวลงนอนเป็นอันขาด โดยพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างอุกฤษฏ์ จะไม่ใช้พนักพิง, ผ้ารัดเข่า และผ้ารัดตัวมาช่วยในการพยุงกายในยามที่ร่างกายต้องการจะพักผ่อนเป็นอันขาด
ส่วนพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างกลางสามารถที่จะใช้ของอย่างใดอย่างหนึ่งในของทั้ง 3 อย่างดังกล่าวมาช่วยในการพยุงกายในยามที่ร่างกายต้องการจะพักผ่อนได้
สำหรับพระภิกษุที่ถือปฏิบัติอย่างเบา สามารถที่จะใช้ของทั้ง 3 อย่างดังกล่าวได้ อีกทั้งยังสามารถที่จะใช้หมอนและเก้าอี้ที่มีพนักพิงหลังมาช่วยในการพยุงกายในยามที่ร่างกายต้องการจะพักผ่อนได้อีกด้วย
ขจัดความเพลิดเพลินในการหลับนอนทำให้เราสามารถเจริญสมาธิภาวนาได้อย่างเต็มที่
สำหรับวัตถุประสงค์ของการถือธุดงควัตรข้อนี้นั้นก็เป็นไปเพื่อ
1. ขจัดความเพลิดเพลินในการหลับนอน
2. ทำให้เราสามารถเจริญสมาธิภาวนาได้อย่างเต็มที่
3. ฝึกให้เราได้ปรารภความเพียรอย่างกลั่นกล้า
4. เพิ่มพูนนิสัยที่ดีงามที่มีอยู่ในตัวเราให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปเป็นต้น
พระภิกษุสามารถสมาทานธุดงค์ได้อย่างเต็มที่เท่าที่ตัวเองปรารถนา
สำหรับการสมาทานและถือธุดงควัตรของพระภิกษุทั้ง 13 ข้อนี้ จะไม่จำกัดด้วยระยะเวลา คือสามารถที่จะสมาทานและถือธุดงค์กี่วันก็ได้ ดังนั้น พระภิกษุจึงสามารถสมาทานธุดงค์ได้อย่างเต็มที่เท่าที่ตัวเองปรารถนา ซึ่งก็มีพระภิกษุบางรูปที่ตั้งใจสมาทานและถือธุดงควัตรตลอดชีวิต ซึ่งการถือธุดงควัตรนี้พระภิกษุในสมัยพุทธกาลจะนิยมถือปฏิบัติกันเป็นจำนวนมาก อีกทั้ง พระภิกษุแต่ละรูปก็ล้วนถือปฏิบัติธุดงค์กันได้อย่างดีเยี่ยม ยกตัวอย่างเช่น พระจักขุบาลเถระผู้ถือธุดงค์ทางด้านเนสัชชิกังคะคืออยู่แต่ในอิริยาบถ 3 อย่างเท่านั้น ได้แก่ ยืน เดิน นั่ง และจะไม่นอนนั่นเอง หรือพระมหากัสสปเถระผู้เป็นเลิศทางด้านการถือธุดงควัตรเป็นต้น
ส่วนว่า เรื่องราวของพระมหากัสสปเถระผู้เป็นเลิศทางด้านการถือธุดงควัตรจะมีรายละเอียดเป็นเช่นไรนั้นเราก็คงจะต้องมาติดตามกันต่อในตอนต่อไป
อานิสงส์การถือธุดงควัตร (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 1, ตอนที่ 2, ตอนที่ 4, ตอนที่ 5, ตอนที่ 6, ตอนที่ 7, ตอนที่ 8, ตอนที่ 9, ตอนที่ 10, ตอนที่ 11, ตอนที่ 12, ตอนที่ 13