ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556
ความประทับใจการเดินธุดงค์ธรรมชัย 
 
 
 
ตอน อดีตมือปราบ แบกกลด จรดธรรมะ ชนะมาร
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
 
 
 
กราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
         
        กระผมพระพิเศก คณสิริโก อายุ 48 ปี อดีตดาบตำรวจพิเศษสุดสมาร์ทมาดเท่ห์แห่งกองปราบปราม แต่ตอนนี้ผมได้ลาออกจากนักรบทางโลก แล้วมาเข้าประจำการเป็นนักรบทางธรรม อยู่ในกองพันเนื้อนาบุญนะครับ
 
พระพิเศก คณสิริโก อายุ 48 ปี
พระพิเศก คณสิริโก อายุ 48 ปี
 
        หลวงพ่อครับ ตั้งแต่ผมเป็นตำรวจมา 29 ปี ผมเหมือนหลงระเริงอยู่ในอบายทั้งสุรานารี และด้วยหน้าที่การทำงาน บางครั้งผมต้องถึงกับวิสามัญจัดส่งคนไปปรโลก หรือแค่การจับคนๆ หนึ่งเข้าคุกแล้วญาติเขาเป็นทุกข์ ผมว่าแม้จะทำถูกกฎหมาย แต่มันก็เป็นวิบากกรรมติดตามตัวเราไปแล้ว
 
        ผมเลยเริ่มรู้สึกปลงและคิดว่า ถึงเวลาที่ผมจะต้องบวชแล้ว แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี ผมก็เห็นว่าในเมื่อผมเป็นตำรวจรุ่นที่ 34 ถ้าอย่างนั้น อีก 34 เดือน ผมจะลาออกจากตำรวจแล้วมาบวชละกัน ผมจึงเริ่มขีดในปฏิทินนับถอยหลังมาเรื่อยๆ จนเหลืออีก 18 เดือน แต่หลวงพ่ออย่าหาว่าผมอย่างนู้นอย่างนี้เลยนะครับ เพราะในช่วงระหว่างนั้น ผมได้ฝันเห็นบุคคลที่ผมเคารพรักมากที่สุดถึง 3 ครั้ง ซึ่งบุคคลนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก “หลวงพ่อ” นั่นเอง ที่จริงผมอยากฝันเห็นหลวงพ่อทุกคืนแหล่ะครับ แต่มันบังคับไม่ได้ ในความฝันครั้งที่ 3 ผมได้บอกหลวงพ่อว่า “ผมบวชพรรษานี้ไม่ทันหรอกเพราะที่ขีดไว้ในปฏิทินนั้น มันเหลืออีก 18 เดือน” หลวงพ่อก็พูดมาประโยคหนึ่งที่ยังก้องอยู่ในหูของผมจนถึงทุกวันนี้ว่า “ทันซิลูก!” พอตื่นขึ้นมาผมคิดว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร ลูกสาวก็ยังเรียนหนังสือ ไหนจะค่าใช้จ่าย ค่าบ้านเอย ค่ารถเอย อะไรเอย แต่ผ่านมาแค่คืนเดียว ผมเอาความฝันนี้ไปพูดกับเพื่อนตำรวจรุ่นเดียวกัน เขาก็พูดมาทันทีว่า “เมื่อไหร่จะไปสักทีล่ะหลวงพี่ คือเพื่อนผมเรียกผมว่าหลวงพี่ตั้งแต่ก่อนบวชครับ” ซึ่งเพื่อนผมก็บอกให้ผมรีบไปบวชเลย แล้วจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ ตอนนั้นผมก็คิดว่า โอ้โห! อะไรมันจะง่ายปานนั้น อีก 18 เดือนจะบวช กับบวชตอนนี้ มันจะต่างอะไรกัน วันต่อมาผมจึงไปทำเรื่องลาออกจากตำรวจ แล้วก็มาบวชรุ่นบูชาธรรม 68 ปี พระเทพญาณมหามุนี ได้ทันในวันสุดท้ายก่อนปิดรับสมัครพอดี เหมือนที่ฝันไว้เป๊ะเลย!
 
        ในช่วงที่เริ่มเดินธุดงค์ ผมก็อธิษฐานกับหลวงปู่ขอให้เดินได้ครบทุกกิโลเมตร แต่หลวงพ่อเชื่อไหมครับ แค่วันแรก 23 กม. ผมก็รู้ซึ้งถึงคำว่า สายตัวแทบขาดว่าเป็นอย่างไร มันทั้งร้อนและปวดเท้าเอามากๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งใจของผมเต้นตึ้บๆ เหมือนจะเป็นลม ผมก็คิดทันทีเลยว่า ล้มเป็นล้ม ถ้าไม่ล้มตึงก็จะไม่ออกจากการเดินธุดงค์ ผมก็เลย “มองทาง” กับ “มองกลาง” แล้วก็เดินไปเรื่อยๆ จนเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ได้ยินแต่เสียงสาธุของญาติโยม ใจผมนิ่งมาก ทำอย่างนี้ไป 2-3 กิโลเมตร อาการเหล่านั้นหายไปจนเกลี้ยง และเหตุการณ์ก็ผ่านไปด้วยดี
 
        วันที่ผมประทับใจมากที่สุดในการเดินธุดงค์ คือ วันที่เดินเข้าวัดตาก้อง มันเริ่มล้าๆ ผมก็ตรึกระลึกว่า วันนี้จะเดินอย่างสงบเสงี่ยมสง่างาม ทุกย่างก้าวเป็นย่างแก้ว ให้สมกับที่หลวงพ่อต้องไปดึงกองพันเนื้อนาบุญออกมาจากกองกิเลส มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เราจะต้องเป็นต้นบุญต้นแบบ ผมจึงตั้งใจเดินน้อมเอาพระธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมกายของมหาปูชนียาจารย์ มาซ้อนสลับกันไปมา นึกวนอยู่อย่างนี้ แล้วก็เห็นองค์พระมาอยู่กลางตัวผม พอโยมไหว้แล้วกล่าว สาธุ สาธุ ในใจผมก็คิดว่าโยมสาธุมาเถิด เพราะโยมไม่ได้สาธุแค่หลวงพี่รูปเดียว แต่ยังมีองค์พระอยู่กลางท้องหลวงพี่ด้วย โยมสาธุโยมได้บุญมาก เพราะไม่รู้เป็นยังไง “วันนี้หลวงพี่ปลื้มจนขนาดอยากจะไหว้ตัวเอง” หลวงพ่อรู้ไหมครับ ผมว่าการเป็นพระยากกว่าเป็นตำรวจซะอีก เพราะการฝึกของตำรวจนั้น พอเดินตากแดดก็มีหมวก ไปยืนหลบได้ ถ้าป่วยก็นอนพักได้ แต่การฝึกของพระธุดงค์นั้น ยากยิ่งกว่า เพราะต้องเดินฝ่าเปลวแดด เพื่อจะได้เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาของญาติโยมว่า พระทำได้อย่างไร
 
        ส่วนวันที่ผมปลื้มมากที่สุด คือวันที่ได้กลับมาถึงวัดพระธรรมกาย ตอนจะเข้ากิโลเมตรที่ 446 ผมก็ยังยิ้มแย้มไม่คิดอะไร แต่พอเห็นป้าย 446 กม. เท่านั้นแหละครับ มันเหมือนกับว่า เราได้เดินมาทุกก้าวเลย เราทำได้ ทำให้ย้อนนึกไปว่า ถ้าวันที่ป่วยแล้วเราไม่สู้ ไม่ได้อธิษฐานจิตกับหลวงปู่ ไม่เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ก็คงไม่มีวันนี้ พอก้าวบนกลีบดอกดาวรวยหนาๆ มันก็ยิ่งปลื้มจนน้ำตาคลอ อายโยมไม่รู้จะทำอย่างไร เลยหยิบทิชชู่ขึ้นมาทำทีเป็นเช็ดเหงื่อ แต่จริงๆ แล้วแอบซับน้ำตาครับ
 
        และที่ผมเดินมาถึงจุดหมายปลายทางอย่างนี้ได้ก็เพราะ กำลังใจจากการฟังฝันในฝันคุณครูไม่ใหญ่ทุกคืน และยังได้เห็นสกู๊ปชาวบ้านน้ำตาไหล ก็ปลื้มล้นปลื้ม ตอนนี้ผมเลยรู้สึกว่า โลกเคยลวงให้ผมหลงทาง แต่ได้กลับมาทางสายกลางพ้นทุกข์ รู้อย่างนี้ผมน่าจะมาบวชตั้งนานแล้ว ถ้าอยู่ในทางโลก ผมจะเหลืออายุราชการอีก 12 ปีก่อนเกษียณ แต่ตอนนี้ผมขอเปลี่ยนเป็น 12 พรรษานะครับ ผมขอเอาบุญทุกบุญที่ได้เดินธุดงค์ทุกวัน ทุกกิโลเมตร ทุกย่างก้าวที่เป็นย่างแก้ว น้อมถวายคุณครูไม่ใหญ่ให้สุขภาพแข็งแรง เดินเหินได้คล่องแคล่วเหมือนอายุ 20 ปี และขอมอบบุญนี้ให้กับนักเรียนอนุบาลทั่วโลกที่ทั้งปลูก ทั้งปลิด ทั้งโปรยดาวรวย ให้ได้บุญเท่าๆกันทุกท่านเลยนะครับ
 
พระพิเศก คณสิริโก ในท่า Peace Position
พระพิเศก คณสิริโก ในท่า Peace Position
 
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/latest_update/20130206-ความประทับใจการเดินธุดงค์ธรรมชัย_LEFT.html
เมื่อ 3 กรกฎาคม 2567 17:20
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv